หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

“SYS” เหล็กไทย หัวใจกรีน พร้อมรับมาตรการ CBAM

ร่วมประกาศเจตนารมณ์กับจุฬาฯและองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS เหล็กดีที่คุณไว้ใจ เหล็กไทยหัวใจกรีน เดินหน้ารับมือมาตรการ CBAM ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน ผนึก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และกลุ่มโรงงานนำร่อง ร่วมผลักดันโครงการ “การเตรียมความพร้อมสินค้าส่งออกสหภาพยุโรปเพื่อรับมือกับมาตรการ CBAM” เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยด้วยแพลตฟอร์มการประเมินค่า Embedded Emission

นายฉัตรภพ พรธรรม  ผู้จัดการฝ่ายบริหารความยั่งยืน บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการประกาศเรื่องมาตรการ CBAM มานั้น ทาง SYS ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตสินค้าที่จะส่งออกไปยังยุโรปให้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรการ CBAM ซึ่งการได้เข้าร่วมในโครงการ “การเตรียมความพร้อมสินค้าส่งออกสหภาพยุโรปเพื่อรับมือมาตรการ CBAM” ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีเพราะจะเป็นการทวนสอบถึงสิ่งที่ SYS ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ว่ามีความเข้าใจถูกต้องหรือไม่ และการดำเนินการโครงการนี้ จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมไทยในการส่งสินค้าไปจำหน่ายยังภาคพื้นยุโรป ถือเป็นการติดอาวุธและความพร้อมที่ดีให้กับผู้ประกอบการ

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวได้อย่างแท้จริง ด้วยการผลิตวัสดุก่อสร้างที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Economy) ที่มุ่งหน้าสู่ Green Ecosystem ที่จะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวได้ในที่สุด ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของ SYS นั้น ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดูแลชุมชนรอบข้างเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท อีกทั้งยังปลูกจิตสำนึกให้กับพนักงาน SYS ทุกคนให้มีความมุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทั้งแนวคิดเรื่องการรักษ์โลก ลดการสร้างขยะด้วยแนวคิด 3R  แนวคิด Circular Economy หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการนำวัตถุดิบกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่อุตสาหกรรมการก่อสร้างไร้คาร์บอน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ SYS นอกจากจะได้คุณภาพมาตรฐานแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองมาตรฐานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด

“ในส่วนของ SYS เองนั้น ได้มีการส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ยุโรปมานานแล้ว แม้ปัจจุบันมีคู่แข่งหลายรายที่เข้ามาแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาด แต่คุณภาพเหล็กของ SYS นั้นมีความได้เปรียบกว่าเพราะมี carbon emission footprint ที่ต่ำกว่า อีกทั้งโครงการความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเพิ่มศักยภาพในการส่งสินค้าไปจำหน่ายยุโรปได้มากขึ้นอีกด้วย” นายฉัตรภพกล่าว

ในงานนี้ นอกจากการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และผู้ประกอบการโรงงานนำร่องที่อยู่ในกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ กระแสไฟฟ้า ปุ๋ย อลูมิเนียม กระดาษ เซรามิก  แก้ว พลาสติก ไฮโดรเจน และเคมีภัณฑ์ รวม 16 องค์กร แล้ว ผู้ประกอบการยังได้ทดลองใช้แพลตฟอร์มการประเมินค่า Embedded Emission ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประเมินและใช้ประกอบการรายงานให้กับสหภาพยุโรป รวมถึงร่วมฟังการบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้แก่ ผศ.ดร.วรพจน์ กนกกันฑพงษ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายปฐม ชัยพฤกษทล ผู้จัดการอาวุโส สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกันบรรยาย “แนะนำโครงการเตรียมความพร้อมสินค้าส่งออกสหภาพยุโรปเพื่อรับมือกับมาตรการ CBAM” และ “มาตรการการปล่อยคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป” นอกจากนี้ยังมี  ดร.พรทิพย์ วงศ์สุโชโต บริษัท ทรี โมเม้นส์ จำกัด บรรยาย “แนวทางการประเมินและรายงานค่า Embedded Emission”  และดร.แพรวพกุล ศิลธรรม บริษัท ทรี โมเม้นส์ จำกัด  บรรยาย “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์และการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์”

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

Power Work ชี้ตลาดอีวีไทยคึกคัก ล่าสุดปิดดีลแบรนด์เกาหลียักษ์ใหญ่ “ไอออนิค 5” จาก “ฮุนได” 

กางโรดแมป 1 ปี ปักหมุดผู้นำ EV Charger ไทยมาตรฐานสากล

เพาว์เวอร์ เวิร์ค (Power Work) สตาร์ทอัพผู้จัดจำหน่ายอีวีชาร์จเจอร์ในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Wallbox เผยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดการจดทะเบียนรถอีวีมีจำนวนมากกว่า 31,515 คัน เติบโตขึ้น 229% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลตลาดรถอีวีไทยคึกคัก สบช่องคว้าดีลความร่วมมือกับ ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการติดตั้ง Wallbox EV Charger กับลูกค้าที่เลือกใช้ ไอออนิค 5 (IONIQ 5) รถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก ฮุนได ตอบเทรนด์พลังงานสะอาดมาแรง ตั้งเป้าส่งมอบ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2568 พร้อมกางโรดแมป 1 ปี เล็งสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมอีวี ปักหมุดดัน เพาว์เวอร์ เวิร์ค ทะยานสู่ผู้นำ EV Charger ไทยมาตรฐานสากล

นายคมสิทธิ์ แสงมณี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เพาว์เวอร์ เวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอีวีในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งจากแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศ หรือนโยบาย 30@30 ที่มีการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 และการส่งเสริมจากภาครัฐให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมถึงเตรียมความพร้อมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้ารอบด้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าให้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลยอดจองรถอีวีพุ่ง โดยข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) พบว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดการจดทะเบียนรถอีวีมีจำนวนมากกว่า 31,515 คัน เติบโตขึ้น 229% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

Power Work (เพาว์เวอร์ เวิร์ค) เป็นบริษัทสตาร์ทอัพให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ภายใต้ แบรนด์ Wallbox มุ่งดำเนินธุรกิจทางด้านพลังงาน ให้บริการลูกค้าด้วยทีมงานที่มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมทั้งให้บริการติดตั้งครอบคลุมทุกวงจร ด้วยการเล็งเห็นเทรนด์ทางด้านพลังงานสะอาด และการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีความตั้งใจที่จะผลักดันโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยล่าสุด ได้ร่วมมือกับ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการติดตั้ง Wallbox EV Charger รุ่น Pulsar Plus ที่มีขนาดกระทัดรัด และมีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม เป็นระบบชาร์จแบบ AC Charger ให้กำลังไฟถึง 7.4 kW รองรับการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทุกขนาด ให้กับลูกค้าที่เลือกใช้ ไอออนิค 5 (IONIQ 5) รถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก ฮุนได โดยบริการครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยที่เชื่อมั่นได้ตลอดการใช้งาน ตั้งเป้าส่งมอบ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2568” นายคมสิทธิ์ กล่าว

นายคมสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า Power Work มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในการสร้างความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยความเชื่อว่ายานยนต์ไฟฟ้าจะไม่เป็นเพียงตัวเลือกของผู้บริโภคเท่านั้น แต่จะเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ที่มีความสำคัญในการเดินทางสำหรับองค์กรธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศในอนาคต ภายใต้เป้าหมายของการพัฒนาให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ Power Work ยังมีพันธมิตรคู่ค้า ที่สำคัญ เช่น อาวดี้ ประเทศไทย (Audi Thailand) ติดตั้ง EV Charger ให้กับผู้ใช้รถอีวีของ Audi ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา

นอกเหนือจากนี้ Power Work วางโรดแมปในอีก 2 ปีข้างหน้า ในการก้าวเป็นผู้นำ EV Charger ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก นำเสนอสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล โดดเด่นทั้งคุณภาพและรูปลักษณ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและรองรับการเติบโตที่รวดเร็วของตลาดอีวี โดยเริ่มจากกลุ่มธุรกิจเครื่องชาร์จรถยนต์อีวี ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายของ Wallbox EV Charger เพิ่มขึ้น 5 เท่า สอดคล้องกับความต้องการในตลาดที่มีสัดส่วนการใช้รถอีวีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยในระยะยาว Power Work มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาด EV Charger และเป็น Top of Mind ของกลุ่มลูกค้าธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงมีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมอีวี

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox https://powerwork.co.th/ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wallbox EV Charger ได้ที่ Line OA: @powerwork

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

PTG ผนึก “ไทยไพบูลย์” รุกธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมูลค่ารวมประมาณ 400 ลบ. สัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33%

รองรับแผน 5 ปี ขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ด้าน Renewable Energy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไทยไพบูลย์ฯ ในครั้งแรกสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% คิดเป็นมูลค่าลงทุนไม่เกิน 103 ล้านบาท ซึ่งในอนาคต PTG จะมีสิทธิเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไทยไพบูลย์ฯ เพื่อถือหุ้นในสัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณการตลอดโครงการทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของไทยไพบูลย์ เพื่อขยายการลงทุนธุรกิจบริหารจัดการขยะและผลิตเชื้อเพลิงขยะรวมถึงรองรับแผนธุรกิจ 5 ปีเพื่อขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ด้าน Renewable Energy ให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริม
และผลักดันให้เกิดการสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ
ได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์จำกัด
ในการดำเนินธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) เพื่อสนับสนุนแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ
ที่ต้องการขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโตในอนาคต โดยธุรกิจ
Renewable Energy เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่ PTG ตั้งเป้าที่จะเข้าลงทุน
เพื่อให้ธุรกิจ Renewable Energy เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงต่อยอดและขยายธุรกิจจากที่ PTG
ได้เข้าสู่ธุรกิจบริหารและจัดการขยะในปี 2565 โดยเป็นคู่สัญญากับเทศบาลเมืองบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำหรับการก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน รวมถึงมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 4.5 MW
“บริษัทฯ เล็งเห็นว่าการร่วมกับไทยไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชน อย่างครบวงจร และผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) สำหรับทดแทนเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming) ไทยไพบูลย์มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) โดยทีมผู้บริหารมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน
ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่อยากเห็นชุมชนและคนในสังคมมีชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข จากการบริหารจัดการขยะได้อย่างถูกวิธี
ส่งผลให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้มีความเป็นอยู่อย่างถูกสุขลักษณะ
และเป็นช่องทางการเติบโตในอนาคตจากการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น เช่น
ธุรกิจบริหารจัดการขยะรีไซเคิล และธุรกิจคาร์บอนเครดิตได้ ” นายพิทักษ์
กล่าว
ด้านนายไพบูลย์ คุ้มคำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยไพบูลย์
อีควิปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ PTG ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้นำด้านบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรของประเทศ เพื่อร่วมกันผลักดันและส่งเสริมการจัดการขยะ ที่สำคัญคือ มีความมุ่งมั่นเดียวกันในการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้จะถือเป็นองค์กรต้นแบบที่ช่วยผลักดันให้เกิดการจัดการ และสนับสนุน
สร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วนในการแยกขยะใช้แล้วอย่างจริงจังและมี
ประสิทธิภาพ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ส่งผลดีต่อสังคม
สิ่งแวดล้อมและโลกได้ในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด อยู่ในกลุ่มผู้นำในการประกอบธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชน ขยะฝังกลบอย่างครบวงจร และผลิตเชื้อเพลิงขยะ โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ผลิตติดตั้งระบบคัดแยกขยะ การบริหารจัดการบ่อขยะ การผลิตและจำหน่ายขยะเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF)
รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการบริหารจัดการข
ยะที่มีประสบการณ์มากว่า 21 ปี นอกจากนี้ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกด้านพลังงานสะอาด การรักษาสิ่งแวดล้อม และการนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ธุรกิจได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ รวมถึงมีความต้องการเกิดขึ้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ปริมาณขยะมูลฝอยที่ยังไม่ได้รับการกำจัดยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณประชากรภายในประเทศ นักท่องเที่ยวต่างประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัท ณ ปัจจุบัน
มีรายได้ต่อปีกว่า 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งรายได้หลักมาจากการขายเชื้อเพลิงขยะ (RDF)
และจากการบริหารจัดการขยะ

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เกียรติธนา ขนส่ง รับมือ 7 วันอันตราย ด้วยเทคโนโลยีป้องกันการหลับใน Guardian System

·       ควบคุม แจ้งเตือน และระงับเหตุด้วยเทคโนโลยี  AI

·       Fleet ชั้นนำของประเทศ ใช้ Guardian System ควบคุมกองรถขนส่ง

บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง และเป็นผู้แทนจำหน่ายระบบเทคโนโลยีป้องกันการหลับในและการละสายตาขณะขับขี่ Guardian System แต่ผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพจราจรหนาแน่นช่วงเทศกาลปีใหม่หรือ 7 วันอันตรายด้วย Guardian System ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารกองรถบรรทุกมาอย่างต่อเนื่อง

นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง เปิดเผยว่าจากการแนะนำ Guardian System ในตลาดมาเป็นระยะเวลา 7 ปี และได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด โดยเฉพาะผู้บริหารกองรถบรรทุก ทั้งนี้เพราะระบบนี้ สามารถช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบรรทุกบนท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ระบบนี้กลายเป็นมาตรฐานที่ผู้บริหารกองรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกองรถบรรทุกวัตถุอันตราย ได้นำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสเป็คการจัดซื้อหรือจัดจ้างกองรถบรรทุก ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ได้กำหนดให้มีการติดตั้งระบบที่มีลักษณะเดียวกันกับ Guardian System ในรถบรรทุกขนาดใหญ่” นายเมฆ กล่าว

ภายใต้การทำงานของ Guardian System เราจะดำเนินการติดตั้งระบบที่เป็น Hardware ในรถบรรทุกพร้อมติดตั้งระบบ Software เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถแบบ Realtime ได้แก่การใช้โทรศัพท์มือถือ การละสายตาจากเส้นทางหรือแม้กระทั่งการหลับในที่ระบบจะมีการสแกนม่านตาเพื่อประเมินความพร้อมของพนักงานขับรถตลอดเวลาและรายงานเข้าศูนย์สั่งการตลอด 24 ชั่วโมงแบบ Realtime ซึ่งการประเมินผลของระบบเป็นไปอย่างแม่นยำด้วยระบบการรวบรวมข้อมูลและประเมินผลของระบบ Artificial Intelligent หรือ AI

นายเมฆกล่าวว่าปัจจุบันมีรถบรรทุกที่ติดตั้ง Guardian System ไปแล้วมากกว่า 2,500 คัน โดยมีบริษัทชั้นนำที่นำ Guardian System ไปใช้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ PTTOR , Air Liquide , MK Restaurant เป็นต้น

นายเมฆกล่าวถึงข้อมูลที่ถูกบันทึกในระบบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566 พบว่าระบบได้ตรวจจับและเตือนพนักงานขับรถมากถึง 87,621 ครั้ง จนทำให้สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนได้ โดยจำนวนดังกล่าวแบ่งออกเป็นอาการหลับใน 9,971 ครั้ง การละสายตาจากเส้นทาง 66,450 ครั้ง และการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ 11,200 ครั้ง

“ทุกครั้งที่ระบบจับได้ว่าพนักงานขับรถคนใดมีอาการง่วงจนไปสู่การหลับใน จะมีการแจ้งเตือน โดยหากยังไม่ดีขึ้น ศูนย์บัญชาการจะสั่งคนขับให้หาที่ปลอดภัยและจอดรถเพื่อให้รอพนักงานขับรถคนใหม่ไปรับหน้าที่แทน ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถป้องกันได้จริง แต่ในหลายครั้ง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นอุบัติเหตุที่เกิดจากคู่กรณีขับรถด้วยความประมาท หรือไม่อยู่ในสภาพพร้อมขับรถ เป็นต้น” นายเมฆ กล่าว

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ชี้แจงกรณีมีผู้บริโภคร้องเรียนว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้เข้ามาใช้บริการที่สาขาบางแก้ว จังหวัดพัทลุง  โดยเติมน้ำมัน E20 กรอกถัง  จำนวน 6,000 บาท 181 ลิตร เพื่อนำไปใส่ในตู้น้ำมันหยอดเหรียญของลูกค้าเอง โดยนำแกลอนมาบรรจุงเอง และวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ช่วงเช้าลูกค้าได้มีการโพสลงโซเชียลเฟสบุ๊คว่ามีน้ำปนเปื้อนในถังน้ำมันที่ซื้อไป ซึ่งทางสาขา ผู้จัดการ และพนักงานไม่ได้รับการแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากทางลูกค้าในวันที่ลูกค้ามาซื้อน้ำมันแต่อย่างใด

ทั้งนี้พีทีจีได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในทันที เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการและผู้บริโภค ซึ่งผลจากการตรวจสอบวัดหลุมตามกระบวนการควบคุมคุณภาพน้ำมัน สรุปได้ดังนี้

ผลออกมาได้ตามเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด และไม่มีลูกค้ารายใดเข้ามาร้องเรียนหรือมีรถเสียหาย ซึ่งในวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม  2566  ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอีกครั้ง ยังยืนยันผลเป็นปกติตามเกณฑ์ และในวันเดียวกันเวลาประมาณ 15.00 น  ทางสำนักงานพลังงานจังหวัดพัทลุง ได้ส่งวิศวกรชำนาญการเข้ามาพร้อมกับผู้สื่อข่าว และได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันตามขั้นตอนของราชการ ซึ่งผลที่ออกมายังคงเป็นปกติ

พีทีจี มุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าให้ได้รับการบริการที่ดี และได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สุด ด้วยมาตรฐานการรับรอง ต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งบริษัทมีฝ่ายตรวจสอบคุณภาพน้ำมันที่ออกตรวจสถานีบริการน้ำมันพีทีทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการและผู้บริโภค ขอให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำมันของพีทีจี

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

‘มิชลิน’ ปรับโฉมสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค

ชูแนวคิด ACTIVITY-BASED WORKING

ตอบโจทย์การทำงานแบบไดนามิกเพื่อพนักงานทุกคน


  • นำเสนอภาพลักษณ์ออฟฟิศยุคใหม่แห่งอนาคต ลบภาพจำของบริษัทแนวอุตสาหกรรม ก้าวเข้าสู่ออฟฟิศยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
  • สร้างพื้นที่ทำงานในรูปแบบ Dynamic Workplace ภายใต้คอนเซ็ปท์ Activity-based Working รองรับการทำงานที่ยืดหยุ่นโดยกำหนดผู้คนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
  • ช่วยยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิผลมากขึ้นจากความสะดวกในการเคลื่อนย้าย (Move), เชื่อมต่อ (Connect), และทำงานร่วมกัน (Collaborate)

‘มิชลิน’ ผู้นำระดับโลกด้านยางล้อและการสัญจรอย่างยั่งยืน เผยโฉมสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและโอเชียเนียหลังเสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ นำเสนอภาพลักษณ์ออฟฟิศยุคใหม่แห่งอนาคต ลบภาพจำของบริษัทแนวอุตสาหกรรม ก้าวเข้าสู่ออฟฟิศยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ สร้างพื้นที่ทำงานในรูปแบบ Dynamic Workplace ภายใต้คอนเซ็ปท์ Activity-based Working ทั้งยังกำหนดให้พนักงานเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วมในการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานทุกคนให้ทำงานอย่างคล่องแคล่วและมีความสุขในทุกๆ มิติ การวางผังรูปแบบใหม่ยังทำให้บริษัทใช้งานพื้นที่อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เลือกใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนของมิชลินได้อย่างโดดเด่น และก้าวสู่การเป็นสำนักงานแนวคิดล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคเอเชีย

มานูเอล ฟาเฟียง (Manuel Fafian), ประธานกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย กล่าวว่า “มิชลินมุ่งมั่นดำเนินงานบนแนวคิดด้านความยั่งยืนทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมทั้งในเรื่องผู้คน (People) การสร้างผลกำไรของบริษัท (Profit) และการอนุรักษ์โลก (Planet) ด้วยเหตุนี้ การปรับปรุงสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในกรุงเทพฯ จึงให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอันดับแรก โดยออกแบบพื้นที่ให้รองรับการทำงานที่หลากหลายรูปแบบ (Activity-based Working) ซึ่งเกิดจากการระดมความคิดและออกแบบตามความต้องการของบุคลากรทุกแผนก โดยพนักงานทุกคนสามารถเลือกที่นั่งทำงานในแต่ละวันให้สอดคล้องกับกิจกรรมได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานเพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยยกระดับการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้พนักงานมีประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้นจากความสะดวกในการเคลื่อนย้าย (Move), เชื่อมต่อ (Connect), และทำงานร่วมกัน (Collaborate) ตลอดทั้งวัน  นอกจากนี้ วัสดุก่อสร้างยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนมาตรฐานขั้นสูง เพื่อให้สำนักงานใหม่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของบริษัทฯ ได้ในทุกมิติอย่างสมบูรณ์”

การปรับเปลี่ยนพื้นที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบสำนักงานรูปลักษณ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสู่แนวทางการทำงานใหม่ภายใต้ 3 แนวคิดหลักคือ Agility • Flexibility • Unity โดย “Agility” สื่อถึงความคล่องตัวฉับไวในการทำงาน และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ “Flexibility” เน้นความยืดหยุ่นของพื้นที่ทำงานที่รองรับทุกกิจกรรมของแต่ละทีมงานได้อย่างดีเยี่ยม และ “Unity” ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์โดยเฉพาะการเลือกที่นั่งแบบอิสระนั้น ช่วยให้ผู้คนจากต่างแผนก รวมถึงผู้บริหารและพนักงาน มีการพบปะและติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้นทั่วทั้งองค์กร

กระบวนการออกแบบสำนักงานใหม่นี้เริ่มขึ้นจากการสัมภาษณ์เชิงลึกในกลุ่มผู้บริหารเพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต พร้อมด้วยการสำรวจความคิดเห็นพนักงาน รวมถึงการใช้ข้อมูลอ้างอิงจากสำนักงานของมิชลินหลายแห่งทั่วโลก เพื่อให้สำนักงานใหม่ในกรุงเทพฯ สะท้อน DNA ของแบรนด์มิชลินบนมาตรฐานระดับโลก จึงทำให้กระบวนการก่อสร้างทั้งหมดใช้เวลากว่า 1 ปีครึ่ง ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมาก เพราะการวางผังอย่างมีประสิทธิภาพยังทำให้มิชลินสามารถลดขนาดพื้นที่สำนักงานลงจากเดิม 5,484 ตร.ม. เหลือเพียง 3,976 ตร.ม. แต่กลับให้ความรู้สึกกว้างขวางโปร่งสบายมากกว่าเดิม และที่สำคัญยังสามารถเพิ่มพื้นที่เพื่อการทำงานร่วมกัน (Collaboration Zones) ได้มากขึ้นเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว

อณุ ศรีธาร (Anu Sridhar), ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย กล่าวว่า “การทำงานรูปแบบใหม่ของเราจะเป็นเรื่องของความหลากหลายและการแบ่งปัน (Diversity & Share) สิ่งสำคัญคือการปรับตัวของพนักงานจาก ‘พื้นที่ทำงานของฉัน (Me)’ สู่การเป็น ‘พื้นที่ของเราทุกคน (We)’ เพราะมิชลินเชื่อในการเชื่อมโยงกันทางสังคม (Social Connection) เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แนวคิดสำนักงานใหม่นี้จะเอื้อให้พนักงานมีความคล่องตัวสูงและยังคงความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมเรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม (Diversity & Inclusion) ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”  

เมื่อพนักงานมิชลินก้าวเข้าสู่พื้นที่สำนักงานใหม่นี้ ประสบการณ์แรกที่จะได้สัมผัสคือบรรยากาศแบบคาเฟ่ที่ผ่อนคลาย สามารถนั่งดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหารว่างเบา ๆ ก่อนเข้าไปเริ่มงาน ซึ่งโซนทำงานของบริษัทมีการตกแต่งที่แตกต่างกันนับสิบรูปแบบ และแม้พื้นที่สำนักงานจะเน้นความยืดหยุ่นและการเชื่อมโยงของพนักงาน หากยังคำนึงถึงระดับความเป็นส่วนตัวสำหรับงานบางประเภท โดยแบ่งโซนทำงานเป็น 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่ Social, Interactive และ Focus ซึ่งจะมีข้อกำหนดการการใช้เสียงที่แตกต่างกันเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของเพื่อนร่วมงานคนอื่น

ภายในออฟฟิศยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ครบครัน ทั้งสตูดิโอสำหรับการถ่ายทอดสด ตู้โทรศัพท์ส่วนตัว ล็อกเกอร์พนักงาน ห้องกิจกรรมสันทนาการ ห้องพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีห้องเก็บน้ำนมสำหรับคุณแม่ รวมถึง Coffee Garden และฟังก์ชันรูมต่าง ๆ อีกมากมายที่ทำให้สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของมิชลินแห่งนี้ เป็นสำนักงานยุคใหม่ที่ถูกออกแบบโดยให้ความสำคัญกับผู้คนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง

บริษัท pbm ทีมงานออกแบบ กล่าวว่า “การออกแบบส่วนฟังก์ชันต่าง ๆ ต่อยอดจากแนวคิดธุรกิจของมิชลิน นั่นคือ With Tire / Around Tire / Beyond Tire โดยในส่วน Reception area เราใช้คอนเซ็ปต์ “Beyond Tire” มาประยุกต์สร้างสเปซแบบวงกลม ถอดความหมายมาจากยางของมิชลิน เสริมด้วยเส้นสายที่วนเวียนและแตกแขนงไปทั่วพื้นที่ เน้นโทนสีขาวมันเงาเพื่อแสดงถึงนวัตกรรม เสริมด้วยแนวแสงไฟที่เปรียบเหมือนเส้นทางที่วิ่งไปทั่วออฟฟิศ สำหรับโซนทำงาน Co-working Space และ Canteen นำเสนอความหลากหลายเหมือนแนวคิด “Around Tire” โดยแทรกโทนสี CI ของมิชลินเพื่อให้บรรยากาศการทำงานดู active และ lively ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนคาเฟ่ที่แบ่งออกเป็น 3 ธีมแสดงถึงเส้นทางการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการเดินทางและการผจญภัยของพนักงานในทุก ๆ วัน ซึ่งส่วนพื้นที่ทำงาน เราใช้แนวคิด “With  Tire” ที่เป็นเสมือนรากฐานและจุดเริ่มต้นของมิชลินอย่างชัดเจนผ่านโทนสี CI แต่ขณะเดียวกันก็สอดแทรกสีไม้อ่อน ๆ เพื่อย้ำถึงความยั่งยืนที่มิชลีนให้ความสำคัญสูงสุด”

ปัจจุบัน มิชลินดำเนินงานในธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ยางล้อ (Tires), การบริการและโซลูชันที่เกี่ยวกับยางล้อ (Services & Solutions), ประสบการณ์ด้านการเดินทาง (Mobility Experiences), และวัสดุไฮเทค (Hi-tech Materials) ดำเนินงานบนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนแบบบูรณาการทั้งในแง่ผู้คน (People), ผลกำไรของบริษัท (Profit), และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Planet) การลงทุนปรับปรุงสำนักงานครั้งใหญ่นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยกระดับประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งสำคัญเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจร (Global Mobility Company) อย่างครบวงจรที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรมบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนต่อไปอย่างมั่นคง

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เมอรเซเดส-เบนซ์ ปิดท้ายปีด้วยแคมเปญ “New Year Special Thanks”มอบสิทธิพิเศษด้านบริการหลังการขายที่ครอบคลุมถึงปี 2567

ในช่วงท้ายปี นอกเหนือจากแคมเปญส่งเสริมการขายในงาน Motor Expo 2023 ที่เต็มไปด้วยข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าปัจจุบันที่ใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น ด้วยการมอบแพ็คเกจการดูแลและการบริการหลังการขายที่เปรียบเสมือนของขวัญพิเศษแทนคำขอบคุณ ผ่านแคมเปญ “New Year Special Thanks” ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี 2566 พร้อมดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในรายการที่กำหนดตลอดปี 2567 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สิทธิพิเศษที่ 1: รับฟรี น้ำมันเครื่อง MB Oil ตลอดปี 2567*

สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น ทุกช่วงอายุของรถยนต์ (รวมถึงรถยนต์ Van)
เมื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ
ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 และมียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป* (เฉพาะค่าสินค้า ค่าอะไหล่และค่าแรง ก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม)

สิทธิพิเศษที่ 2: รับฟรี Oil Filter ตลอดปี 2567*
เฉพาะลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C-Class (204, 205) และ รุ่น E-Class (207, 212) เท่านั้น เมื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 และมียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป* (เฉพาะค่าสินค้า ค่าอะไหล่และค่าแรง ก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม) รับเพิ่มฟรี Oil Filter ตลอดปี 2567*

สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services
/special-offers.html
 และนัดหมายเข้ารับบริการออนไลน์ได้ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services/online-appointment-booking.html  

ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

** บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จากผู้จำหน่ายฯอย่างเป็นทางการเท่านั้น

#NewYearSpecialThanks #MercedesBenzThailand #MBThAfterSales #MBServiceCampaign

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

ต.สยาม ยกทัพยาง TOYO TIRES บุก Motor Expo 2023เปิดตัว “Toyo Proxes Sport 2” ยางสปอร์ตอัลตร้าพรีเมี่ยม ครั้งแรกในไทย

บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยาง Toyo Tires , Nitto Tire และศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร “กริพ” ยกทัพยาง Toyo Tires และ Nitto Tire เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมเปิดตัว ยางสปอร์ตอัลตร้าพรีเมี่ยม “Proxes Sport 2” รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Toyo Tires ภายในงานนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยภายในงาน ทางบริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ Toyo Tires และ Nitto Tire ทั้งในส่วนสำหรับรถยนต์โดยสารทั่วไป รถกระบะ รถ SUV รวมถึงรถตู้

มาร่วมจัดแสดง พร้อมกิจกรรมต่าง ๆ ในบูธ โดยไฮไลต์สำคัญ คือการเปิดตัวยางรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล PROXES ของ Toyo Tires ในรุ่น “Proxes Sport 2” ยาง Generation 2 จาก Proxes Sport ที่เป็นยางสปอร์ตที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากผู้ขับขี่ โดยในส่วนของ
“Proxes Sport 2” นี้นับได้ว่าเป็นยาง สปอร์ต อัลตร้าพรีเมี่ยม
ที่ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน และการควบคุมทั้งในถนนแห้งและเปียกแบบยางสปอร์ต พร้อมส่วนผสมเนื้อยางคอมพาว์ดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เนื้อยางและหน้ายางสัมผัสแนบแน่นกับพื้นถนน เสริมสมรรถนะการ ขับขี่ และประสิทธิภาพการเบรกได้เป็นอย่างดีเยี่ยมนุ่มสบายยิ่งขึ้นตลอดการเดินทางด้วยการออกแบบโครงสร้างยางและแก้มยางที่แข็
งแกร่งแต่นุ่มนวล ช่วยลดอาการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนขณะขับขี่ได้เป็นอย่างดี


นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้
เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพ รวมถึงคุณภาพและมาตรฐานของสินค้ายางรถยนต์ที่ทางบริษัทฯ

ได้นำเข้ามาจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Toyo tires หรือ Nitto Tire
ซึ่งสินค้าที่ทางบริษัทฯ ได้นำเข้ามาจำหน่ายทุกรุ่นนั้นทางบริษัทฯ
ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการและเหมาะสมกับการขับขี่บนท้องถนนในประเทศไทยมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทย
ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อความปลอดภัยทุกการเดินทางไปทุกจุดหมายไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน การท่องเที่ยวและการเดินทางทั้งในรูปแบบออฟโรด หรือรวมถึงรถตู้โดยสารไฮเอนด์สำหรับครอบครัวรุ่นต่าง ๆ และสำหรับในงาน Motor Expo 2023 นี้ทางบริษัทฯ จึงได้ทำการเปิดตัวพร้อมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “Toyo Proxes Sport 2” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสถึงการออกแบบดอกยาง โครงสร้างยาง รวมทั้งความพิถีพิถันและความใส่ใจในวัตถุดิบ และเทคโนโลยี พร้อมด้วยมาตรฐานในการผลิต สำหรับยางรุ่นดังกล่าว ที่จะมาทำตลาดและวางจัดจำหน่ายในช่วง Q1 ปี 2567 นี้
สำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่ท้าทาย เร้าใจ แต่ยังคงต้องการความนุ่ม เงียบ และปลอดภัยตลอดการเดินทาง โดยสำหรับยาง “Toyo Proxes Sport 2” นี้ จะมีการเริ่มนำเข้ามาจัดจำหน่ายโดยมีขนาดเริ่มต้นสำหรับล้อขนาด 18 นิ้วเป็นต้นไป รวมกว่า 79 ขนาด และมีราคาเริ่มต้นเพียง 6,100 บาท / เส้น ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายที่ ศูนย์บริการยางรถยนต์ “กริพ” และ
ตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์อย่างเป็นทางการของบริษัทฯ ทั่วประเทศกว่า 350 ร้านค้า ใน Q1 ปี 2567 นี้

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

Lamina Films ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคยานยนต์ยุคใหม่ส่ง Lamina Power Sunroofฟิล์มกรองแสงที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับการติดตั้งให้ซันรูฟโดยเฉพาะด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งด้านการกันความร้อนแข็งแกร่งและทนทาน พร้อมขยายไลน์ฟิล์มกรองแสงดิจิทัลบูสต์เพิ่ม 4ซีรีส์ ครอบคลุมความต้องการลูกค้ารอบด้านอัดแคมเปญพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ปีนี้

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล
(เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร
“ลามิน่า” ฟิล์มกลุ่มพิเศษคุณภาพสูง “ลูมาร์” ผลิตโดย อีสท์แมน
เพอร์ฟอร์แมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา และอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่”
จากประเทศสวีเดน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร “แอลลักซ์”คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าขยายไลน์สินค้ารุ่นใหม่ ๆ
เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปอย่างตลอดเวลาของผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของรถยนต์ ที่มีการนำระบบอัจฉริยะต่าง ๆ เข้ามาใช้งานกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฟิล์มกรองแสงเองก็ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่ง “ลามิน่า” ได้เปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Lamina Digital Boost เป็นรายแรกของประเทศไทยมาก่อนหน้านี้


ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 นี้ บริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดรถยนต์ เนื่องจากรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มีการใช้งานหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ หรือหลังคากระจกกลาสรูฟกันมากขึ้น โรงงานผู้ผลิตได้ตัดสินใจพัฒนาฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้ งานในส่วนของหลังคากระจกโดยเฉพาะ และเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟ Lamina Power Sunroof ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

สำหรับฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟในตระกูล Lamina Power Sunroof
เป็นฟิล์มกรองแสงกันร้อนสูง ที่มาพร้อมนวัตกรรมรูปแบบใหม่สำหรับการติดตั้งบนซันรูฟหรือกลาสรูฟโดยเฉพาะ คุณสมบัติเนื้อฟิล์มชนิดพิเศษ Power NanoPlus ที่ออกแบบมาให้ฟิล์มมีความสามารถในการกันร้อนสูง ป้องกันยูวีได้สูงสุด มีความเข้มให้เลือกหลากหลาย และเหนือกว่าด้วยความแข็งแกร่งและทนทาน พร้อมการรับประกันยาวนานสูงสุด 7 ปีหลังการติดตั้ง
“ที่ผ่านมา ลูกค้าที่ใช้รถยนต์ที่ใช้หลังคากระจกรูปแบบต่าง ๆ สามารถเลือกติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์บนหลังคาเหล่านี้ได้ และลามิน่าต้องการตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านจึงได้นำเข้านวัตกรรมลามิน่า พาวเวอร์
ซันรูฟเข้ามาทำตลาดเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า เพราะรถยนต์ที่ใช้หลังคากระจกจะมีพื้นที่รับแสงแดดและความร้อนมากกว่าปกติ
หากไม่ได้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่กันความร้อนและยูวีได้ดี ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน”นอกจากคุณสมบัติด้านการกันความร้อนและกันยูวีแล้ว
ฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟโดยเฉพาะนี้ ยังมีรุ่น Power Plus Protection
ฟิล์มนิรภัยที่มีความแกร่งเป็นพิเศษ ด้วยเนื้อฟิล์มที่มีความหนาและเหนียวสูงสุดถึง 4 มิล (100 ไมครอน) ซึ่งหนากว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไปที่หนา 1.5 มิล (37.5 ไมครอน)จึงช่วยปกป้องการแตกกระจายของกระจกซันรูฟ
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือมีวัสดุตกใส่หลังคาปกป้องผู้โดยสารและผู้ขับขี่ให้มีความปลอดภัยในการใช้รถยนต์เหล่านี้อย่างสูงสุด

ฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟ Lamina Power Sunroof ยังมาพร้อมความทนทานที่ยอดเยี่ยม มีอายุการใช้งานยาวนาน แม้จะต้องเผชิญกับภาวะแสดงแดดจัดหรือรังแสงยูวีที่เข้มข้น ไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะไม่แห้งกรอบ หลุดลอก แตกหรือเป็นฟองอากาศซึ่งบริษัทจะรับประกันคุณภาพสินค้าทั้งแบบ 1 ตอน 2 ตอน หรือหลังคากระจกยาวนานสูงสุด 7 ปีเต็ม โดยมีราคาเริ่มต้นพร้อมติดตั้งที่ 4,000 บาท

นอกจากฟิล์มสำหรับหลังคากระจกแล้ว ในปีนี้ ลามิน่าได้ต่อยอดการทำตลาดฟิล์มกรองแสงเทคโนโลยีดิจิทัลบูสต์ ด้วยการพัฒนาสินค้าเพิ่มอีก 4 ซีรีส์ เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ประกอบด้วย Lamina Digital Special Boost, Lamina Digital Executive Boost, Lamina Digital Genius Boost และ Lamina Digital POP Boost เพื่อเสริมไลน์สินค้ากลุ่มเทคโนโลยีพิเศษ ที่มีการเปิดตัวเพื่อตลาดไปก่อนหน้านี้แล้ว 6 ซีรีส์สำหรับตลาดประเทศไทย


นางสาวจันทร์นภากล่าวต่อว่าลามิน่าตอกย้ำในการเป็นผู้นำในตลาดฟิล์มกรองแสงดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งเรื่องของการแนะนำสินค้าใหม่ ๆ การพัฒนาและอบรมช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงทั่วประเทศ รวมถึงการปรับในส่วนของตัวแทนจำหน่ายและศูนย์ติดตั้งให้เหมาะสม ซึ่งในปีนี้
บริษัทได้เปิดตัวฟิล์มกรองแสงดิจิทัลเพิ่มขึ้นอีก 4 ซีรีส์เป็นทางเลือกให้ผู้ บริโภคทำให้บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงที่ผ่านมา จากการที่รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า มีการติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณดิจิทัล ทั้งเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน การสื่อสารและความบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งฟิล์มกรองแสงลามิน่าดิจิทัลบูสต์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่รบกวนสัญญาณเหล่านี้แต่อย่างใด ทำให้การใช้งานของรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ทำได้อย่างมีเสถียรภาพและไหลลื่นเหนือกว่าฟิล์มกรองแสงอื่น ๆ สำหรับในปีนี้ นอกเหนือจากการเปิดตัวฟิล์มกรองแสงรุ่นใหม่แล้ว


ลามิน่าได้เข้าร่วมออกบู๊ธในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ภายใต้แนวคิด BoostStart … กดปุ่ม บูสต์พลังดิจิทัล พร้อมจัดโปรโมชั่นเหนือใครตลอดการจัดงานในปีนี้ ด้วยแพคเกจพิเศษ เพียงจองฟิล์มกรองแสงและฟิล์มรุ่นพิเศษที่ร่วมรายการ รับไปเลยทันที ไอโฟน 15 รุ่นใหม่ล่าสุด โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สำหรับภาพรวมของธุรกิจฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ น่าจะเห็นการชะลอตัวของธุรกิจต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวไม่เต็มที่
การท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกัน
อัตราหนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในระดับสูง และผู้ประกอบการไฟแนนซ์
ก็ยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มรถเชิงพาณิชย์

“ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถยนต์รวมหดตัวลงไปราว 7%
โดยตลาดรถปิกอัพหดตัวไป 25.7% ในขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งได้อานิสงส์จากรถยนต์ไฟฟ้าก็เติบโตอยู่ที่ 10% ซึ่งมีการประเมินว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8 แสนคันหดตัวลงไป 6% จากปีที่ผ่านมา
ขณะที่ธุรกิจฟิล์มกรองแสงโดยรวมน่าจะหดตัวที่ 5% แต่ลามิน่าจะยังคงรักษาสัดส่วนการตลาดโดยมียอดจำหน่ายใกล้เคียงกับปีที่ผ่า
นมาที่ 730 ล้านบาท ในปีนี้” ผู้ที่สนใจจะติดตั้งฟิล์มกรองแสงลามิน่า
ห้ามพลาดการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ หรือ Thailand International
Motor Expo ครั้งที่ 40 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม พ.ศ.2566 นี้ ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมแสดงสินค้าที่บูธหมายเลข H09 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งภายในงานจะมีการแสดงสินค้า
โปรโมชั่นที่น่าสนใจต่าง ๆ อย่างครบครัน ห้ามพลาดกันอย่างแน่นอน

หมวดหมู่
Cars Accessories New Cars New Innovation

กาแฟพันธุ์ไทย” เครือ PTG คว้ารางวัล สุดยอดสินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี66

จากงาน “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2023”

ฯพณฯนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลอันทรงเกียรติในงาน “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR  AWARDS 2023” สุดยอดสินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 ให้แก่ คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG)  และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด โดยแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยได้รับการโหวตจากผู้บริโภคว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความชื่นชอบและเลือกใช้บริการจากผู้บริโภคมากที่สุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภค – บริโภค จากการสำรวจของนิตยสาร Business+ ภายใต้ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา

คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร เป็นเครื่องหมายของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งและผลักดันธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักยภาพ โดยกาแฟพันธุ์ไทยมีความโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการนำวัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดทั่วไทยมารังสรรค์เป็นเครื่องดื่มหลากหลายเมนู

นอกจากนี้ ยังพัฒนาและสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อรองรับเทรนด์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะสามารถรักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน เพิ่มความถี่ในการใช้บริการแล้ว ยังเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันกาแฟพันธุ์ไทยยังดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” โดยมุ่งมั่นส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพแก่เกษตรกรพี่น้องชาวไทย คืนกำไรกลับสู่ชุมชน รวมถึงยกระดับ Ecosystem ในทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น กาแฟพันธุ์ไทยยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ เปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้นอย่างยั่งยืน

หมวดหมู่
Cars Accessories Lormhuntuathai New Innovation News

เชลล์คว้า 2 รางวัลดีเด่นระดับประเทศและระดับอาเซียนจากอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน

บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดย นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ รองประธานกรรมการ รับมอบรางวัลดีเด่น ด้านอนุรักษ์พลังงาน ประเภทอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (อาคารปรับปรุง) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ในงาน  Thailand Energy Awards 2022 โดยได้รับเกียรติจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ

นางสาวอรอุทัย กล่าวว่า “Thailand Energy Awards เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเชลล์ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบพลังงานคุณภาพสู่ผู้ขับขี่ ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงการดูแลสภาพแวดล้อม ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้คนควบคู่กัน การปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ของเชลล์ ไม่เพียงสะท้อนความตั้งใจของเราในการเป็นต้นแบบของอาคารประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย แต่ยังได้รับคัดเลือกจากพพ. ให้เป็นโครงการของประเทศไทย เข้าร่วมประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภท Zero Energy Building จากเวที ASEAN Energy Awards 2022 ในด้าน ASEAN Best Practices Awards for Energy Efficient Buildings – Special Submission อีกด้วย

เชลล์ได้ปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ให้มีความสอดคล้องกับการทำงานและคำนึงถึงการประหยัดพลังงานสูงสุด โดยยังคงโครงสร้างเดิมของอาคารไว้ทั้งหมด แต่ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับแนวคิด Shell WorkWELL Standard” ซึ่งคำนึงถึง
หลักสรีรศาสตร์ มาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร การใช้สอยพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานสูงสุด รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของเชลล์ ภายใต้กลยุทธ์ Powering Progress เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Achieving net-zero emissions)”

อาคารสำนักงานใหญ่ เชลล์แห่งประเทศไทย (อาคารเชลล์ 1) ได้รับการออกแบบให้มีความโล่ง โปร่ง และมีแสงสว่างเข้ามาในส่วนพื้นที่ทำงานได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการใช้งานจากหลอดไฟแสงสว่างแล้ว ยังสามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้กว่า 20.84% คิดเป็นพลังงานไฟฟ้ารวม 811,000 kWh (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) และประหยัดพลังงานกว่า 1,075,943 kWh/ปี จากการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารและลานจอดรถ

นอกจากนี้ อาคารดังกล่าวยังได้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ควบคู่กับการติดตั้งระบบ Smart Lighting ที่ช่วยปรับความสว่างของหลอดไฟเมื่อมีแสงธรรมชาติเข้ามาในอาคารมากพอ รวมถึงปรับปรุงระบบปรับอากาศภายในอาคารที่เป็นแบบรวมศูนย์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และใช้ระบบระบายอากาศแบบมอเตอร์พัดลมดูดอากาศที่ช่วยเติมอากาศใหม่เข้ามาในอาคาร เพื่อรักษาสมดุลของการถ่ายเทอากาศภายในและภายนอก ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพอากาศในอาคารได้ตามเกณฑ์มาตรฐานตลอดเวลาอีกด้วย

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

‘มิชลิน’ เตรียมจัดงานประกาศรางวัลดาวมิชลินประจำปี 2567“MICHELIN GUIDE CEREMONY THAILAND 2024″ในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ

‘มิชลิน’ เตรียมจัดงาน “MICHELIN Guide Ceremony Thailand 2024″ หรืองานประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินประจำปี 2567 อย่างยิ่งใหญ่ในวันพุธ ที่ 13 ธันวาคม 2566 ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ โดยปีนี้เตรียมรังสรรค์งานภายใต้ธีม “Oceanic Elegance” เพื่อให้แขกทุกท่านได้ดื่มด่ำกับการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจากท้องทะเลไทยอันงดงามเพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ของอาหารในแถบชายฝั่งทะเลของเมืองไทย

คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทยปีล่าสุด ได้ขยายพรมแดนแห่งอาหารให้ครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากการแนะนำร้านอาหารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล, ภูเก็ตและพังงา, เชียงใหม่, พระนครศรีอยุธยา, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี และอุดรธานี ปีนี้ยังได้เตรียมประกาศร้านอาหารที่ติดโผ ’มิชลิน ไกด์’ จากเกาะสมุยและแผ่นดินใหญ่ของสุราษฎร์ธานีอีกด้วย โดยการขยายฐานในครั้งนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงรสชาติอันจัดจ้านลงตัวที่บ่งบอกถึงมรดกทางอาหารของไทยในหลากหลายพื้นที่

พิธีเปิดตัวจะเริ่มต้นด้วยการเผยรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัลพิเศษต่าง ๆ ได้แก่ The MICHELIN Guide Young Chef Award, รางวัล The MICHELIN Guide Service Award, รางวัล The MICHELIN Guide Opening of the Year Award และรางวัล The MICHELIN Guide Sommelier Award ตามด้วยไฮไลท์ของงานนั่นก็คือการประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก (MICHELIN Green Star) และรางวัลดาวมิชลิน (MICHELIN Star) ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธีจะมีงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวัน โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศจากร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำโดย ’มิชลิน ไกด์’

โดยหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันงาน MICHELIN Guide Ceremony Thailand 2024  ’มิชลิน ไกด์’ จะเผยรายชื่อร้านอาหารที่ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmand) เพื่อสร้างสีสันเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนงานประกาศรางวัลดาวมิชลิน โดยรางวัลบิบ กูร์มองด์ คัดสรรจากร้านที่มีอาหารรสชาติเยี่ยมในราคาที่สมเหตุสมผลเพื่อชูจุดเด่นของวัฒนธรรมอาหารไทย ที่มีทั้งร้านอาหารระดับหรูไปจนถึงร้านอาหารริมทาง

ผู้ชื่นชอบอาหารทั่วโลกสามารถร่วมชมงานไปพร้อมกันผ่านการถ่ายทอดสดทางช่อง YouTube ของ MICHELIN Guide Asia ที่ลิงก์ http://www.youtube.com/@MICHELINGuideAsia

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จับมือ กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป ร่วมจัดงาน“BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power”

บริดจสโตนร่วมกับกรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป จัดงาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” เป็นปีแรกในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี ของวงการมอเตอร์สปอร์ต เปิดสนามแข่งรวมพลเหล่าลูกค้านักซิ่งสายสปอร์ตผู้ใช้ยาง BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE004 และ BRIDGESTONE POTENZA SPORT
เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจสไตล์สปอร์ตด้วยยางเต็มสมรรถนะพร้อมยกระดับการขับขี่อย่างมั่นใจและปลอดภัยด้วยโปรแกรมเสริมทักษะ การขับขี่เอ็กซ์คลูซีฟอย่างเข้มข้นจากวิทยากรมืออาชีพในวงการรถยนต์ โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้พิชิตสถานการณ์สุดท้าทายในสนามแข่ง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมรถในขณะขับขี่บนเส้นทางคดเคี้ยว การเข้า โค้งในรูปแบบต่างๆ และการเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงยังมีทีมงานบริดจสโตนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์และยางภายในบูธค็อกพิท (COCKPIT) เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามแข่ง
นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับกลุ่มนักซิ่งสายสปอร์ต


เติมเต็มความสนุกด้วยกิจกรรมต่างๆ ส่งท้ายด้วยมินิปาร์ตี้สุดประทับใจ
และการมอบของรางวัลสุดพิเศษ นับเป็นกิจกรรมที่สะท้อนความเป็นมอเตอร์สปอร์ตของบริดจสโตนผสานความมันส์ครบทุกรส ปลุก DNA
ความเป็นสปอร์ต ให้ถึงขีดสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ จ.ปทุมธานี สำหรับประเทศไทย บริดจสโตนจัดงาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกสู่การเป็น “แบรนด์พรีเมียมระดับโลกที่ยั่งยืน” และสนับสนุนการพัฒนา “วัฒนธรรมมอเตอร์สปอร์ต”โดยปีนี้ได้เปิดตัวด้วยยาง BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE004
ดีไซน์เพื่อการควบคุมอย่างเหนือชั้น เพื่อการเข้าโค้งอย่างแม่นยำ
ยึดเกาะได้ดีทั้งบนถนนเปียกหรือถนนแห้ง เติมเต็มการใช้ชีวิตในเมืองให้ยิ่งเร้าใจ สไตล์คนรุ่นใหม่ที่อัดแน่นด้วยอะดรี นาลีน และยาง BRIDGESTONE POTENZA SPORT ดีไซน์เพื่อตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ จัดเต็มสมรรถนะครบทุกฟังก์ชันความสปอร์ต
เร่งเต็มสปีดทุกทางตรง ด้วยนวัตกรรมการเข้าโค้งบนถนนเปียก เบรกสั้นได้ดั่งใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยาง BRIDGESTONE POTENZA SPORT ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นยางมาตรฐานติดรถยนต์ในกลุ่มแบรนด์ซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini Revuelto และรถสปอร์ตพรีเมียม ซึ่งไฮไลต์ของงานในครั้งนี้คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้ใช้ยาง BRIDGESTONE POTENZA ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยยางสปอร์ตสมรรถนะสูง
ขับสนุกที่พร้อมจะทะยานไปข้างหน้ากับขีดสุดของความเร้าใจ
และปลอดภัยทั้งในสนามแข่งและการขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน
คุณเคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ขอขอบคุณกรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป สำหรับความร่วมมือจัดงาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” ซึ่งถือเป็นงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟส่งท้ายปลายปีที่สะท้อนความเป็นมอเตอร์สปอร์ตสำหรับลูกค้า บริดจสโตน 30 ท่านที่ใช้ยาง BRIDGESTONE POTENZA ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นประทับใจด้วยโปรแกรมเสริมทักษะการขับขี่เพื่อปลดปล่อยศัก
ยภาพของยางอย่างเต็มพิกัด ซึ่งงานดังกล่าวสะท้อน “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” “ด้าน Emotion (ความรู้สึก) ที่ต้องการปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้นสู่โลกแห่งการเดินทางผ่านกิจกรรมและประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ”
และ “ด้าน Empowerment (พลังทางสังคม) ด้วยการผลักดันและร่วมสร้างสังคมเท่าเทียมและภาคภูมิใจแก่ทุกคนผ่านโปรแกรมเสริมทักษะการขับขี่จากวิทยากรมืออาชีพในวงการรถยนต์”ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ของบริดจสโตนเสมอมา
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ ให้เราสร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้น และผมเชื่อว่างานนี้จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดีและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริดจสโตน
กับลูกค้าของเราได้อย่างแน่นอน”

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

ควิกเลนเผยเคล็ดลับเช็กรถก่อนออกทริปรับลมหนาวสุดฟิน

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย, 17 พฤศจิกายน 2566 – กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยหลายจังหวัดจะมีอากาศหนาวเย็นและอุณหภูมิลดลง[1] ฤดูหนาวเป็นช่วงที่หลายคนตั้งตารอจัดทริปออกเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสอากาศเย็นสุดฟินตามสถานที่ยอดฮิตต่าง ๆ เพื่อดื่มด่ำธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจแบบชิลล์ ๆ หลังทำงานมาตลอดทั้งปี การดูแลและตรวจเช็กสภาพรถยนต์ในฤดูหนาวก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าฤดูร้อนและฤดูฝน ควิกเลน ศูนย์บริการยางและรถยนต์ประเภทเร่งด่วนมาตรฐานระดับโลก จึงเผยเคล็ดลับตรวจเช็กรถรับลมหนาวให้ทุกคนพร้อมลุยทุกการขับขี่แบบอุ่นใจ ปลอดภัย และไร้กังวล พร้อมส่งโปรโมชั่นยาง “Tyres of the Month” ดีลสุดฮฮตจากแบรนด์สุดฮิตให้ลูกค้าอุ่นใจตลอดการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566

  1. ระบบสัญญาณไฟ ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบและเปลี่ยนหลอดไฟให้สว่างและใช้งานได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นไฟเลี้ยว ไฟเบรก และไฟตัดหมอก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในช่วงฤดูหนาวอาจมีหมอกลงหนาจัด จนทำให้ให้บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ และก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
  2. เครื่องยนต์  เครื่องยนต์เปรียบเหมือนหัวใจของรถ เจ้าของรถยนต์ควรนำรถเข้าตรวจเช็กระยะเพื่อให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นอาจทำให้เครื่องยนต์กระตุกจากระบบเผาไหม้ทำงานได้ไม่เต็มที่ และทำให้น้ำมันเครื่องแข็งตัวหรือหนืดได้ จนทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  3. แบตเตอรี่  สภาพอากาศหนาวเย็นมีส่วนทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักมากกว่าปกติ และเป็นเหตุให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวในช่วงฤดูหนาว ผู้ขับขี่จึงควรหมั่นตรวจเช็กแบตเตอรี่ก่อนออกเดินทางให้มั่นใจว่าใช้งานได้ปกติ เพื่อป้องกันปัญหาทริปหมดสนุกเพราะแบตเตอรี่หมดกลางทาง
  4. ยางรถยนต์  ตรวจเช็กลมยางและเติมลมยางให้เหมาะสมก่อนออกเดินทาง เพราะอากาศหนาวเย็นจะทำให้ความดันลมยางลดลงเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องตรวจความพร้อมอื่น ๆ ของยางรถยนต์ เช่น ดอกยาง แก้มยาง ความแข็งของยาง และอายุการใช้งาน แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก็ควรนำรถเข้าศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้

ควิกเลน พร้อมให้คำแนะนำและบริการในมาตรฐานระดับสากลที่ ‘สะดวกกว่า วางใจได้จริง’ และนำเสนอ ‘ดีลสุดฮอตจากแบรนด์สุดฮิต’ พบกับ โปรโมชันยาง ‘Tyres of The Month’ ยางรถยนต์คุณภาพสำหรับรถเก๋ง รถกระบะ และรถเอสยูวี ราคาเริ่มต้นเส้นละ 1,324 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566

  • โปรโมชันยาง ‘Tyres of The Month’ ดีลสุดฮอตจากแบรนด์สุดฮิต
  • ยางรถยนต์สำหรับรถเก๋ง เริ่มต้นเพียง 1,324 บาท (ปกติ 1,766 บาท)
  • ยางรถยนต์สำหรับรถกระบะ เริ่มต้นเพียง 1,822 บาท (ปกติ 2,429 บาท)
  • ยางรถยนต์สำหรับรถเอสยูวี เริ่มต้นเพียง 2,999 บาท (ปกติ 4,867 บาท)
  • โปรโมชันผ่อนยาง 0% สูงสุด 15 เดือน
  • ทุกรุ่นทุกขนาด ยกเว้นยาง “Tyres of The Month”
  • แพ็คเกจเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้
  • ประหยัดสูงสุด 18% สำหรับแพ็คเกจ 2 ครั้งและแพ็คเกจ 3 ครั้ง ราคาเริ่มต้น 722 บาท
  • ฟอกเกียร์และเปลี่ยนน้ำมันเกียร์สังเคราะห์แท้ทั้งระบบ
  • เริ่มต้นเพียง 1,999 บาท จากราคาปกติ 2,675 บาท
  • ล้างทำความสะอาดตู้แอร์
  • แบบไม่ต้องถอดตู้ พร้อมอบโอโซน ราคาพิเศษที่ 1,199 บาท จากราคาปกติ 1,890 บาท
  • อะไหล่ออมนิคราฟท์ รับประกัน 2 ปี

–         แบตเตอรี่ราคาเริ่มต้น 2,300 บาท

–         โช้คอัพราคาเริ่มต้น 925 บาท

–         ผ้าเบรคราคาเริ่มต้น 1,145 บาท

  • โปรโมชันลมยางไนโตรเจน
  • โปรโมชันลมยางไนโตรเจนราคา 99 บาท

ควิกเลนทั้ง 7 สาขา ในกรุงเทพและปริมณฑล และอีก 12 สาขาในต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 19 สาขาทั่วประเทศไทย นำเสนอบริการบำรุงรักษารถยนต์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ครอบคลุมลักษณะงานกว่า 14 กลุ่ม ด้วยมาตรฐานระดับโลกที่สะดวกรวดเร็ว จำหน่ายยางรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลก พร้อมบริการอื่น ๆ อีกมากมาย โดยมีช่างเทคนิคและทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมครบตามมาตรฐานระดับสากล ควิกเลนทั้ง 19 สาขาเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. ไม่มีวันหยุด ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้โดยไม่จำเป็นต้องนัดล่วงหน้า ผู้ที่สนใจเข้ารับบริการสามารถสอบถามข้อมูลสินค้า ราคา และโปรโมชัน ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ควิกเลน ที่หมายเลข 02-039-5798 หรือที่ https://www.facebook.com/QuickLaneThailand

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

คาลเท็กซ์ มอบเงินบริจาคให้แก่โรงพยาบาลสิงหนคร

สนับสนุนโครงการ “ยูนิตทันตกรรมเพื่อชาวสิงหนคร” 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาลเท็กซ์ นำโดย นายณรงค์ เอี่ยมพงษ์ไพฑูรย์ ผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมสงขลา(ที่ 4 จากซ้าย) ร่วมสนับสนุนยูนิตทันตกรรม พร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ภายใต้โครงการ ยูนิตทันตกรรมเพื่อชาวสิงหนคร” มูลค่า 400,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสิงหนคร จังหวัดสงขลา เพื่อรองรับการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงให้ได้มากขึ้น โดยมี นายแพทย์นครินทร์ ฉินตระกูลประดับ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงหนคร (ที่ 4 จากขวา) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร แพทย์ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงพยาบาลสิงหนคร อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

ฟอร์ดตอกย้ำคุณภาพ ใช้เครื่องสแกนขั้นสูง

ควบคุมมาตรฐานการผลิตรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 13 พฤศจิกายน 2566 – ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เผยเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัยที่รับประกันความแม่นยำของการประกอบชิ้นส่วนของรถยนต์ ถึง 99.97% เพื่อให้ได้รถยนต์ที่มีคุณภาพสูง

ชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์ จะถูกสแกนโดยเครื่องสแกนบ็อกซ์ (ScanBox 3D) ซึ่งทำงานรวดเร็วกว่าวิธีการตรวจวัดแบบดั้งเดิมถึง 80% โดยสามารถสแกน ตรวจสอบ และรายงานผลได้ครบวงจรเพียงแค่กดปุ่มเดียว

“แสงสีฟ้าของเครื่อง ScanBox ช่วยให้รถฟอร์ดทุกคัน ไม่ว่าจะประกอบจากโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) หรือจากโรงงานซิลเวอร์ตัน ที่แอฟริกาใต้ เป็นไปตามมาตรฐานด้านคุณภาพการผลิตที่เข้มงวดของเรา” แอนดรูว์ ฟรอมโฮลต์ซ หัวหน้าวิศวกรฝ่ายงานขึ้นรูปและตัวถัง ประจำกลุ่มตลาดนานาชาติของฟอร์ด กล่าว

ยาน โกรนวาลด์ วิศวกรผู้รับหน้าที่ดูแลโรงงานขึ้นรูปที่ผลิตแผงตัวถังสำหรับรถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่โรงงานซิลเวอร์ตัน แอฟริกาใต้ กล่าวว่า “เรากำหนดเป้าหมายความแม่นยำของการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่ 99.97% และเครื่องมืออย่างเครื่องสแกนแสงสีฟ้าช่วยให้เราประกอบชิ้นส่วนรถได้ตามมาตรฐาน”

วิธีการทำงาน

“ระบบสแกนบ็อกซ์จะสแกนชิ้นส่วนจริงและนำไปเปรียบเทียบกับโมเดลจากคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (CAD) 3 มิติ เพื่อให้มั่นใจว่าชิ้นส่วนจะประกอบกันได้สมบูรณ์” โกรนวาลด์ กล่าว “เครื่องสแกนไม่ได้ทำหน้าที่แค่ตรวจวัดขนาดเส้นรอบวงเท่านั้น แต่ยังวัดขนาดพื้นผิวของชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ”

เทคโนโลยีการสแกนแสงสีฟ้ามีประสิทธิภาพและให้ประสิทธิผลที่ดีกว่าการใช้เครื่องมือวัดพิกัด (coordinate measuring machines หรือ CMM) แบบเดิม วัตถุจะถูกสแกนภายในเวลาไม่กี่วินาทีและแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบภาพที่ประโยชน์สำหรับช่างเทคนิค

“นักมาตรวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการวัดหลังคาด้วยวิธี CMM แบบเดิม แต่ด้วยระบบนี้ เราสามารถวัดชิ้นส่วนได้ภายใน 2 นาที 50 วินาที” โกรนวาลด์ กล่าว

นั่นหมายความว่าชิ้นส่วนสามารถผ่านเข้าสู่กระบวนการผลิตได้เร็วขึ้นมาก และหากพบความผิดปกติของชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ เราจะทราบล่วงหน้าและแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ 

รถฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ผลิตในประเทศแอฟริกาใต้และประเทศไทย ส่งออกไปจำหน่ายยังกว่า 180 ประเทศทั่วโลก

หมวดหมู่
Cars Accessories Motorcycle New Innovation News

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ พาบุก Moto2™ ฤดูกาล 2023 ณ สนามช้าง สนุกกิจกรรมมากมาย

พร้อมใกล้ชิดนักแข่งระดับโลก ในฐานะซัพพลายเออร์เครื่องยนต์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว

จบงานกันไปเรียบร้อยกับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี 2023 (MotoGP) สนามที่ 17 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 29 ตุลาคม 2566 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดย ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ในฐานะซัพพลายเออร์เครื่องยนต์อย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวของรายการแข่งขัน FIM Moto2™ World Championship ตั้งแต่ฤดูกาล 2019 จนถึงปัจจุบัน และล่าสุดได้ลงนามในสัญญาฉบับใหม่ เพื่อดำเนินการในฐานะซัพพลายเออร์เครื่องยนต์สำหรับการแข่งขันรายการดังกล่าวต่อไปอีก 5 ฤดูกาล ไปจนถึงฤดูกาล 2029 ก็ได้มาร่วมออกบูธภายในงานให้แฟน ๆ ไทรอัมพ์ และผู้ที่สนใจ ได้ยลโฉมเครื่องยนต์ต้นแบบของไทรอัมพ์ที่ใช้ในการแข่งขัน Moto2™ ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากขุมกำลังระดับแนวหน้าของรถจักรยานยนต์ Street Triple RS

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เครื่องยนต์ 3 สูบ 765 ซีซีของไทรอัมพ์ที่ใช้ในการแข่งขัน Moto2™ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ และทำลายสถิติมากมาย อาทิ ปี 2019 กับการทำความเร็วสูงสุดเกิน 300 กม./ชม. เป็นครั้งแรกในการแข่งขัน Moto2™ ปี 2020 ทำลายสถิติความเร็วต่อรอบตลอดกาลของ 11 สนามแข่ง และมีนักแข่งถึง 7 คนที่ชนะเลิศการแข่งขันจากการแข่งขันทั้งหมด 15 สนาม ปี 2021 Triumph และ Dorna ได้ประกาศลงสนามในสัญญาฉบับใหม่ต่อไปอีก 3 ปีของการแข่งขันฤดูกาล 2022 – 2024 โดยเครื่องยนต์ 3 สูบ 765 ซีซี ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน 72 รายการ และช่วยให้นักแข่ง 21 คนชนะการแข่งขัน Moto2™ โดยมีผู้ชนะที่แตกต่างกันถึง 8 คนในปี 2022 ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือที่โดดเด่นของเครื่องยนต์สามสูบ 765 ซีซี เป็นอย่างดี

ภายในบูธนอกจากจะมีการจัดแสดงเครื่องยนต์ต้นแบบไทรอัมพ์ Moto2™ ยังมีกิจกรรมให้แฟน ๆ และผู้สนใจได้มาร่วมสนุก ลุ้นรับของรางวัลมากมาย รวมถึงสัมผัสรถจักรยานยนต์ Street Triple 765 RS รุ่นล่าสุด ที่ยังคงได้รับการสานต่อจากขุมพลังเครื่องยนต์ Moto2™ ตลอดจนเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งคอลเลคชันเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย Moto2™ รวมถึงคอลเลคชันอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ! พาชมเบื้องหลังของทีมแข่งขันในการแข่งขัน Moto2™ กันถึง Paddock ที่ได้ใกล้ชิดกับนักแข่งและทีมแข่งระดับโลกแบบเป็นกันเองอีกด้วย 

เตรียมพบกันได้ใหม่อีกครั้งในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี 2024 โดย ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เตรียมพร้อมสำหรับการจัดกิจกรรมดี ๆ ไว้ให้ลูกค้าคนพิเศษให้ได้มากร่วมสนุกอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th หรือติดตามข่าวสาร และกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่  www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand   

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนลูกค้านำรถอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจเช็กสภาพรถฟรี! พร้อมส่วนลดพิเศษค่าน้ำมันเครื่อง อะไหล่ เคมีภัณฑ์และค่าแรงตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับบริการหลังการขายภายใต้แนวคิด ‘เราดูแล คุณแค่ขับ’

กรุงเทพฯ – 8 พฤศจิกายน 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบส่วนลดพิเศษ 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าน้ำมันเครื่อง อะไหล่ เคมีภัณฑ์ที่ร่วมรายการ และค่าแรง พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพรถ 22 รายการ และโปรแกรมตรวจเช็กเครื่องยนต์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ MUT-III ฟรี สำหรับรถยนต์มิตซูบิชิที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เมื่อลูกค้านำรถเข้าศูนย์บริการของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ วันนี้– 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
และพัฒนาคุณภาพด้านบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด ‘เราดูแล
คุณแค่ขับ’ ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง


นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย
บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ข้อเสนอพิเศษภายใต้แคมเปญนี้
ถือเป็นหนึ่งในการส่งเสริมการดูแลรักษารถของลูกค้าให้มีสมรรถนะที่ย
อดเยี่ยมตลอดอายุการใช้งาน พร้อมตอบสนองนโยบายของภาครัฐเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 จากการใช้งานรถยนต์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการยกระดับคุณภาพด้านบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนออะไหล่แท้ การให้บริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเป็นผลจากการมุ่งมั่นทุ่มเทที่เรารู้สึกภาคภูมิใจ และได้รับการการันตีความสำเร็จด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ ในด้านความพึงพอใจด้านการขายและบริการหลังการขายถึง 2 ปีซ้อน จากผลสำรวจของ TAQA หรือ รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับรางวัลอันดับ 1 ธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม หรือ TAQA ด้านความพึงพอใจด้านการขายและบริการหลังการขาย ทั้งหมด 7 รางวัล
ประกอบด้วย
 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม
ความพึงพอใจด้านบริการหลังการขาย
ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในปี 2563 และปี 2564
 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ความพึงพอใจด้านการขาย
ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในปี 2563 และปี 2564
 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม
ความพึงพอใจด้านบริการหลังการขาย
ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน ในปี 2563 และปี
2564
 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ความพึงพอใจด้านการขาย
ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน ในปี 2564
ลูกค้าที่สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดและเงื่อนไขการเข้ารับบ
ริการได้ที่ https://bit.ly/OldVehicleMaintenance หรือ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โชว์รูม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ

หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500
เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

ฟอร์ดเผยการพัฒนาห้องโดยสารที่เงียบสงบของฟอร์ด เอเวอเรสต์

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 6 พฤศจิกายน 2566 – หากถังน้ำมีรูรั่ว น้ำก็จะไหลซึมออกมา เช่นเดียวกัน รอยต่อระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ของรถก็อาจทำให้เกิดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารได้

“การติดตามและตรวจสอบเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ผ่านทั้งระบบเสมือนจริงและจากรถคันจริงคือภารกิจหลักของทีม NVH ของฟอร์ดที่ศึกษาเรื่องระดับเสียง (N – noise) ความสั่นสะเทือน (V – vibration) และความกระด้างของเสียง (H – harshness)” ดร.มาร์ค ทอมป์สัน วิศวกรทีม NVH ของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ กล่าว

“ลูกค้าฟอร์ด เอเวอเรสต์ ต้องการความเงียบและปราศจากเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร เพื่อให้ทุกคนในรถได้ยินเสียงบทสนทนาอย่างทั่วถึงไม่ว่าจะนั่งอยู่ตำแหน่งไหนในรถ” ดร.ทอมป์สัน กล่าว

“ดัชนีความชัดเจนของเสียงภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ถือว่าอยู่ในระดับดีมาก ผู้โดยสารที่นั่งเบาะหลังสามารถพูดคุยกับคนขับได้แบบสบายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพูดให้ดังขึ้น”

ทีม NVH ใช้ดัชนีความชัดเจนของเสียง (Articulation Index) ซึ่งเป็นมาตรฐานในการวัดเปอร์เซ็นต์การได้ยินเสียงในบทสนทนาแบบตัวต่อตัวเพื่อทดสอบว่าผู้โดยสารสามารถพูดคุยกันได้อย่างง่ายดายเพียงใด

พัฒนาคุณภาพเสียงให้ชัดเจนตั้งแต่การร่างแบบ

ก่อนที่รถต้นแบบจะถูกพัฒนาขึ้น ทีม NVH ใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงไปกับการทดสอบแรงดันเสมือนจริงและวิเคราะห์การไหลเวียนอากาศที่ซับซ้อนภายในรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงอากาศที่จำเป็นต่อการระบายอากาศเท่านั้นไหลเข้าสู่ห้องโดยสาร (ประมาณ 100 ลิตรต่อวินาที)

“เรานำระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (CAD) มาช่วยประเมินเพื่อให้แน่ใจว่าทุกจุดเชื่อม รอยต่อ และการซีลยางเป็นไปอย่างรัดกุมและแน่นหนาทุกจุด นอกจากนี้ เรายังทดสอบโดยใช้เครื่องมือจำลองแบบต่างๆ เพื่อตรวจสอบและอุดรอยรั่วก่อนเริ่มผลิตรถต้นแบบ” ดร.ทอมป์สัน กล่าว

เมื่อทดสอบด้วยระบบเสมือนจริงผ่านแล้ว จึงมีการพัฒนารถต้นแบบเพื่อการทดสอบทางกายภาพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดของฟอร์ด กระบวนการตรวจสอบการรั่วไหลของอากาศเริ่มจากการอัดอากาศเข้าไปให้เต็มด้านในรถที่ปิดประตู หน้าต่าง และช่องระบายอากาศทั้งหมดเพื่อสร้างสภาวะแรงดันบวก จากนั้นจึงใช้มาตรวัดมวลอากาศ (Mass airflow sensors) มาตรวจจับปริมาณและความเร็วในการรั่วไหลของอากาศ

มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

เมื่อรถต้นแบบผ่านการทดสอบและเริ่มมีการผลิตรถจริงในโรงงาน ขั้นตอนการทดสอบแรงดันเพื่อให้มั่นใจว่าห้องโดยสารของรถแต่ละคันจะเงียบสงบยังคงดำเนินต่อไป

“เราทดสอบแรงดันรถที่โรงงานผลิตออกมาทุกวันไม่มีเว้น” ดร.ทอมป์สัน กล่าว “เราสุ่มตัวอย่างรุ่นย่อยต่างๆ ทุกรุ่นในไลน์อัพของฟอร์ด เอเวอเรสต์ออกมาจากสายพานการผลิตเพื่อนำเข้าสู่ห้องทดสอบในโรงงาน ซึ่งเราจะทดสอบแรงดันโดยใช้เซนเซอร์ขั้นสูงในการตรวจวัดการรั่วไหลของอากาศ”

“ผลการตรวจสอบการรั่วไหลของอากาศจะถูกแสดงผลแบบเรียลไทม์ไปยังทีมงานทั้งที่โรงงานผลิตและที่ออสเตรเลียเพื่อให้แน่ใจว่าการผลิตรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ทุกคันเป็นไปตามข้อกำหนดการออกแบบความหนาแน่นของอากาศ” ดร.ทอมป์สันกล่าว

วัสดุสำคัญในการส่งมอบความเงียบภายในห้องโดยสาร

การรังสรรค์ห้องโดยสารที่เงียบสงบไม่ได้อยู่ที่การใช้ซีลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่มาจากหลายองค์ประกอบ ภายใต้หัวใจสำคัญคือคุณภาพและความแม่นยำ ทีมผลิตรถยนต์ได้สรรหาและเลือกใช้วัสดุซีลคุณภาพสูงมากมายเพื่อดูดซับเสียงรบกวน ประกอบด้วย

  • กาวที่ใช้ยึดแผ่นโลหะแต่ละแผ่นเข้าด้วยกัน
  • แผ่นกั้นความร้อนภายในโครงสร้างรถยนต์ที่ขยายตัวและเติมเต็มช่องว่างต่างๆ ของรถ ขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านเตาอบสี
  • ปะเก็นยางหรือคลิปที่ถูกจัดวางอย่างแม่นยำเพื่อยึดกับวัสดุด้านนอก ตั้งแต่เสาอากาศบนหลังคาไปจนถึงชุดสายไฟบนพื้นตัวถัง

“ฟอร์ดได้ออกแบบและพัฒนาวิธีการซีลรถยนต์เป็นอย่างดีในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าห้องโดยสารของรถฟอร์ด เอเวอเรสต์จะเงียบสนิทจริงๆ” ดร.ทอมป์สัน กล่าวสรุป

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยร่วมแสดงความยินดีแก่ นิวตัน เพรสทีจ ออโต

ในการเป็นศูนย์บริการรถยนต์วอลโว่แบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย นำโดย มร. คริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ (ที่สองจากขวา), คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ, ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ (ที่สองจากซ้าย), คุณถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์, ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า (ขวา), และ คุณอัจฉริยา คุณพันธ์, ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (ซ้าย) บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแสดงความยินดีแก่คุณพีรพร ลิ้มสวัสดิ์วงศ์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิวตัน เพรสทีจ ออโต จำกัด (ที่สามจากซ้าย) ในฐานะศูนย์บริการรถยนต์วอลโว่แบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ยกระดับการบริการในแบบ One Stop Service ที่รวมเอาพื้นที่งานขาย, บริการหลังการขาย, คลังอะไหล่, ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร และ Volvo Selekt มาไว้ในพื้นที่เดียวกัน

นิวตัน เพรสทีจ ออโต (Newton Prestige Auto) เปิดให้บริการบนพื้นที่แห่งใหม่ขนาด 7 ไร่ ที่รวมพื้นที่การขายทั้งรถใหม่, รถผู้บริหารไมล์น้อย และศูนย์บริการรถวอลโว่ทั้งงานบริการหลังการขายทั่วไป รวมถึงงานซ่อมตัวถังและสีแบบครบวงจรไว้ในพื้นที่เดียวกันเพื่อมอบบริการที่ครบครันสำหรับลูกค้าวอลโว่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตตลิ่งชัน และใกล้เคียงในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร

แผนกบริการด้านการขาย

พื้นที่ให้บริการด้านการขายของ Newton Prestige Auto ได้รับการออกแบบให้ถ่ายทอดอัตลักษณ์ความเป็นแบรนด์รถระดับพรีเมียมสัญชาติสวีดิชของวอลโว่โดยแท้จริง ผ่านความเรียบง่ายและตอบโจทย์การใช้งานตามแบบฉบับของสแกนดิเนเวีย รวมไปถึงเอกลักษณ์เฉพาะของวอลโว่ที่ได้นำเอาแรงบันดาลใจจากธรรมชาติเข้ามาให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงความอบอุ่นภายใต้การออกแบบที่คงคอนเซ็ปต์ความหรูหราและใส่ใจสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว รวมไปถึงความพร้อมที่จะส่งมอบข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการขายให้แก่ลูกค้าเพื่อให้ข้อมูลที่ครบครันประกอบการตัดสินใจเพื่อซื้อรถ

แผนกการบริการหลังการขาย

ยกระดับความอุ่นใจให้แก่ผู้ใช้รถวอลโว่ กับการบริการหลังการขาย มอบความมั่นใจให้แก่ลูกค้าได้ว่ารถทุกคันจะได้รับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมจากช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกสอนจากมาตรฐาน    วอลโว่เพื่อประสิทธิภาพการให้บริการที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้า

คลังอะไหล่

ให้การบริการทำได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมด้วยคลังเก็บอะไหล่แท้ของวอลโว่ทุกชิ้นทั้งในส่วนบริการหลังการขายและงานซ่อมตัวถังและสีเพื่อลูกค้าจะได้รับบริการซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ที่รวดเร็ว พร้อมมั่นใจได้ว่าอะไหล่ทุกชิ้นเป็นของแท้จากวอลโว่

ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร : Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR)

บริการซ่อมตัวถังและสีรถด้วยศูนย์ซ่อมตัวถังและสีที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากวอลโว่ในด้านคุณภาพและความปลอดภัยต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีสีสูตรน้ำ (Water based paint) ที่เป็นมาตรฐานของวอลโว่ เพื่อลดปริมาณสารพิษ, การติดตั้งแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น ภายในห้องพ่นสี เพื่อกรองและดักอนุภาคขนาดเล็กของฝุ่นและกลิ่นของสีไม่ให้ปนเปื้อนกับอากาศภายนอก, และการใช้เทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายรถด้วยระบบรางมาตรฐานในทุก ๆ การกระบวนการซ่อมสีเพื่อความรวดเร็วในการปฎิบัติ และสามารถส่งมอบรถกลับถึงลูกค้าได้โดยเร็ว ให้คุณภาพและประสิทธิภาพหลังซ่อมที่ดีเยี่ยมเหมือนวันแรกที่ออกจากโรงงานผลิต

Volvo Selekt

ให้บริการด้านการขายสำหรับรถผู้บริหารไมล์น้อยที่ผ่านการคัดสรรและตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพจากวอลโว่ พร้อมส่งมอบอะไหล่แท้และซอฟต์แวร์ในตัวรถที่ถูกอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อผู้ซื้อจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดในทุกองค์ประกอบตามมาตรฐานรถวอลโว่

นิวตัน เพรสทีจ ออโต (Newton Prestige Auto) ตั้งอยู่ที่ 199 ถนนบรมราชชนนี แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 พร้อมเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานขายและบริการโดย Newton Prestige Auto ได้ที่ https://www.newtonprestige.com หรือโทร +662-434-4488 และ +6699-494-1551

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวอลโว่ได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.com/th และ http://www.facebook.com/volvocarsth  หรือเยี่ยมชม Volvo Studio Bangkok ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

EV Station PluZ มอบประสบการณ์ชาร์จต่อเนื่องไม่มีสะดุด…

ด้วยฟีเจอร์การ ‘ชาร์จต่อเนื่อง’ อัตโนมัติ

EV Station PluZ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เพื่อเติมเต็มความมั่นใจระหว่างเดินทาง มอบประสบการณ์ที่จะช่วยยกระดับชีวิตพลัซให้สะดวกด้วยระบบการ ‘ชาร์จต่อเนื่อง’ อัตโนมัติ โดยไม่ต้องถอดสายชาร์จเสียบใหม่ ทำให้สามารถชาร์จยาวต่อเนื่องไปในรอบถัดไปได้ทันทีเมื่อหมดรอบชาร์จ (กรณีที่ช่วงเวลาต่อไปไม่มีการจอง ทั้งรูปแบบ Walk-in และจองชาร์จล่วงหน้า) อีกทั้งสามารถจองชาร์จล่วงหน้าได้สูงสุด 10 ช่วงเวลา/วัน ช่วงเวลาละ 27 นาที พร้อมตอบโจทย์การเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางจากเหนือลงใต้ และครอบคลุมการใช้งานรถขนส่ง รวมทั้งรถโดยสารขนาดใหญ่ ให้เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หากมีลูกค้าจองในช่วงเวลาถัดไป ระบบจะตัดการชาร์จตามรอบปกติ 3 นาทีก่อนหมดเวลาการชาร์จ เพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นเข้าใช้บริการ โดยหัวชาร์จ DC สามารถจองได้สูงสุด 10 ช่วงเวลา/วัน และมีระยะเวลาสำรองหัวชาร์จให้แก่ลูกค้าผู้จอง 5 นาทีแรกของรอบจอง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้เข้าใช้บริการ

ล่าสุด EV Station PluZ ได้ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จเสร็จเรียบร้อยแล้วกว่า 580 แห่ง (ณ 31 ตุลาคม 2566) ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าในทุกรูปแบบ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบการจองเพื่อเข้าชาร์จสามารถทำได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน EV Station PluZ อีกทั้งเพิ่มความสะดวกสบายในกรณีวางแผนการเดินทาง คำนวณระยะทาง ค้นหาและนำทางไปยังสถานีชาร์จได้อีกด้วย

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน เปิดตัว PitPack™นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นลดขยะพลาสติกได้ถึง 90%

พร้อมช่วยควบคุมปริมาณการใช้น้ำมันหล่อลื่นตามต้องการ

คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน สร้างปรากฏการณ์ใหม่เผยโฉม PitPack™
นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับมอเตอร์ไซค์
ตอบโจทย์การใช้งานแบบคุ้มค่าด้วยรูปแบบถุงบรรจุในกล่องกระดาษ หรือ bag-in-a-box ลดขยะพลาสติกถึง 90% เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ขวดแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยนำร่องแนะนำแพ็กเกจใหม่สำหรับน้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน อีซี่ 4ที SAE 20W-40 (Caltex Havoline Ezy 4T SAE 20W-40)


นายสันติศักดิ์ ไทยพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาลเท็กซ์ และเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน และ เดโล่ เปิดเผยว่า “เอเชียเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่มีการเติบโตสูงที่สุดในโลก จึงเป็นตลาดที่คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่ง PitPack™ ถือเป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เราได้สร้างสรรค์ด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถลดขยะพลาสติกจากการใช้บรรจุภัณฑ์แบบขวดใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยยังคงคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ของน้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ ฮาโวลีนไว้เช่นเดิม นอกจากนี้ PitPack™
ซึ่งมาพร้อมกับหัวก๊อกปล่อยผลิตภัณฑ์ช่วยให้ใช้น้ำมันหล่อลื่นได้ตามปริมาณที่ต้องการ โดยปริมาณน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ในการเปลี่ยนถ่ายรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น จะแตกต่างกันออกไปตามประเภทของรถและลักษณะการใช้งาน ในส่วนนี้ PitPack™ จะเข้ามาช่วยให้ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์สามารถบริหารสินค้าคงคลัง

(Inventory) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องสั่งน้ำมันเครื่องในขนาดบรรจุ 0.8 หรือ 1 ลิตรสำรองไว้เพิ่มเติมด้วย”
“บริษัทฯ นำร่องเปิดตัว PitPack™ ขนาดบรรจุ 18 ลิตร
สำหรับน้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน อีซี่ 4ที SAE 20W-40 (Caltex Havoline Ezy 4T SAE 20W-40) ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องสำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะให้การปกป้องทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ และคลัทช์ ช่วยให้การขับขี่ราบรื่น บิดได้แรงเต็มกำลัง มาตรฐาน API SG JASO MA2
โดยลดการใช้พลาสติกในการผลิตบรรจุภัณฑ์นี้ได้ 90%
เมื่อเปรียบเทียบกับพลาสติกที่ใช้สำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ในรูปแบบขวดใช้ครั้งเดียว ทิ้งขนาด 0.8 หรือ 1 ลิตร (เทียบเท่าปริมาณ 18 ลิตร) ทั้งนี้ บรรจุภัณฑ์ใหม่ PitPack™ มาพร้อมกับถาดรองกันน้ำมันหยด และเหยือกตวงน้ำมัน ทำให้ช่างสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่หกเลอะเทอะและสิ้นเปลือง เพิ่มความเป็นระเบียบและความสะดวกในการใช้งานสะท้อนความเป็นมืออาชีพของอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์”
“คาลเท็กซ์ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมและแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ ประกอบการเพิ่มผลกำไร เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค
รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเปิดตัว PitPack™
ในครั้งนี้คาดว่าจะสามารถช่วยให้เจ้าของอู่สามารถบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่
LINE Official: @Caltexlubricants” นายสันติศักดิ์ กล่าวสรุป

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

บริดจสโตนฉลอง 12 ปีแห่งความสำเร็จกับรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand” จัดแคมเปญใหญ่แห่งปี 

“บริดจสโตน เปลี่ยนยางลุ้นโชค” แจกรถยนต์และรางวัลอื่นมากมาย รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท

[กรุงเทพฯ] (1 พฤศจิกายน 2566) – บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแคมเปญ “บริดจสโตน เปลี่ยนยางลุ้นโชค” ฉลองความสำเร็จ 12 ปีแห่งความเชื่อมั่นที่ครองใจคนไทยด้วยยางรถยนต์คุณภาพ ในฐานะผู้นำตลาดยางรถยนต์ตัวจริงที่การันตีด้วยรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand”             แจกความสุขครั้งใหญ่ส่งท้ายปีเพื่อแทนคำขอบคุณและความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้เสมอมา จัดเต็มรางวัลมากมายมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท อาทิ รางวัลใหญ่ รถยนต์ TOYOTA รุ่น CROSS HEV SMART, รถยนต์ HONDA รุ่น HR-V EL, โทรศัพท์ iPhone 15 Pro Max และรางวัลอื่นๆ รวมกว่า 1,200 รางวัล เพียงซื้อและเปลี่ยนยางรถยนต์ BRIDGESTONE, FIRESTONE หรือ DAYTON รุ่นที่ร่วมรายการครบ 4 เส้น ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566

คุณเคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริดจสโตนมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ในผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์คุณภาพระดับพรีเมียมที่มาพร้อมความปลอดภัย และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจตลอดการเดินทางจนบริดจสโตนได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วประเทศ สะท้อนผ่านรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ Marketeer No.1 Brand Thailand” ประเภทยางรถยนต์ ต่อเนื่องถึง 12 ปี ทั้งนี้เพื่อร่วมฉลองความสำเร็จที่ได้รับ เราจึงขอส่งมอบของรางวัลแทนคำขอบคุณผ่านแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ในปีนี้ “บริดจสโตน เปลี่ยนยางลุ้นโชค” เพื่อตอบแทนความไว้วางใจและมอบความสุขแก่ลูกค้าที่สนับสนุนเราด้วยดีเสมอมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกค้าจะให้ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ของเราเช่นนี้ตลอดไป

เงื่อนไขการร่วมชิงโชคลุ้นรับรางวัล:
   1) ลูกค้าที่ซื้อและเปลี่ยนยางรถยนต์ BRIDGESTONE, FIRESTONE หรือ DAYTON รุ่นที่ร่วมรายการครบ 4 เส้น จากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566

และลงทะเบียนรับประกันยางรถยนต์ผ่านช่องทาง https://tirewarranty.bridgestoneth.com/register-pc จะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชค 2 สิทธิ์ สำหรับกลุ่มยางรถยนต์ BRIDGESTONE และ 1 สิทธิ์ สำหรับกลุ่มยางรถยนต์ FIRESTONE และ DAYTON (สามารถสอบถามรุ่นยางรถยนต์ที่ร่วมรายการได้จากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ)  

2)   ระยะเวลาการร่วมชิงโชค มีกำหนด 2 ครั้ง ดังนี้

      – ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 หมดเขตวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เวลา 24.00 น.               
      จับรางวัลวันที่ 6 ธันวาคม 2566  เวลา 13.30 น. ประกาศผลผู้โชคดีผ่านทาง BRIDGESTONE FACEBOOK                      
      FANPAGE และเว็บไซต์ BRIDGESTONE THAILAND (www.bridgestone.co.th)   

     ของรางวัลสำหรับการจับรางวัลครั้งที่ 1 ได้แก่

·        รางวัลที่ 1 : รถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น CROSS HEV SMART มูลค่า 1,024,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 1,024,000 บาท 

·        รางวัลที่ 2 : โทรศัพท์ ยี่ห้อ iPhone รุ่น 15 Pro Max 256 GB มูลค่า 48,900 บาท จำนวน 12 รางวัล รวมมูลค่า 586,800 บาท 

·        รางวัลที่ 3 : โดรน ยี่ห้อ DJI รุ่น Mini 3 Pro  มูลค่า 30,990 บาท จำนวน 12 รางวัล รวมมูลค่า 371,880 บาท 

·        รางวัลที่ 4 : เครื่องเล่นเกมส์ ยี่ห้อ SONY รุ่น Play Station 5 with 2 Dual sense มูลค่า 20,690  บาท จำนวน 12 รางวัล รวมมูลค่า 248,280 บาท 

·        รางวัลที่ 5 :  บัตรเติมน้ำมัน ปตท. มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 600 รางวัล รวมมูลค่า 1,200,000 บาท 

     – ครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 หมดเขตวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เวลา 24.00 น. จับรางวัลวันที่ 8 มกราคม 2567 เวลา 13.30 น. ประกาศผลผู้โชคดีผ่านทาง BRIDGESTONE FACEBOOK FANPAGE  และเว็บไซต์ BRIDGESTONE THAILAND (www.bridgestone.co.th)

       ของรางวัลสำหรับการจับรางวัลครั้งที่ 2 ได้แก่            

·        รางวัลที่ 1 : รถยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น HR-V EL มูลค่า 1,079,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 1,079,000 บาท 

·        รางวัลที่ 2 : โทรศัพท์ ยี่ห้อ iPhone รุ่น 15 Pro Max 256 GB มูลค่า 48,900 บาท จำนวน 12 รางวัล รวมมูลค่า 586,800 บาท 

·        รางวัลที่ 3 : โดรน ยี่ห้อ DJI รุ่น Mini 3 Pro  มูลค่า 30,990 บาท จำนวน 12 รางวัล รวมมูลค่า 371,880 บาท 

·        รางวัลที่ 4 : เครื่องเล่นเกม ยี่ห้อ SONY รุ่น Play Station 5 with 2 Dual sense มูลค่า 20,690 บาท จำนวน 12 รางวัล รวมมูลค่า 248,280 บาท 

·        รางวัลที่ 5 :  บัตรเติมน้ำมัน ปตท. มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 600 รางวัล รวมมูลค่า 1,200,000 บาท 

    3)  ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลที่ 1 – 4 จะต้องเดินทางไปรับรางวัลที่ร้านค้าที่ผู้โชคดีซื้อยางรถยนต์ หรือร้านค้า
     ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สาขาอื่นที่ใกล้บ้าน ตามที่บริษัทฯ และผู้โชคดีตกลงร่วมกัน และสำหรับ
     รางวัลที่ 5 ทางบริษัทฯ จะทำการจัดส่งของรางวัลไปให้ผู้โชคดีตามที่อยู่ที่ผู้โชคดีแจ้งให้ไว้แก่บริษัทฯ

    4)  ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลที่ 1 – 4 ต้องแสดงสำเนาบัตรประชาชนเพื่อรับของรางวัล หากผู้โชคดีไม่สามารถ
     รับของรางวัลได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทนได้ โดยต้องมีหนังสือมอบอำนาจและ   
     หลักฐานของผู้ที่ได้รับรางวัล (ผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจต้องนำสำเนาบัตรประชาชน  
     ประกอบด้วย) เพื่อรับของรางวัลแทน ในกรณีหลักฐานไม่ครบ บริษัทฯ ขอระงับสิทธิ์ในการรับรางวัล      
     และจะทำการติดต่อผู้โชคดีในลำดับถัดไป       
    5)  ผู้โชคดีไม่สามารถโอนสิทธิ์การรับรางวัลให้กับผู้อื่นได้ หรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงของรางวัลเป็นเงิน  
     สดได้              
    6)  ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่าของรางวัล           
     ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 ลงวันที่ 26 กันยายน 2528 ประกอบคำสั่งกรมสรรพากร               
     ที่ ท.ป. 104/2544 ลงวันที่ 15 กันยายน 2544

    7)  บริษัทฯ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดจำหน่ายของรางวัลที่ระบุในรายการนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบ
     ต่อคุณภาพหรือบริการที่อาจเกิดขึ้นกับรางวัลดังกล่าว หากมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพหรือบริการ            
     ผู้โชคดีจะต้องติดต่อบริษัทที่จำหน่ายหรือให้บริการโดยตรง

    8)  การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นเด็ดขาดและสิ้นสุด

    9)  หนังสือใบอนุญาตเลขที่ 1672-1673/2566


สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bridgestone.co.th หรือสอบถามได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-636-1555

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

MG opens EV battery factory

เดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตอีวีในไทยและอาเซียน

จากซ้ายไปขวา นายจ้าว เฟิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด, นายนพดล เจียรวนนท์  รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน)

เครือเจริญโภคภัณฑ์, นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต, นายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน)

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด, ดร. ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายนกุล เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ

กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน) เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายเผิง เจี้ยน กรรมการผู้จัดการบริษัท HASCO-CP

กรุงเทพฯ – 31 ตุลาคม 2566 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ประกาศเปิดโรงงานแบตเตอรี่อีวีแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนบนพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ด้วยกำลังการผลิตกว่า 50,000 ก้อนต่อปี พร้อมเข้าสู่บทบาทการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และปักหมุดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีวีแห่งภูมิภาคอาเซียน

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ได้เปิดโรงงานแบตเตอรี่อีวีแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ HASCO-CP BATTERY SHOP ในภูมิภาคอาเซียนบนพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ  75 ไร่ หลังทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนการประกอบแบตเตอรี่ ประกอบด้วยสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์ (Robotic) เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ การเชื่อมโดยเลเซอร์ (Laser Welding) เพื่อให้ได้คุณภาพของการเชื่อมที่ดีการตรวจสอบด้วย CCD (Charge Coupled Device) เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบเทียบกับต้นแบบในทุกขั้นตอนก่อนนำไปใส่ในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และส่วนการทดสอบมาตรฐานของแบตเตอรี่ กว่า 60 ขั้นตอน อาทิ การตรวจสอบค่าการเก็บการคายประจุ (Charge & Discharge) การตรวจสอบน้ำรั่วซึมเข้าสู่แบตเตอรี่ (Air Leak test) ทดสอบความเป็นฉนวน (Insulation Test) ทดสอบการควบคุมพลังงาน (Static Test) เป็นต้น โดยในสายการผลิตแห่งนี้สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 ก้อนต่อปี  ซึ่งแบตเตอรี่ที่ประกอบในประเทศไทยจะเป็นมาตรฐานเดียวกับสายการผลิตระดับโลก สำหรับแบตเตอรี่ที่ออกจากสายการผลิตนี้จะถูกนำไปติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MG4 ELECTRIC เป็นรุ่นแรก รวมถึงรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ความพร้อมีลูกจแล้วในอนาคต ซึ่งอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมของสายการผลิตเพื่อเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2567”

นายจ้าว เฟิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานแบตเตอรี่อีวี เป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เพิ่มงบลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาท โดยจะใช้เป็นโรงงานประกอบแบตเตอรี่อีวีในรูปแบบ Cell-To-Pack (CTP) ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง RUBIK’s CUBE BATTERY ด้วยข้อได้เปรียบในเรื่องของศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงการที่บริษัทแม่อย่าง SAIC MOTOR CORPORATION และ HASCO-CP เล็งเห็นถึงความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน

“โดยนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 ที่ เอ็มจี ได้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย สู่ปัจจุบันที่รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นที่นิยม และมีการเติบโตในตลาดแบบก้าวกระโดด ตอกย้ำความเชื่อมั่น ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวมกว่า 18,000 คัน ด้วยผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ คือการให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Ecosystem ที่มีความแข็งแกร่งและครอบคลุมในทุกมิติของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จไฟแบบเร็ว หรือ MG SUPER CHARGE รองรับการเดินทางที่สะดวกสบาย ทั่วประเทศ ล่าสุด เอ็มจี เดินหน้าแผนงานอีวีมุ่งยกระดับอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัวโรงงานประกอบแบตเตอรี่อีวี และถือเป็นเครื่องสะท้อนความตั้งใจของ เอ็มจี หลังจากนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ในแผนงานระยะถัดไป เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ โดยมีกรอบระยะเวลาแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2567” 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่

Website: www.mgcars.com

Line: @MGThailand

Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand

Twitter: @mg_thailand

Instagram: @mgthailand

Youtube: MG Thailand

TikTok: @mgthailand

Application: MG Thailand

หมวดหมู่
Cars Accessories Lormhuntuathai New Innovation News SPORT NEW

OR joins in writing Thai history again. In the MotoGP battle, “OR Thailand Grand Prix 2023” is ready to impress motorsport fans around the world for the 4th consecutive year.

OR ร่วมจารึกประวัติศาสตร์ไทยอีกครั้ง ในศึกโมโตจีพี “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” พร้อมสร้างความประทับใจให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ หรือ Title Sponsor สำหรับการแข่งขันสุดยอดรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี 2023 สนามที่ 17  ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ภายใต้ชื่อรายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” (OR THAILAND GRAND PRIX 2023) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27– 29 ตุลาคม 2566 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยความมุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น นักแข่ง ทีมสนับสนุน และสื่อมวลชนจากนานาชาติ รวมถึงแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตทั่วทุกมุมโลก และเป็นหนึ่งในกรังด์ปรีซ์ที่ดีที่สุดในโลกอีกครั้ง

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR เปิดเผยว่า OR ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก“โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023”ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยที่ผ่านมา OR ได้สนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่องมาตลอด สำหรับการสนับสนุนการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกครั้งนี้ OR หวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมสร้างประวัติศาสตร์ด้านการกีฬาให้แก่คนไทย และช่วยกระตุ้นให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยสนับสนุนให้คนไทยได้มีโอกาสพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตเพื่อก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลก และเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์จริงในสนามแข่งอย่างใกล้ชิด รวมทั้งช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ OR และผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ของ OR ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในประเทศไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว และช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก ซึ่งจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศในฐานะเจ้าบ้านที่มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกได้เป็นอย่างดี โดย “โมโตจีพี” ถือเป็นศึกมอเตอร์ไซด์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดของโลก มีผู้ชมเดินทางมาชมการแข่งขันในสนามหลายแสนคน และมีการถ่ายทอดไปยังผู้ชมกว่า 200 ประเทศ สู่สายตาผู้ชมทั่วโลกกว่า 800 ล้านครัวเรือน

ตลอดระยะเวลาการจัดงาน MotoGP 2023 ทั้ง 3 วัน OR ได้จัดเตรียมโออาร์ พาวิลเลียน (OR Pavilion) ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษต่าง ๆ มากมาย ให้ผู้เข้าชมงานในครั้งนี้ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ และแฟนโมโตจีพี ยังสามารถเลือกซื้อของที่ระลึก MotoGP Limited Edition “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” นอกจากนี้ ภายใน OR Pavilion ยังมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants และ FIT Auto รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ต่าง ๆ ในเครือ OR เพื่อเติมพลังและความสดชื่นให้ผู้เข้าร่วมงาน เช่น Café Amazon, Texas Chicken และ โอ้กะจู๋ เป็นต้น และที่พิเศษสุดสำหรับปีนี้ OR ได้จัดเตรียมบูธ xplORe ไลฟ์สไตล์แอพพลิเคชันของ OR มิติใหม่แห่งการใช้ชีวิตนอกบ้าน ให้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย

ศึกโมโตจีพีนับเป็นสุดยอดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบอันดับหนึ่งของโลกที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลก สำหรับ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” ครั้งนี้ มีนักบิดชั้นนำจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา อาทิ มาเวริค บีญาเลส (Maverick Viñales) ฆอร์เฆ มาร์ติน (Jorge Martin) และ มาร์ค มาร์เกซ (Marc Marquez) รวมถึงนักบิดมือพระกาฬอีกมากมาย โดยในปีนี้ยังมีนักแข่งไทย 2 ท่าน ได้แก่ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ลงแข่งขันในศึกโมโตทรี (Moto 3)  และ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ลงแข่งขันในศึกโมโตทู (Moto 2) อีกด้วย

OR หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การแข่งขัน “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก และยิ่งใหญ่ไม่แพ้โมโตจีพีครั้งที่ผ่านมา ที่จะสร้างความสุขและประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับผู้ร่วมงานและแฟน ๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น นายดิษทัต กล่าวตอนท้าย 

หมวดหมู่
Cars Accessories Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

Come see MotoGP this time and stop by to see what the YamahaGP Pavilion has to offer.

มาชมโมโตจีพีครั้งนีั แวะชม YamahaGP Pavilion มีอะไรบ้าง สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวชาวไทย ที่เดินทางมาชมการแข่งขันขันโมโตจีพีปีนี้ แวะชม บูธ YamahaGP Pavilion กับกองพัท The Blue Army แฟนๆ จะได้พบกับ

🥤มุม Free Drink เครื่องดื่มๆ ไว้คอยต้อนรับ
🏍️ มุมรถแข่งตัวท๊อปยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม
🎮 มุม E-Sport เกมมันๆ MotoGP 23 ไว้ให้ดวลกับเพื่อนๆ
🧘🏻 มุม Moto Trainer ซิมูเลเตอร์ทดสอบขับขี่ให้มาทดสอบกันที่สนามช้างฯ
🏍️ มุมโชว์สุดยอดรถแข่ง YZR-M1 ของ กวาร์ตาราโร่ และมอบิเดลลี่ มาให้ชมอย่างใกล้ชิด
🎽 โซนจำหน่ายสินค้า และเสื้อผ้า จากยามาฮ่า ราคาสุดพิเศษ เฉพาะในงานนะ

และขาดไม่ได้กับ 4 สาว Blue Army Girls ที่จะมาคอยต้อนรับกับทุกท่านที่บูธ YamahaGP Pavilion ในการแข่งขันโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

Yamaha #YamahaGPpavilion #ThaiGP23 #TheBlueArmy

หมวดหมู่
Cars Accessories News

พีทีที สเตชั่น ร่วมกับ TOYOTA ALIVE จัดกิจกรรมSPOOKY HAPPY PARTYสนับสนุนความประหยัดโดย XTRA SAVE

พีทีที สเตชั่น ร่วมกับ TOYOTA ALIVE จัดกิจกรรมพิเศษ SPOOKY
HAPPY PARTY สนับสนุนความประหยัดโดย XTRA SAVE ให้ลูกค้า
Toyota ได้ทดลองขับรถแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
พร้อมพิสูจน์ประสิทธิภาพของน้ำมัน XTRA SAVE
น้ำมันเกรดมาตรฐานสูตรใหม่จาก พีทีที สเตชั่น ที่จะช่วย “เซฟทุกคน
เพื่อรถทุกคัน” ณ Toyota Alive บางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้


สำหรับกิจกรรมจาก XTRA SAVE น้ำมันเกรดมาตรฐานจาก พีทีที
สเตชั่น ภายในงาน SPOOKY HAPPY PARTY
ที่เปิดโอกาสให้ทดลองขับรถ ALL-NEW YARIS CROSS
รถยนต์เอสยูวีรุ่นล่าสุด พร้อมเครื่องยนต์ 1.5 Hybrid ก่อนใคร
ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
โดยลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ให้ความคุ้มค่าในเรื่องการ
ประหยัด ได้ระยะทางมากขึ้นกว่าเดิม
ยังได้ร่วมทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมัน XTRA SAVE
จากการทดลองขับในสนาม
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมการร่วมสนุกจับฉลากชิงรางวัลจาก
พีทีที สเตชั่น ที่ผู้โชคดีจะได้ลุ้นรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 500 บาท
จำนวน 25 รางวัล และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
XTRA SAVE น้ำมันเกรดมาตรฐานสูตรใหม่จาก พีทีที สเตชั่น
ออกแบบมาเพื่อ “เซฟทุกคน เพื่อรถทุกคัน” อย่างแท้จริง เพราะ พีทีที
สเตชั่น เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ใช้งานเสมอ
ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ในทุกการขับขี่ มอบความคุ้มค่ามากกว่าเดิม
แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันสูงสุด ไปได้ไกล ได้ระยะทางมากขึ้น
พร้อมอัตราเร่งเต็มกำลัง
นอกจากนี้ยังช่วยในการชะล้างทำความสะอาดเครื่องยนต์
ไม่ว่าจะเป็นหัวฉีด หรือวาล์วไอดี ทำให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ
และป้องกันสนิมได้ 100% โดย พีทีที สเตชั่น
ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสความคุ้มค่าของ XTRA SAVE
ได้แล้ววันนี้ที่ พีทีที สเตชั่น ทุกสาขา ทั่วประเทศ

ติดตามโปรโมชันและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่ Facebook Fanpage: PTT
Station หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1365 Contact Center

พีทีทีสเตชั่น #PTTStation #XtraSave #เซฟทุกคนเพื่อรถทุกคัน

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

บริดจสโตนรับรางวัล Business Partner Award 2023 (Silver Award) จากไทยเบฟเวอเรจในฐานะพันธมิตรที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าความยั่งยืนสู่สังคมพร้อมประกาศเจตนารมณ์สู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในงาน Sustainability Expo 2023

คุณชัยพันธ์ วงแก้วเจริญ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจผู้ใช้ปลายทางโดยตรง บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัล “Business Partner Award 2023 ประเภทรางวัล Silver Award” จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

[กรุงเทพฯ] (19 ตุลาคม 2566) – บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยคุณชัยพันธ์ วงแก้วเจริญ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจผู้ใช้ปลายทางโดยตรง เป็นตัวแทนรับรางวัล“Business Partner Award 2023 ประเภทรางวัล Silver Award” จากคุณทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท       ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในงาน ThaiBev Business Partner Award 2023 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ นับเป็นรางวัลประกาศเกียรติคุณสำหรับบริษัทคู่ค้าที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อเติบโตในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งรางวัลความภาคภูมิใจของบริดจสโตนที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและยอมรับจากพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นทั้งด้านคุณภาพ การค้า การส่งมอบ ความยั่งยืน และการพัฒนาโครงการ ตามเกณฑ์          ที่ไทยเบฟเวอเรจได้กำหนดไว้ และจากความมุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าความยั่งยืนสู่สังคมไปด้วยกันกับไทยเบฟ      เวอเรจ บริดจสโตนได้รับรางวัล Business Partner Awardต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จนถึงปัจจุบัน

รางวัล “Business Partner Award 2023 ประเภทรางวัล Silver Award”

พร้อมกันนี้บริดจสโตนยังได้เข้าร่วมงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของบริษัทและนำเสนอโซลูชั่นเพื่อส่งมอบความยั่งยืนสู่สังคมการเดินทางผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ โซลูชั่น ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริดจสโตนด้วยการบริหารงานภายใต้ “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ตลอดห่วงโซ่คุณค่าซึ่งเชื่อมโยงกับพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า และสังคม

คุณอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ส่วนงานความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด ในงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

ด้านคุณอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ส่วนงานความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด กล่าวในงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) ว่า “บริดจสโตนมุ่งดำเนินธุรกิจโดยให้ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในนโยบายบริหารงานภายใต้วิสัยทัศน์ส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนภายในปี ค.ศ. 2050  เพื่อผลลัพธ์ความสำเร็จด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและส่งมอบทรัพยากรให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต เราดำเนินธุรกิจผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การสนับสนุนและมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ เช่น การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน และการได้รับใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียนเพื่อรับรองการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RECs) 2.การส่งเสริมหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการมุ่งพัฒนานวัตกรรมยางรถยนต์รักษ์โลก และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางหล่อดอกซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งให้แก่ผู้ประกอบการด้วยการลดใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตยางรถบรรทุกเพื่อทำให้โครงยางเดิมนั้นนำกลับมาใช้งานได้อีก ทั้งยังเป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3.การดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนสังคมด้านการเดินทางอย่างยั่งยืน เช่น การส่งมอบพื้นที่ความปลอดภัยบนท้องถนนนแก่โรงเรียนต้นแบบเพื่อขับเคลื่อนทุกชีวิตไปสู่จุดหมายการเดินทางได้อย่างปลอดภัย เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการดำเนินงานส่วนหนึ่งด้านความยั่งยืนของบริดจสโตน และเรายั่งคงร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่ลูกค้าและสังคม ตลอดจนยกระดับความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศต่อไป”

บรรยากาศในงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023)

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

“ลามิน่า” จัดประชุมผู้บริหารศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศมอบรางวัล Lamina Excellence Awards ประจำปี 2566

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” จัดประชุมผู้บริหารศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และมอบรางวัล Lamina Excellence Awards 2023

บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า”ผลิตโดยอีสท์แมน เพอร์ฟอร์แมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำโดย นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จัดประชุมผู้บริหารศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ Lamina Next Era ร่วมทะยาน…ต่อยอดธุรกิจยุคใหม่ พร้อมมอบรางวัล Lamina Excellence Awards ประจำปี 2566 แก่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่สร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายและสามารถให้บริการกับลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา
นับเป็นอีกปีที่ครอบครัวลามิน่าฟิล์ม ได้กลับมาพบกันอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ต่างเผชิญบทพิสูจน์ทางธุรกิจ และสามารถก้าวผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่งและงดงาม ทำให้ต่างเติบโต มีภูมิคุ้มกันทางธุรกิจที่เข้มแข็ง

และช่วยเป็นสปริงบอร์ดให้ทั้งผู้จัดจำหน่ายและศูนย์ตัวแทนได้ก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จได้สูงและไกลกว่าเดิม ความสำเร็จในทุกภาคส่วน เกิดจากความร่วมมือกันทั้งจาก บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายลามิน่า และโรงงานผู้ผลิต ที่ร่วมกันพัฒนาคุณภาพสินค้า บริการ และการติดตั้งที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ โดย “ลามิน่า”
เป็นฟิล์มกรองแสงเพียงหนึ่งเดียวที่จัดสัมมนาศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544
มีศูนย์ตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมงานกว่า 200 แห่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าและบริการด้านต่างๆ
รวมถึงการคัดสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของศูนย์ตัวแทนจำหน่าย และผู้บริโภค อีกทั้งศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่จะได้รับรางวัล Lamina Excellence Awards พิจารณาจากผลการเติบโตทางยอดจำหน่ายที่ดีเยี่ยม


ปัจจัยการให้บริการที่โดดเด่น มีความรู้ด้านสินค้าฟิล์มกรองแสง
รวมถึงความรู้ด้านการตลาดอย่างรอบด้าน โดยแบ่งการมอบรางวัล Lamina Excellence Awards ออกเป็น 6 ประเภท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันน่าชื่นชมในมิติที่แตกต่างกันของแต่ละศูนย์ตัว แทนจำหน่าย ประกอบไปด้วย

1.รางวัลยอดขายดีเด่น 2.รางวัลยอดขายเติบโต
3.รางวัลผลิตภัณฑ์รวมดีเด่น 4.รางวัลยอดขายเติบโตต่อเนื่อง
5.รางวัลลามิน่าฟิล์ม เอ็กซ์คลูซีฟช็อป มาตรฐานดีเยี่ยม และ
6.รางวัลลามิน่าฟิล์ม เอ็กซ์คลูซีฟช็อป มาตรฐานสูงสุด
ปัจจุบันเราก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ
สังคมโลกโซเชียลได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับไลฟ์สไตล์ชีวิตผู้คน
นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก สร้างความบันเทิง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราอย่างรอบด้าน
ลามิน่าฟิล์มจึงพร้อมนำพาศูนย์ตัวแทนจำหน่ายร่วมทะยานเข้าสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ เพื่อเติมเต็มศักยภาพความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ด้วยบรรยากาศ Lamina Next Era ร่วมทะยาน…ต่อยอดสู่โลกธุรกิจยุคใหม่
ทั้งนี้ ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 770
แห่งของลามิน่า ถือเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการเติบโตของบริษัท

รวมถึงการก้าวขี้นเป็นผู้นำในตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในประเทศไทย
ตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลามิน่ามุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง สร้างความเติบโตและความสำเร็จที่มั่นคงแก่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายฟิล์มลามิน่าทุกแห่งอย่างยั่งยืน นอกเหนือไปจากการแต่งตั้งศูนย์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานระดับสากลแล้ว บริษัทฯได้จัดประชุมสัมมนาศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เน้นให้ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพในการบริหารธุรกิจฟิล์มกรองแสงอย่างเข้มแข็ง มีการฝึกอบรมเทคนิคการติดตั้งให้กับศูนย์ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการอบรมเทคนิคขั้นสูงล้วนเป็นปัจจัยความสำเร็จที่ให้ความสำคัญกับเครือข่ายผู้จำหน่ายมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงมืออาชีพระดับเอเชียแปซิฟิค ยังนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์อีกมากมาย อาทิ อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่ (Thule) จากประเทศสวีเดน ผลิตภัณฑ์ฟิล์มนิรภัยปกป้องสีรถลูมาร์ (LLumar)
จากสหรัฐอเมริกา และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษายานยนต์ครบวงจรแอลลักซ์ (LLux)คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

หมวดหมู่
Cars Accessories Motorcycle New Innovation News

“ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” และ “อาคาโพวิค”

ประกาศความร่วมมือระยะยาวในการพัฒนาระบบท่อไอเสียใหม่

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (Triumph Motorcycles) และ อาคาโพวิค (Akrapovic) ได้เปิดเผยแผนความร่วมมือในการพัฒนาระบบท่อไอเสียใหม่ สำหรับรถจักรยานยนต์กลุ่มแอดเวนเจอร์และโรสเตอร์ รวมถึงการทำงานในโปรเจคพิเศษ

โดยความร่วมมือดังกล่าวเริ่มต้นใน Paddock ทั้งนี้ อาคาโพวิค ได้เป็นผู้จัดหาระบบท่อไอเสียให้กับทีมแข่งในการแข่งขัน Moto2TM ที่ใช้เครื่องยนต์สามสูบ 765 ซีซี ของไทรอัมพ์ รวมถึงการแข่งขัน World Champions ในปี 2021 และ 2022

ทั้ง อาคาโพวิค และไทรอัมพ์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในด้านการส่งมอบสมรรถนะสูงเยี่ยม คุณภาพระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมเสียงที่โดดเด่น รวมถึงการออกแบบเชิงนวัตกรรม

นิค บลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดเผยว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการส่งมอบทางเลือกเพิ่มเติมให้กับลูกค้า ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริมของแท้จากไทรอัมพ์ โดยเราร่วมมือกับ อาคาโพวิค ในการพัฒนาระบบไอเสียสำหรับรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักขี่ในการเข้าถึงการตอบสนองและความรู้สึกของประสิทธิภาพรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ใหม่ของพวกเขาได้อย่างมีนัยสำคัญ”

ด้าน ดาโวริน โดบอคนิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาคาโพวิค ให้ข้อมูลเพิ่มว่า “อาคาโพวิครู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ได้ร่วมงานกับแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ และมีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ โดยเรามีค่านิยมที่คล้ายคลึงกัน และวิศวกรของเรากำลังทำงานร่วมกับทีมของไทรอัมพ์ เพื่อพัฒนาระบบไอเสีย สำหรับรถจักรยานยนต์ของไทรอัมพ์ในหลากหลายกลุ่ม ที่จะมาสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก นี่คือความร่วมมือที่น่าตื่นเต้น และมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาคาโพวิค และเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนพร้อมที่จะมีส่วนร่วม เพื่อรอดูความสำเร็จจากความร่วมมือที่เติบโตและแข็งแกร่งในอนาคตต่อไป”

หมวดหมู่
Cars Accessories News

ฮอนด้า จัดการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้า ประจำปี 2566 (Honda Skill Contest 2023)ค้นหาสุดยอดพนักงานขายและบริการหลังการขาย ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการ ตอกย้ำเป้าหมายเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า

(กรุงเทพฯ – 9 ตุลาคม 2566) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้า ประจำปี 2566 (Honda Skill Contest 2023) ค้นหาสุดยอดพนักงานด้านการขายและบริการหลังการขายที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเป็นเลิศทั้งหมด 10 ประเภท จากโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า 222 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้ายกระดับมาตรฐานและคุณภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน เพื่อส่งมอบการบริการอย่างมืออาชีพ สร้างความมั่นใจและความพึงพอใจแก่ลูกค้าอย่างสูงสุด โดยจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 23 – 24 กันยายนที่ผ่านมา ณ สำนักงานขายและบริการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามุ่งมั่นในการนำเสนอยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ที่มาพร้อมตัวเลือกของขุมพลังที่หลากหลาย พร้อมด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานอันครบครัน เพื่อตอบสนองลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านการขายและบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จึงถือเป็นการยกระดับมาตรฐานความรู้ความสามารถ และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการขายและการบริการของพนักงานผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อรักษามาตรฐานการบริการของฮอนด้า และสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”
การแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้า ประจำปี 2566 จัดขึ้นเป็นปีที่ 33 ภายใต้แนวคิด “ก้าวต่อไป ไม่หยุดยั้ง (Never Stop)” สื่อถึงการไม่หยุดยั้งในการพัฒนาของฮอนด้า เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความยินดีให้แก่ลูกค้า ในปีนี้ เป็นการกลับมาจัดงานด้วยการแข่งขันแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 2,104 คน จากโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า 222 แห่งทั่วประเทศ และมีผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 120 คน โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ เงินรางวัล โล่รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ และการจารึกชื่อที่หอเกียรติยศ ณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งการทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถ และนำประสบการณ์ที่ได้รับมาต่อยอด ส่งมอบรอยยิ้มและความยินดีให้แก่ลูกค้าฮอนด้าทุกท่านต่อไป
สำหรับรางวัลชนะเลิศสุดยอดพนักงานด้านการขายและบริการหลังการขาย ทั้ง 10 ประเภท ได้แก่
1.    ประเภทพนักงานช่างซ่อมทั่วไป ได้แก่ คุณสมชาย ไล้ทองคำ จาก บริษัท ฮอนด้าคาร์ส นครสวรรค์ จำกัด สาขาเขาเขียว
2.    ประเภทพนักงานช่างซ่อมตัวถังและสี ได้แก่ คุณณัฐพล ศิรินิรันดรักษ์ และคุณประพันธ์ เส้งนนท์ จาก บริษัท อริยะมอเตอร์ จำกัด
3.    ประเภทที่ปรึกษาการบริการ ได้แก่ คุณอำนาจ โรจนศิริ จาก บริษัท ธัญบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาลำลูกกา
4.    ประเภทพนักงานอะไหล่ ได้แก่ คุณภัทรพล วิริยะประเสริฐ จาก บริษัท เอชซีเอ็น ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด สาขาพระราม 5
5.    ประเภทที่ปรึกษาการขาย ได้แก่  คุณวิเชียร ปานอุทัย จาก บริษัท สระบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาพระพุทธบาท
6.    ประเภทพนักงานช่างบริการตามระยะแบบคู่  ได้แก่ คุณกิตติภูมิ สายแฉ่ง และคุณจีระศักดิ์ สุขสมโภชน์ บริษัท สุวินทวงศ์ ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
7.    ประเภทพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ ได้แก่ คุณจิณต์จุฑา คำชู จาก บริษัท เอชซีเอ็น ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด สาขาติวานนท์
8.    ประเภทที่ปรึกษาการบริการซ่อมตัวถังและสี  ได้แก่ คุณสิทธิโชค ขุนภักณา บริษัท สระบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาพระพุทธบาท 
9.    ประเภทพนักงานตรวจสอบคุณภาพรถใหม่ ได้แก่ คุณธีรยุทธ สุขศิริ จาก บริษัท ฮอนด้าคาร์ส นครสวรรค์ จำกัด สาขาเขาเขียว
10.     ประเภทครูฝึกขับขี่ปลอดภัย ได้แก่ คุณชัยณรงค์ รวมสุข จาก บริษัท สระบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด
หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

PTG คว้ารางวัล “องค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย” จากเวที HR Asia ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) คว้ารางวัล บริษัทฯ ที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3   ดำเนินการโดยนิตยสารเอชอาร์ เอเชีย (HR Asia) บริษัท Business Media International (BMI) ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการยอมรับเป็น วงกว้างในระดับสากลสะท้อนถึงองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานอย่างแท้จริง

ดร.วัลภา สันติธรรมารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี  จำกัด (มหาชน)  หรือ PTG  กล่าวว่า บริษัทฯให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไป สู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพตามวิสัยทัศน์ที่ว่า “เชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต”   

 โดยมีค่านิยมองค์กร “BEST“ เป็นตัวขับเคลื่อนประกอบไปด้วย

  • B- Breakthrough the Limit ทลายข้อจำกัด ก้าวข้ามอุปสรรค   
  • E- Embrace Empathy มองเห็นใจผู้อื่น ใส่ใจทุกความต้องการ
  • S- Succeed Together เชื่อมต่อทุกคุณค่า สร้างความสำเร็จไปด้วยกัน
  • T- Cultivate Trust เติมเต็มความไว้วางใจ

“การได้รับรางวัลนี้ถือเป็นปีที่ 3 สะท้อนถึงองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน อย่างแท้จริง   ภายใต้เป้า หมายวิสัยทัศน์ และวัฒนธรรมองค์กร แบบเดียวกัน นอกจากแสดงถึงการ เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องคนแล้ว ยังเป็นการยืนยันถึงแนวทางการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืนอีก ด้วย”ดร.วัลภากล่าวในที่สุด

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

“MARS” Deep Tech Startup

ผงาดร่วมแชร์สุดยอดไอเดียนวัตกรรมประเมินความเสียหายรถยนต์ด้วย AI
พร้อมคว้าผลงานดีเยี่ยมจากเวทรีะดับโลก ICIAP 2023 ณ อิตาลี

“MARS” Deep Tech Startup บริษัทในเครือ “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” สตาร์ตอัปหนึ่งเดียวในเอเชีย ผงาดร่วมแชร์สุด
ยอดไอเดียนวัตกรรมประเมินความเสียหายรถยนต์แบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี AI อีกขั้นของความแม่นยำเทียบชั้น มาตรฐานระดับโลก ภายใต้โมเดล MARS หรือ Mask Attention Refinement with Sequential Quadtree Nodes พร้อมคว้ารางวัลผลงานเป็นที่ยอมรับระดับดีเยี่ยม จากเวทีการประชุมเชิงวิชาการ International Conference on Image Analysis and Processing (ICIAP2023) ณ เมืองอูดิเนประเทศอิตาลี

บริษัท มอเตอร์เอไอเรคอกนิชั่น โซลูชั่น จำกัด หรือ “MARS” Deep Tech Startup บริษัทในเครือ บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์จำกัด (มหาชน) ผู้นำนวัตกรรมด้านการประกันภัย และผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันภัยไทยด้วย ประกันรถเปิดปิด จ่ายตามที่ขับจริง ช่วยประหยัดสูงสุดถึง 80% สตําร์ตอัปหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชีย นำโดย ดร.ธีรพงศ์ ปาน
บุญยืน AI/ML Senior Team Lead ในฐานะหัวหน้าทีม MARS Artificial Intelligence Laboratory (MARSAIL) ได้รับเกียรติ
เชิญเข้าร่วมแชร์ไอเดียเทคนิคสุดยอดนวัตกรรมประกันภัยไทยสู่สายตาโลก กับเทคนิคการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อการ

ตรวจจับความเสียหายของรถยนต์งานประชุมเชิงวิชาการ International Conference on Image Analysis and Processing (ICIAP2023) ณ เมืองอูดิเนประเทศอติาลีซ่งึเป็นงานประชมุ ทคี่ ดัสรรผลงานด้านการพฒั นาเทคโนโลยีรวมถึงนวตักรรมด้าน AI มาเพอื่ เผยแพร่และนา เสนอสู่สายตาชาวโลก โดย ดร.ธีรพงศ์ และทีมนำเสนอเทคนิค AI ตัวใหม่ล่าสุดของงานด้านการตรวจจับบาดแผลรถยนต์ โดยใช้ชื่อโมเดล
MARS หรือ Mask Attention Refinement with Sequential Quadtree Nodes ซึ่งเป็นโมเดล AI ส ําหรับใช้ท ํานํายบําดแผล
รถยนต์ในชุดข้อมูลรถยนต์ของประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยใช้เทคนิค Self-Attention Mechanisms และ Sequential
Quadtree Nodes ทำให้คะแนนค่าความแม่นยำในการตรวจจับบาดแผลรถยนต์ดีกว่าโมเดลอื่นๆ ถือเป็นการสร้ํางมาตรฐาน
ความแม่นยำระดับสากล และเป็นที่ยอมรับในระดับดีเยี่ยม โดยงานวิจัยของ MARS จะได้ตีพิมพ์ลงใน Conference proceedingsของ ICIAP International Workshops และเผยแพร่โดยสำนักพิมพ์ Springer ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์เชิงวิชาการชั้น นำของประเทศสหรัฐอเมริกาที่รวบรวมผลงานวิจัย รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับมาเผยแพร่

ด้านคุณเทพพันธ์อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อ ํานวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ใน
ฐํานะผู้นำด้าน InsurTech ของประเทศไทย “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” ไม่เคยหยุดนิ่งในกํารคิดค้น พัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรม
ใหม่ๆ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทลูกที่มีความเชี่ยวชําญด้านเทคโนโลยีอย่ําง MARS เพื่อเพิ่มควํามสะดวก และโอกาสใน

กํารเข้าถึงประกันภัย อันเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อน ภาพรวมอุตสําหกรรมประกันภัยของประเทศไทยให้เติบโตอย่ํางมั่นคงยั่งยืน
“บริษัทฯขอเป็นส่วนหนึ่งในกํารสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ มีความคิดสร้ํางสรรค์ มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าทำและเชื่อมั่นในตัวเอง หันมาให้ความสำคัญกับความเชื่อและศักยภาพในตัวเอง เพื่อจะก้าวไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนา ด้านเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมประกันภัยไทย เพื่อให้คนไทยสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างยั่งยืน และ
วันนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าคนไทยมีศักยภาพไม่แพ้ชาติใด จึงทำให้อุตสาหกรรมประกันภัยไทยก้าวล้ำ และเติบโตอย่ํางไม่หยุดยั้ง”
คุณเทพพันธ์ กล่าว

Motor AI Recognition Solution หรือบริษัท MARS เป็นบริษัทสตาร์ตอัปผู้เชี่ยวชําญด้านเทคโนโลยี AI ที่บริษัท
ประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้ร่วมลงทุนและก่อตั้งเพื่อพัฒนา AI Solution มาใช้เป็นครั้งแรกในวงการประกันภัยรถยนต์โดย MARS
ใช้ AI เพื่อช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์ และประเมินความเสียหาย ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ และเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลด
ขั้นตอนการทำงานที่ต้องใช้คนในการตรวจสอบ วิเคราะห์ หรือคีย์ข้อมูล ทำให้ผู้ใช้บริการทำประกันภัยหรือแจ้งเคลมงานซ่อม กับบริษัทประกันภัยได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อปี 2565 ที่ผ่ํานมํา MARS ได้มีเปิดตัว Solution แรกคือ MARS Inspect application สำหรับการตรวจ
สภาพรถก่อนทำประกัน ซึ่งได้รับกํารตอบรับเป็นอย่ํางดีจากผู้ใช้งําน โดยสามารถตรวจสภาพรถได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ต้องรอนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ให้มาทำการตรวจรถให้ ทำให้ได้รับผลการอนุมัติประกันรวดเร็วขี้น และเปิดตัว Solution ใหม่ MARS Garage ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเพื่อแจ้งเคลมงานซ่อมระหว่างอู่กับบริษัทประกันภัย และประเมินราคํา ค่าซ่อมค่าแรง ค่าอะไหล่ โดยนำเทคโนโลยี AI มาประเมินการความเสียหาย ให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็วเพื่อเป็นข้อมูลให้บริษัท
ประกันภัยสามารถประเมินราคา ซ่อมแซมรถได้อย่างรวดเร็วและสะดวกต่อผู้ใช้บริการ

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN® ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

  • บริดจสโตนสนับสนุนยางรถยนต์ที่พัฒนาจากคาร์บอนแบล็กรีไซเคิล น้ำมันรีไซเคิล ซิลิก้าจากแกลบข้าว วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่อื่นๆ แก่ทีมผู้เข้าแข่งขันในรายการ Bridgestone World Solar Challenge (การแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์) *1
  • นับเป็นการดำเนินงานเชิงรุกด้วยการนำเทคโนโลยี ENLITEN® มาใช้ในยางรถยนต์ซึ่งเป็นครั้งแรกในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต
  • บริดจสโตนสนับสนุนการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge และกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตสู่ความยั่งยืน สะท้อนถึงคุณค่าด้าน “Energy (พลังงาน)” และด้าน “Emotion (ความรู้สึก)” 

[โตเกียว] (5 ตุลาคม 2566) – บริดจสโตนประกาศสนับสนุนยางรถยนต์ที่พัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%*2 แก่ทีมผู้เข้าแข่งขันในรายการ Bridgestone World Solar Challenge (การแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์) ซึ่งยางรถยนต์ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตอบโจทย์การใช้งานสุดท้าทายบนระยะทางรวม 3,000 กิโลเมตรในประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นการนำเทคโนโลยี ENLITEN® มาใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตเป็นครั้งแรก 

นอกจากนี้บริดจสโตนยังมุ่งให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตซึ่งผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย ด้วยความภาคภูมิใจและความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งของบริดจสโตนที่มีต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การผลิต การขนส่ง ความแข็งแกร่งของแบรนด์ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในวงการมอเตอร์สปอร์ต บริดจสโตนฉลองครบรอบ 60 ปี ในวงการมอเตอร์สปอร์ตในปี ค.ศ. 2023 และมุ่งมั่นสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตสู่ความยั่งยืน

1. “ENLITEN®เทคโนโลยีใหม่ของบริดจสโตนสำหรับการออกแบบยางรถยนต์พรีเมียมในยุครถยนต์ไฟฟ้า

บริดจสโตนได้พัฒนายางรถยนต์รุ่นใหม่สำหรับการแข่งขันในรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge ด้วยเทคโนโลยี ENLITEN® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้ยกระดับยางรถยนต์ที่ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน ด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่ยังคงสมรรถนะด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและตลาดด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นองค์ประกอบของ ENLITEN® ทำให้บริดจสโตนสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและสังคม ซึ่งยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN® ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยตอบโจทย์การขับขี่รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์อย่างเต็มสมรรถนะให้ทีมผู้เข้าแข่งขัน*3 บนระยะทาง 3,000 กิโลเมตร เทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยลดความต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และทำให้ยางรถยนต์มีน้ำหนักเบา บริดจสโตนจะออกแบบยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์เฉพาะบนพื้นฐานความต้องการของทีมผู้เข้าแข่งขัน ทั้งนี้เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่อย่าง ENLITEN® และดึงสมรรถนะที่เหนือชั้นของยางรถยนต์ออกมา นอกจากนี้เรายังพัฒนาและส่งมอบยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN® ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าผ่านการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตและการขับขี่ในชีวิตประจำวัน

2. ยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ถูกพัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

บริดจสโตนกำลังจัดเตรียมยางรถยนต์ที่มีสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ (MCN – Material Circularity Number) ถึง 63% เมื่อเทียบกับการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ประจำปี ค.ศ. 2019 มีประมาณ 30% วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ที่ใช้ในการพัฒนายางรถยนต์ประกอบด้วย เส้นใยอินทรีย์รีไซเคิล คาร์บอนแบล็กรีไซเคิล ยางสังเคราะห์รีไซเคิล น้ำมันรีไซเคิล และวัสดุเสริมความแข็งแรงจากเหล็กรีไซเคิล นอกจากนี้ยางรถยนต์ที่ใช้กับการแข่งขันในคลาส Cruiser ยังได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมโดยใช้ซิลิกาจากแกลบข้าวและคาร์บอนแบล็กซึ่งผ่านกระบวนการไพโรไลซิสของยางรถยนต์ที่ใช้แล้ว

3. ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge สำหรับการขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge บริดจสโตนได้ร่วมมือกับ DHL บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ด้วยการบรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 การใช้โซลูชั่น GoGreen Plus*4 ของ DHL จะทำให้การขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันดังกล่าวเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ผสานกับการใช้เชื้อเพลิงทางการขนส่งทางเรือ (การลดคาร์บอนแบบอินเซ็ต: insetting) และการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐาน VER Gold Standard carbon credits (การชดเชยคาร์บอน:offsetting)

“บริดจสโตนมุ่งมั่นสนับสนุนอนาคตของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตสู่ความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ซึ่งเราสนับสนุนยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN® และถูกพัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 63% เช่นเดียวกับความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทาน เรามีความตั้งใจที่จะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ผ่านสถานการณ์การแข่งขันสุดท้าทายนี้” Naotaka Horio ผู้อำนวยการบริดจสโตนมอเตอร์สปอร์ต กล่าว “นอกจากนี้ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันดังกล่าว เรายังต้องการส่งเสริมเหล่าวิศวกรรุ่นใหม่จากทั่วโลกให้สร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อใช้ในการแข่งขันด้วย ซึ่งพวกเขายังสามารถมีบทบาทในสังคมการเดินทางที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต”

บริดจสโตนมุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์สู่ปี ค.ศ. 2050 เพื่อส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน โดยเราให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการบริหารและการดำเนินธุรกิจ การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทในการเดินทางของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตซึ่งรวมเข้ากับโซลูชั่นที่ยั่งยืนสำหรับอนาคตต่อไป*5

การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge สอดคล้องกับ “ด้าน Energy (พลังงาน)” และ “ด้าน Emotion (ความรู้สึก)” ใน Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) *6 ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ของบริดจสโตนสู่การสร้างสังคมแห่งการเดินทางที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Energy) และปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้นสู่โลกแห่งการเดินทาง (Emotion)

*1 การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศออสเตรเลีย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.co.jp/bwsc/ และ https://worldsolarchallenge.org/

*2 ข้อมูลดังกล่าวได้รับการรับรองโดย Bridgestone Corporation

*3 บริดจสโตนสนับสนุนทีมผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/corporate/news/2023060501.html  

*4 โซลูชั่น GoGreen Plus ของ DHL สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.dhl.com/jp-ja/home/global-forwarding/products-and-solutions/gogreen-solutions.html

*5 ความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ระยะยาวสู่ปี ค.ศ. 2030 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/ir/library/strategy/pdf/ENG_lsa20220831.pdf

*6 กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้กำหนด “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” เพื่อช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์: “สู่ปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ประกอบด้วยคุณค่า 8 ด้านของบริดจสโตนที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษร “E” (ด้าน Energy (พลังงาน), ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม), ด้าน Efficiency (ประสิทธิภาพ), ด้าน Extension (การเติบโต), ด้าน Economy (เศรษฐกิจ), ด้าน Emotion (ความรู้สึก), ด้าน Ease (ความสะดวกสบาย) และด้าน Empowerment (พลังทางสังคม) ซึ่งกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผ่านเจตจำนงและกระบวนการทำงานร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้า เพื่อสังคมที่ยั่งยืน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/corporate/news/pdf/2022030101.pdf

หมวดหมู่
Cars Accessories News

“แอนิเทค” บุกตลาด EV รุกเปิดตัว “Anitech EV-ONE”เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าพกพาเจ้าแรกที่ผลิตในไทย มั่นใจด้วยมาตรฐาน มอก. พร้อมรุกตลาดไทยก้าวสู่ตลาดโลก

โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “เทรนด์การใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และแบบปลั๊กอินไฮบริดมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2566 มีปริมาณกว่า 15 ล้านคัน และในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นรวมกว่า 17.9 ล้านคัน ทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยก็มีส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV และ PHEV มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียนกว่า 59.2% จึงเป็นโอกาสและที่มาของการแตกไลน์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอนิเทคในวันนี้ ซึ่งทีมใช้เวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับวิศวกรรถยนต์ EV กว่า 1 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 5 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในกลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพสูงและบริการหลังการขายที่เข้าถึงได้ การันตีด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 18 ปี ในตลาดอุปกรณ์คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์

วันนี้แอนิเทคจึงเป็นแบรนด์แรกที่ผลิต Portable EV Charger ในประเทศไทยเป็นเจ้าแรก ด้วยการนำ มอก.11 และ มอก.166 มาใช้กับผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานให้แก่ผู้บริโภค และยังรับประกันสินค้า 1 ปี วงเงินการรับประกันสูงสุดถึง 300,000 บาท พร้อมบริการหลังการขายที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดอายุการใช้งาน โดยภายในปี 2566 คาดว่าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Anitech EV ONE จะสร้างยอดขายได้มากกว่า 1,000 ชิ้น และจะสูงขึ้นในปีต่อๆ ไปตามเทรนด์ ผ่านการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรับผลิตให้กับแบรนด์รถยนต์ที่ตั้งฐานผลิตและประกอบในประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่เติมเต็มโรดแมปของบริษัทในการก้าวไปสู่ผู้นำด้านมาตรฐานความปลอดภัย ชั้นนำของประเทศไทย”

มั่นใจได้กับ Anitech EV ONE (แอนิเทค อีวี วัน) หัวปลั๊ก ในรูปแบบ Type2 ที่ปรับกำลังไฟฟ้าได้ 4 ระดับตั้งแต่ 16แอมป์, 13แอมป์, 10แอมป์ และ 8แอมป์ พร้อมกำลังขับ 3.5 กิโลวัตต์ หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 3 นิ้ว ไฟแสดงสถานะแบบ LED พร้อมปุ่มทัชสกรีน มีมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP65 ปริมาณกระแสไฟฟ้า Input/ Output : 250 VAC 50 Hz ตัวขาปลั๊กรองรับการใช้งานสำหรับที่อยู่อาศัยในทุกรูปแบบไม่ว่าจะมีการติดตั้งสายดินไว้หรือไม่ก็ตาม อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยโหมดการตั้งเวลาชาร์จ และสายไฟที่มีความยาวถึง 5 เมตร ในด้านระบบการป้องกันครอบคลุมทุกความปลอดภัย ได้แก่  ป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน,

ป้องกันไฟฟ้าไหลเกินกำลัง, ป้องกันแรงดันไฟฟ้าตก, ระบบสายดินป้องกันไฟฟ้ารั่วไหล, ป้องกันอุณหภูมิสูงเกินไป รวมถึงป้องกันฟ้าผ่า ใช้ได้กับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบแบตเตอรี่และระบบปลั๊กอินไฮบริด

นอกจากนี้แผนงานของแอนิเทคในปี 2023 มีสินค้าใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย โดยมีสินค้าที่เปิดตัวใหม่กว่า 150 รายการ เมื่อรวมกับสินค้าทั้งหมดของปี 2023 จะทำให้แอนิเทคมีสินค้าที่วางจำหน่ายในตลาดมากกว่า 1,000 รายการ และในปี 2024 แอนิเทคมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่มีสินค้าหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกมิติผ่านผลิตภัณฑ์โดยคาดว่าจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 200 รายการ จะทำให้
แอนิเทคมีสินค้ารวมกันมากกว่า 1,200 รายการ และพร้อมเดินหน้าสู่อุตสาหกรรม Green Technology ที่กำลังเป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่และมีผลกระทบต่อคนทั่วโลก โดยจะมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Green Technology ตามมาอีกมากมายตัวอย่างเช่น Anitech EV-ONE V2L ที่คาดว่าจะเปิดตัวต้นปีหน้า

สำหรับผลิตภัณฑ์ Anitech EV ONE จำหน่ายในราคา 12,990 บาท โดยช่วงพรีออเดอร์จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ 50 ท่านแรกเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 7,990 บาท พร้อมรับสิทธิ์พิมพ์ชื่อลงบนเครื่องชาร์จฟรี สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ Anitech EV ONE สามารถดูสั่งจองได้ที่ช่องทาง LineOfficial : @Anitech
หรือ Website : http://www.anitechonline.com

#Anitech #AnitechEVONE #Anitechthailand #Anitechgreentech #Anitechcleanenergy

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

CARS24 สุดยอดแอปซื้อขายรถมือสองครบวงจรการันตียอดผู้ดาวน์โหลดกว่า 1.2 ล้านคน

3 ตุลาคม 2566, กรุงเทพมหานคร – CARS24 (คาร์สทเวนตี้โฟร์)
ศูนย์รวมรถมือสองออนไลน์ โปรเรื่องรถ ให้คุณซื้อ ขาย เทิร์น
ครบจบในที่เดียว มีรถให้เลือกเยอะกว่า 1,000+ คัน
เผยปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานและ
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกว่า 1.2 ล้านราย
ตอกย้ำความเป็นที่สุดของแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่มอบประสบการณ์การซื้อ
ขายรถยนต์มือสอง เพื่อให้ทุกคนเป็นเจ้าของรถยนต์มือสองสภาพดี
การันตีคุณภาพ มั่นใจเชื่อถือได้ โปร่งใสทุกขั้นตอน
และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
จากการเปิดให้บริการ CARS24
ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการก้าวเข้าสู่ปีที่ 3
ถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งาน
โดยเราได้เห็นถึงแนวโน้มของคนไทยในการเปิดรับบริการการซื้อขายรถยนต์
มือสองในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น
จากยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในปัจจุบันสูงถึง 1.2 ล้านคน
โดยมีหลายปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต อย่างเช่น
สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่นำไปสู่การเลือกซื้ออย่างชาญฉลาดอย่างการเลือก
ซื้อรถมือสองสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า
จึงเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคหลายคนลองเปิดใจใช้บริการ CARS24
ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
สำหรับแอปพลิเคชัน CARS24 จุดเด่นอยู่ที่การใช้งานง่ายและสะดวก
ซึ่งได้รับการพัฒนาแอปพลิเคชันมาจากประสบการณ์จริงของลูกค้าในตล
าดออฟไลน์
โดยมีฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้การซื้อรถยนต์มือสองออนไลน์ทำได้อย่างครบวงจ
ร ซื้อ ขาย เทิร์นจบในแอปฯ เดียว อาทิ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

  1. ตัวช่วยค้นหารถ ที่สามารถค้นหารถที่มีอยู่กว่า 1,000+ คัน ตามยี่ห้อ
    สี รุ่น หรือราคาได้ตามที่ต้องการ ทำให้ลูกค้าเลือกดูรถได้อย่างสะดวก
  2. 360 องศาทัวร์ ลูกค้าสามารถซูมดูรถที่สนใจได้อย่างเสมือนจริง
    ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงมีรายละเอียดและข้อมูลของรถบอกอย่างชัดเจน
  3. จองทดลองขับได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน
    หลังจากเลือกดูรถจนถูกใจแล้ว
    สามารถนัดทีมงานให้นำรถเข้าไปส่งที่บ้านหรือที่ทำงานได้ฟรี
    โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถนัดเวลาเข้าไปทดลองขับที่ศูนย์ของ CARS24
    ก็สามารถทำได้
  4. ฟังก์ชันการคำนวณงบประมาณและตารางผ่อนดาวน์
    เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกรถและทราบงบประมาณได้ง่ายและรวดเร็ว
    นอกจากนี้ CARS24
    เรามีทีมขายมืออาชีพที่ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบครัน
    จริงใจ ที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือด้านเอกสารกับลูกค้าทุกคน
    หากซื้อแล้วเปลี่ยนใจ คืนรถได้ใน 7 วัน*
    พร้อมเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้ามากขึ้นด้วยการรับประกันถึง 1 ปี
    อีกทั้งยังมีโปรโมชันที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้ลูกค้าได้ดีลที่ดีและคุ้มค่าที่สุด
    ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CARS24 เพื่อดูรถกว่า
    1,000+ คัน ได้ที่ App Store และ
    Google Play Store ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไที่เว็บไซต์ https://cars24-
    th.app.link/CZKlFJww3Cb หรือติดตามข้อมูลที่เพจเฟซบุ๊ก
    http://www.facebook.com/cars24th หรือแอดไลน์ @cars24th
หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

EV Station PluZ สนับสนุนการชาร์จไฟงาน AASDriving Experience 2023โชว์ประสิทธิภาพหัวจ่าย DC ด้วยเครื่องชาร์จรูปแบบQuick Charge กำลังไฟกว่า 160 กิโลวัตต์

EV Station PluZ ชาร์จความมั่นใจ ด้วยเครื่องชาร์จรูปแบบ Quick
Charge กำลังไฟสูงกว่า 160 กิโลวัตต์ ในงาน AAS Driving
Experience 2023 ณ พีทีที สเตชั่น บจ.ปิโตรเลียม (ถ.347)
จังหวัดปทุมธานี สนับสนุนการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ ทุกรุ่น
รวมไปถึง รถยนต์หรูจาก เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส (AAS)
ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche
อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า
เพื่อสนับสนุนพลังงานทางเลือก
พร้อมมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามนโยบายของ OR
และพัฒนาศักยภาพธุรกิจพลังงานสะอาด
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้ใช้บริการและประชาชน OR
สนับสนุนการเลือกใช้งานพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบ
รวมไปถึงการพัฒนาสถานีชาร์จ EV Station PluZ ทั่วประเทศ
เพื่อรองรับการใช้งานที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และตั้งเป้าการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จกว่า 800 แห่ง ครอบคลุม 77
จังหวัดทั่วไทย ภายในปี 2023 นอกจากนี้ พีทีที สเตชั่น
ยังมีการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดมาโดยตลอ
ด โดย EV Station PluZ ให้การสนับสนุน AAS
ในการจัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021
สำหรับงาน AAS Driving Experience 2023 จัดโดยบริษัท เอเอเอส
ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
Porsche อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้น
ระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 1 ตุลาคม 2023 ณ สนามแข่งรถปทุมธานี
สปีดเวย์ ติดกับ พีทีที สเตชั่น บจ.ปิโตรเลียม (ถ.347) จังหวัดปทุมธานี

เพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ Porsche
โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำมาทดลองขับนั้นมีทั้งรูปแบบ BEV (Battery
Electric Vehicle) และ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)
ได้แก่ Porsche Taycan ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV)
ความจุแบตเตอรี่ 93.4 kW Porsche Cayenne และ Panamera
ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน (PHEV)
ความจุแบตเตอรี่ 17.9 kW
สำหรับ EV Station PluZ ณ พีทีที สเตชั่น บจ.ปิโตรเลียม (ถ.347)
จังหวัดปทุมธานี เป็นเครื่องชาร์จรูปแบบ Quick Charge กำลังไฟสูงสุด
160 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง ประกอบด้วยเครื่องละ 3 หัวชาร์จ
(หัวชาร์จ DC – CCS2 จำนวน 2 หัว และหัวชาร์จ AC-Type2 จำนวน
1 หัว 22 กิโลวัตต์ ความเร็วในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หัวชาร์จ DC
จาก 0%-80% เพียง 40 นาที

ปัจจุบัน EV Station PluZ เปิดให้บริการใน พีทีที สเตชั่น แล้วกว่า 555
แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ
โดยสามารถทำการจองเพื่อเข้าชาร์จ เริ่ม-หยุดการชาร์จ ชำระเงิน
และตรวจสอบประวัติการใช้งาน ได้ด้วย EV Station PluZ
แอปพลิเคชันที่รองรับการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ iOS, Android
และเว็บแอปพลิเคชัน อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยในการวางแผนเดินทาง
ผ่านระบบนำทางไปยัง EV Station PluZ
ที่เปิดให้บริการอยู่ตามเส้นทางถนน
ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถ EV ในทุกมิติ
รวมไปถึงการขยาย
EV Station PluZ ในรูปแบบ Quick Charge
เพื่อตอบโจทย์นักเดินทางที่เน้นด้านเวลาเป็นหลัก
ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมือง และการเดินทางท่องเที่ยว
โดยจะใช้เวลาชาร์จประมาณ 30-40 นาที เพื่อเติมความจุได้เต็ม 80%
ของความจุแบตเตอร์รี่ โดยตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จ 7,000
หัวชาร์จแบบ DC ภายในปี 2030

EVStationPluZ #พีทีทีสเตชั่น #PTTStation

หมวดหมู่
Cars Accessories Lormhuntuathai News

“ลามิน่า” ได้รับเกียรติสูงสุด แสดงวิสัยทัศน์ Rise To The Top

ในฐานะฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ได้รับเชิญจาก บริษัท อีสท์แมน เพอร์ฟอแมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” รวมถึงฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูมาร์” ในการแสดงวิสัยทัศน์ “ความสำเร็จ…ก้าวสู่ฟิล์มอันดับ 1 อย่างยั่งยืน Rise To The Top” ท่ามกลางผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และศูนย์ตัวแทนจำหน่ายจากเขตภาคใต้ของจีนกว่า 600 คน ในงานประชุมศูนย์ตัวแทนจำหน่ายประจำปี 2023 ณ เมืองซานย่า สาธารณรัฐประชาชนจีน

นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของลามิน่าฟิล์ม ในฐานะองค์กรธุรกิจฟิล์มกรองแสงหนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่ได้รับเกียรติสูงสุดในครั้งนี้ โดยลามิน่าฟิล์มเป็นฟิล์มกรองแสงเพียงยี่ห้อเดียวที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เป็นต้นแบบการบริหารจัดการใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านองค์กร ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ และด้านยุทธวิธีการขายและการสื่อสารการตลาดที่ดีเยี่ยม มายาวนานกว่า 28 ปีนับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดฟิล์มกรองแสงเมื่อ พ.ศ.2538

นอกจากนี้บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงมืออาชีพระดับเอเชียแปซิฟิค ยังนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์อีกมากมาย อาทิ อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่ (Thule) จากประเทศสวีเดน ผลิตภัณฑ์ฟิล์มนิรภัยปกป้องสีรถลูมาร์ (LLumar) จากสหรัฐอเมริกา และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษายานยนต์ครบวงจรแอลลักซ์ (LLux) คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

หมวดหมู่
Cars Accessories News

บริดจสโตนเอาใจนักซิ่งสายสปอร์ต ชวนปลดล็อกขีดจำกัดการขับขี่เต็มสมรรถนะ

ในงาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power”

[กรุงเทพฯ] (25 กันยายน 2566) – บริดจสโตนร่วมกับกรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป ชวนนักซิ่งสายสปอร์ตที่ใช้ยาง POTENZA ทุกรุ่น มาร่วมท้าความมันส์ ปลุก DNA การขับขี่แบบสปอร์ตให้ถึงขีดสุด จัดเต็มความสนุกสุด    ท้าทาย และยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ไปอีกขั้นด้วยโปรแกรมเสริมทักษะการขับขี่สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากวิทยากรมืออาชีพในวงการรถยนต์ พร้อมสัมผัสสมรรถนะยางอย่างเต็มพิกัดบนสนามแข่งรถในงาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ด้วยยางสปอร์ตแบบเต็มสมรรถนะให้แก่กลุ่มลูกค้า ในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี

“BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” เป็นงานที่เปิดโอกาสให้เหล่านักซิ่งสายสปอร์ตผู้ใช้ยาง POTENZA รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ POTENZA Adrenalin RE004 และ POTENZA SPORT ร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตบนสนามแข่งรถเพื่อสัมผัสยางสมรรถนะสูงอย่างเต็มรูปแบบ และยกระดับการขับขี่ไปอีกขั้นกับเหล่าวิทยากรที่มากด้วยประสบการณ์ ทั้งทักษะพื้นฐานการขับขี่พร้อมเทคนิคการขับขี่สไตล์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมรถในขณะขับขี่บนเส้นทางคดเคี้ยว, การเข้าโค้งในรูปแบบต่าง ๆ และการเบรก เพื่อสร้างความมั่นใจในการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” สามารถติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขการรับสมัครได้ที่ Facebook Fanpage : Bridgestone Thailand พร้อมลงทะเบียนสมัครได้ที่ https://forms.gle/8t2E2p9UwdmA2GwJA  ไม่มีค่าใช้จ่าย!โดยเปิดรับสมัครสำหรับ 30 ท่าน* ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – วันที่ 25 ตุลาคม 2566 นอกจากนี้ ไฮไลต์ภายในงาน ผู้เข้าร่วมงานยังได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับกลุ่มนักซิ่งสายสปอร์ตและเพลิดเพลินกับมินิปาร์ตี้สุดประทับใจ พร้อมรับของที่ระลึกสุดพิเศษ

งาน “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” จัดขึ้นเป็นปีแรกในประเทศไทย ในโอกาสที่บริดจสโตนฉลองครบรอบ 60 ปี ของวงการมอเตอร์สปอร์ต เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกสู่การเป็น “แบรนด์พรีเมียมระดับโลกที่ยั่งยืน” และสนับสนุนการพัฒนา “วัฒนธรรมมอเตอร์สปอร์ต” โดยปีนี้ ได้เปิดตัวกิจกรรมด้วยยาง POTENZA ดีไซน์เพื่อการควบคุมอย่างเหนือชั้นเพื่อการเข้าโค้งอย่างแม่นยำ เติมเต็มการขับขี่ที่เร้าใจสไตล์สปอร์ต พร้อมส่งมอบความมั่นใจในการเดินทางแม้บนสนามแข่ง สอดคล้องกับ “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) “ด้าน Emotion (ความรู้สึก) ที่ต้องการปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้นสู่โลกแห่งการเดินทางผ่านกิจกรรมและประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ” และ “ด้าน Empowerment (พลังทางสังคม) ด้วยการผลักดันและร่วมสร้างสังคมเท่าเทียมและภาคภูมิใจแก่ทุกคนผ่านการเสริมทักษะการขับขี่จากวิทยากรมืออาชีพในวงการรถยนต์”

*หมายเหตุ: เงื่อนไขการคัดเลือกผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยบริษัทฯ จะคัดเลือกและติดต่อกลับไปยังผู้ที่ได้รับการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อยืนยันสิทธิ์

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

YSS โช้คอัพแชมป์โลก โชว์ฟอร์มโหดจัด!ยึดวินเนอร์โพเดียมแดนกระทิงดุ 5 รุ่นรวด

โช้คอัพแชมป์โลก YSS World Champion Product
โชว์ศักยภาพระดับโลกแบบรัวๆ
ล่าสุดระเบิดชัยชนะจนทวีปยุโรปสะเทือนในรายการแข่งขัน “ESBK
Spanish Championship” สนามที่ 4 ของปี 2023 แข่งที่ Navarra Race
Circuit โดย YSS มีส่วนสำคัญในความสำเร็จจากการแข่งขันมากถึง 5 รุ่น
คว้าชัยชนะแบบ Double Winner ถึง 4 รุ่น
รวมในรายการเดียวสามารถคว้าอันดับที่ 1 ได้ถึง 9 จาก 10 ครั้ง!!
ตอกย้ำความเป็นโช้คอัพคุณภาพสูงที่รายการแข่งขันระดับยุโรปวางใจเลือ
กใช้และประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาอย่างต่อเนื่อง
YSS World Champion Product
รุ่น SSP600NG
1st ERIC FERNANDEZ(4) TEAM SPEED RACING
DUCATI PANIGALE 959 V2 | MG456-315HRWJ-86R | CC308-
685TRC-04-R | EG188-078C-01-R
1st JUAN RODRIGUEZ(83)
YAMAHA YZF-R6 | MG456-290H2RWJ-38R | CC308-685TRC-
03-R | EG188-078C-01-R
รุ่น STK600
Double 1st ALVARO FUERTES(16)
YAMAHA YZF-R6 | MG456-290H2RWJ-38R | CC308-685TRC-
03-R | EG188-078C-01-R
รุ่น SSP300
Double 1st GONZALO SANCHEZ(33) ARCO MOTOR
UNIVERSITY RACING TEAM
YAMAHA : YZF-R3 | MU456-280HRWJ-26R | CO208-715TRC-
02-R | EG188-078C-01-R
รุ่น MOTO 4
1st IKER RODRIGUEZ (20) IGAX TEAM

BEON Moto4 MG456-330HRWJ-73R | CO208-610TRC-01-R |
EG188-078C-01-R
รุ่น PREMOTO 3
Double 1st & Double 1st Faster Lap ALEX LONGARELA(45)
IGAX TEAM
BEON PreMoto3 MG456-330HRWJ-73R | CO208-610TRC-01-R
| EG188-078C-01-R

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เชลล์รับรางวัลจาก SCGP จากบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 100% ตอกย้ำเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดย นายกมลพัทธ์ พหลโยธิน กรรมการบริหาร ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น รับมอบรางวัลจาก SCGP สำหรับองค์กรที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามแนวทางโครงการเศรษฐกิจยั่งยืน ด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล 100% สำหรับน้ำมันเครื่องพรีเมียมในตระกูล “เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า” จากนายกรัณย์ เตชเสน Chief Operation Officer Consumer & Performance Packaging บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) ในงาน SCG ESG Symposium ณ อาคารอเนกประสงค์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
 
นายกมลพัทธ์ กล่าวว่า “เชลล์รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล SCGP Award ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของพาร์ตเนอร์และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่มองเห็นความมุ่งมั่นของเชลล์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นแรงสนับสนุนให้เราสามารถเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิล 100% ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้สำเร็จ เชลล์ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรม เพื่อส่งมอบพลังงานคุณภาพและบริการมาตรฐานระดับโลกให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รางวัลนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเชลล์”

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เอ็กซอนโมบิล

เดินหน้าต่อยอดธุรกิจน้ำมันเครื่องโมบิลและเคมีภัณฑ์

ชูนวัตกรรมผลิตภัณฑ์คุณภาพ

คุณมาโนช มั่นจิตจันทรา ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น บริษัท เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย)จำกัด (ซ้าย)

คุณวิชาญ นิกรมาลากุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมี บริษัท เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด(ขวา)

 โมบิล เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง ให้แก่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เหนือกว่าควบคู่ไปกับสิทธิประโยชน์แก่คู่ค้าและลูกค้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
 เคมีภัณฑ์ระดับโลกที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสินค้าของผู้ผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค 21 กันยายน 2566, กรุงเทพฯ – บริษัท เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย)จำกัด
ประกาศความมุ่งมั่นที่จะให้บริการทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจของประเทศไทยด้วยผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมคุณภาพ โดยเดินหน้าทำการตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่น

Mobil™ และเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป ภายใต้แนวคิด “โมบิล
เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง”ชู 3 พันธกิจ ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจคุณมาโนช มั่นจิตจันทรา ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น กล่าวว่า
“ทิศทางการดำเนินธุรกิจของเรา ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจ 3 ประการ
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งส่วนผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ได้แก่ Mobility – เรามอบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้การขนส่งสินค้าและผู้คนมีประสิทธิภาพมากขึ้น, Productivity – เราช่วยให้ลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ Sustainability – เราใช้แนวทางที่สมดุลเพื่อความยั่งยืนโดยคำนึงถึงผลกระทบของกิจกรรมที่มีต่อเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม”ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นจากโมบิล อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 90 ปี
และยึดมั่นในการมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพภายใต้มาตรฐานสูงสุด
ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักประเภทยานพาหนะส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมคุณภาพระดับโลกที่ได้รับการไว้วางใจ สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล Mobil 1™ และ Mobil Super™ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรม
เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นเลิศด้านการปกป้องเครื่องยนต์
และช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นในทุกการเดินทาง
ในฐานะน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ชั้นนำของโลก แบรนด์และเทคโนโลยี Mobil 1™ ได้รับความไว้วางใจจากทีมแข่งรถชั้นนำ เช่น Oracle Red Bull Racing และ Porsche Racing นอกจากนี้โมบิล ยังกลับมาสู่การแข่งขัน MotoGP อีกครั้งในปีนี้ และประกาศความร่วมมือกับ Red Bull KTM Factory Racing ในฐานะพันธมิตรด้านน้ำมันหล่อลื่นและเชื้อเพลิงระยะยาวของทีม


“ลูกค้าสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์โมบิล ได้ที่ร้านค้าอะไหล่กว่า 700 แห่งทั่วประเทศ หรือนำรถเข้ารับบริการด้วยผลิตภัณฑ์โมบิลได้ที่ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์กว่า 1,400 แห่ง ซึ่งรวมถึงเครือข่ายการดูแลรถยนต์ภายใต้แบรนด์โมบิล ศูนย์บริการบี-ควิก และ ออโต้วัน” คุณมาโนช กล่าว
สำหรับภาคธุรกิจ ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง Mobil Delvac™ในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในภาคอุตสาหกรรมที่มอบสมรรถนะที่แข็งแกร่งให้สามารถทำงานในสภาวะหนักหน่วงในทุกสภาพถนนรวมทั้งช่วยยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันและลดต้นทุนการดำเนินงานอีกด้วย ในขณะที่ Mobil SHC™ได้รับการออกแบบเพื่อให้การปกป้องสูงสุด และยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ดังนั้นธุรกิจจึงสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนในการปฏิบัติงาน
มอบสิทธิประโยชน์แก่คู่ค้า ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
คุณมาโนช กล่าว

“สำหรับคู่ค้าร้านค้าอะไหล่
อู่บริการซ่อมรถและเครือข่ายการดูแลรถยนต์ภายใต้แบรนด์โมบิล
ท่านสามารถสมัครเข้ารับสิทธิประโยชน์รายการสะสมแต้มรางวัลในรูปแบบดิจิทัล โดยใช้มือถือสแกนคิวอาร์โค้ดใต้ฝาผลิตภัณฑ์โมบิลที่ร่วมรายการเพื่อสะสมแต้มไว้แลกของรางวัลหลากหลายและง่ายดาย”
สำหรับลูกค้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
เรานำเสนอการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาด้านการหล่อลื่น Mobil Serv ℠
จากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรน้ำมันหล่อลื่น
เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาและความพร้อมใช้งานของเครื่องจักรให้
ทำงานอย่างมีประสิทธิผล ลดเวลาสูญเสียที่เครื่องหยุดทำงาน
และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
ธุรกิจเคมีภัณฑ์ เดินหน้าตอบรับตลาดที่ขยายตัว
นอกจากผลิตภัณฑ์หล่อลื่นโมบิล เพื่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม บริษัท
เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
ยังนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์สารละลายประเภทไฮโดรคาร์บอนที่หลากหลายภายใต้ แบรนด์ต่างๆ ของเอ็กซอนโมบิล สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ


คุณวิชาญ นิกรมาลากุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจเคมีภัณฑ์ กล่าวว่า เอ็กซอนโมบิล เคมีในประเทศไทย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 50 ปี
และยังคงให้บริการธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ในตลาดที่กำลังเติบโตนี้
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ไฮโดรคาร์บอนของเราก็มีบทบาทสำคัญในผลิตภัณฑ์และการใช้งานในชีวิตประจำวัน “คนจำนวนมากอาจไม่รู้ว่ากิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การทาสีประตูหน้าบ้านการใช้น้ำมันทำอาหาร การห่ออาหารด้วยอลูมิเนียมฟอยล์

หรือแม้แต่การเติมกลิ่นหอมให้กับบ้านด้วยเครื่องกระจายกลิ่น
จะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพหากปราศจากสารละลายไฮโดรคาร์”คุณวิชาญกล่าว “ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไฮโดรคาร์บอนชั้นนำของโลก นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจระดับโลกของเราได้อุทิศตนเพื่อพัฒนาความ เป็นเลิศในการปฏิบัติงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพและสมรรถนะและมูลค่าในระยะยาวเพื่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค
โดยใช้ช่องทางทั้งทางตรงและทางอ้อม เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์สารละลายประเภทไฮโดรคาร์บอนที่หลากหลายภายใต้
แบรนด์ Isopar™, Exxsol™, Solvesso™, และผลิตภัณฑ์แบรนด์พิเศษอื่นๆ ที่คิดค้นมาสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง”
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mobil.co.th และ
http://www.exxonmobilchemical.com

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

กู๊ดเยียร์เปิดตัวเทคโนโลยียางรถยนต์อันล้ำหน้า ณ ประเทศมาเลเซีย เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 125 ปี

กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย: 13 กันยายน 2566กู๊ดเยียร์ เอเชียแปซิฟิก จัดงานฉลองครบรอบ 125 ปีของบริษัท Goodyear:125 Years in Motion พร้อมกับการเปิดตัวยางระดับพรีเมียม 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมเน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน 125 ปีในการสำรวจเทคโนโลยีใหม่ ๆ และตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาอนาคตให้ดียิ่งขึ้นและมีความยั่งยืน

โดยในงานมีลูกค้าผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 300 ราย และสื่อมวลชน 100 รายเข้าร่วมงาน โดยมีนายแนทธาเนียล มาดารัง ประธานบริษัทกู๊ดเยียร์ เอเชียแปซิฟิก
นายปิเอโตร ซาเล็ตต้า รองประธานฝ่ายธุรกิจยางสำหรับผู้บริโภค บริษัทกู๊ดเยียร์ เอเชียแปซิฟิก และนายเกร็ก ฮานนา รองประธานฝ่ายพัฒนาและคุณภาพผลิตภัณฑ์ กู๊ดเยียร์ เอเชียแปซิฟิก ให้เกียรติเข้าร่วมงาน

ตลอดระยะเวลา 125 ปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมา กู๊ดเยียร์ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบการขับขี่ที่มั่นใจให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วโลก

นายแนทธาเนียล มาดารัง ประธาน บริษัท กู๊ดเยียร์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “จิตวิญญาณทางนวัตกรรมของกู๊ดเยียร์และความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ส่งให้เราเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติการขับเคลื่อน เรามุ่งมั่นทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและนักสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อร่วมกันปฏิรูปอุตสาหกรรมการขนส่งภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในตลาดยานยนต์ศักยภาพสูงและที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

ผลิตภัณฑ์ยางใหม่ทั้งสี่รุ่นเพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้นของคุณ

และในครั้งนี้กู๊ดเยียร์ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ยางใหม่ 4 รายการ ได้แก่ อีเกิ้ล เอฟวัน       แอสซิมเมททริค 6 สำหรับรถสปอร์ตลักชัวรี แรงเลอร์ ดูราแทรค อาร์ที สำหรับรถออฟโรดพรีเมียมขับเคลื่อนสี่ล้อ  อิเล็คทริคไดรฟ และ แอชชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของกู๊ดเยียร์ ผลิตภัณฑ์ยางใหม่เหล่านี้จึงไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์การขับขี่ขั้นสูงสุดให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับไลน์ผลิตภัณฑ์ของกู๊ดเยียร์ในเอเชียแปซิฟิกให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกการใช้งานมากยิ่งขึ้น

โดยภายในงานลูกค้าและสื่อมวลชนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และประสิทธิภาพที่ไม่ธรรมดาของผลิตภัณฑ์ยางใหม่ทั้งสี่รุ่นนี้ภายในสนามแข่งด้วย

ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเรา

ภายในงานมีการจัดแสดงเรื่องราวความมุ่งมั่นของกู๊ดเยียร์ในอนาคตที่ดีกว่าผ่านจอแบบอินเทอร์แอคทีฟเสมือนจริง เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสและเพลิดเพลินไปกับโซลูชั่นและบริการที่เหนือกว่าของกู๊ดเยียร์เพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคต กู๊ดเยียร์ยังมุ่งมั่นเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ความปลอดภัย อายุการใช้งานของยาง ความสะดวกสบาย และโซลูชั่นดิจิทัล ในงาน กู๊ดเยียร์ได้จัดแสดงยางต้นแบบที่ใช้วัสดุที่ยั่งยืน 90% โดยเน้นย้ำถึงเป้าหมายในการพัฒนายางที่ทำจากวัสดุที่ยั่งยืน 100% และยางที่ไม่ต้องการการบำรุงรักษาให้สำเร็จภายในปี 2573

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกได้ให้ความไว้วางใจในยางกู๊ดเยียร์ที่ติดตั้งมากับแบรนด์รถยนต์ของตน เมื่อมองไปอีก 125 ปีข้างหน้า กู๊ดเยียร์เน้นย้ำอีกครั้งถึงความทุ่มเทในการมอบความเชื่อมั่นในระยะยาวให้กับลูกค้าและชุมชนในการขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

YSS กระหึ่มฝรั่งเศสคว้า “ดับเบิ้ลวินเนอร์”สองเรซรวดคะแนนรวมพุ่งหัวแถวจ่อรับแชมป์ปี 2023

YSS World Champion Product แสดงศักยภาพอีกครั้งกับความสำเร็จในการเเข่งขัน World Superbike Championship สนามที่ 9 ของปีที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากับการทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง 2 รุ่นที่ลงเเข่งขันเริ่มที่รุ่น WSSP600  Andrian Huertas หมายเลข 6 สังกัด MTM Kawasaki Racing Team พร้อมรถ Kawasaki ZX6R โฉมเก่า ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นรองเรื่องเทคโนโลยีเเละสมรรถนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เเต่ด้วยความสามารถของนักเเข่งกับชุดโช้คอัพ YSS เต็มระบบ ประกอบไปด้วยโช้คหลัง RRS และ ชุดอัพเกรดโช้คหน้า Z5R Close Cartridge สามารถจบการเเข่งขันในอันดับที่ 4 เกรด TOP FIVE คะเเนนสะสมรั้งอันดับที่ 8 มี 111 คะเเนน


อีกรุ่นสำคัญคลาส 300 ซีซี WSSP300 ที่ต้องใช้คำว่าสุดยอดกับผลงาน “Double Winner” หลัง Jeffry Buis นักบิดหมายเลข 6 สังกัด MTM Kawasaki Racing Teamเช่นเดียวกัน และรถ NINJA400 กับโช้คอัพ YSS โช้คหลัง RRS และ ชุดอัพเกรดโช้คหน้า Z1R Open Cartridge กดเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 ได้ทั้งสองเรซ เก็บ 50 คะเเนนเต็มรวม 149 คะเเนน ขึ้นหัวตารางอันดับที่ 1 ทันทีลุ้นแชมป์ประจำปีกับการแข่งขันที่เหลือเพียง 3 สนามเท่านั้น !!
YSS World Champion ProductChampion KitRRS : MG456-320H2RWL-45RZ1R Cartridge : CO208-755TRC-02-R

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

แอมเพซสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับหลายองค์กรในห่วงโซ่อุตสาหกรรม เร่งการเติบโตในตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วโลก

Ampace at the 21st China International Motorcycle Trade Exhibition (PRNewsfoto/Xiamen Ampace Technology Limited)

ฉงชิ่ง, จีน, 18 ก.ย. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต 

เมื่อวันที่ 15 กันยายน บริษัทเซี่ยเหมิน แอมเพซ เทคโนโลยี จำกัด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “แอมเพซ”) บริษัทผู้บุกเบิกที่มุ่งเน้นด้านการวิจัยและนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมขั้นสูง ได้เปิดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมแสดงสินค้ารถจักรยานยนต์นานาชาติจีนครั้งที่ 21 (21st China International Motorcycle Trade Exhibition) พร้อมเผยโฉมซีรีส์แบตเตอรี่ลิเทียมล้ำสมัย “Kun-Era” ภายในงาน แอมเพซยังได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญกับบริษัทรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำและบริษัทเปลี่ยนแบตเตอรี่ชื่อดังอีกด้วย

บริษัท ฉงชิ่ง หลงซิน มอเตอร์ไซเคิล จำกัด

บริษัท ฉงชิ่ง หลงซิน มอเตอร์ไซเคิล จำกัด (Chongqing LONCIN Motorcycle Co., Ltd.) เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์ด้วยผลิตภัณฑ์ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค ที่งานมหกรรมแสดงสินค้ารถจักรยานยนต์นานาชาติจีนที่เมืองฉงชิ่งเมื่อปีที่แล้ว หลงซินได้จัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันแรกในชื่อ R5T ภายใต้แบรนด์ BRICOSE โดยภูมิใจนำเสนอแบตเตอรี่ของแอมเพซที่ใช้กับ R5T

บริษัท หนานจิง วีโมโต มอเตอร์ไซเคิล จำกัด

บริษัท หนานจิง วีโมโต มอเตอร์ไซเคิล จำกัด (Nanjing VMOTO Motorcycle Co., Ltd.) ยืนหยัดในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้านรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังงานใหม่ และยังทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงานใหม่อีกด้วย ผลิตภัณฑ์เปิดตัวครั้งแรกของแอมเพซในตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ 7245 ที่ใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไซค์รุ่น TC-MAX ของวีโมโต ซึ่งมุ่งเจาะตลาดกลุ่มมอเตอร์ไซค์วิบากระดับไฮเอนด์

บริษัท หย่าดี๋ เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด

บริษัท หย่าดี๋ เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด (Yadea Technology Group Co., Ltd.) คือผู้เล่นที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยหย่าดี๋ได้รับการสนับสนุนความพยายามในการโปรโมต “การเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยแบตเตอรี่ “Kun-Era” ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มระยะทางวิ่งของยานพาหนะอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยลดความวิตกกังวลเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์จะหมดก่อนถึงจุดหมายปลายทาง

บริษัท เสกเวย์-ไนน์บอต เทคโนโลยี จำกัด

ในอุตสาหกรรมยานพาหนะขนาดเล็ก แอมเพซทำหน้าที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัท เสกเวย์-ไนน์บอต เทคโนโลยี จำกัด (Segway-Ninebot Technology Co., Ltd.) โดยจัดหาแบตเตอรี่ลิเทียมสั่งทำพิเศษสำหรับยานพาหนะรุ่นเรือธงของเสกเวย์-ไนน์บอต ในปี 2562 เสกเวย์-ไนน์บอตได้เปิดตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า E-125 ซึ่งใช้ชุดแบตเตอรี่ 7427 ของแอมเพซ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันมียอดจำหน่ายสะสมของชุดแบตเตอรี่ 7427 ไปแล้วมากกว่า 100,000 ชุด

บริษัท เจ้อเจียง ซีเอฟโมโต พาวเวอร์ จำกัด

บริษัท เจ้อเจียง ซีเอฟโมโต พาวเวอร์ จำกัด (Zhejiang CFMOTO Power Co., Ltd.) เป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงความจุสูง โดยส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังเกือบ 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ซีเอฟโมโต พาวเวอร์มีมอเตอร์ไซค์รุ่นต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ “ZEEHO” เช่น AE6 และ AE8 ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเทียมของแอมเพซ

บริษัทเปลี่ยนแบตเตอรี่ชั้นนำของอินโดนีเซีย “สวอป” (SWAP)

แอมเพซได้ออกแบบโซลูชันการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในเมืองแบบครอบคลุมอย่างพิถีพิถัน ด้วยการเปิดตัวแบตเตอรี่ “Kun-Era” สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โซลูชันของแอมเพซที่มีประสิทธิภาพสูงนี้ตั้งเป้าปรับปรุงคุณภาพการบริการและประสบการณ์ของผู้ใช้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่“สวอป” ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

หมวดหมู่
Cars Accessories News

แอมเพซประกาศเปิดตัวระบบ BP และแบตเตอรี่ “Kun-Era” ปูทางสู่ยุคใหม่ในการเปลี่ยนแปลงระดับโลกจากเชื้อเพลิงเป็นพลังงานไฟฟ้า

Ampace “Kun-Era” series lithium batteries for E-motorcycle (PRNewsfoto/Xiamen Ampace Technology Limited)

ฉงชิ่ง, จีน, 18 ก.ย. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต 

เมื่อวันที่ 15 กันยายน บริษัทเซี่ยเหมิน แอมเพซ เทคโนโลยี จำกัด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “แอมเพซ”) บริษัทผู้บุกเบิกที่มุ่งเน้นด้านการวิจัยและนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมขั้นสูง ได้เปิดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมแสดงสินค้ารถจักรยานยนต์นานาชาติจีนครั้งที่ 21 (21st China International Motorcycle Trade Exhibition หรือเรียกโดยย่อว่า CIMAMotor 2023) ภายในงานสำคัญครั้งนี้ แอมเพซได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับพลิกวงการ 2 รายการ ได้แก่ ระบบ BP ที่ปฏิวัติวงการ และแบตเตอรี่ลิเทียมล้ำสมัยในซีรีส์ “Kun-Era” การเปิดตัวเหล่านี้ได้วางตำแหน่งแบรนด์แอมเพซในการคว้าส่วนแบ่งการตลาดจำนวนมากในอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต ในขณะเดียวกัน แอมเพซได้เสริมความแข็งแกร่งผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอโซลูชันพลังงานอัจฉริยะแบบครบวงจรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยสำหรับการเดินทางระยะสั้นไปยังฐานผู้ใช้ทั่วโลก ขณะเดียวกันก็อำนวยความสะดวกในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศด้วย

ดร. หยวน ชิงเฟิง (Dr. Yuan Qingfeng) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของแอมเพซ กล่าวว่าระบบ BP หรือที่รู้จักในชื่อ “Boost Power” ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านวัสดุต้นน้ำของบริษัท ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของแอมเพซในด้านนวัตกรรมและยกระดับประสบการณ์สุดยอดการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ระบบ BP ยังทำหน้าที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการปรับปรุงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่พิเศษ “Kun-Era” สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ดร. หยวนเน้นย้ำว่า “การเพิ่มพลังงานจลน์นี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าแบบองค์รวมในด้านต่าง ๆ เช่น ความปลอดภัย ดีไซน์น้ำหนักเบา และอายุการใช้งานที่ยืนยาว”

ดร. หยวน ชิงเฟิง อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่โดดเด่นของซีรีส์ “Kun-Era” โดยระบุว่า วัสดุของระบบ BP เป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ยุคใหม่ โดยบูรณาการ 5 เสาหลักทางเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับความท้าทายที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ความหนาแน่นของพลังงานสูง ความเสถียร และประสิทธิภาพแบบไดนามิก การบูรณาการนี้ช่วยเพิ่มระยะทางที่รถวิ่งได้ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง ยกระดับความตื่นเต้นของการแข่งรถสมรรถนะสูง และรับประกันการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาสำหรับทั้งแบตเตอรี่และตัวรถ ผลลัพธ์ที่ได้คือแบตเตอรี่ลิเทียมเกรดยานยนต์ที่เหนือชั้น

อนึ่ง แอมเพซเป็นการร่วมทุนกันระหว่างสองขุมพลังแห่งวงการแบตเตอรี่ลิเทียมชั้นนำระดับโลก ได้แก่ บริษัท คอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด (CATL) และบริษัท แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด (ATL) ทำให้แอมเพซมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมล้ำสมัยที่สั่งสมมายาวนานกว่าสองทศวรรษจากบริษัทแม่ทั้งสอง

ตลอดทั้งงานแสดงสินค้า แอมเพซได้ทำข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ในประเทศชื่อดัง เช่น หลงซิน (LONCIN), วีโมโต (VMOTO), หย่าดี๋ (Yadea), เสกเวย์-ไนน์บอต (Segway-Ninebot) และซีเอฟโมโต (CFMOTO) รวมถึงแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “สวอป” (SWAP) (เรียงตามลำดับเวลาของการเป็นหุ้นส่วน)

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

MGC-ASIA รุกธุรกิจบริการหลังการขาย ดันรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ลุยเปิด ‘Tesla Approved Body Shop’ (TAB)ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า เทสลา อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เดินหน้าขยายธุรกิจรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดด จับมือกับ เทสลา เปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า ‘Tesla Approved Body Shop’ (TAB) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ภายใต้การดูแลของบริษัทในเครือ อย่าง มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘เอ็มเอ็มเอส บ๊อช
คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์’ ที่ให้บริการมากว่า 15 ปี และเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงรักษารถยนต์จากประเทศเยอรมนี ทูนแนป (TUNAP ) แต่เพียง ผู้เดียวในประเทศไทย ที่โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ‘เทสลา เซ็นเตอร์’ ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ


ขนิษ วงศ์จินดารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เรื่องงานซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘หนัก-เบา เราซ่อมได้’ อาทิ การตรวจสภาพ
พร้อมบำรุงรักษาตามระยะทาง, ทำความสะอาดระบบปรับอากาศ, เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, แบตเตอรี่, ยาง, เบรก ไปจนถึงการซ่อมช่วงล่างเกียร์อัตโนมัติ, เครื่องยนต์ และระบบไฮบริด โดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ
ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง นอกจากนี้
เรายังเป็นผู้แทนจำหน่ายสุดยอดผลิตภัณฑ์จากประเทศเยอรมนี ทั้งจานเบรกและผ้าเบรกของ Bosch Blue Line รวมถึง TUNAP ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลรักษารถยนต์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย การผนึกกำลังกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า เทสลา เปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ เทสลา อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ตอกย้ำการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเรามีความพร้อมในการให้บริการ ทั้งเครื่องมือช่าง อะไหล่ต่างๆ รวมถึงบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานงานซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าจาก เทสลา นับเป็นการ อำนวยความสะดวก และสร้างความอุ่นใจให้กับท่านเจ้าของรถ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”


++ จัดเต็มเครื่องมือพิเศษ พร้อมส่งบุคลากรไปฝึกอบรมและศึกษาข้อมูลเฉพาะด้าน Tesla Approved Body Shop (TAB) โดย เอ็มเอ็มเอส ได้จัดซื้อเครื่องมือพิเศษ สำหรับซ่อมบำรุงรถยนต์ เทสลา โดยเฉพาะ มีบริการช่องซ่อมกว่า 25 ช่องช่อม ห้องพ่นสีตามมาตรฐานของ เทสลา สหรัฐอเมริกา จำนวน 2 ห้อง ที่สำคัญได้จัดส่งบุคลากรที่มีประสบการณ์ ด้านการซ่อมสีและตัวถัง ไปฝึกอบรมและเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อความเข้าใจในการถอดประกอบ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรีแรงดันไฟสูง ไปถึงความเข้าใจในวัสดุที่ใช้ผลิตตัวถังรถ
ที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมและโลหะผสม ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้
เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับ เทสลา สหรัฐอเมริกา
++ ประสานงานบริษัทประกันภัยชั้นนำ รวดเร็วด้วยการเคลม ผ่านระบบแจ้งนำรถ เข้าซ่อม 1396
Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมให้บริการซ่อมสีและตัวถัง สำหรับรถยนต์ เทสลา
อย่างเต็มรูปแบบ โดยได้เตรียมพร้อมในการจัดหาอะไหล่ชิ้นส่วนตัวถังที่จำเป็น
และประสานงานกับบริษัทประกันภัยชั้นนำ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการนำรถเข้ารับบริการ
ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือแจ้งนำรถยนต์ของท่านเข้ารับบริการผ่านสายด่วน
โทร. 1396
++ ประชากร เทสลา ขยายตัวต่อเนื่อง Tesla Approved Body Shop (TAB)
พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ
เทสลา ได้เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2565 โดยการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์
มีโชว์รูมชั่วคราว 2 แห่ง คือ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกับ
การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้เปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ‘เทสลา เซ็นเตอร์’
ที่โครงการ เดอะ พาซิโอ ถนนรามคำแหง ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า
TESLA ในประเทศไทย นับเป็นโอกาสในการเปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า TESLA โดย Tesla Approved Body Shop
(TAB) มีแผน
ในการขยายศูนย์บริการเพิ่ม บนพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อรองรองรับการเติบโตในอนาคต
ขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่าน นำรถยนต์ เทสลา เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์บริการ Tesla Approved Body
Shop (TAB) ที่เป็นไปตามมาตรฐานของ เทสลา สหรัฐอเมริกา ได้แล้ววันนี้ สอบถามข้อมูล
หรือแจ้งนำรถเข้ารับบริการ โทร. 1396 MMS CAR SERVICES
รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.MasterMotorServices.co.th/tesla/
Facebook: MMSBoschcarservice
http://www.mmsboschcarservice.com

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

YSS ผงาดอิตาลีคว้า “Tripple First” สองรุ่น STK1000 & SSP300

ศึก CIV ITALY ตอกย้ำฐานะ WORLD CHAMPION PRODUCT!!

YSS WORLD CHAMPION PRODUCT สร้างผลงานระดับเวิล์ดคลาสอีกครั้งหลังเหมาเเชมป์เเทบทุกรุ่นของรายการ CIV Italy Championship 2023 สนามที่ 5 ณ ที่นัดกระหน่ำคันเร่งที่สนาม Mugello สังเวียนที่ขึ้นชื่อด้านการเค้นท๊อปสปีดจากทางตรงที่ยาวถึง 1.14 กม. โดยในรุ่นใหญ่สุด PIRRO Michele หมายเลข 1 จากทีม Barni Racing Team พร้อมด้วยรถ Ducati V4R พร้อมด้วยโช้คอัพ YSS เต็มระบบทั้งโช้คหลัง RRS โช้คหน้า Z5R และกันสะบัด Racing Tripple First !! คือเร็วที่สุดตั้งเเต่การควอลิฟาย และในการเเข่งขันก็ทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 ทั้งสองเรซ ด้าน ZANETTI Lorenzo หมายเลข 87 สังกัด Broncos Racing Team เพื่อนรวมทีมดีกรีอดีตเทสไรเดอร์เวิล์ดเอสบีเคกับ Ducati V4R พร้อม YSS เต็มระบบทั้งคัน  ก็เก็บโพเดียมอันดับที่ 3 ได้ทั้งสองเรซเช่นเดียวกัน
             ถัดมาเป็นรุ่น SSP300 VANNUCCI Matteo สังกัด AG Motorsport Italia Yamaha Racinf Team กับรถ KAWASAKI NINJA ZX 400 พร้อมด้วยโช้คอัพ YSS ประกอบไปด้วยโช้คหลัง RRS และ โช้คหน้า Z1R ทำผลงานระดับ “Tripple First” เช่นเดียวกัน คว้าอันดับ 1 ทั้งการควอลิฟาย และเหมาวินเนอร์โพเดียมทั้งสองเรซ สรุปคะแนนรวมแม้เหลืออีกเพียงสนามเดียวก็เพียงพอขึ้นแท่น Champion Of The Year ฉลองเเชมป์ล่วงหน้าแล้วเป็นที่เรียบร้อย การันตีแรงสุด เร็วสุด เจ๋งสุดในอิตาลี!!
            ขณะที่ APRILIARS RS 660 Cup โดย SOMMARIVA Lorenzo หมายเลข 2 สังกัด Nuova M2 Racing Team กับรถ APRILIA RS 660 พร้อมโช้คอัพ YSS ประกอบไปด้วย โช้คหลัง RRS และ โช้คหน้า Z5R คว้าท๊อปทรีอันดับที่ 3  ได้อย่างสวยงาม
รอตัดเชือกสนามสุดท้ายในวันที่ 16-17 กันยายน ที่จะถึงนี้!!
“YSS WORLD CHAMPION PRODUCT”
CHAMPION KIT
REAR : (RRS) MG456-310H2RWL-76R
FRONT : (Z5R) CC308-710TRC-02-R
STEERING DAMPER : EG188-150C-01-R

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบดีลพิเศษในแคมเปญ “Make your drive like day one”ชวนลูกค้าดูแลรถเบนซ์ให้เหมือนวันแรกของการใช้งาน กับส่วนลดอะไหล่สูงสุด 25%

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่อยอดแคมเปญที่ 2 ประจำปี 2566 “Make your drive like day one” เสริมความแข็งแกร่งด้านบริการหลังการขาย พร้อมชวนให้ลูกค้าทุกคนดูแลรถยนต์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยใช้ชิ้นส่วนอะไหล่แท้ เพื่อคงสมรรถนะการขับขี่ให้ดีเยี่ยมอยู่เสมอเหมือนวันแรก
ที่ออกจากโชว์รูม มอบข้อเสนอสุดพิเศษกับส่วนลดค่าอะไหล่สูงสุดถึง 25% เมื่อลูกค้านำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2566 จนถึง 11 พฤศจิกายน 2566 โดยมีรายละเอียดของสิทธิพิเศษต่างๆ ดังนี้

สิทธิพิเศษที่ 1: สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น (รวม Van model) ทุกช่วงอายุรถยนต์

  • รับส่วนลดค่าอะไหล่ 25%* สำหรับกลุ่มอะไหล่บำรุงรักษา กลุ่มอะไหล่สึกหรอ และกลุ่มอะไหล่ช่วงล่างที่ร่วมแคมเปญ


สิทธิพิเศษที่ 
2: สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น (รวม Van model) ทุกช่วงอายุรถยนต์ เมื่อนำรถเข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

  • รับฟรี! น้ำมันเครื่อง MB Oil 1 ลิตรทันที*
  • รับเพิ่มฟรี! น้ำมันเครื่อง MB Oil อีก 1 ลิตร* เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) รวมถึงลูกค้าที่เข้ารับบริการเปลี่ยนยาง MB Tire และ ลูกค้าที่ซื้อ MBSP ในช่วงแคมเปญ

สิทธิพิเศษที่ 3: ลูกค้า MBSP ที่มีโปรแกรม Easy Care หรือ Ultimate เมื่อนำรถเข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

  • รับฟรี! กระบอกน้ำสุญญากาศ Mercedes-Benz ขนาด 0.5 ลิตร มูลค่า 1,583.60 บาท*
    (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จำนวน 1 ใบ ต่อ 1 ใบเสร็จ ต่อรถยนต์ 1 คัน

สิทธิพิเศษที่ 4: ลูกค้าที่ทำรายการผ่านบัตรเครดิตซิตี้ เมอร์เซเดส และมียอดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 25,000 บาท
ขึ้นไป (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สามารถเลือกผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% ได้นาน 6 หรือ 10 เดือน*

สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services/special-offers.html และนัดหมายเข้ารับบริการออนไลน์ได้ที่ http://mb4.me/TH_OAB ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

** บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จากผู้จำหน่ายฯอย่างเป็นทางการเท่านั้น

#Makeyourdrivelikedayone #MercedesBenzThailand #MBThAfterSales #MBServiceCampaign

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

‘มิชลิน หนองแค’ เปิดโรงงานให้เข้าเยี่ยมชม ฉลองครบรอบ 30 ปี

 การเปิดให้เยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 กันยายน
คาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจ
(B2B), ตัวแทนจำหน่าย และสื่อมวลชน เข้าร่วมตลอด 5 วัน
ราว 500 คน
 โรงงานมิชลิน หนองแค
มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้กลุ่มมิชลินบรรลุเป้าหมาย
ตามวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable)
ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของเสาหลัก 3 ประการ ได้แก่ ‘ผู้คน’
(People) ซึ่งเน้นการให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงาน,
‘ผลกำไร’ (Profit) และ ‘ผืนโลก’ (Planet)
ซึ่งเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
 ในโอกาสครบรอบ 30 ปี
โรงงานยังประกาศความสำเร็จด้วยยอดผลิตยางล้อครบ 30
ล้านเส้นอีกด้วย
โรงงานมิชลิน หนองแค ฉลองครบรอบ 30
ปีของการดำเนินธุรกิจเพื่อลูกค้ากลุ่มองค์กร (B2B)
ด้วยการเปิดให้เยี่ยมชมโรงงานตลอด 5 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 11-15
กันยายน 2566 ภายใต้แนวคิด Thriving Through Innovation, Customer Centricity, and Sustainability for 30 Years and Beyond (จาก 30 ปี สู่อนาคต: การเติบโตบนฐานนวัตกรรม การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและความยั่งยืน) โดยจะมีการนำแขกผู้มีเกียรติเข้าชมกระบวนการผลิต ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับพันธกิจและบทบาทของโรงงานหนองแคในการ ผลักดันกลุ่มมิชลินให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน”(All Sustainable)


โรงงานมิชลิน หนองแค ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 บนพื้นที่ 231 ไร่ ของเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โดยเป็นฐานการผลิต 1 ใน 5 แห่งของมิชลินในประเทศไทย
โรงงานแห่งนี้เป็นศูนย์ผลิตยางรถโดยสาร/ยางรถบรรทุกและยางล้อเครื่
องบินสำหรับจัดจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปทั่วภูมิภาคเอเชีย
ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4,500 เส้นต่อวัน และมีพนักงานจำนวน
2,013 คน (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2566)

มานูเอล ฟาเฟียง (Manuel Fafian) ประธานและกรรมการผู้จัดการกลุ่มมิชลิน ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและออสเตรเลีย เปิดเผยว่า
“ตลอดระยะเวลา 30 ปีของการดำเนินงาน มิชลิน หนองแค
ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นบรรษัทพลเมือง พันธมิตรธุรกิจ
และองค์กรผู้จ้างงาน ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและความยั่งยืน ยิ่งกว่านั้น
ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันกลุ่มมิชลินให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัย
ทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความสมดุลระหว่างผู้คน
ผลกำไร และผืนโลก ในด้าน ‘ผืนโลก’ โรงงานหนองแคทุ่มเทอย่างเต็มที่ในเรื่องความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการริเริ่มหลายโครงการ อาทิ โครงการลดการใช้วัตถุดิบ เป็นต้น ส่วนในด้าน ‘ผู้คน’ทางโรงงานมุ่งดำเนินงานโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทั้งยังใส่ใจในความเป็นอยู่ที่ดีและการพัฒนาทักษะของพนักงาน” “เมื่อเสาหลัก 2 เรื่องดังกล่าวได้รับการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ย่อมเป็นปัจจัยส่งเสริม ‘ผลกำไร’ ซึ่งเป็นเสาหลักพื้นฐานสุดท้ายของวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” อันหมายถึงผลประกอบการและการเติบโตทางธุรกิจที่เกิดจากการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการผมเชื่อว่าความทุ่มเทของพนักงานทุกฝ่ายจะนำพา มิชลิน หนองแค ไปสู่อนาคตที่เติบโตรุดหน้าอย่างยั่งยืนและความสำเร็จที่เพิ่มมากขึ้น” มร.ฟาเฟียง กล่าวเสริม


พันธกิจความมุ่งมั่นของโรงงานมิชลิน หนองแค ที่เกี่ยวกับผืนโลก
สะท้อนให้เห็นผ่านโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนหลากหลายโครงการ
ซึ่งส่งผลให้โรงงานสามารถลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งลงได้ถึง
80% โดยมุ่งลดให้เป็นศูนย์ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งยังสามารถลดการใช้วัตถุดิบในการผลิต ลดการใช้พลังงาน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ส่วนในเรื่องผู้คน โรงงาน
มิชลิน หนองแค ไม่เพียงดำเนินงานโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ด้วยการมอบผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
แต่ยังให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดี ตลอดจนพัฒนาการส่วนบุคคลและทางอาชีพของพนักงาน เพราะเชื่อว่า “ยางที่เยี่ยมยอด เกิดจากผู้คนที่ยอดเยี่ยม” มิชลิน หนองแค จึงใส่ใจเป็นพิเศษกับสวัสดิการและความก้าวหน้าของพนักงาน ทั้งยังมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เติมเต็มคุณค่าให้กับพนักงานและเอื้อให้เกิดความผูกพันระหว่างพนักงานกับองค์กร ไฮไลท์ของการเปิดให้เยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้อยู่ที่การนำชมสายการผลิตยางรถโดยสาร/รถบรรทุกและยางล้อเครื่องบิน

โดยนอกจากแขกผู้เข้าเยี่ยมชมโรงงานจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับพัน
ธกิจของโรงงานมิชลิน หนองแค ที่มีต่อเป้าหมายด้าน ‘ผืนโลก’ และ
‘ผู้คน’ แล้ว
ยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับยางมิชลินที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงบางรุ่นซึ่งผ
ลิตที่โรงงานแห่งนี้ อาทิ ‘มิชลิน เอ็กซ์ มัลติ เอนเนอจีย์ แซด’
(MICHELIN X Multi Energy Z)
ยางรถโดยสาร/รถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงดีที่สุดและให้
อายุการใช้งานที่ยาวนาน และ ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’
(MICHELIN AIR X SKY LIGHT)
ยางล้อเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีน้ำหนักเบายิ่งขึ้นและมีอายุใช้งานยาวนานก
ว่า
ทั้งยังให้สมรรถนะเหนือระดับโดยยังคงความปลอดภัยขั้นสูงตามแบบฉบั
บของมิชลินเอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงยางเส้นที่ 30 ล้าน
ซึ่งผลิตออกจากสายการผลิตที่โรงงานมิชลิน หนองแค
เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ทันร่วมฉลองครบรอบ 30 ปีของโรงงานด้วย
โดยยางเส้นดังกล่าวเป็นยางรถบรรทุกประเภทเรเดียลรุ่น ‘มิชลิน เอ็กซ์
มัลติ แซด’ (MICHELIN X Multi Z) ที่ติดตั้งใช้งานได้ทุกตำแหน่งล้อ
สำหรับการขนส่งระดับภูมิภาค (Regional) และการขนส่งระยะไกล
(Line Haul) “ความโดดเด่นของ มิชลิน หนองแค ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงขนาดหรือปริมาณการผลิตในอุตสาหกรรมยางรถโดยสาร/รถบรรทุกและยางล้อเครื่องบิน แต่ยังอยู่ที่ความมุ่งมั่นทุ่มเทของทีมงานชั้นเยี่ยม ในอนาคต มิชลิน หนองแค จะยังคงยึดมั่นและสานต่อพันธกิจการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าควบคู่ไปกับการปกปักรักษาผืนโลก และใส่ใจดูแลพนักงานของตนต่อไป” มร.ฟาเฟียง กล่าวปิดท้าย