หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

ALPHA VOLANTIS ส่งโปรสุดร้อนแรง SUMMER HOT DEALตอบรับรางวัลรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี “The Unique Design Scooter”

(กรุงเทพฯ, 25 มีนาคม 2567) บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) ที่ได้สร้างสรรค์ยนตรกรรมสองล้อภายใต้แนวคิด “INVENTING THE FUTURE” ส่งโปรโมชันสุดพิเศษ ALPHA VOLANTIS SUMMER HOT DEAL เพื่อตอบรับรางวัลรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Thailand Bike of The Year 2024 ประเภท The Unique Design Scooter จัดโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นับเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ด้วยดีไซน์พรีเมียมล้ำสมัยสู่ตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย HORIZON 300SR ‘Street Racer’ รถจักรยานยนต์ที่ได้รับรางวัลในประเภท The
Unique Design Scooter จากการเฟ้นหารถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี
Thailand Bike of The Year 2024 ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นรถจักรยานยนต์ Sport Premium Scooter ที่มีดีไซน์สวยงามไม่ซ้ำใคร มาพร้อมกับลุคหล่อ เท่ ดุดัน ด้วยสีใหม่ Assault Gray พิเศษด้วยชุดแต่ง SR Custom Parts แท้จากโรงงานถึง 13 ชิ้น รอบคัน ออกแบบอย่างทันสมัย สวยงามอย่างลงตัว พร้อมที่จะตอบสนองทุกการขับขี่ให้สนุกเร้าใจ
และระบบช่วงล่างที่ถูกปรับเซ็ตใหม่ทั้งหมดให้สมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น


 ข้อเสนอ SUMMER HOT DEAL!!! ราคาจำหน่าย 149,900 บาท
o ฟรี!! Voucher ส่วนลด 10,000 บาท
o ฟรี!! Front Shield มูลค่า 1,690 บาท
o ฟรี!! หมวกกันน็อค HORIZON 300SR Special Collection มูลค่า
1,990 บาท
o ฟรี!! ประกันภัยรถหาย 1 ปี มูลค่ากว่า 2,500 บาท
o ฟรี!! ค่าจดทะเบียน และ พ.ร.บ. มูลค่ากว่า 1,000 บาท

HORIZON300 PDM : Special Collection
เป็นรุ่นพิเศษที่ถูกออกแบบมาให้มีความโมเดิร์นทันสมัย
ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์ Product Lifestyle ชั้นนำอย่าง PDM และ ALPHA VOLANTIS โดยทาง PDM ได้นำลวดลาย Stride
ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ในตำนานของแบรนด์ PDM มาใช้ในการออกแบบและปรับการจัดวางรายละเอียดแต่ละชิ้นให้กระจายตัวไปบนตัว
รถ ในรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ไร้แรงโน้มถ่วง (Gravity)
เสมือนกับการขับเคลื่อนที่ไร้ขีดจำกัดไปได้ในทุกที่ โดยลวดลาย gravity
ได้ถูกวางลงบนตัวรถ Alpha Volantis Horizon300 แต่ละจุดอย่างลงตัว
ผสานเข้ากับเส้นสายของตัวรถ ดูโดดเด่นในทุกมิติ สอดรับกับตัวเบาะลวดลายพิเศษที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ PDM และ ALPHA
VOLANTIS ได้เป็นอย่างดี

 ข้อเสนอ SUMMER HOT DEAL!!! ราคา 129,900 บาท
o ฟรี!! Voucher ส่วนลดมูลค่า 5,000 บาท
o ฟรี!! Front Shield มูลค่า 1,690 บาท
o ฟรี!! หมวกกันน็อคลายพิเศษ HORIZON300 PDM มูลค่า 1,590 บาท
o ฟรี!! ประกันภัยรถหาย 1 ปี มูลค่ากว่า 2,500 บาท
o ฟรี!! ค่าจดทะเบียน และ พ.ร.บ. มูลค่ากว่า 1,000 บาท

HORIZON 300 Shine Your Elegance โดดเด่นทุกความเป็นคุณ
ยกระดับที่สุดแห่งความหรูหราดีไซน์ระดับพรีเมียมด้วยชุดตกแต่งโครเมียมรอบคัน เติมเต็มกลิ่นอายความคลาสสิกผสานความล้ำสมัยด้วยดีไซน์ Futuristic Premium โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมิติตัวรถขนาดคล่องตัวด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 138 กิโลกรัม ทำให้ขับขี่เคลื่อนตัวง่ายขึ้น ควบคุมน้ำหนักรถสบายขึ้น และใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
แต่ยังคงความสนุกในทุกการขับขี่ตามแบบฉบับเครื่องยนต์ 300 ซีซี.
 ข้อเสนอ SUMMER HOT DEAL!!! ราคาจำหน่าย 129,900 บาท
o ฟรี!! Voucher ส่วนลด 5,000 บาท
o ฟรี!! Front Shield มูลค่า 1,690 บาท

o ฟรี!! หมวกกันน็อคลายพิเศษ HORIZON300 PDM มูลค่า 1,590 บาท
o ฟรี!! ประกันภัยรถหาย 1 ปี มูลค่ากว่า 2,500 บาท
o ฟรี!! ค่าจดทะเบียน และ พ.ร.บ. มูลค่ากว่า 1,000 บาท

Horizon150 รถจักรยานยนต์ออโตเมติกขนาดเล็ก ได้รับการออกแบบในสไตล์ Modern Classic ตอบรับทุกความคล่องตัวในเมืองด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 118 กิโลกรัม ขับขี่มั่นใจวิ่งได้ต่อเนื่องด้วยถังน้ำมันขนาด 6.8 ลิตร
ตอบโจทย์ความอเนกประสงค์ทุกรูปแบบด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน
 ข้อเสนอ SUMMER HOT DEAL!!! ราคาจำหน่าย 72,900 บาท
o ฟรี!! Voucher ส่วนลด 10,000 บาท
o ฟรี!! หมวกกันน็อค Alpha V Special Collection มูลค่า 890 บาท
o ฟรี!! ประกันภัยรถหาย 1 ปี มูลค่ากว่า 2,000 บาท
o ฟรี!! ค่าจดทะเบียน และ พ.ร.บ. มูลค่ากว่า 1,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจรถจักรยานยนต์ดีไซน์ไม่ซ้ำใคร สะท้อนตัวตนอย่างโดดเด่น พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของและสามารถรับโปรโมชัน ALPHA VOLANTIS SUMMER HOT DEAL ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567
ผ่านผู้แทนจำหน่ายและทุกช่องทางออนไลน์ของ ALPHA VOLANTIS

หมวดหมู่
Lormhuntuathai Motorcycle New Innovation News

พิมพ์ภัทราหนุนภาคเอกชนไทยสานต่อนโยบาย EV ของรัฐบาล

เอ็ม กรุ๊ป โฮลดิ้ง ประเทศไทย จับมือ เจียหลิง กรุ๊ป และ ทาลาเรีย พาวเวอร์ เทค ประเทศจีน

ขานรับผลิต E BIKE ตั้งไทยเป็นฐานส่งออกอาเซียน

วันที่ 24 มีนาคม 2567  นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว. อุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน “เปิดประสบการณ์ความท้าทายครั้งใหม่ กับ TALARIA THAILAND ” โดยในงานมีพิธีเซ็นสัญญาร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท ทาลาเรีย อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท ฉงชิ่ง เจียหลิง-เจียเผิง อินดัสทรี จำกัด (ประเทศจีน) เพื่อผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (E-Bike) โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลายประเทศ เช่น จีน ลาว เมียนมา รวมถึงนางจีรนันท์ วงษ์มงคล ประธานสมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา งานจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว. อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยโชคดีที่มีการปรับตัวทางด้านเทคโนโลยีให้ทันยุคทันสมัย โดยเฉพาะเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า ที่รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนการลงทุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนถึง จนถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาตรการ EV 3.0 และมีการตอบรับในประเทศเป็นอย่างดีในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ยอดขายและกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะปีที่แล้วยอดสูงเกือบ 70,000 คัน

รมว.อุตสาหกรรม กล่าววว่า ในส่วนของจักรยานยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และไม่ตอบสนองเฉพาะคนในประเทศเท่านั้น แต่ยังเปิดรับนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย และได้ทำงานกันมาถึง 2 รัฐบาล ในการเตรียมความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางด้าน พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งขนส่งทางรถ ทางราง และทางอากาศ ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือนักลงทุน ที่ทั้งนายกรัฐมนตรี บีโอไอ และกระทรวงอุตสาหกรรม เราทำไปพร้อม ๆ กัน วันนี้เราจึงเห็นนักลงทุน โดยเฉพาะจากประเทศจีนเข้ามาตั้งฐานการผลิตมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความเชื่อมั่นดังกล่าว ท่านนายกฯ เศรษฐา คาดการณ์ว่าปีนี้การลงทุนน่าจะแตะถึง 1 ล้านล้านบาท ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการทำธุรกิจ ที่ยังคงรักษาโลกใบนี้ให้สวยงาม ส่งต่ออากาศบริสุทธิ์สะอาด และนวัตกรรมสีเขียวให้กับรุ่นลูก รุ่นหลานของเราต่อไป

นายหวัง ฟ่าน ประธานกรรมการ และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ทาลาเรีย พาวเวอร์ เทค เมื่อ พ.ศ. 2563 กล่าวว่า ทาลาเรียมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้น สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็น “ซิลิคอนวัลลีย์” แห่งการผลิต E-Bike ทาลาเรียเป็นแบรนด์ที่มีอายุน้อยแต่มีพลวัตสูง ได้รับการรับรองจากผู้ค้าและผู้ขับขี่ยานพาหนะทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในเวลาอันรวดเร็ว กลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ การร่วมมือกับบริษัท เอ็ม กรุ๊ป โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) ถือเป็นการตั้งฐานการผลิตนอกประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อทำหน้าที่ดูแลตลาดผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของทาลาเรียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ในอนาคต ฐานการผลิตใหม่ของทาลาเรียจะกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับนวัตกรรมและความเป็นเลิศด้านการผลิต และเป็นศูนย์กลางสำหรับการทำงาน การแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน พวกเรามีความคิดที่จะทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่ สถาบันการศึกษา และองค์กรการวิจัย เพื่อสร้างเสริมวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อนาคต” นายหวัง ฟาน กล่าว 

นายลี่ ซื่อ หลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาลาเรีย อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด รวมถึงมีมาตรการอุดหนุนผู้บริโภคสำหรับซื้อยานยนต์ไฟฟ้าในราคาไม่แพง ทาลาเรียประเทศไทยตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2566 อยู่ในบางกอกฟรีเทรดโซนซึ่งได้รับเป็นเขตอุตสาหกรรมโดยกระทรวงอุตสาหกรรม อีกไม่นานนี้ทาลาเรียจะมีศูนย์จำหน่ายและบริการ 300 แห่งทั่วกลุ่มประเทศอาเซียน สามารถส่งผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในระยะเวลา 10 – 15 วันเท่านั้น 

“ทาลาเรียมีการวิจัยและพัฒนาโดยผสมผสานเทคโนโลยีจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดเข้ากับกระบวนการผลิตที่ทันสมัยที่สุดจึงได้อีไบค์ที่มีน้ำหนักเบา สมรรถนะสูง ความคล่องตัวสูง และเร้าใจในทุกพื้นผิวการขับขี่ โดยอีไบค์ที่ได้พัฒนาออกมาใหม่ล่าสุดมี 2 รุ่นใหญ่ๆ ได้แก่ Sting และ xXx  ซึ่งทั้ง Sting และ xXx จะมีรุ่นย่อยลงไปอีกหลายรุ่น ทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO9001 มาตรฐาน CE และ E-mark ของยุโรป รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย UL ของสหรัฐอเมริกา” นายลี่ ซื่อ หลิน ระบุ

นายเกอ ฟง ประธานกรรมการ บริษัท ฉงชิ่ง เจียหลิง-เจียเผิง อินดัสทรี จำกัด (ประเทศจีน)

กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิจัย พัฒนา และผลิตรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เราพร้อมแบ่งปันผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำงานร่วมกับบริษัทที่มีฐานการตลาดในประเทศจีนรวมถึงทั่วโลก การร่วมมือกันสามารถเกิดขึ้นได้เพราะการพัฒนาร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายมาโดยตลอด ทำให้เกิดโครงการความร่วมมือเชิงลึกมากมาย และเกิดพันธมิตรความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในที่สุด

นางสาวภิญญ์ชยุตม์ อัครกุลศานต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม กรุ๊ป โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้ร่วมลงทุนและเป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร บริษัท ทาลาเรีย อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอ็มกรุ๊ปทำธุรกิจโดยยึดโมเดลเศรษฐกิจ BCG นั่นคือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว จึงได้ลงทุนในการทำธุรกิจยานพาหนะที่ใช้พลังงานสะอาดกับบริษัททาลาเรียของจีน เพราะเทคโนโลยี EV ของจีนนั้นเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ในส่วนของ E-Bike หรือจักรยานยนต์ไฟฟ้านั้นในประเทศไทยมีให้เห็นตามท้องถนนบ้างแล้วแต่จักรยานยนต์ประเภทออฟโร้ดที่มีน้ำหนักเบานั้นยังแทบไม่มี และทาลาเรียที่ส่งออกจักรยานยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ไปทั่วโลกคือคำตอบที่ลงตัวที่สุดในการร่วมลงทุน

“เราต้องการเป็นผู้นำในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ขับขี่ชาวไทยหันมาใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้ากันให้มากขึ้น เพื่อคุณภาพของสุขภาพร่างกาย เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม” นางสาวภิญญ์ชยุตม์ กล่าว และเสริมว่าเอ็มกรุ๊ปยังมีบริษัทเกี่ยวกับจุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อการเกษตรและบริษัทเกี่ยวกับการกำจัดของเสียและแปรรูปสิ่งของเหลือใช้เพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วด้วย 

สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของทาลาเรียประเทศจีน ใน พ.ศ. 2566 มียอดจำหน่าย

ในสหรัฐอเมริกา 13,542 คัน แคนาดา 10,732 คัน อิตาลี 9,785 คัน เยอรมนี 9,468คัน  ฝรั่งเศส 8,704คัน   สหราชอาณาจักร 8,594 คัน และประเทศในสหภาพยุโรปอื่นๆ 3,632 คัน ตะวันออกกลาง 431 คัน แอฟริกาตะวันตก 248 คัน ประเทศในอเมริกาใต้ 206 คัน ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากจากทั่วโลก.

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

วช. เผยแนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปี 67 – 68 สามารถรับมือภัยแล้งได้ดียิ่งขึ้น

วันที่ 12 มีนาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตระหนักถึงสถานการณ์น้ำที่แปรปรวน การปรับเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วม น้ำแล้ง สลับกันไป จึงมีงานวิจัยที่ช่วยในการเพิ่มความถูกต้องในการทำนาย จำลองสภาพล่วงหน้า ช่วยในการตัดสินใจ และเตรียมตัว รับมือกับภัยแล้ง และภัยน้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น วช. จึงจัดให้มีการแถลงข่าว “แนวโน้มสถานการณ์น้ำ 67 – 68 และมาตรการการปรับตัว” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในการเปิดงานและชี้แจงวัตถุประสงค์ พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้บริหาร วช. ซึ่งมี รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานบริหารแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานบริหารจัดการน้ำ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ นักวิจัยศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ดร.กนกศรี ศรินนภากร หัวหน้างานภูมิอากาศและสภาพอากาศ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ผศ. ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ และผศ. ดร.จุติเทพ วงษ์เพ็ชร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ชั้น 1 อาคาร วช. 8 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์แผนงานสำคัญของประเทศ มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือในการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสามารถสนับสนุนการป้องกัน แก้ไขปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วช. ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบ โครงการ แผนงาน และแผนงานชุดโครงการขนาดใหญ่ หรือแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานบริหารจัดการน้ำ ที่มี รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ เป็นประธานบริหารแผนงาน การจัดงานในครั้งนี้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำของประเทศ อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมชลประทาน และนักวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก วช. ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานบริหารจัดการน้ำ เพื่อบูรณาการภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำรวมถึงการขับเคลื่อนสังคมและสร้างวัฒนธรรมรักษ์น้ำและการประหยัดน้ำ เพื่อให้สามารถผลักดัน ขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรม ให้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.กนกศรี ศรินนภากร สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และ ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อมูลว่าจากการคาดการณ์พบว่าใน และปีหน้าจะเริ่มเข้าสู่ภาวะลานีญาช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 ฝนจะน้อย โดยฝนจะตกมากในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน โดยจะมีแนวโน้ม 2 รูปแบบ คือ ลานีญาแบบปกติ หรือลานีญาแบบอ่อนเป็นเวลาประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะกลับมาแล้งอีกในปี พ.ศ. 2571 การบริหารปริมาณน้ำในเขื่อนจึงต้องวางแผนล่วงหน้า 2 ปี และ ควรประเมินสถานการณ์น้ำตามตำแหน่งของพื้นที่ซึ่งได้รับน้ำจากฝนทุก 2 เดือน

ผศ. ดร.จุติเทพ วงษ์เพ็ชร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติม แบบจำลองปริมาณน้ำท่าในปี 2567-2568 มีความเป็นไปได้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 หากช่วงฤดูฝนของปี 2567 มีการพัฒนาเข้าสู่สภาวะลานีญารุนแรง จะทำให้ปริมาณน้ำ สูงถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม. รูปแบบที่ 2 หากช่วงฤดูฝนของปี 2567 มีการพัฒนาเข้าสู่สภาวะลานีญาอ่อน จะทำให้ปริมาณน้ำมีประมาณ 6,000 – 8,000 ล้าน ลบ.ม. และรูปแบบที่ 3 หากในช่วงฤดูฝนของปี 2567 สภาวะลานีญาอยู่ในระดับปกติ และในปี 2568 ปริมาณน้ำจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเชื่อมโยงถึงการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานและแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตร โดย ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ กรมชลประทาน และ ผศ. ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งกรมประทานได้นำข้อมูลจากการพยากรณ์เหล่านี้มาพิจารณาร่วมกับปริมาณน้ำจริงในอ่างเก็บน้ำ ช่วงเดือนพฤษภาคมก่อนเข้าจะเข้าฤดูฝนตามการคาดการณ์ ปริมาณน้ำกักเก็บที่เพียงพอต่อการ อุปโภค บริโภค และสิ่งแวดล้อมในประเทศคือ ประมาณ 4,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งหากกักเก็บน้ำได้มากกว่าจะเป็นน้ำส่วนที่นำส่งเพื่อการเกษตร แต่ในส่วนนอกเขตชลประทานจะต้องมีการเตรียมตัวเพื่อลดผลกระทบเมื่อฝนทิ้งช่วง เช่น การเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ การใช้เทคโนโลยีในการให้น้ำ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้น้ำพืช การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูก

รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ สรุปการแถลงข่าวครั้งนี้จึงเป็นการเสนอการคาดการณ์ และทางออกของการจัดการปัญหาด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำเพื่อตั้งเป้าหมาย ลดความเสี่ยง ลดความเสียหาย ยั่งยืนแบบยืดหยุ่น รวมทั้งสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในการปรับพฤติกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและสถานการณ์น้ำใน ปี 67 – 68

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

Jobsdb by SEEK เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ ตอบโจทย์

“Better Matches” จับคู่คนที่ใช่กับงานที่ชอบ ด้วย AI ระดับโลกจาก SEEK

12 มีนาคม 2567 Jobsdb by SEEK หนึ่งในบริษัทภายใต้ SEEK  แพลตฟอร์มหางานระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย เปิดกลยุทธ์แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ Better Matches – Better Experience – Better Advice พร้อมปลดล็อกประสบการณ์การสรรหาบุคลากรที่ดีกว่าเคยผ่าน AI ด้วย Unified แพลตฟอร์ม ของ SEEK ที่เชื่อมต่อกับผู้สมัครและผู้ประกอบการหลายล้านทั่วเอเชีย ณ “The Empire Residence” ชั้น 53  ตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์

หลังจากที่ Jobsdb by SEEK ได้เข้าร่วมกับ SEEK แพลตฟอร์มหางาน Tech Company ระดับโลกที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2011 และครอบคลุมกว่า 8 ประเทศ ทั่วเอเชียแปซิฟิก  ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์ รวมถึงขยายกิจการไปยังแถบลาติน-อเมริกา ได้แก่ บราซิลและเม็กซิโก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับผู้สมัครกว่า 40 ล้านคน และผู้ประกอบการกว่า 2.5 ล้านราย ในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงเทคโนโลยีและมาตรฐานการทำงานที่เป็นสากล และเพื่อให้ทันยุคเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน SEEK ได้นำเอา Technology AI เข้ามาช่วยในการจับคู่งานและผู้หางานให้ลงตัวยิ่งขึ้น ภายใต้คำว่า “Better Matches” ทำให้คนที่หางานได้พบงานที่ใช่ เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการ ส่วนผู้ประกอบการสามารถหาผู้สมัครที่ตรงใจได้เร็วขึ้น

ซึ่งผ่านมากว่า 10 ปี กว่าจะเกิด Unification Program ของ SEEK ทั้งหมดเข้าด้วยกันนี้ นับจากที่ได้รวมเอา Jobsdb และ Jobstreet มาอยู่ภายใต้ SEEK และใช้เวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ กว่า 3 ปี เงินลงทุนกว่า 4,220 ล้านบาท (หรือ 180 ล้าน ดอลล่าร์ออสเตรเลีย)

                Mr. Lewis NG Chief Operating Officer, SEEK Asia  (มร. ลูอิส เอิง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ซีค เอเชีย) เปิดเผยถึง การรวมแพลตฟอร์มนี้ว่า “สำหรับ SEEK ทุกสิ่งที่เราทำล้วนแล้วแต่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุม การรวมเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันได้ นั่นหมายถึงเราสามารถที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าของเราไปสู่ประชาชนทั่วเอเชียหลายล้านคน ในรูปแบบใหม่ และนั่นจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถค้นหางานและบุคลากรที่ตรงใจได้ง่าย สะดวกมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้ทำให้ SEEK มีจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและเรายังได้บรรลุเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้คนกว่า 500 ล้านคน ได้พัฒนาเส้นทางอาชีพของตนภายใต้องค์กรกว่า  5 ล้านแห่งในภูมิภาคนี้

คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK เผยว่า อัตราการจ้างงานในครึ่งแรกของปี 2024 มีโอกาสเติบโตมากขึ้นถึงร้อยละ 54 คาดการณ์จากค่าเฉลี่ยจำนวนของประกาศงานบนเว็บไซต์ Jobsdb ต่อเดือนที่สูงขึ้นร้อยละ 59 และผู้ประกอบการที่มีความต้องการที่จะจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงให้เห็นว่าอัตราผู้ว่างงานในประเทศไทยต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลต่ออัตราการซื้อพื้นที่เพื่อลงประกาศงานในแพลตฟอร์มจัดหางานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 โดยผู้ประกอบการต่างมองหาวิธีจ้างงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ด้านผู้สมัครงานก็มองหาวิธีที่ทำให้ตนเองโดดเด่นขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดแรงงานที่ดุเดือด

Jobsdb by SEEK เล็งเห็นความสำคัญในประเด็นนี้ จึงได้เปิดกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.Better Matches ช่วยจับคู่การจ้างงานให้ได้คนที่เหมาะสมอย่างง่ายและรวดเร็วด้วยความฉลาดของ AI ในการค้นหา แนะนำและช่วยการคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม 2.Better Experience การจ้างงานไร้รอยต่อทั่วเอเชียแปซิฟิก พร้อมเข้าถึงกว่า 40 ล้านคนที่เป็นบุคลากรระดับเวิร์ลคลาส โดยผู้ประกอบการสามารถเพิ่มโอกาสในการค้นหาผู้หางานได้ทุกประเทศในเครือ SEEK 3.Better Advice กลยุทธ์เชิงรุกที่เพิ่มประสิทธิภาพในการสรรหาบุคลากรด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ของ SEEK ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประกาศงานและค่าใช้จ่าย เข้าใจ Demand และ Supply ของตำแหน่งงาน   รวมถึงรายงานจากแบบสำรวจและคำแนะนำในการจ้างงานที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้การสรรหาเป็นเรื่องง่ายและสามารถนำไปปรับให้เข้ากับกลยุทธ์การจ้างงาน

Mr. Neeraj Goswami Head of Product, SEEK  (มร.นีราช กอสวามี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค) ซีค เผยว่า SEEK มี เป้าหมายที่จะยกระดับประสบการณ์การสรรหาและจ้างงานบุคลากรที่ต้องการให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น บนการรวมแพลตฟอร์มในครั้งนี้ด้วยเทคโนโลยี AI จาก SEEK ที่มีฐานข้อมูลครอบคลุมทั้งเอเชียแปซิฟิกตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี พร้อมด้วยทีมงานมากกว่า 200 คน ที่ดูแลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกนี้ จึงนับเป็นประโยชน์ต่อ Jobsdb by SEEK อย่างมากโดยข้อมูลที่นำมาใช้งานยังได้มีการปรับปรุงให้เหมาะกับอินไซด์ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน สำหรับ Unification Program ของ SEEK พร้อมแล้วที่จะให้คำแนะนำที่ล้ำกว่าเดิมสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการสรรหาบุคลากรและเป็นต่อเหนือคู่แข่ง อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูลที่อัปเดตผ่านแดชบอร์ด การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของประกาศงานกับคู่แข่งและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้สมัคร การให้คำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพของประกาศงาน นอกจากนี้ระบบ Unification ยังได้เปิดให้บริการอีก 3 ส่วน ได้แก่ 1. AI Smarter Search ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมการค้นหาของผู้สมัครในอดีตเพื่อแสดงตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้กับผู้สมัคร ซึ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 โดยการใช้ AI ร่วมกับข้อมูลเชิงลึกของตลาดและข้อมูลของ SEEK 2. ปรับปรุงโปรไฟล์ของผู้สมัครและเสริมเครื่องมือในการแนะนำเพื่อส่งผลลัพธ์ในการจับคู่ผู้สมัครกับงานที่ดีกว่าเดิม และ 3.คำถามสำหรับผู้สมัครงาน แนะนำโดย AI เพื่อคัดกรองผู้สมัครที่ใช่ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การรวมกันของแพลตฟอร์มจาก SEEK ในครั้งนี้เป็นการช่วยแนะนำผู้สมัครที่ตรงความต้องการของผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI นี้ ยังช่วยให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามเนื้องานที่มีการเปิดรับอยู่สามารถมองเห็นโอกาสได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการค้นหาโดยใช้ภาษาสนทนาที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ได้อีกด้วย  

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เปิดแนวคิดมาตรฐานรวมศูนย์ ในแบบฉบับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ซื้อรถที่ไหนก็ “All for ONE” ราคาเดียว สต็อกเดียวมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ!!

เริ่มต้นปี 2024 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านธุรกิจของค่ายรถสัญชาติเยอรมันอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” กับการพลิกโฉมการขายรถยนต์ระดับลักชัวรี่ในประเทศไทยด้วยโมเดลธุรกิจ
“Retail of the Future” กลยุทธ์การค้าปลีกแห่งอนาคตที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านราคา ข้อเสนอ และระบบการขาย รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าได้รับบริการในแบบลักชัวรี่อย่างแท้จริง
โดยพัฒนาและปรับใช้มาจากโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก
“Retail of the Future” คือแพลตฟอร์มการค้าปลีกรูปแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีหัวใจสำคัญมาจากความโดดเด่นของแบรนด์ที่ลูกค้าให้การยอมรับ ทั้งในเรื่องของความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และความหรูหรา (Luxury) โดยมุ่งมั่นที่จะลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมให้ลูกค้าทุกคนสามารถซื้อรถด้วยราคาและข้อเส
นอเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Anywhere, One Price”
ซึ่งโมเดลธุรกิจในรูปแบบนี้จะทำให้เส้นทางการซื้อรถของลูกค้ามีความโปร่งใสและง่ายยิ่งขึ้น

ด้วยการเปลี่ยนแปลงและยกระดับกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
การเปลี่ยนเป็นระบบคลังสินค้าส่วนกลาง (Centralized Stock) ที่จัดการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ได้รับบริการแบบลักชัวรี่จากทุกตัวแทนจำหน่ายฯ (Customer Experience) รวมถึงการผสานช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Seamless O2O)

คอนเซปต์แบบ “All for ONE” คำตอบเดียวสำหรับทุกคำถามของลูกค้า
หลังจากการเปิดตัวโมเดลธุรกิจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยได้สร้างความเข้าใจและความคุ้นเคยให้กับชาวไทยผ่านกลยุทธ์การสื่อสารมากมายที่เข้าใจง่ายและดึงดูด ความสนใจ หนึ่งในนั้นคือการใช้คีย์เวิร์ดอย่าง “มาตรฐานรวมศูนย์ ให้ความยุ่งยากเป็นศูนย์” (All for ONE) มาใช้ในการสื่อสารการตลาด โดยมีอินไซด์มาจากขั้นตอนแรกในการซื้อรถของลูกค้าที่ต้องควานหาโชว์รูมที่สามารถให้ราคาและข้อเส
นอที่ดีที่สุด ซึ่งในขั้นตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีคำถามมากมาย เริ่มต้นด้วย “โชว์รูมไหนราคาดีที่สุด” “โชว์รูมไหนโปรแรงที่สุด” ไปจนถึง “โชว์รูมไหนมีรถในรุ่นและสีที่ต้องการ” เพราะนอกจากความแตกต่างของราคาและข้อเสนอ แต่ละโชว์รูมถึงแม้จะมีรถครบทุกรุ่น แต่ก็มีการควบคุมสต็อกและการจัดการที่แตกต่างกัน และบางครั้งถ้าไม่มีในสต็อกลูกค้าอาจจะต้องรอรถเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติหรือต้องจำใจซื้อรถในแบบที่โชว์รูมมีพร้อมในสต็อกโดยที่ผิดไปจากที่สิ่งที่คาดหวังไว้

แต่ในวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถทำให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงราคาและข้อเสนอที่เท่าเทียมกันและเข้าถึงสต็อกกลางเหมือนกันทั้งหมด
ไม่ว่าจะไปที่โชว์รูมไหนก็ตาม ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถสื่อสารกับลูกค้าและตอบทุกคำถามในคำตอบเดียว ไม่ว่าจะถามเรื่องราคา ข้อเสนอ

และความพร้อมของรถที่ต้องการ คำตอบก็คือทุกคนจะสามารถไปได้ “ทุกโชว์รูมใกล้บ้านคุณ”เพราะในวันนี้ลูกค้าทุกคนไม่จำเป็นต้องไปค้นหาโชว์รูม ที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หรือมีรถที่ต้องการ แต่สามารถไปได้ทุกโชว์รูมที่ใกล้บ้านหรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โชว์รูมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกได้ทุกช่องทางตามที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการ โดยที่ทุกโชว์รูมจะมีบทบาทสำคัญในการอยู่ในทุกขั้นตอนการบริการที่ครบวงจร ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ http://www.mercedes-
benz.co.th หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ
หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG:
@MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ไทยเวียตเจ็ทจัดโปรฯ ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก ตั๋วเริ่มต้น 555 บาท

(กรุงเทพฯ, 21 กุมภาพันธ์ 2567) – สายการบินไทยเวียตเจ็ทลดกระหน่ำส่งท้ายเดือนแห่งความรักด้วยโปรโมชั่น “รักเราไม่หมดโปร! (February’s Super Savers)” เสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 555 บาท (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียม) สำหรับเดินทางบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศและราคาเริ่มต้นเพียง 1,555 บาท (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียม) สำหรับเดินทางบนเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ท สามารถสำรองบัตรโดยสารได้ระหว่างวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2567 ใช้เดินทางได้ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม – 26 ตุลาคม 2567 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ที่ www.vietjetair.com

บัตรโดยสารราคาโปรโมชั่นนี้สามารถใช้เดินทางได้กับทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศของไทยเวียตเจ็ท ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ขอนแก่น และอุบลราชธานี รวมถึงเส้นทางบินข้ามภูมิภาคจาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ และเชียงราย และทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ท ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เวียดนาม พนมเปญ สิงคโปร์ ฟูกุโอกะ ไทเป เซี่ยงไฮ้ และหางโจว รวมถึงเส้นทางบินตรงจาก เชียงใหม่ สู่ โอซาก้า ผู้โดยสารสามารถสำรองบัตรโดยสารราคาพิเศษนี้ได้ที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com แอปพลิเคชัน “Vietjet Air” หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊กที่ www.facebook.com/VietJetThailand (คลิกที่แถบ “จองเลย”) รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายหรือสำนักงานจำหน่ายบัตรโดยสาร พร้อมกันนี้ผู้โดยสารสามารถชำระเงินด้วย “ทรูมันนี่ วอลเล็ท” และบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต

สายการบินไทยเวียตเจ็ทให้บริการครอบคลุม 11 เส้นทางบินภายในประเทศ ได้แก่ เส้นทางบินจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี รวมถึงเที่ยวบินข้ามภูมิภาค จาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ และเชียงราย พร้อมกันนี้ สายการบินฯ ได้ขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศสู่หลากหลายจุดหมายปลายทางในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เชื่อมต่อประเทศไทยกับเวียดนาม จีน สิงคโปร์ กัมพูชา ญี่ปุ่น ไทเป และอีกหลายจุดหมายปลายทางทั่วทั้งภูมิภาค

หมวดหมู่
Car Review New Innovation News

เปอโยต์-จี๊ป ประเทศไทย เปิดแผนธุรกิจรับปีมังกร เตรียมเปิดตัว ยนตรกรรมสุดเร้าใจ ในงานมอเตอร์โชว์ พร้อมจัดหนักรับประกันคุณภาพ 7 ปี รถยนต์รุ่นใหม่

เปอโยต์ และ จี๊ป ประเทศไทย ภายใต้บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์รถยนต์ฝรั่งเศส เปอโยต์ และ จี๊ป ราชาออฟ-โรด สัญชาติอเมริกัน อย่างเป็นทางการในประเทศไทย แถลงผลประกอบการปี 2566 ปลื้ม เปอโยต์-จี๊ป ส่งมอบลูกค้าสะสม รวมกว่า 2,100 คัน เปิดแผนปี 2567 ตั้งเป้าทำยอดขายรวมกว่า 1,000 คัน คึกคักรับข่าวดี บริษัทแม่ สเตลแลนทิส จับมือ ลีปมอเตอร์ ทุ่มกว่า 58,000 ล้านบาท สร้างโอกาสธุรกิจสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมเตรียมเปิดตัว เปอโยต์ 3 รุ่นใหม่, ‘ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี ซัมมิท รีเสิร์ฟ โฟร์บายอี’ และ ‘นิว จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน (Minor Change)’ ในงานมอเตอร์โชว์ ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพสูงสุดถึง 7 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ สูงสุดถึง 8 ปี ตอกย้ำความมั่นใจ เปอโยต์ ผนึกกำลัง เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ขยายเครือข่ายศูนย์บริการครบวงจร ครอบคลุมทั่วประเทศ

สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ และ จี๊ป ประเทศไทย เผยว่า “นับตั้งแต่แบรนด์รถยนต์ เปอโยต์ และ จี๊ป ภายใต้การบริหารของ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้เข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนไทย ไม่ว่าจะเป็น เปอโยต์ รุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง ดีไซน์สวยเฉียบ สมรรถนะเยี่ยม อีกทั้งรุ่น นิว 408 GT และ จี๊ป ราชาออฟ-โรด 2 รุ่นยอดนิยม แรงเลอร์ รูบิคอน, กลาดิเอเตอร์ รูบิคอน รวมถึงรุ่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่กล่าวขานถึง อย่าง All-New Jeep Grand Cherokee Summit Reserve 4xe (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร โดยภาพรวมยอดขายรถยนต์ทั้งสองแบรนด์ตลอดปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจากเสียงตอบรับนี้ ในปี 2567 เราจึงได้เตรียมแผนเดินหน้าขยายตลาด โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า สอดรับกับทาง สเตลแลนทิส ที่จับมือลีปมอเตอร์ หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน เพื่อนำเสนอ ยนตรกรรมไฟฟ้า อีกทั้งเปิดโอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ ในอนาคต ทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ และสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้กับทั้งสองแบรนด์ ดังวิสัยทัศน์ปี 2567-2569 การเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ไลฟไตล์ พรีเมียม แมส ชั้นนำของประเทศ ด้วยการมุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) และความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Satisfaction)”

++เปอโยต์ เอสยูวี 3 รุ่น อีกทั้ง Special editions และ จี๊ป รุ่นยอดนิยม ส่งมอบรถไปแล้ว รวม 2,108 คัน พร้อมตั้งเป้ารวม 1,000 คัน ในปีนี้

ความสำเร็จจากการขาย เปอโยต์ เอสยูวี 3 รุ่น พร้อมกับ Special editions ไม่ว่าเป็น La France edition หรือ De Nouveau Edition ที่เป็นการเพิ่มความคุ้มค่าและทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ด้วยยอดขายกว่า 400 คัน โดยมียอดขายสะสม รวมกว่า 2,000 คัน ขณะที่ยอดขาย จี๊ป น่าพอใจ ปี 2566 ทำได้ 62 คัน เติบโตถึง 35% และมียอดขายสะสม 108 คัน ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี จากความมั่นใจของลูกค้า และยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเปิดตัว เปอโยต์ และ จี๊ป หลากรุ่น คาดว่าปีนี้ น่าจะเติบโตรวมกว่า 100% กับยอดขายรวมกว่า 1,000 คัน

++เปิดแผนปี 2567 กระตุ้นตลาดด้วยรถรุ่นใหม่ พร้อมยกระดับราคาขายต่อ ด้วย Peugeot Approved and Certified Used Car

รุกตลาดต่อเนื่อง เปอโยต์ เตรียมเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่น นำทัพโดย นิว เปอโยต์ 408 GT แบ่ง 2รุ่นย่อย คือ Allure และ Allure Plus พร้อมเปิดตัวอีก 2 รุ่นในอนาคต มีกำหนดเปิดตัวภายในปีนี้ ส่วนสาวกรถยนต์พันธุ์แกร่ง จี๊ป ที่ตั้งตารอเอสยูวีโฉมใหม่ เตรียมสัมผัส All-New Jeep Grand Cherokee Summit Reserve 4xe (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) พร้อมด้วย นิว จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน (Minor Change) ในงานมอเตอร์โชว์ นอกจากนี้ เปอโยต์ ยังมีแผนยกระดับราคาขายต่อ ด้วยโปรแกรม Peugeot Approved and Certified Used Car ที่มาพร้อมการันตีคุณภาพ เพื่อกระตุ้นตลาด และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

  ++โอกาสธุรกิจสดใส สเตลแลนทิส ผนึก ลีปมอเตอร์ ทุ่มกว่า 58,000 ล้านบาท รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รับกระแส EV บูม

ปีที่ผ่านมา สเตลแลนทิส ผู้ถือครองแบรนด์ เปอโยต์ และ จี๊ป จับมือ ลีปมอเตอร์ หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน ร่วมแถลงการณ์ครั้งสำคัญ โดย สเตลแลนทิส มีแผนจัดสรรงบประมาณกว่า 58,000 ล้านบาท เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ ลีปมอเตอร์ ประมาณ 20% ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจในเครือ สเตลแลนทิส โดยเฉพาะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม โดยเน้นความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ด้วยทางเลือกอันหลากหลายมากยิ่งขึ้น

++ลุยกิจกรรมทางการตลาดเข้มข้น พร้อมขยายการรับรู้ผ่านการสื่อสาร

เปอโยต์ และ จี๊ป มุ่งสร้างการรับรู้ผ่านการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง พร้อมกิจกรรมทางการตลาดอันหลากหลาย อาทิ ร่วมในมหกรรมยานยนต์ระดับประเทศ, การประชาสัมพันธ์ผ่านผู้มีชื่อเสียง, การทำกิจกรรมเพื่อสังคม,  กิจกรรม JOC Meet และ Jeep 101 Academy เป็นต้น นอกจากนี้ มีการร่วมทำแคมเปญพิเศษกับแบรนด์ สัญชาติอเมริกันอย่าง ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน และเรือสันทนาการ คริส-คราฟท์ รวมไปถึงความร่วมมือระหว่าง จี๊ป กับ ซิกท์ รถเช่าประเทศไทย

++อุ่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพสินค้า สูงสุดถึง 7 ปี และรับประกันแบตเตอรี่นานถึง 8 ปี

เปอโยต์ และ จี๊ป ประเทศไทย สร้างความอุ่นใจด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ นานสูงสุดถึง 7 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร* ให้รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ อาทิ นิว เปอโยต์ 408 GT408 Allure, 408 Allure Plus,  นิว จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน (Minor Change) และ จี๊ป ออล-นิว แกรนด์

เชอเรอกี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดในรุ่น จี๊ป ออล-นิว แกรนด์ เชอเรอกี นานสูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร* ขณะที่ลูกค้าเดิมก็สามารถซื้อการขยายการรับประกันนี้เพิ่มเติมได้เช่นกัน

++เปอโยต์ และ จี๊ป ประเทศไทย มุ่งขยายเครือข่าย และบริการหลังการขาย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

ปัจจุบัน เปอโยต์ มีเครือข่ายโชว์รูมพร้อมบริการหลังการขายครบวงจร 9 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์, เยาวราช, สุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต, พัทยา และล่าสุด ‘เชียงใหม่ ออโต้’ เครือข่ายแห่งแรกในภาคเหนือ นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังกับ เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘PEUGEOT SERVICE OUTLET’ เพื่อให้บริการหลังการขาย อีก 13 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 10 สาขา ได้แก่ พระราม 4, งามวงศ์วาน, ลำลูกกา, รังสิต, เพชรเกษม, รามคำแหง, คู้บอน, พุทธบูชา, กาญจนาภิเษก และศรีนครินทร์ และอีก 3 สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ระยอง, อุบลราชธานี และภูเก็ต

ส่วน จี๊ป เริ่มจากสาขาสุขุมวิท โดยในปี 2566 ได้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, พัทยา และเชียงใหม่ สาขาล่าสุด นอกจากนี้ ยังเตรียมปักหมุดในต่างจังหวัดเพิ่มอีก 4 สาขา คือ อุดรธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา และอุบลราชธานี พร้อมกับการเปิดโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทั้งสองแบรนด์ เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สอบถามข้อมูล โทร. ‘1488 ALWAYS CONNECTED’ ทั้ง จี๊ป และ เปอโยต์ โทร. เบอร์เดียว  

LINE: @peugeotthailand, FACEBOOK: Peugeot Thailand,WEBSITE: www.peugeot.co.th

LINE: @jeepthailand, FACEBOOK: JeepThailand, WEBSITE: www.jeep.co.th

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

CUB House เปิดตัว ‘Monkey King Special Custom Edition’ เท่ด้วยสีดำตัดทอง ผลิตจำกัดเพียง 300 คัน

CUB House by Honda เปิดตัว ‘Monkey King Custom Special Edition’ รถคัสตอมตัวใหม่ล่าสุด ที่มาในธีมสีดำตัดทอง (Black and Gold) เข้มขรึม เท่ขั้นสุด แต่ไม่ทิ้งความซนในแบบฉบับมังกี้ ผลิตให้ครอบครองจำนวนจำกัดเพียง 300 คันเท่านั้น

‘Monkey King Custom Special Edition’ มาพร้อมลวดลายกราฟิกในแบบ Monkey King เข้มด้วยสีดำตัดกับสีทอง ลงตัวกับโลโก้ Monkey King และโลโก้ Monkey Z125 ประดับมงกุฎสีทองสะดุดตา พร้อมวงล้อดำตัดสีทอง และลวดลายลูกเล่นบนสวิงอาร์ม เสริมความพรีเมียมขั้นสุดด้วย Serial Number เรียงลำดับตัวเลขของรถ พร้อมให้ได้ออกไปอวดความซนได้อย่างราชา

สำหรับสาวก Monkey ที่ต้องการเป็นครอบครองความซนของ ‘The Monkey King Custom Special Edition’ หนึ่งใน 300 คัน สามารถเข้าไปชมรถคันจริงได้ที่ CUB House Flagship Store ทั้ง 15 สาขา ในราคาแนะนำ 112,900 บาท

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse/

เฟซบุ๊ก CUB House : fb.com/cubhousebyhonda

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

#HondaMonkey #MonkeyKing #MonkeyCustomEdition #CUBHouse

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda #HowWeMoveYou

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

“ฮอนด้า” ยกทัพนักบิด Honda CBR Series ดวลศึกสองล้อทางเรียบเอเชีย Asia Road Racing Championship 2024 “ชิพ – แชมป์” บิด Honda CBR1000RR-R ดวลรุ่นท็อป “มิกซ์ – ไม้คิว“ บิด Honda CBR600RR เก็บประสบการณ์รุ่น SS600 ขับเคี่ยวกับนักแข่งแถวหน้าระดับเอเชีย

“ฮอนด้า” ยกทัพนักบิด Honda CBR Series ดวลศึกสองล้อทางเรียบเอเชีย Asia Road Racing Championship 2024 “ชิพ – แชมป์” บิด Honda CBR1000RR-R ดวลรุ่นท็อป “มิกซ์ – ไม้คิว“ บิด Honda CBR600RR เก็บประสบการณ์รุ่น SS600 ขับเคี่ยวกับนักแข่งแถวหน้าระดับเอเชีย

“ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ประกาศเข้าร่วมการแข่งขันศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ FIM Asia Road Racing Championship 2024 ส่งทัพนักบิด Honda CBR Series จากโครงการ “เรซ ทู เดอะ แชมป์เปี้ยน” ลงไล่ล่าชัยชนะและท้าทายลิมิตอีกครั้ง โดยยอดนักบิดไทย “ชิพ – แชมป์” บิด Honda CBR1000RR-R ดวลรุ่นท็อป ASB1000 เป้าคว้าชัยโฮมเรซ ผลักดันนักบิดดาวรุ่ง “มิกซ์ – ไม้คิว“ บิด Honda CBR600RR เก็บประสบการณ์รุ่น SS600 ขับเคี่ยวกับนักแข่งแถวหน้าระดับเอเชีย

“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ เตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อลงแข่งขันฤดูกาลนี้ ขยับขึ้นสู่รุ่นท็อปสุดของรายการอย่าง “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี” (ASB1000) ด้วยรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 ภายใต้สังกัด “ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง วิท แอสติโม” พร้อมด้วย “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ ที่ฟื้นฟูร่างกายกลับมาพร้อมสำหรับการแข่งขันอีกครั้ง ด้วยรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 52 ภายใต้สังกัด “แอสติโม เอสไอ เรซซิ่ง วิท ไทยฮอนด้า” เป้าหมายคว้าชัยโฮมเรซ โดยทั้งคู่ได้เข้าสู่โปรแกรมการฝึกซ้อมที่มีวิทยาศาสตร์การกีฬาควบคุมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามโปรแกรมของฮอนด้าในช่วงพรีซีซั่น

ขณะรุ่นที่ต่อสู้กันอย่างเข้มข้นในรายการนี้อย่าง “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” (SS600) ฮอนด้าได้ผลักดันนักบิดดาวรุ่งเก็บประสบการณ์ด้วยยอดรถแข่งทางเรียบ Honda CBR Series อย่าง Honda CBR600RR โดยส่ง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 พร้อมด้วยทีมเมท “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ หมายเลข 85 ลงขับเคี่ยวกับนักแข่งแถวหน้าระดับเอเชีย

ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวในงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2024 ณ สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญส่วนหนึ่งว่า “ฮอนด้ามีนักแข่งไทยเข้าร่วมการแข่งขันในระดับโลกแล้วถึง 3 คนในปีนี้ แบบเต็มฤดูกาล นั่นคือ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ที่ลงในรายการ “จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” และ “โมโตจีพี รุกกี้ส์ คัพ”  ,“ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู ส่วนเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง ก็เปรียบเหมือนกับการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ฮอนด้าใช้เป็นเวทีในการส่งนักแข่งลุ้นความสำเร็จ รวมทั้งส่งดาวรุ่งเพื่อเก็บประสบการณ์สู่รายการระดับโลกต่อไป ซึ่งเราก็ส่งนักแข่งลงในรายการนี้ถึง 4 คน ทั้งหมดมาจากการที่ประเทศไทยมีสนามระดับโลก อย่างสนามช้าง และโครงการการพัฒนานักแข่งของฮอนด้า ที่ได้รับการสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย จะสร้างนักแข่งไทยให้มีความแข็งแกร่งต่อไป”

ทั้งนี้การแข่งขัน FIM Asia Road Racing Championship 2024 จะแข่งขันทั้งสิ้น 6 สนาม ใน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และประเทศไทย ซึ่งจะมีการลงทดสอบตามโปรแกรมพรีซีซั่นเทสในวันที่ 13 มีนาคมนี้ และเริ่มแข่งขันสนามแรกในระหว่างวันที่ 15 – 17 มีนาคมนี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #MotoGP #Moto2 #Moto3 #SC35 #TB5 #Motorsport #RoadToMotoGP #RaceToTheOne #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC #ARRC2024 #AsiaRoadRacingChampionship2024 #NA41 #PT52 #TL31 #KS85

หมวดหมู่
New Innovation News

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โรงงาน 1 และ โรงงาน 2 คว้ารางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประจำปี2566จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หนุนวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ภาพข่าว:

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายธีรุตม์ บุตรเลิศเจริญ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายกลยุทธ์สิ่งแวดล้อม เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว
ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประจำปี 2566 จาก นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา (ขวา) รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2)
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในงานพิธีมอบธงธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมและใบประกาศเกียรติคุณประจำปี 2566

กรุงเทพฯ – 21 กุมภาพันธ์ 2567: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โรงงาน 1 และ โรงงาน 2
ณ ศูนย์การผลิตแหลมฉบัง จ.ชลบุรี คว้ารางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประจำปี 2566 จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ด้วยผลการตรวจประเมินในระดับดีเยี่ยม สะท้อนความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมตามหลักเกณฑ์การตรวจประเมินการให้รางวัล ทั้งหมด 5 มิติ ได้แก่ มิติกายภาพ มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม มิติด้านสังคม และมิติการบริหารจัดการ รางวัลความสำเร็จครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมความก้าวหน้าของสังคมไทย

รางวัล ‘ธงขาวดาวเขียว’ มุ่งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงงานใน
นิคมอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนำหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคมมาใช้ในการดำเนินงาน สร้างการยอมรับและความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการโรงงาน ทำให้เกิดการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานและมีความโปร่งใส อีกทั้ง สนับสนุนให้อุตสาหกรรมและชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้และเติบโตอย่างยั่งยืน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โรงงาน 1 และ โรงงาน 2 ณ ศูนย์การผลิตแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินในทุกมิติ เริ่มจาก ‘มิติกายภาพ’ ด้วยการจัดการพื้นที่สีเขียวและการสร้างระบบระบายน้ำซึ่งมี การแยกระบบระบายน้ำฝนและระบบระบายน้ำเสียออกจากกันอย่างชัดเจน สำหรับ ‘มิติเศรษฐกิจ’ มีการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน พร้อมกับดำเนินโครงการนักศึกษาฝึกงาน MMTh Talent Internship Program เป็นประจำทุกปี เพื่อมอบโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้ประยุกต์ใช้ความรู้ทางทฤษฎีนำมาปฏิบัติงานที่โรงงานอันล้ำสมัยของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมกับได้รับคำแนะนำจากพนักงานระดับมืออาชีพที่มีประสบการณ์เพื่อเตรียมพร้อมสู่การทำงานในอนาคต

นอกจากนี้ โรงงาน 1 และโรงงาน 2 ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังผ่านเกณฑ์การตรวจประเมิน ด้าน ‘มิติสิ่งแวดล้อม’ ด้วยการดำเนินการจัดการน้ำเสีย การจัดการกากอุตสาหกรรม และการจัดการพลังงาน
พร้อมด้วยการส่งเสริมวัฒนธรรมสีเขียว ด้าน ‘มิติสังคม’ บริษัทฯ มีความร่วมมือกับชุมชนในการดำเนินโครงการเฝ้าระวังแหล่งน้ำอย่างมีส่วนร่วม และโครงการอบรมให้ความรู้การคัดแยกขยะและการรีไซเคิลขยะทั้งในนิคมอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบ โครงการเหล่านี้มีเป้าหมายสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านความร่วมมือกับชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ยังมีการดำเนินโครงการภายในองค์กร อาทิ การบริจาคเลือดและมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานของพนักงานเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001, ISO 14001 และ ISO 45001 จากทียูวี แสดงถึงความเป็นเลิศในด้าน ‘มิติการบริหารจัดการ’ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

รางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ริเริ่มโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในปี 2550 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้วยหลักธรรมาภิบาล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัย มุ่งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อการประกอบการของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม สำหรับโรงงานที่ได้รับธงธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประจำปี 2566 แบ่งเป็นโรงงานที่ได้รับธงขาวดาวเขียว จำนวน 154 โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม 32 แห่ง และโรงงานที่ได้รับธงขาวดาวทอง จำนวน 39 โรงงาน

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

มาสด้าชวนคนไทยสละรถโมเดลของเล่นเติมฝันเยาวชนกับกิจกรรม “The Memorable Love of Cars”

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 19 กุมภาพันธ์ 2567 –มาสด้าเชื่อว่าความสุขความสนุกสนานในวัยเด็กของหลายคนยังอยู่ในความทรงจำมาตลอด วันนี้
มาสด้าขอเชิญคนไทยหัวใจสปอร์ต มาร่วมกันส่งความสุขในวัยเด็กไปให้กับเยาวชน ในกิจกรรม “The Memorable Love of Cars”
เสียสละรถโมเดลของเล่นเพื่อส่งต่อความทรงจำในวัยเด็กไปสร้างความทรงจำใหม่ให้เด็กที่ขาดโอกาสและรถโมเดลของเล่นที่เสียสละเข้ามาจะถูกนำไปจัดแสดงภายในบูธมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ เพื่อให้ผู้ชมงานได้รับชมและสัมผัสร่วมกัน ก่อนจะถูกส่งต่อให้กับน้องๆ เยาวชนในโรงเรียนหรือมูลนิธิฯ ที่มาสด้าจัดกิจกรรม “มาสด้า ปันสุข” เป็นกิจกรรมที่ริเริ่มขึ้นเพื่อแบ่งปันสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมไทย ผู้ที่สนใจสามารถนำรถโมเดลของเล่นที่ไม่ได้เล่นแล้ว ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ (ขนาด 1:64) นำไปส่งที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือส่งทางไปรษณีย์ เริ่ม 19 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 16 มีนาคม 2567 ที่สำคัญมาสด้าจะเรียนเชิญผู้ที่ส่งรถเข้าร่วมกิจกรรมเดินทางเข้าชมบูธมาสด้า และรูปแบบการจัดแสดงรถโมเดลของเล่นก่อนใคร ในงาน มอเตอร์ โชว์ รอบวีไอพี วันที่ 25 มีนาคม 2567
ระหว่างเวลา 16:00 – 18:00 น.

The Memorable Love of Cars

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าต้องการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและสร้างสรรค์สังคมแห่งอนาคตอันน่าปรารถนา ด้วยการส่งมอบรถยนต์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องในแต่ละช่วงเวลา พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน เราจึงเล็งเห็นความสำคัญในการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างประสบการณ์ และต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างสายสัมพันธ์อันดีร่วมกับลูกค้าในประเทศไทย ตามคุณค่าหลักของมาสด้า อันประกอบด้วย Purpose คือ เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่

สร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์และทุกช่วงเวลาของชีวิต Promise คือ คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีต่อลูกค้าทุกคน ยกระดับคุณค่าประสบการณ์ให้ครบทุกมิติ ทั้งด้านอารมณ์ ความรู้สึก และกายภาพ สุดท้ายคือ Values คือ
การสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ ทัศนคติ แนวคิด รวมถึงพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง, มีจิตวิญญาณนักสู้,
ส่งมอบความประทับใจด้วยการเอาใจใส่และเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ Brand Value Management เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอดไป เพื่อตอบสนองต่อแนวทางดังกล่าว มาสด้าจึงปรับดีไซน์บูธจัดแสดงรถยนต์มาสด้าในงาน มอเตอร์ โชว์
2024 ใหม่ทั้งหมด พร้อมดึงลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการตกแต่งบูธ กับกิจกรรม “The Memorable Love of Cars” เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่รักในการขับขี่ และรักในรถยนต์ โดยมาสด้าได้แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นพาร์ทเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำถึงความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต พร้อมสื่อสารถึงอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์จะมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบในรถยนต์ได้มีโอกาสแบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์มาสด้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจร่วมบริจาครถโมเดลของเล่นให้กับน้องๆ เยาวชน สามารถนำไปบริจาคด้วยตนเองที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เลขที่ 10 ซ.ลาซาล 56 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
(ส่งแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง) และกรอกรายละเอียดผ่านทาง QR Code ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 – วันที่ 16 มีนาคม 2567
พร้อมรับสิทธิ์เข้าชมชมยนตรกรรมมาสด้ารุ่นใหม่และการจัดแสดงรถโมเดลของเล่นที่บูธรถยนต์มาสด้าก่อน ใคร ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 รอบวีไอพี ที่งาน มอเตอร์ โชว์ 2024 นี้ ตั้งแต่เวลา 16:00 – 18:00 น.
“มาสด้าเชื่อว่ารถโมเดลของเล่นที่ทุกคนสะสมย่อมมีเรื่องราวความทรงจำเกิดขึ้นมากมาย และมีคุณค่าต่อจิตใจ รถโมเดลของเล่นที่ทุกคนส่งมอบผ่านกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยต่อเติมความฝันให้กับเด็กๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน มาสด้าขอเป็นสื่อกลางในการส่งมอบรถของเล่นครั้งนี้ รวมถึงถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์ และความฝันให้กับน้องๆ ได้รู้สึกถึงการเป็นเจ้าของรถโมเดลของเล่นเหล่านั้น
มาสด้ายังคงเดินหน้าในการส่งมอบความสุขในการขับขี่ ภายใต้การบริหารคุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุขในการดำเนินชีวิต ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน เพื่อให้มาสด้าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ลูกค้าภาคภูมิใจ” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม
รายละเอียดเพิ่มเติมการส่งรถโมเดลของเล่นเข้าร่วมกิจกรรม “The Memorable Love of Cars”
ส่งต่อความทรงจำของคุณ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับน้องๆ
 รถโมเดลของเล่นขนาด 1:64 ไม่จำกัดรุ่นและยี่ห้อ นำมาส่งด้วยตนเองที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

หรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เลขที่ 10 ซ.ลาซาล 56 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260 (ส่งแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง) ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 จนถึง วันที่ 16 มีนาคม 2567 พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านทาง
QR Code ซึ่งรถโมเดลของเล่นของท่านจะถูกนำไปจัดแสดงที่บูธรถยนต์มาสด้าในงาน มอเตอร์ โชว์ 2024 และจะนำไปส่งมอบให้กับน้องๆ
เยาวชนในโรงเรียนและมูลนิธิที่มาสด้าเดินทางไปส่งมอบการแบ่งปัน ภายใต้โครงการ มาสด้า ปันสุข ต่อไป

สแกน QR Code ลงทะเบียนร่วมกิจกรรม

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ http://www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

หมวดหมู่
New Innovation News

คปภ. ยกเครื่องหลักเกณฑ์ “การขาย ให้สังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์-ซื้อทรัพย์สิน”ของกรรมการบริษัทประกันภัย ระบุมีผลบังคับใช้แล้ว 1 ก.พ. 2567 เพื่อส่งเสริมธุรกิจประกันภัยทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น

นายสมประโชค ปิยะตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับธุรกิจและการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า นโยบายและทิศทางการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(สำนักงาน คปภ.) ประการหนึ่งก็คือ การปรับปรุงกฎหมายและหลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องโดยแนวทางการออกกฎเกณฑ์และมาตรฐานใหม่ ๆ ในการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยจะต้องเป็นกฎเกณฑ์การกำกับที่มีความยืดหยุ่นสอดรับกับสภาพแวดล้อมและบริบท การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากบริษัทประกันภัยสามารถดำเนินธุรกรรมได้อย่างคล่องตัว และอยู่บนพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมแล้ว ย่อมส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป สำนักงาน คปภ. จึงได้เร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว
โดยหลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ได้แก่ “ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขอรับความเห็นชอบการขายหรือให้อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์หรือซื้อทรัพย์สินจากกรรมการบริษัท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริษัทของบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2567” โดยสาระสำคัญของการปรับปรุงหลักเกณฑ์ฉบับนี้เพื่อสอดคล้องกับหลักการของหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ โดยรายการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริษัท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริษัทนั้น จำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลเพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นธุรกรรมที่ดำเนินการตามเงื่อนไขปกติทางการค้า โปร่งใส และไม่เป็นธุรกรรมที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) โดยสำนักงาน คปภ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่มีการลดข้อจำกัดและสร้างความยืดหยุ่นต่อการนำไปปฏิบัติใช้จริง เช่น กำหนดมูลค่าวงเงินที่จากเดิมต้องขอรับความเห็นชอบก่อนทำธุรกรรมในกรณีซื้อทรัพย์สินตั้งแต่บาทแรก หรือกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทสามารถทำธุรกรรมลงทุนประกอบธุรกิจอื่นตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้รายงานต่อนายทะเบียนหลังทำธุรกรรมได้ เป็นต้น
ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญของประกาศฯ ได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ 1. กรณีธุรกรรมขาย ให้อสังหาริมทรัพย์แก่กรรมการบริษัทรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์จากกรรมการบริษัทรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต้องได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการบริษัทและได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน 2. กรณีธุรกรรมที่อยู่ภายใต้ประกาศ คปภ. เรื่อง การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย พ.ศ.
ฉบับที่ สสอ. 09/2567 2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม บริษัทประกันภัยไม่ต้องขอรับความเห็นชอบก่อนการทำธุรกรรม 3. กรณีธุรกรรมอื่นนอกเหนือจาก 1 และ 2 หากมูลค่าสะสมของธุรกรรมกับกรรมการรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องเกินกว่าหนึ่งล้านบาทต่อปี บริษัทประกันภัยต้องขอรับความเห็นชอบจากนายทะเบียนก่อนการทำธุรกรรม และ 4. บริษัทประกันภัยต้องรายงานการทำธุรกรรมต่อนายทะเบียนในทุกกรณี และเปิดเผยรายการในงบการเงินและฐานะการเงิน อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทประกันภัยจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและเติบโตได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีระบบงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมในทุก ๆ ธุรกรรม โดยเฉพาะธุรกรรมที่เกี่ยวกับกรรมการบริษัท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริษัท ซึ่งถือเป็นธุรกรรมที่มีโอกาสเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้สูงมาก ดังนั้น สำนักงาน คปภ.
จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยเพื่อให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนสามารถเชื่อมั่นได้ว่า บริษัทประกันภัยดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสม ทั้งนี้การกำหนดมาตรการใด ๆ สำนักงาน คปภ.
คำนึงถึงผลกระทบของผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทประกันภัย ผู้เอาประกันภัย และประชาชนเป็นสำคัญ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

TIP Rainbow โดยทิพยประกันภัย ฉลองวันวาเลนไทน์ มอบกรมธรรม์ประกันภัย ” TIP ด้วยรักตลอดไป ” ให้กับคู่ รัก LGBTQ+

ทิพยประกันภัย
ร่วมฉลองเทศกาลวาเลนไทน์และขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกฎหมายสมรส เท่าเทียม ด้วยการมอบกรมธรรม์ประกันภัย “TIP ด้วยรักตลอดไป” จาก TIP Rainbow โดยทิพยประกันภัย ให้กับคู่รัก LGBTQ+
โดยกรมธรรม์ประกันภัยให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุเและโรคร้ายแรงภาวะโคม่า จำนวน 72 คู่ ทุนประกันภัยรวมกว่า 31 ล้านบาท ทั้งนี้กรมธรรม์นี้สามารถระบุผู้รับผลประโยชน์เป็น “คู่รักคู่ชีวิต” เพศเดียวกันได้ ผู้ที่สนใจสามารถ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ กิจกรรม TIP…Love is More มากกว่าคําว่ารัก ตั้งแต่ วันที่ 15 – 29 ก.พ. 67 ได้ที่หน้า
Facebook Fanpage : ทิพยประกันภัย

TIPRainbowประกันภัยที่เข้าใจความหลากหลาย

TIPLoveisMoreมากกว่าคําว่ารัก #72ปีทิพยประกันภัย

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

“SYS” เหล็กไทย หัวใจกรีน พร้อมรับมาตรการ CBAM

ร่วมประกาศเจตนารมณ์กับจุฬาฯและองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS เหล็กดีที่คุณไว้ใจ เหล็กไทยหัวใจกรีน เดินหน้ารับมือมาตรการ CBAM ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน ผนึก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และกลุ่มโรงงานนำร่อง ร่วมผลักดันโครงการ “การเตรียมความพร้อมสินค้าส่งออกสหภาพยุโรปเพื่อรับมือกับมาตรการ CBAM” เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยด้วยแพลตฟอร์มการประเมินค่า Embedded Emission

นายฉัตรภพ พรธรรม  ผู้จัดการฝ่ายบริหารความยั่งยืน บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการประกาศเรื่องมาตรการ CBAM มานั้น ทาง SYS ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตสินค้าที่จะส่งออกไปยังยุโรปให้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรการ CBAM ซึ่งการได้เข้าร่วมในโครงการ “การเตรียมความพร้อมสินค้าส่งออกสหภาพยุโรปเพื่อรับมือมาตรการ CBAM” ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีเพราะจะเป็นการทวนสอบถึงสิ่งที่ SYS ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ว่ามีความเข้าใจถูกต้องหรือไม่ และการดำเนินการโครงการนี้ จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมไทยในการส่งสินค้าไปจำหน่ายยังภาคพื้นยุโรป ถือเป็นการติดอาวุธและความพร้อมที่ดีให้กับผู้ประกอบการ

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวได้อย่างแท้จริง ด้วยการผลิตวัสดุก่อสร้างที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Economy) ที่มุ่งหน้าสู่ Green Ecosystem ที่จะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวได้ในที่สุด ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของ SYS นั้น ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดูแลชุมชนรอบข้างเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท อีกทั้งยังปลูกจิตสำนึกให้กับพนักงาน SYS ทุกคนให้มีความมุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทั้งแนวคิดเรื่องการรักษ์โลก ลดการสร้างขยะด้วยแนวคิด 3R  แนวคิด Circular Economy หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการนำวัตถุดิบกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่อุตสาหกรรมการก่อสร้างไร้คาร์บอน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ SYS นอกจากจะได้คุณภาพมาตรฐานแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองมาตรฐานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด

“ในส่วนของ SYS เองนั้น ได้มีการส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ยุโรปมานานแล้ว แม้ปัจจุบันมีคู่แข่งหลายรายที่เข้ามาแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาด แต่คุณภาพเหล็กของ SYS นั้นมีความได้เปรียบกว่าเพราะมี carbon emission footprint ที่ต่ำกว่า อีกทั้งโครงการความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเพิ่มศักยภาพในการส่งสินค้าไปจำหน่ายยุโรปได้มากขึ้นอีกด้วย” นายฉัตรภพกล่าว

ในงานนี้ นอกจากการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และผู้ประกอบการโรงงานนำร่องที่อยู่ในกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ กระแสไฟฟ้า ปุ๋ย อลูมิเนียม กระดาษ เซรามิก  แก้ว พลาสติก ไฮโดรเจน และเคมีภัณฑ์ รวม 16 องค์กร แล้ว ผู้ประกอบการยังได้ทดลองใช้แพลตฟอร์มการประเมินค่า Embedded Emission ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประเมินและใช้ประกอบการรายงานให้กับสหภาพยุโรป รวมถึงร่วมฟังการบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้แก่ ผศ.ดร.วรพจน์ กนกกันฑพงษ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายปฐม ชัยพฤกษทล ผู้จัดการอาวุโส สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกันบรรยาย “แนะนำโครงการเตรียมความพร้อมสินค้าส่งออกสหภาพยุโรปเพื่อรับมือกับมาตรการ CBAM” และ “มาตรการการปล่อยคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป” นอกจากนี้ยังมี  ดร.พรทิพย์ วงศ์สุโชโต บริษัท ทรี โมเม้นส์ จำกัด บรรยาย “แนวทางการประเมินและรายงานค่า Embedded Emission”  และดร.แพรวพกุล ศิลธรรม บริษัท ทรี โมเม้นส์ จำกัด  บรรยาย “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์และการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์”

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

กรังด์ปรีซ์ฯ ร่วมเปิดงาน OSAKA AUTOMESSE 2024

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดย คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ได้รับเกียรติร่วมพิธีเปิดจาก Automesse Association (ออโต้เมสเซ่ แอสโซซิเอชั่น) ผู้จัดงาน 27 th OSAKA AUTO MESSE 2024 (ครั้งที่ 27 โอซาก้า ออโต้
เมสเซ่ 2024) งานแสดงรถแต่งสุดยิ่งใหญ่ในโอซาก้า จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 10 – วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา ที่ อินเท็กซ์ โอซาก้า (INTEX OSAKA: Osaka International Exhibition Center)
Osaka Auto Messe 2024 เป็นงานที่รวมรถแต่งฝั่งคันไซ ภายใต้แนวคิด ”OMOROI ASHITA MUGENDAI” (Interesting/Tomorrow/Infinity:


ความน่าหลงใหล/เพื่อก้าวสู่วันพรุ่งนี้/อย่างไร้ข้อจำกัด) โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างงานแสดงรถยนต์ที่มอบความบันเทิงให้แก่คนทุกเจเนอเรชั่นสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของรถยนต์หลากหลายสไตล์
และอุปกรณ์ตบแต่งมากมายที่นำมาจัดแสดง ในปีนี้ Osaka Auto Messe 2024 (OAM 2024) ยกกองทัพรถแต่งมากกว่า 500 คัน จัดแสดงบนพื้นที่ 50,000 ตารางเมตรของอินเท็กซ์ โอซาก้า โดยมีทั้งรถแต่งเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่มาเปิดตัวครั้งแรกในงาน, บรรดารถสปอร์ตตัวแรง, รถยนต์รุ่นใหม่ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น และอุปกรณ์แต่งจากสำนักแต่งรถชื่อดังแบบจัดเต็ม
อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมตลอดทั้งงาน โดยในปัจจุบันงานแสดงรถยนต์ และอุปกรณ์ตบแต่ง Osaka Auto Messe ได้รับการยกระดับให้เป็นหนึ่งในอีเวนต์ใหญ่ประจำภูมิภาคคันไซ หลังจากมีผู้เข้าชมงานเฉลี่ยมากกว่า 200,000 คนต่อเนื่องในทุกปี โดยการจัดงานเมื่อปี 2023 มียอดผู้เข้าชมงานสูงถึง 205,462 คน

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบทุกการเดินทางให้เป็นของขวัญล้ำค่าส่งดีลพิเศษผ่านยนตรกรรมอันเหนือระดับ ต้อนรับปีมังกร

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ฉลองเปิดปีมังกร 2567 เสริมความมั่งคั่งด้วยแคมเปญ “Chinese New Year” ยกทัพยนตรกรรมมาเปิดข้อเสนอสุดพรีเมียมต้อนรับตรุษจีนด้วยส่วนลด สิทธิพิเศษ และ การบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ให้กับลูกค้าใหม่ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ร่วมรายการกว่า 20 รุ่น ทั้งในกลุ่มรถยนต์คอมแพกต์ และรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG พร้อมตอบโจทย์ความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์แบบลักชัวรีในทุกมิติ ให้กับลูกค้าคนพิเศษใน
ทุกขั้นตอนของการซื้อรถยนต์ สำหรับแคมเปญ “Chinese New Year” เป็นแคมเปญแรกภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ “Retail of the Future” ที่พลิ โฉมธุรกิจค้าปลีกของแบรนด์สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ มาพร้อมราคาและข้อเสนออย่างเท่าเทียมกันในทุกแพลตฟอร์ม รวมไปถึงการที่ลูกค้าสามารถเลือกรถยนต์ทุกรุ่นที่ต้องการผ่านระบบคลังสินค้าส่วนกลางที่เชื่อมต่อกันทั่วประเทศอย่างไร้รอยต่อ โดยสามารถรับข้อเสนอสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นที่ร่วมรายการ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถยนต์กลุ่ม E-Class
     รุ่น E 300 e AMG Dynamic ราคาเริ่มต้น 3,390,000 บาท
     รุ่น E 300 e Avantgarde ราคาเริ่มต้น 2,990,000 บาท
     รุ่น E 220 d AMG Sport ราคาเริ่มต้น 3,390,000 บาท
    พร้อมรับฟรี ประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) นาน 1 ปี และค่าบำรุงรักษาแพ็กเกจ Easy Care 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  2. รถยนต์รุ่น EQS 500 4MATIC AMG Premium ราคาเริ่มต้น 6,700,000 บาท พร้อมรับฟรี ประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) นาน 5 ปี ค่าบำรุงรักษาแพ็กเกจ Easy Care 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และขยายเวลารับประกันแพ็กเกจ Extra Guarantee 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  3. รถยนต์กลุ่ม CLS-Class
     รุ่น CLS 220 d AMG Premium ราคาเริ่มต้น 4,140,000 บาท
     รุ่น Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 5,280,000 บาท พร้อมรับฟรี ประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) นาน 1 ปี
    นอกจากนี้ ยังมอบส่วนลดเงินสดสูงสุดถึง 600,000 บาท ให้กับรถยนต์ที่ร่วมรายการอีกมากกว่า 14 รุ่น ทั้งรถยนต์ซีดาน เอสยูวี และสปอร์ตคูเป้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde,
    C 350 e AMG Dynamic, C 200 Coupé AMG Dynamic, S 350 d Exclusive, S 580 e AMG Premium, GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG
    Dynamic, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350 de 4MATIC Exclusive, GLS 350 d 4MATIC AMG Premium รวมไปถึงรถยนต์สมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ทั้ง 3
    รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé และ Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ โดยลูกค้าจะได้รับประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) 1 ปี
    ทุกคันฟรี! พร้อมให้การคุ้มครองที่ครอบคลุมในทุกการเดินทาง
    ให้ทุกการขับขี่และการโดยสารเต็มไปด้วยความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด
    สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่ง ทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ http://www.mercedes-benz.co.th หรือโทร 1250 ทั้งนี้
    เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์มอบแคมเปญส่งเสริมการขายดังกล่าวเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการเท่านั้น
    โปรดตรวจสอบรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ChineseNewYear2024 #MercedesBenz #MercedesBenzThailand

หมวดหมู่
Lormhuntuathai Motorcycle New Innovation News

CUB House ชวนสายแคมป์ปิ้งไปสัมผัสเส้นทางธรรมชาติ ขอนแก่น – ภูผาม่าน กับกิจกรรม ‘CUB Camping EP. 2’

หลังจากที่ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับทริป CUB House Camping EP. 1 พาสายแคมป์ลงใต้ไปลุยที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมขับขี่ไปยังจังหวัดภูเก็ต ครั้งนี้ CUB House by Honda เอาใจสายแคมป์ปิ้งชาวอีสานเตรียมลุยต่อที่เส้นทางขอนแก่น – ภูผาม่าน ร่วมเปิดประสบการณ์ขับขี่และท่องเที่ยวในรูปแบบแคมป์ปิ้ง 2 วัน 1 คืน สัมผัสเส้นทางธรรมชาติพร้อมท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ รวมเส้นทางการขับขี่กว่า 100 กิโลเมตร อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ไว้สำหรับเอาใจชาว CUB House อีกมากมาย อาทิ
 กิจกรรมท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ ผ่านการมอบถังขยะแยกประเภทให้แก่อุทยานแห่งชาติภูเวียง
 ขับขี่ท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติ ณ บริเวณ ผาชมตะวัน อุทยานแห่งชาติภูเวียง และจุดชมวิว หนองสมอ ภูผาม่าน
 ขับขี่รถ ATV ชื่นชมธรรมชาติ บนเส้นทางวิบาก
 ถ่ายรูปเช็กอินบริเวณ Sky Walk ภูแอ่น โนนสัง จุดแลนด์มาร์กที่สวยงาม
 Camping Party รวมกลุ่มของชาว ‘CUB’ ปาร์ตี้บาร์บีคิว เพลิดเพลินไปกับดนตรีโฟร์คซอง กิจกรรม CUB House Camping EP. 2 เส้นทาง ขอนแก่น – ภูผาม่าน เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ นี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมพบปะเพื่อนใหม่ชาว ‘CUB’ สามารถลงทะเบียนได้ที่ CUB House Flagship และ CUB House Corner ในศูนย์ Honda Wing Center ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้บ้านคุณ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารผลิตภัณฑ์และองค์กร สายงานสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด โทรศัพท์ 02-757-6111
อกนิษฐ์ ธนะกุลมาส (หนึ่ง) ต่อ 2516 / วริศรา เที่ยงธรรม (จีน) ต่อ 2510 / ปกรณ์ พรหมนาม (บอย) ต่อ 2502
ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : http://www.thaihonda.co.th/cubhouse/
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/cubhousebyhonda
IG : http://www.instagram.com/cubhousebyhonda
Tiktok: http://www.tiktok.com/@cubhouse_byhonda
Youtube: http://www.youtube.com/@CUBHouseChannel

CUBHouseCampingEP2 #CUBHouse #Monkey125 #C125 #CT125 #Dax125

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า

HowWeMoveYou

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

มาสด้าผนึกสวาทแคทจัดคาราวานพาลูกค้าและแฟนบอลรวมพลังสร้างโป่งเทียม อนุรักษ์ผืนป่า เขาแผงม้า วังน้ำเขียว

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 13 กุมภาพันธ์ 2567 – มาสด้า เซลส์ประเทศไทย ผนึกกำลังกับ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมระดับท้องถิ่น “Mazda Swatcat Caravan เสริมชุมชน สร้างผืนป่า พาเชียร์บอล” รวมพลังลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและแฟนคลับสวาทแคท ร่วมขบวนคาราวานด้วยรถยนต์มาสด้าออกเดินทางไปเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนบ้านด่านเกวียน แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผา ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่าร้อยปี
และร่วมกันสร้างโป่งเทียมเพิ่มแร่ธาตุให้กับสัตว์ป่า เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์และยั่งยืน ณ เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าจุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า ในช่วงเย็นยังได้ร่วมส่งแรงใจแรงใจเชียร์ทีมฟุตบอลสวาทแคท ในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก2 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ซึ่งสร้างความประทับใจและยกระดับความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่างลูกค้ามาสด้าและแฟนบอลได้เป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 100 คน


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“มาสด้าเดินหน้าตามแนวทาง Sustainable Development Goals- SDGs หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สะท้อนถึง 3 แกนหลักของมิติความยั่งยืน ด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสรรค์โลกของเราให้ยังคงความสวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป ภายใต้การบริหารคุณค่าของแบรนด์ Brand Value Management (BVM) ประกอบด้วย Purpose เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่ของมาสด้า เน้นสร้างคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้กับผู้คนได้สัมผัสแบรนด์มาสด้าด้วยความภาคภูมิใจ Promise คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้าทุกคน มาสด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และ Value
การสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะแต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะทำให้ทุกครอบครัวมีความสุขตลอดการเดินทาง
คาราวาน “Mazda Swatcat Caravan เสริมชุมชน สร้างผืนป่า พาเชียร์บอล” มีรถยนต์มาสด้าเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 30 คัน มีสมาชิกร่วมเดินทางกว่า 100 คน กิจกรรมประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือ การเดินทางไปเรียนรู้วิถีแห่งชุมชนเที่บ้านด่านเกวียน ชมหัตถกรรมครื่องปั้นดินเผา
อำเภอโชคชัย ช่วยยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดนครราชสีมา
การสร้างโป่งดินเพื่อเป็นแหล่งเสริมแร่ธาตุสำหรับสัตว์ป่า เขาแผงม้า
และสุดท้ายนำสมาชิกเข้าชมและเชียร์การแข่งขันฟุตบอล
มาสด้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคนในวันนี้
คือส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม

และช่วยสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น
นี่คือหนึ่งในพันธกิจของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์ สร้างความสุข และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้ามาสด้าทั่วประเทศ
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กล่าวว่า “กิจกรรม “Mazda Swatcat Caravan” เกิดจากความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ มาสด้า เซลส์
ประเทศไทย, สโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ผู้จำหน่ายมาสด้าในจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งบางจาก และ อินทนิล ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับลูกค้าและแฟนคลับสวาทแคท พร้อมส่งกำลังใจเชียร์การแข่งขันฟุตบอล ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ชมการแข่งขันในเย็นวันนี้ซึ่งเป็นนัดที่แตะในบ้าน ด้วยแรงสนับสนุนจากทุกท่าน ไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้จังหวัดนครราชสีมาที่เป็นบ้านเกิดของชาวสวาทแคทก้าวสู่ความยั่งยืนเท่านั้น แต่กำลังใจที่เต็มเปี่ยมในครั้งนี้
ยังจะช่วยส่งเสริมให้ทีมสวาทแคทที่เรารักเอาชนะในเกมส์การแข่งขันในครั้งนี้” กิจกรรมในครั้งนี้ เริ่มปล่อยขบวนคาราวานออกจากจุดสตาร์ท บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสมเกียรติ
วิริยะนันท์กุล พร้อมด้วยผู้บริหารจากสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี นำโดย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหาร, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ประธานสโมสรฯ, นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์, นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด, นายอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นางสาวทัศนียา พัฒนจิตวิไล กรรมการผู้จัดการ มาสด้า ราชาออโต้เซลส์ และทีมบริหารจาก
มาสด้า เอกสห กรุ๊ป เข้าร่วมพิธีปล่อยคาราวาน ก่อนมุ่งหน้าออกเดินทางไปยังศูนย์การเรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมชุมชนอันเลื่องชื่อของจังหวัดฯ พร้อมชมนิทรรศการ “งานมหกรรมเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน” ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ยั่งยืน ณ เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าจุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว หลังจากลูกค้าและแฟนคลับร่วมกันทำโป่งดินเพื่อสัตว์ป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางต่อไปยังสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อรวมตัวสร้างความฮึกเหิมและรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว และส่งกำลังใจให้ทีมสวาทแคท ในการแข่งขันแมตต์สำคัญระหว่าง สวาทแคท กับ พัทยา ยูไนเต็ด นอกจากลูกค้าและแฟนคลับจะได้สนุกสนานกับกิจกรรมตลอดการเดินทางแล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนมาสด้า แฟนคลับสวาทแคท และนักกีฬาในการสู้ศึกการแข่งขันเพื่อทีมที่ทุกคนรักและภาคภูมิใจ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสถึงประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ หรือ Joy of Driving จากการขับขี่รถยนต์มาสด้าแล้ว ยังได้รับความสุขจากการได้มีส่วนช่วยสร้างสรรค์ชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน
เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป

บุคคลในภาพในพิธีเปิดกิจกรรม ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา (ที่3 จากซ้าย) รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ (ที่4 จากว้าย) ประธานสโมสรฯ, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (ที่6 จากซ้าย) ประธานบริหารสโมสรฯ, นายสมเกียรติ วิริยะนันท์กุล (ที่6 จากขวา)
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายวัชระ เจียรบุญ (ที่5 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด, นายอุทัย เรืองศักดิ์ (ที่5 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ นางสาวทัศนียา พัฒนจิตวิไล (ที่3 จากขวา) มาสด้าราชาออโต้เซลส์

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

CUB House เปิดตัว Pop-up Store ครั้งแรกใจกลางเยาวราช บนสถานี MRT วัดมังกร ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน

CUB House by Honda สร้างเซอร์ไพรส์กลางเยาวราชรับเทศกาลตรุษจีนด้วยการเปิดตัว CUB House Pop-Up Store บนพื้นที่สถานี MRT วัดมังกร (ทางออกที่ 2) จุดศูนย์กลางวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น นำเสนอรถระดับไอคอน ผสานรวมกับคัลเจอร์ของคนเมือง มอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์ทุกสายแฟชั่นทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมให้มาสัมผัสได้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ จนถึง 22 เมษายน 2567

CUB House Pop-up Store นำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจโดยการนำ Iconic Models กับชุดแต่งพิเศษจากค่ายดังมาให้ได้สัมผัสกันถึงที่ ไม่ว่าจะเป็น ‘New Dax Me out’ กับชุดแต่ง Daxcessories จากค่าย KitacoSE จัดเต็มสุดแนวตลอดทั้งคัน และ ‘Honda Monkey x Gcraft+’ สาวกลิงน้อยมาพร้อมชุดแต่ง Special Touring Set จากสำนักแต่ง GCraft ที่ออกแบบมาสำหรับสายทัวร์ริ่งโดยเฉพาะ รวมถึง ‘New Honda CT125 x StreamTrail’ สีเหลือง (Yellow Color) มาพร้อมชุดแต่ง Trailventure Set เหมาะสำหรับสายลุย อีกทั้งยังมี CUB House รุ่นอื่น ๆ ที่เตรียมเอาใจสายไบค์เกอร์ให้ได้เติมแต่งความเป็นตัวตน เสริมเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่

พร้อมสัมผัสไลฟ์สไตล์ และสัมผัสรถจริงได้แล้ววันนี้ที่ CUB House Pop-up Store MRT วัดมังกร

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse/

เฟซบุ๊ก CUB House : fb.com/cubhousebyhonda

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

“สโกมาดิ” ส่งโปรฯ 4 เด้งสุดฟินให้ได้อินกับสกู๊ตเตอร์คันโปรด ตลอดเดือนแห่งความรัก

กรุงเทพฯ 12 กุมภาพันธ์ 2567 – สโกมาดิ ผู้จัดจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์สัญชาติอังกฤษ ชวนสัมผัสการเดินทางสุดพิเศษไปกับบริทิช โมเดิร์น คลาสสิก สกู๊ตเตอร์ ที่มาพร้อมดีไซน์สไตล์เรโทรและสมรรถนะเหนือระดับ ชวนให้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ตอบโจทย์ทั้งการออกทริปกับคนสำคัญและการขับขี่แบบลุยเดี่ยว พิเศษ! ต้อนรับเดือนแห่งความรักกับโปรโมชัน “Love at Frist Ride” ออกรถทุกรุ่นวันนี้ รับฟรี! Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 4,000 บาท พร้อม Roadside Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ตลอดจนฟรี พ.ร.บ., จดทะเบียน และหมวกกันน็อคสุดพรีเมียม ตั้งแต่วันนี้ – 29 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถชมรถตัวอย่างพร้อมทดลองขับขี่ ได้ที่ศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางเฟซบุ๊ก Scomadi Thailand เว็บไซต์ https://www.scomadithailand.com/ หรือโทร 081 888 6066

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

Power Work ชี้ตลาดอีวีไทยคึกคัก ล่าสุดปิดดีลแบรนด์เกาหลียักษ์ใหญ่ “ไอออนิค 5” จาก “ฮุนได” 

กางโรดแมป 1 ปี ปักหมุดผู้นำ EV Charger ไทยมาตรฐานสากล

เพาว์เวอร์ เวิร์ค (Power Work) สตาร์ทอัพผู้จัดจำหน่ายอีวีชาร์จเจอร์ในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Wallbox เผยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดการจดทะเบียนรถอีวีมีจำนวนมากกว่า 31,515 คัน เติบโตขึ้น 229% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลตลาดรถอีวีไทยคึกคัก สบช่องคว้าดีลความร่วมมือกับ ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการติดตั้ง Wallbox EV Charger กับลูกค้าที่เลือกใช้ ไอออนิค 5 (IONIQ 5) รถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก ฮุนได ตอบเทรนด์พลังงานสะอาดมาแรง ตั้งเป้าส่งมอบ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2568 พร้อมกางโรดแมป 1 ปี เล็งสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมอีวี ปักหมุดดัน เพาว์เวอร์ เวิร์ค ทะยานสู่ผู้นำ EV Charger ไทยมาตรฐานสากล

นายคมสิทธิ์ แสงมณี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เพาว์เวอร์ เวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอีวีในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งจากแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศ หรือนโยบาย 30@30 ที่มีการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 และการส่งเสริมจากภาครัฐให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมถึงเตรียมความพร้อมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้ารอบด้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าให้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลยอดจองรถอีวีพุ่ง โดยข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) พบว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดการจดทะเบียนรถอีวีมีจำนวนมากกว่า 31,515 คัน เติบโตขึ้น 229% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

Power Work (เพาว์เวอร์ เวิร์ค) เป็นบริษัทสตาร์ทอัพให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ภายใต้ แบรนด์ Wallbox มุ่งดำเนินธุรกิจทางด้านพลังงาน ให้บริการลูกค้าด้วยทีมงานที่มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมทั้งให้บริการติดตั้งครอบคลุมทุกวงจร ด้วยการเล็งเห็นเทรนด์ทางด้านพลังงานสะอาด และการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีความตั้งใจที่จะผลักดันโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยล่าสุด ได้ร่วมมือกับ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการติดตั้ง Wallbox EV Charger รุ่น Pulsar Plus ที่มีขนาดกระทัดรัด และมีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม เป็นระบบชาร์จแบบ AC Charger ให้กำลังไฟถึง 7.4 kW รองรับการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทุกขนาด ให้กับลูกค้าที่เลือกใช้ ไอออนิค 5 (IONIQ 5) รถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก ฮุนได โดยบริการครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยที่เชื่อมั่นได้ตลอดการใช้งาน ตั้งเป้าส่งมอบ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2568” นายคมสิทธิ์ กล่าว

นายคมสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า Power Work มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในการสร้างความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยความเชื่อว่ายานยนต์ไฟฟ้าจะไม่เป็นเพียงตัวเลือกของผู้บริโภคเท่านั้น แต่จะเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ที่มีความสำคัญในการเดินทางสำหรับองค์กรธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศในอนาคต ภายใต้เป้าหมายของการพัฒนาให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ Power Work ยังมีพันธมิตรคู่ค้า ที่สำคัญ เช่น อาวดี้ ประเทศไทย (Audi Thailand) ติดตั้ง EV Charger ให้กับผู้ใช้รถอีวีของ Audi ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา

นอกเหนือจากนี้ Power Work วางโรดแมปในอีก 2 ปีข้างหน้า ในการก้าวเป็นผู้นำ EV Charger ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก นำเสนอสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล โดดเด่นทั้งคุณภาพและรูปลักษณ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและรองรับการเติบโตที่รวดเร็วของตลาดอีวี โดยเริ่มจากกลุ่มธุรกิจเครื่องชาร์จรถยนต์อีวี ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายของ Wallbox EV Charger เพิ่มขึ้น 5 เท่า สอดคล้องกับความต้องการในตลาดที่มีสัดส่วนการใช้รถอีวีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยในระยะยาว Power Work มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาด EV Charger และเป็น Top of Mind ของกลุ่มลูกค้าธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงมีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมอีวี

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox https://powerwork.co.th/ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wallbox EV Charger ได้ที่ Line OA: @powerwork

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มาเซราติ เดินหน้าตามแผนผลิตรถยนต์ที่ทำขึ้นในอิตาลี 100%

เน้นเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและการเติบโตอย่างยั่งยืน

มาเซราติ ยนตรกรรมหรูแบรนด์แรกของอิตาลี ที่พัฒนาและผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ประกาศเดินหน้าตามแผนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับแบรนด์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ยนตรกรรม มาเซราติ ได้รับการยกระดับผ่านการออกแบบ พัฒนา และผลิตในประเทศอิตาลีทั้งหมด เพื่อส่งมอบแก่ลูกค้ากว่า 70 ประเทศทั่วโลก นับเป็น 86% ของยอดส่งออก ซึ่งเมืองโมเดนานับเป็นหัวใจหลักในการยกระดับยนตรกรรมของค่ายตรีศูล ซึ่งตั้งอยู่ ณ โรงงาน Viale Ciro Menotti ที่มีอายุกว่า 80 ปี

ในฐานะแบรนด์ที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับนวัตกรรม ดีไซน์ คุณภาพ เทคโนโลยี และความหรูหรา มาเซราติ ได้เป็นผู้วาดอนาคตของยานยนต์สุดหรู ด้วยการกำหนดกลยุทธ์ที่เข้มข้นและแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครบครัน เพื่อก้าวสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า และเพื่อเติมเต็มความฝันให้ผู้ขับ ไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจ

มาเซราติ เป็นรถยนต์หรูภายใต้กลุ่มสเตลแลนทิส (Stellantis) เพียงแบรนด์เดียว และดำเนินการตามแผนฟื้นฟูด้านการเงินเชิงบวกที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2564 ปัจจุบันมีโมเดลทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีความชัดเจนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้ มาเซราติ รักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มรถหรู โดยมีปริมาณการผลิตและผลกำไรสอดคล้องกับตำแหน่งผู้นำตลาดที่เป็นเอกลักษณ์

มาเซราติ เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และทำทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมนำเสนอสิ่งที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า โดยเริ่มประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น คือ กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) และ เกรคาเล่ โฟลกอเร(Grecale Folgore) ซึ่งชื่อ ‘โฟลกอเร’ สื่อถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน และเริ่มจำหน่ายในอิตาลีรวมถึงและสหภาพยุโรป กรันทูริสโม โฟลกอเร เป็นสุดยอดยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้รับการถ่ายทอดจากการแข่งฟอร์มูล่า อี ซึ่ง มาเซราติ เป็นแบรนด์ที่มีจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ตและการแข่งอยู่ในสายเลือด และเป็นผู้ผลิตจากอิตาลีรายแรก ที่เข้าร่วมการแข่ง ฟอร์มูล่า อี มาตั้งแต่ปี 2566

มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร (Maserati GranCabrio Folgore) มีกำหนดเปิดตัวภายในปีนี้ ตามหลังรุ่นเครื่องยนต์สันดาป โดยเส้นทางสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าจะมีความต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว เอ็มซี20 โฟลกอเร (MC20 Folgore) ในปี 2568
ตามด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ E-UV BEV ในปี 2570 และควอตโตรปอร์เต้ BEV ในปี 2571

มาเซราติ ทุกรุ่น ได้รับการออกแบบ พัฒนา และผลิตในประเทศอิตาลีทุกขั้นตอน ตอกย้ำถึงการสืบสานจุดเด่นจากอดีตของแบรนด์ ด้วยการผสานผสานความประณีตและนวัตกรรมอย่างลงตัว โดยมีสำนักงานใหญ่ที่โมเดนา ซึ่งเป็นฐานการผลิต เอ็มซี20 (MC20) และ เอ็มซี 20 แชโล (MC20 Cielo) พร้อมจัดสรรพื้นที่ เพื่อรองรับการผลิตรุ่นย่อย โฟลกอเร ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนในอนาคต

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลิตยนตรกรรมที่โดดเด่นด้านดีไซน์และรายละเอียดสุดประณีต โรงงานที่ โมเดนา มีโปรแกรมพิเศษชื่อว่า ‘Atelier of the Fuoriserie Personalization Program’ เพื่อรองรับการทำรถยนต์รุ่นพิเศษ ของมาเซราติ โดยค่ายตรีศูลได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องกับโรงงานใหม่บนพื้นที่เดิม พร้อมทำการอบรมพนักงานในส่วนของ Fuoriserie Personalization Program

ส่วนโรงงาน Viale Ciro Menotti ดั้งเดิมนั้น ทีมพิเศษของ มาเซราติ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญกว่า 130 ชีวิต เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนการทำงานในห้องปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาและทดสอบมอเตอร์ไฟฟ้า นับเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อน มาเซาราติ ให้ยกระดับความหรูของแบรนด์ให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น

มาเซราติ เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ ‘Dare Forward 2030’ ของสเตลแลนทิส ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 ซึ่งจะประกอบด้วยรถยนต์ครบทุกเซ็กเมนต์ โดย มาเซราติ รุ่นใหม่มีการประยุกต์ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อรังสรรค์นวัตกรรมชั้นเลิศและสมรรถนะอันเหนือชั้น ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ โดยปีนี้จะเป็นปีสำคัญของการเติบโตและนวัตกรรม ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง

ดาวิด กราสโซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเซราติ กล่าวว่า “เรากำลังเดินหน้าเต็มที่ เพื่อก้าวสู่โลกแห่งรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีโมเดนาเป็นศูนย์กลางการพัฒนา ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้า 100% จำหน่ายแล้วสองรุ่น และจะเปิดตัวอีกรุ่นภายในปีนี้
พร้อมนำเสนอรถยนต์ มาเซราติ ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมที่สุด พร้อมสร้างประสบการณ์การขับที่เร้าใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่แผนกลยุทธ์ระยะยาวและวิสัยทัศน์ของเรา เป็นผลจากความต้องการสร้างความตื่นตะลึงในโลกของรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยความเป็นเลิศด้านการผลิตตามแบบฉบับอิตาเลียน คุณภาพเหนือระดับ และพร้อมจะสร้างอนาคตใหม่ด้วยโมเดลธุรกิจพิเศษ ที่ลูกค้าเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับรถยนต์ที่ยอดเยี่ยม และสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของค่ายตรีศูล
ได้ดีที่สุด”

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 เชิดชูเกียรติ 44 องค์กรต้นแบบทั่วประเทศด้วยการนำอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน

กรุงเทพมหานคร 12 กุมภาพันธ์ 2567 – นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2566 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) เพื่อเชิดชูเกียรติ 44 องค์กรต้นแบบทั่วประเทศที่มีความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรม ด้วยการนำ “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” ด้วยสร้างขวัญกำลังใจในการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ ยกระดับขีดความสามารถในแข่งขัน และนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2566 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) ปีนี้เป็นปีที่ 31 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม เพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกระดับที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านตามประเภทรางวัลที่กำหนด ในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีศักยภาพในทุกด้าน นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม ได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริม สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทยทุกกลุ่มให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไปพร้อม ๆ กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสำเร็จอย่างสมดุล ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” เน้นมาตรการและกลไกมุ่งสู่ความสำเร็จ 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ มิติที่ 2 ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวมส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างสถานประกอบการ ชุมชน และสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร มิติที่ 3 ความลงตัวกับกติกาสากล ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมสู่อุตสาหกรรม สีเขียว เพื่อโอกาสทางธุรกิจมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตอบโจทย์ไทยและประชาคมโลก และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง (กระจายรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน)

รางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2566 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) มีจำนวน 14 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล 2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น แบ่งเป็น 9 ประเภท ประกอบด้วย 1) ประเภทการเพิ่มผลผลิต 2) ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3) ประเภทการบริหารความปลอดภัย 4) ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 5) ประเภทการจัดการพลังงาน 6) ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน 7) ประเภทอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 8) ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และ 9) ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน 3. รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น แบ่งเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย 1) ประเภทการบริหารจัดการที่ดี 2) ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ 3) ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม และ 4) ประเภทบริหารธุรกิจสู่สากล

สำหรับในปีนี้ มีสถานประกอบการสมัครเข้ารับการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น 273 ราย แบ่งเป็นรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมจำนวน 3 ราย รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 9 ประเภทรางวัล รวม 168 ราย และรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 4 ประเภทรางวัล รวม 102 ราย โดยในแต่ละปีจะมอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมให้กับสถานประกอบการเพียง 1 รางวัล ซึ่งคัดเลือกจากสถานประกอบการที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ประเภท และเป็นสถานประกอบการที่มีการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากลและมีความเป็นเลิศทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการลงทุน มีการนำความรู้ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้ง การนำนวัตกรรมมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของตนเอง และสามารถสร้างการพัฒนาให้กับอุตสาหกรรมในภาพรวมได้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกต้องผ่านหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดหลายด้าน โดยมีผู้ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 44 ราย ได้แก่ รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล ซึ่งผู้ได้รับรางวัลคือ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขณะที่รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 9 ประเภทรางวัล มีสถานประกอบการได้รับรางวัล 27 ราย และรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 4 ประเภทรางวัล มีสถานประกอบการได้รับรางวัล 16 ราย  โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับรางวัลได้ที่ https://industryaward.industry.go.th/th

นอกจากนั้น ในปีนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้มีรางวัลพิเศษมอบให้แก่สถานประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2566 คือ ทูตอุตสาหกรรมภาคเอกชน หรือ MIND Ambassador ซึ่งรางวัลนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของกระทรวงอุตสาหกรรมจากภาคเอกชนที่จะเป็นต้นแบบการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมที่ดีและอยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นหน่วยงานกลางในการประสานความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีผ่านการดำเนินโครงการ/กิจกรรม ตลอดจนช่วยประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร และบริการของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการมอบรางวัลอุตสาหกรรมจะเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่สถานประกอบการต้นแบบแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้สถานประกอบการพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเกณฑ์การคัดเลือกผู้ที่ได้รับรางวัลที่เข้มงวด ยิ่งส่งเสริมให้แต่ละองค์กรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น รางวัลประเภทการจัดการพลังงาน ช่วยให้สถานประกอบการลดต้นทุนด้านพลังงานเป็นอย่างมาก รางวัลประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยให้ชุมชนโดยรอบสถานประกอบการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับโรงงานได้อย่างสันติและมีความสุข หรือรางวัลประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ ทำให้สถานประกอบการผลิตสินค้าที่มีความสร้างสรรค์แปลกใหม่ออกสู่ตลาด เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการมากขึ้น เป็นต้น

“รางวัลอุตสาหกรรม เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่ทรงคุณค่า สมควรมอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือก เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ประกอบการในอนาคต โดยกระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งหวังให้มีสถานประกอบการสมัครเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานในด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวปิดท้าย

หมวดหมู่
Car Review New Innovation News

ซัมมิท ฮอนด้า ออโต้โมบิล ฉลองเทศกาลตรุษจีน เฮงรับทรัพย์รับแผ่นทองมงคล องค์เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย เสริมสิริมงคลต้อนรับปีมังกร ณ MGC-ASIA AUTO GALLERIA ชั้น 2ศูนย์การค้าดิ เอ็มสเฟียร์ และโชว์รูมซัมมิท ฮอนด้า ทุกสาขา วันนี้ ถึง10กุมภาพันธ์ 2567

ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล ผู้แทนจำหน่าย รถยนต์ ฮอนด้า อย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ฉลองเทศกาลตรุษจีน เฮงรับทรัพย์ รับแผ่นทองมงคล องค์เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ที่ผ่านการปลุก ณ วัดหวังต้าเซียน ฮ่องกง เสริมสิริมงคลต้อนรับปีมังกร พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเมื่อจองรถยนต์วันนี้ ถึง 10 กุมภาพันธ์ และรับรถภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ MGC-ASIA AUTO GALLERIA ชั้น 2 ศูนย์การค้า
ดิ เอ็มสเฟียร์ และโชว์รูมซัมมิท ฮอนด้า ทุกสาขา
All-new Honda Accord e:HEV และ All-new Honda CR-V e:HEV

  • ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99%*
  • ฟรีประกันภัย 1 ปี
    All-new Honda CR-V Turbo
  • ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99%*
  • ฟรีประกันภัย 1 ปี
  • ฟรีบัตรน้ำมัน 20,000 บาท*
    All-new Honda Civic e:HEV
  • ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%*
  • ฟรี Honda Exclusive Care*
  • ประกันภัย 1 ปี*
  • แพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร*
  • ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่
    และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชม. เป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร*

– รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี* (เฉพาะรุ่น e:HEV)

สอบถามข้อมูลโทร. 1334 Summit Honda Connect เบอร์เดียวได้ครบทุกบริการ
FACEBOOK: Summit Honda
LINE: Summithonda
IG: @summithonda
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

ไทยฮอนด้า ครองอันดับ 1 ทุกเซกเมนต์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทย

ปิดยอดจำหน่าย 2023 ดัวยตัวเลข 1.47 ล้านคัน กลุ่มเอ.ที.เติบโตต่อเนื่อง

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าปี 2023 ภาพรวมตลาดแตะระดับ 1.88 ล้านคัน ฮอนด้าคว้ายอดจดทะเบียนสูงสุดที่ 1.47 ล้านคัน ครองอันดับที่ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 35 พร้อมคว้ายอดจดทะเบียนสูงสุด 5 อันดับแรก ตอกย้ำความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปี 2023 มีแนวโน้มที่ดี โดยตลาดรวมมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1.88 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4% โดยกลุ่มรถเอ.ที. ได้รับความนิยมสูงที่สุดมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5% ถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากการใช้งานที่สะดวกสบาย และมีสไตล์ให้เลือกอย่างหลากหลาย ในขณะที่อันดับรองลงมาเป็นรถครอบครัว โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 47% และกลุ่มรถสปอร์ตมีสัดส่วนอยู่ที่ 3%”

ในปี 2023 รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1.47 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 6% และเติบโตมากกว่าตลาดรวม 2% จากการที่ฮอนด้าได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการผลักดันกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการขายไปทั่วประเทศ รวมถึงรถรุ่นใหม่อย่าง New Honda Giorno+ ที่เปิดตัวไปได้ไม่นาน ก็เป็นหนึ่งในรุ่นรถที่สามารถสร้างกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยผลักดันให้กลุ่มเอ.ที.มีการเติบโตในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังคว้ายอดจดทะเบียนสูงสุด 5 อันดับแรก นำโดย Honda Wave110i ที่มีตัวเลขอยู่ที่ 511,659 คัน ตามด้วยอันดับที่ 2 คือ Honda Wave125i จำนวน 254,141 คัน อันดับที่ 3 เป็น Honda Scoopy จำนวน 218,113 คัน อันดับที่ 4 คือ Honda PCX160 จำนวน 146,212 คัน และอันดับที่ 5 Honda Click Series ที่มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 114,202 คัน

ตัวเลขดังกล่าวยังทำให้ฮอนด้าคว้าอันดับ 1 ในทุกเซกเมนต์อีกด้วย โดย Honda Wave110i ครองความเป็นที่ 1 ในกลุ่มรถครอบครัว ในขณะที่ Honda Scoopy ครองอันดับ 1 ในกลุ่มรถเอ.ที. และในส่วนของกลุ่มรถสปอร์ต Honda CRF300L มียอดจำหน่ายสูงสุดในกลุ่มนี้ที่ 7,840 คัน

มร.ชิเกโตะ คิมูระ กล่าวต่อว่า “สำหรับในปี 2024 ด้วยปัจจัยของสภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎหมายด้านการเงิน ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อาจทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อสินค้า และส่งผลให้ความต้องการในตลาดลดลง จึงคาดการณ์ว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยจะมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ประมาณ 1.70 – 1.75 ล้านคัน โดยฮอนด้าวางเป้าจำหน่ายไว้ที่ 1.30 -1.35 ล้านคัน

ในส่วนของตลาดรถบิ๊กไบค์ หรือรถจักรยานยนต์ขนาด 400cc ขึ้นไป ตลอดปี 2023 มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 15,468 คัน ลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ฮอนด้ามีตัวเลขอยู่ที่ 7,035 คัน เติบโตขึ้น 7% มากกว่าตลาดรวม และในปี 2024 นี้ คาดว่าตลาดรวมจะอยู่ที่ระดับ 15,000 คัน ในขณะที่ฮอนด้าตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 7,000 คัน โดยปัจจัยบวกที่ทำให้ฮอนด้าเติบโตประกอบไปด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่อย่าง Honda E-Clutch ในรถตระกูล 650Series และการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องให้กับผู้ใช้”

“ปี 2024 นี้ ฮอนด้าพร้อมที่จะสร้างความคึกคักให้กับตลาด ผ่านการส่งมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่ไม่รู้จบ ทั้งรถจักรยานยนต์ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และการจัดกิจกรรมให้กับผู้ใช้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยทุกกิจกรรมถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด”

ติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่

เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand

Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha

Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

หมวดหมู่
New Innovation News

คปภ. เร่งยกระดับแนวทางป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับธุรกิจประกันภัย เล็งเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในหลักสูตรการอบรม/การทดสอบความรู้สำหรับการขอรับและขอต่อใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัย รวมถึงการดำเนินการตรวจสอบตามความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจประกันภัย

นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมาย คดีและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายฯ) เปิดเผยถึงการดำเนินการและแนวทางป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับธุรกิจประกันภัยว่า
จากกรณีเมื่อช่วงปลายปี 2566 มีเฟซบุ๊คแฟนเพจ และสื่อโซเชียลอื่น ๆ ลงข้อความว่า
“โบรกเกอร์ของบริษัทประกันภัยชื่อดัง ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลนับล้านรายชื่อขายให้มิจฉาชีพ” และต่อมากองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้กระทำความผิด ซึ่งเป็นอดีตตัวแทนประกันชีวิต ได้กระทำการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เอาประกันภัย และนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปขายให้บุคคลภายนอกเพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด นั้นสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ตัวแทนประกันชีวิตรายดังกล่าวได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อันเป็นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 37 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการออก และเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิตและการดำเนินการของตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต และธนาคาร พ.ศ. 2563 ที่ออกตามความในมาตรา 79/1
ในประการที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือประชาชน อันเป็นพฤติการณ์ที่นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตได้ตามมาตรา 81/1 (2) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายทะเบียนจึงได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตของผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย

สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของภาคธุรกิจประกันภัยอย่างต่อเนื่อง โดยได้ข้อสรุป ดังนี้
(1) ขอให้สมาคมแจ้งสมาชิกให้ยกระดับการตรวจสอบและกำกับดูแลพฤติกรรมบุคคลในสังกัดให้ปฏิบัติตามกฎหมา
ยที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และไม่นำข้อมูลของผู้เอาประกันภัยไปใช้ในทางมิชอบด้วยกฎหมาย
(2) สำนักงาน คปภ.เห็นควรเพิ่มความเข้มข้นในการกำกับดูแลในส่วนของการคัดกรองผู้ขอรับหรือต่ออายุใบอนุญาต โดยการเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในหลักสูตรการอบรม/การทดสอบความรู้สำหรับการขอรับและขอต่อใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัย
รวมถึงการดำเนินการตรวจสอบตามความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจประกันภัย
(3) สำนักงาน คปภ. จะยกระดับการตรวจสอบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเริ่มกระบวนการตรวจสอบจากแบบประเมินตนเอง (Comprehensive Questionnaire) และผลจากแบบประเมินจะนำมาประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เอาประกันภัย และกำหนดมาตรการในการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยต่อไป
(4) สคส. จะพิจารณาและรับรองแนวปฏิบัติ (Guideline) สำหรับธุรกิจประกันภัยที่สำนักงาน คปภ. และสมาคมภาคธุรกิจได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับธุรกิจประกันภัยในการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อ
มูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมทั้งนี้ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายฯ กล่าวว่า
การยกระดับแนวทางป้องกันการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับธุรกิจประกันภัยดังกล่าว จะทำให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระบบประกันภัยมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบประกันภัย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของอุตสาหกรรมประกันภัยโดยรวมต่อไป

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

PTG ผนึก “ไทยไพบูลย์” รุกธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมูลค่ารวมประมาณ 400 ลบ. สัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33%

รองรับแผน 5 ปี ขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ด้าน Renewable Energy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไทยไพบูลย์ฯ ในครั้งแรกสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% คิดเป็นมูลค่าลงทุนไม่เกิน 103 ล้านบาท ซึ่งในอนาคต PTG จะมีสิทธิเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไทยไพบูลย์ฯ เพื่อถือหุ้นในสัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณการตลอดโครงการทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของไทยไพบูลย์ เพื่อขยายการลงทุนธุรกิจบริหารจัดการขยะและผลิตเชื้อเพลิงขยะรวมถึงรองรับแผนธุรกิจ 5 ปีเพื่อขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ด้าน Renewable Energy ให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริม
และผลักดันให้เกิดการสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ
ได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์จำกัด
ในการดำเนินธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) เพื่อสนับสนุนแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ
ที่ต้องการขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโตในอนาคต โดยธุรกิจ
Renewable Energy เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่ PTG ตั้งเป้าที่จะเข้าลงทุน
เพื่อให้ธุรกิจ Renewable Energy เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงต่อยอดและขยายธุรกิจจากที่ PTG
ได้เข้าสู่ธุรกิจบริหารและจัดการขยะในปี 2565 โดยเป็นคู่สัญญากับเทศบาลเมืองบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำหรับการก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน รวมถึงมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 4.5 MW
“บริษัทฯ เล็งเห็นว่าการร่วมกับไทยไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชน อย่างครบวงจร และผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) สำหรับทดแทนเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming) ไทยไพบูลย์มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) โดยทีมผู้บริหารมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน
ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่อยากเห็นชุมชนและคนในสังคมมีชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข จากการบริหารจัดการขยะได้อย่างถูกวิธี
ส่งผลให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้มีความเป็นอยู่อย่างถูกสุขลักษณะ
และเป็นช่องทางการเติบโตในอนาคตจากการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น เช่น
ธุรกิจบริหารจัดการขยะรีไซเคิล และธุรกิจคาร์บอนเครดิตได้ ” นายพิทักษ์
กล่าว
ด้านนายไพบูลย์ คุ้มคำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยไพบูลย์
อีควิปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ PTG ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้นำด้านบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรของประเทศ เพื่อร่วมกันผลักดันและส่งเสริมการจัดการขยะ ที่สำคัญคือ มีความมุ่งมั่นเดียวกันในการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้จะถือเป็นองค์กรต้นแบบที่ช่วยผลักดันให้เกิดการจัดการ และสนับสนุน
สร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วนในการแยกขยะใช้แล้วอย่างจริงจังและมี
ประสิทธิภาพ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ส่งผลดีต่อสังคม
สิ่งแวดล้อมและโลกได้ในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด อยู่ในกลุ่มผู้นำในการประกอบธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชน ขยะฝังกลบอย่างครบวงจร และผลิตเชื้อเพลิงขยะ โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ผลิตติดตั้งระบบคัดแยกขยะ การบริหารจัดการบ่อขยะ การผลิตและจำหน่ายขยะเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF)
รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการบริหารจัดการข
ยะที่มีประสบการณ์มากว่า 21 ปี นอกจากนี้ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกด้านพลังงานสะอาด การรักษาสิ่งแวดล้อม และการนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ธุรกิจได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ รวมถึงมีความต้องการเกิดขึ้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ปริมาณขยะมูลฝอยที่ยังไม่ได้รับการกำจัดยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณประชากรภายในประเทศ นักท่องเที่ยวต่างประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัท ณ ปัจจุบัน
มีรายได้ต่อปีกว่า 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งรายได้หลักมาจากการขายเชื้อเพลิงขยะ (RDF)
และจากการบริหารจัดการขยะ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ห้ามพลาด!”ภูมิธรรม“ สั่งลุย!ลดราคารับตรุษจีน ปีมังกรทอง จัดไก่ไหว้เจ้า 125 บาท/กก. พร้อมของไหว้ราคาถูก ลดจุก!สูงสุดถึง 71% ร่วม 18,500 จุดทั่วประเทศ กระตุ้นกำลังซื้อ ลดค่าครองชีพคนไทย

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. ที่ตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดงาน“พาณิชย์สั่งลุย!ลดราคาตรุษจีน ปีมังกรทอง 2024” พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน ร่วมกับตลาดสดและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 7-10 ก.พ.67 นี้ โดยนายภูมิธรรมได้แวะสักการะ เติมน้ำมันตะเกียงศาลเจ้าพ่อสมบุญที่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ พร้อมทั้งเดินทักทายแจกจ่ายส้มให้กับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย เพื่อความเป็นสิริมงคล บรรยากาศเป็นกันเอง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่คนไทยเชื้อสายจีน ใช้ช่วงเวลานี้รำลึกถึงบรรพบุรุษ และมาจับจ่ายใช้สอย แม้จะยากลำบากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหา แต่รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างท้องถิ่น ตลาดสด และตลาดกลางทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “พาณิชย์สั่งลุย…ลดราคา ตรุษจีนปีมังกรทอง 2024” เปิดจุดจำหน่ายสินค้าเพื่อให้ประชาชนแวะเวียนเข้ามาจับจ่ายใช้สอย ยกขบวนสินค้า ราคาสุดพิเศษ 13 หมวด 7,784 รายการ จากผู้ประกอบการ 259 ราย พร้อมกัน 18,500 แห่งทั่วประเทศ โดยมีสินค้าสินค้าไฮไลท์ อาทิ ไก่ต้มสุกทั้งตัวรวมเครื่องใน โดยร่วมกับตลาดกลาง ตลาดสด และห้างโลตัสจำหน่ายในราคาไม่เกิน 125 บาท/กก. ชุดไหว้ตรุษจีน ราคาประหยัด 99 บาท ที่ตลาดสด ตลาดกลาง โลตัส หรือ ชุดไหว้ชุดใหญ่ราคาประหยัด 199 บาท จำหน่ายที่ 7 ห้างที่ร่วมรายการ (Lotus/ Tops/ Big-C/ Foodland/ Makro/ Go Wholesale และ 7-11) และสินค้าทั่วไป อาทิ ซอสปรุงรส ผักผลไม้ อุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ลดสูงสุด 71% จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่เกี่ยวเนื่องในเทศกาล คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

“ขอขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งความหวัง สมปรารถนาของทุกคน มีสุขภาพแข็งแรง มีแรงในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาเศรษฐกิจของตัวท่านเอง และมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศดีมากขึ้น วันนี้เราต้องช่วยตัวเองให้เต็มที่ รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน แต่อาจมีปัญหาหลายส่วน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราต้องฝ่าฟันให้ท่านสามารถอยู่ได้ และปีนี้เป็นปีมังกร คนจีนถือว่าเป็นสัตว์ที่เป็นมงคลอย่างยิ่ง เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ให้พรให้ความเจริญรุ่งเรืองกับพี่น้องทุกคน ขอให้ปีนี้ร่ำรวยๆ เฮงๆ สามารถที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่มากขึ้น ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้กระทรวงเกษตรฯได้มาร่วมในกิจกรรมเทศกาลตรุษจีนที่ตลาดยิ่งเจริญ นำสินค้าที่มีคุณภาพภายใต้การกำกับดูแลของตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องที่มาจับจ่ายใช้สอยวันนี้ มอบป้ายสินค้าคุณภาพโดยเฉพาะป้ายปศุสัตว์โอเค เป็นหลักประกันว่าสินค้าปศุสัตว์ อาทิ หมู เป็ด ไก่ และเนื้อทุกชนิด ภายใต้การกำกับดูแลเป็นสินค้าปลอดโรค ปลอดภัยมีคุณภาพ ผ่านการรับรองสามารถตรวจย้อนหลังแหล่งกำเนิดสินค้าได้

ข้อมูลจากกรมการค้าภายในระบุเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ซึ่งกรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

♦️เริ่มแล้ว ♦️งานสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ “งานแพรพรรณลุ่มภูสู่สากล 2024” ระดับจังหวัด จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 27 มกราคม พ.ศ. 2567 ณ ลานวัฒนธรรมสนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดหนองบัวลำภู

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

  1. การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าเด่นของจังหวัดหนองบัวลำภู กว่า 70 ร้านค้า และภาคีเครือข่าย
    1. การจัดแสดงนิทรรศการภายใต้ Concept “เสน่ห์ผ้าทอลายขอเจ้าฟ้าหญิงสิริวัณวรีฯ และอัตลักษณ์จังหวัดหนองบัวลำภู “
      3.การเดินแฟชั่นโชว์จากวิชชาลัยผ้าทอจังหวัดหนองบัวลำภู
  2. กิจกรรมการประกวด 10 กิจกรรม ดังนี้ การประกวด “OTOP Fashion Design ” ,การประกวดแฟชั่น “Family Fashion” , การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งประเภทประเภท นักเรียน นักศึกษา,การประกวด“แพรพรรณเลอค่า ด้วยบรรดา LGBTQ+”,การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ประเภท “ผู้นำท้องถิ่น / ท้องที่ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู” , การประกวดแฟชั่นสตรี “สตรีสวย ด้วยผ้าไทย” ,การประกวด“ม่วนชื่นโฮแซว 55 ปี อาสาพัฒนาชุมชน”,“ตำลำข่า ลีลาคนลุ่มภู” ,การประกวดแฟชั่นโชว์ “เขย สะใภ้ต่างชาติ” ,การประกวด “Fashion Design”
    5. การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินมีชื่อเสียง แสดงแต่ละวัน และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงท้องถิ่นของจังหวัดหนองบัวลำภู
  3. กิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนมาร่วมกันอุดหนุนสินค้า ตลอดจนประชาสัมพันธ์การจัดงาน กับกิจกรรม“แชะแล้วแชร์” พร้อมลุ้นกับของรางวัลมากมายตลอดการจัดงาน

🚩ลานวัฒนธรรมลานวัฒนธรรมสนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดหนองบัวลำภู

🎀หนองบัวลำภู🎀
🌟 เกษตรเพิ่มมูลค่า เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว 🌟

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation

“เกิดอุบัติเหตุทางถนน แจ้งเหตุทันที ที่ Call center 1791

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับธุรกิจประกันภัย

พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถภายใน 24 ชั่วโมง อุบัติเหตุทางถนน แจ้งเหตุทันที”

“ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับธุรกิจประกันภัย พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถภายใน 24 ชั่วโมง ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567

            ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 4 มกราคม 2567 ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถและรถคันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีการทำประกันภัย พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตทุกคนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โดยบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับบริษัทประกันภัย พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถทันที ด้วยการจ่ายค่าสินไหมทดแทน (ค่าปลงศพ) ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่มีการพิสูจน์ความรับผิดแล้ว บริษัทกลางฯ และบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน (รวมค่าเสียหายเบื้องต้น)

            • กรณีเสียชีวิต คุ้มครอง 500,000 บาทต่อราย

            • กรณีบาดเจ็บ จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน

            • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ คุ้มครองตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาทต่อคน

            • กรณีเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับความคุ้มครองเป็นค่าชดเชย วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน

          ยกเว้นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัยจะได้รับการชดใช้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจากบริษัทที่รับประกันภัยรถของตนเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายถูก มีสิทธิไปเรียกร้องเอาจากฝ่ายที่ต้องรับผิด

            โดยบริษัทกลางฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่พร้อมในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถ ให้ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

            ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของรถทุกคันจะต้องไม่ลืมจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนได้รับการเยียวยา ซึ่งหากรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่มีการทำประกันภัย เจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายที่เกิดแก่ผู้ประสบภัยจากรถทั้งหมด อีกทั้งจะมีความผิดตามกฏหมายและมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึงผู้ที่นำรถที่ไม่มีประกันภัย พ.ร.บ.มาใช้ ก็จะมีความผิด มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทเช่นกัน

          สำหรับผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เกิดอุบัติเหตุจากรถ แจ้งเหตุทันที ที่ บริษัทกลางฯ Call Center 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถแจ้งอุบัติเหตุได้ทางออนไลน์ที่ Line@iRVP

ขอขอบพระคุณที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์

ฝ่ายสื่อสารองค์กรและลูกค้าสัมพันธ์

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด

02-1009-9191 ต่อ 5400 – 5403

http://www.rvp.co.th

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เกียรติธนา ขนส่ง รับมือ 7 วันอันตราย ด้วยเทคโนโลยีป้องกันการหลับใน Guardian System

·       ควบคุม แจ้งเตือน และระงับเหตุด้วยเทคโนโลยี  AI

·       Fleet ชั้นนำของประเทศ ใช้ Guardian System ควบคุมกองรถขนส่ง

บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง และเป็นผู้แทนจำหน่ายระบบเทคโนโลยีป้องกันการหลับในและการละสายตาขณะขับขี่ Guardian System แต่ผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพจราจรหนาแน่นช่วงเทศกาลปีใหม่หรือ 7 วันอันตรายด้วย Guardian System ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารกองรถบรรทุกมาอย่างต่อเนื่อง

นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง เปิดเผยว่าจากการแนะนำ Guardian System ในตลาดมาเป็นระยะเวลา 7 ปี และได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด โดยเฉพาะผู้บริหารกองรถบรรทุก ทั้งนี้เพราะระบบนี้ สามารถช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบรรทุกบนท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ระบบนี้กลายเป็นมาตรฐานที่ผู้บริหารกองรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกองรถบรรทุกวัตถุอันตราย ได้นำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสเป็คการจัดซื้อหรือจัดจ้างกองรถบรรทุก ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ได้กำหนดให้มีการติดตั้งระบบที่มีลักษณะเดียวกันกับ Guardian System ในรถบรรทุกขนาดใหญ่” นายเมฆ กล่าว

ภายใต้การทำงานของ Guardian System เราจะดำเนินการติดตั้งระบบที่เป็น Hardware ในรถบรรทุกพร้อมติดตั้งระบบ Software เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถแบบ Realtime ได้แก่การใช้โทรศัพท์มือถือ การละสายตาจากเส้นทางหรือแม้กระทั่งการหลับในที่ระบบจะมีการสแกนม่านตาเพื่อประเมินความพร้อมของพนักงานขับรถตลอดเวลาและรายงานเข้าศูนย์สั่งการตลอด 24 ชั่วโมงแบบ Realtime ซึ่งการประเมินผลของระบบเป็นไปอย่างแม่นยำด้วยระบบการรวบรวมข้อมูลและประเมินผลของระบบ Artificial Intelligent หรือ AI

นายเมฆกล่าวว่าปัจจุบันมีรถบรรทุกที่ติดตั้ง Guardian System ไปแล้วมากกว่า 2,500 คัน โดยมีบริษัทชั้นนำที่นำ Guardian System ไปใช้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ PTTOR , Air Liquide , MK Restaurant เป็นต้น

นายเมฆกล่าวถึงข้อมูลที่ถูกบันทึกในระบบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566 พบว่าระบบได้ตรวจจับและเตือนพนักงานขับรถมากถึง 87,621 ครั้ง จนทำให้สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนได้ โดยจำนวนดังกล่าวแบ่งออกเป็นอาการหลับใน 9,971 ครั้ง การละสายตาจากเส้นทาง 66,450 ครั้ง และการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ 11,200 ครั้ง

“ทุกครั้งที่ระบบจับได้ว่าพนักงานขับรถคนใดมีอาการง่วงจนไปสู่การหลับใน จะมีการแจ้งเตือน โดยหากยังไม่ดีขึ้น ศูนย์บัญชาการจะสั่งคนขับให้หาที่ปลอดภัยและจอดรถเพื่อให้รอพนักงานขับรถคนใหม่ไปรับหน้าที่แทน ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถป้องกันได้จริง แต่ในหลายครั้ง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นอุบัติเหตุที่เกิดจากคู่กรณีขับรถด้วยความประมาท หรือไม่อยู่ในสภาพพร้อมขับรถ เป็นต้น” นายเมฆ กล่าว

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

พาณิชย์ “ชวนตะลอนตลาดต้องชม ตะลุยความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่”

ระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 66 – 7 ม.ค. 2567 “ตลาดต้องชม 121 แห่ง จาก 74 จังหวัดทั่วประเทศ” พร้อมแจกคูปองชวนช้อป 50 บาท จาก DIT GO สำหรับผู้ที่เช็คอินตลาดต้องชมทั่วประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พาณิชย์ชวนเที่ยวตลาดต้องชมทั่วประเทศ ภายใต้ชื่องาน “ชวนตะลอนตลาดต้องชม ตะลุยความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่” โดยมี นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ และนายชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม ให้การต้อนรับพร้อมพาเที่ยว “ตลาดน้ำคลองลัดมะยม” เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร หนึ่งในตลาดต้องชม จาก 121 แห่ง ทั่วประเทศ และเยี่ยมชมโซนสินค้า “ธงฟ้า ราคาประหยัด” ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส พร้อมมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมถ่ายภาพ ณ จุด Landmark เช็คอินพร้อมแชร์ผ่านช่องทางสื่อโซเซียลมีเดีย เพื่อรับคูปองชวนช้อป 50 บาททันที จาก DIT GO เมื่อมาเที่ยวตลาดต้องชมทั่วประเทศ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นการบริโภค เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้กับชุมชนให้มากที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

สำนักงาน คปภ. พร้อมหนุนธุรกิจประกันภัย Consolidation เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน :  อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย ภายหลังควบรวมแล้วเสร็จ ส่งท้ายปี 2566

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.)  เปิดเผยว่าเมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ได้เห็นชอบให้ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ควบเข้ากัน และเกิดเป็นบริษัทใหม่ คือ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยการให้ความเห็นชอบ คณะกรรมการ คปภ. ได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญ เพื่อให้การดำเนินการควบรวมบริษัทเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาทิ การดำเนินการตามรายละเอียดโครงการของบริษัทจะต้องไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเสื่อมสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับตามสัญญาประกันภัย และให้บริษัทประกาศต่อสาธารณชนให้ทราบถึงการควบกันของบริษัทให้ครอบคลุมและเพียงพอ ต่อมาบริษัททั้งสองรายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและจดทะเบียนควบบริษัทเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 พร้อมทั้งได้นำส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยฉบับเดิมของทั้งสองบริษัท และรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจฯ ฉบับใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว 

ในการนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้มอบนโยบายและกำชับให้บริษัทดำเนินการตามแผนงานโครงการของบริษัทอย่างเคร่งครัด โดยเน้นย้ำถึงการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย การนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการประกันภัย เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของบริษัทและอุตสาหกรรมประกันภัยในอนาคต ซึ่งคาดว่าจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะช่วยส่งเสริมให้การประกันภัยของไทยมีความเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าสำนักงาน คปภ. โดยคณะกรรมการ คปภ. มีนโยบายในการส่งเสริมให้เกิด Consolidation ในภาคธุรกิจประกันวินาศภัย โดยมุ่งไปที่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทประกันภัย ซึ่งในปี 2566 นี้ มีบริษัทประกันวินาศภัยที่ควบเข้ากันและโอนกิจการรวมทั้งสิ้น จำนวน 6 แห่ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีการ synergy รวมจำนวน 3 คู่ และสำนักงาน คปภ. มีนโยบายในการส่งเสริม Consolidation อย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศสำนักงาน คปภ. เรื่อง แนวปฏิบัติในการขอรับความเห็นชอบการโอนหรือรับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการควบกันของบริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยมีแนวทางในส่วนของการควบรวมและการโอนกิจการที่ชัดเจนมากขึ้น โดยคาดว่าหากมีแนวทางออกมา ก็จะง่ายมากขึ้นสำหรับบริษัทประกันภัยที่จะ Consolidation หรือ M&A ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับธุรกิจประกันภัยทั่วโลก 

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ต่อร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจประกันชีวิตและการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย พ.ศ. … เพื่อเป็นการกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจประกันภัยของทุกบริษัท ที่ในปัจจุบันนั้นมีความแตกต่างหลากหลายตามระยะเวลาจัดตั้งบริษัท ดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้บริษัทในอุตสาหกรรมประกันภัย มีสภาพแวดล้อมที่สามารถแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียมและเกิดความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจ สำนักงาน คปภ. จึงได้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้นมา เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยไทย และมุ่งหวังให้บริษัทประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ชี้แจงกรณีมีผู้บริโภคร้องเรียนว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้เข้ามาใช้บริการที่สาขาบางแก้ว จังหวัดพัทลุง  โดยเติมน้ำมัน E20 กรอกถัง  จำนวน 6,000 บาท 181 ลิตร เพื่อนำไปใส่ในตู้น้ำมันหยอดเหรียญของลูกค้าเอง โดยนำแกลอนมาบรรจุงเอง และวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ช่วงเช้าลูกค้าได้มีการโพสลงโซเชียลเฟสบุ๊คว่ามีน้ำปนเปื้อนในถังน้ำมันที่ซื้อไป ซึ่งทางสาขา ผู้จัดการ และพนักงานไม่ได้รับการแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากทางลูกค้าในวันที่ลูกค้ามาซื้อน้ำมันแต่อย่างใด

ทั้งนี้พีทีจีได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในทันที เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการและผู้บริโภค ซึ่งผลจากการตรวจสอบวัดหลุมตามกระบวนการควบคุมคุณภาพน้ำมัน สรุปได้ดังนี้

ผลออกมาได้ตามเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด และไม่มีลูกค้ารายใดเข้ามาร้องเรียนหรือมีรถเสียหาย ซึ่งในวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม  2566  ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอีกครั้ง ยังยืนยันผลเป็นปกติตามเกณฑ์ และในวันเดียวกันเวลาประมาณ 15.00 น  ทางสำนักงานพลังงานจังหวัดพัทลุง ได้ส่งวิศวกรชำนาญการเข้ามาพร้อมกับผู้สื่อข่าว และได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันตามขั้นตอนของราชการ ซึ่งผลที่ออกมายังคงเป็นปกติ

พีทีจี มุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าให้ได้รับการบริการที่ดี และได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สุด ด้วยมาตรฐานการรับรอง ต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งบริษัทมีฝ่ายตรวจสอบคุณภาพน้ำมันที่ออกตรวจสถานีบริการน้ำมันพีทีทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการและผู้บริโภค ขอให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำมันของพีทีจี

หมวดหมู่
New Innovation News

SCB WEALTHหนุนเร่งลงทุนรับแผนการออมและสิทธิประโยชน์ทางภาษีโค้งสุดท้ายก่อนจบปีแนะกระจายพอร์ตลงทุนทั้งหุ้นไทยและสหรัฐฯ โอกาสสร้างผลตอบแทนดีในปีหน้า

SCB WEALTH  หนุนนักลงทุนเร่งลงทุนในกองทุน RMF-SSF และ Thai ESG  เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี  ในสัปดาห์สุดท้ายส่งท้ายปี  แนะกระจายพอร์ตลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีปัจจัยบวกสนับสนุนเดินหน้าสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องได้  ตลาดคาดปีหน้า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้ง ส่งผลบอนด์ยิล ลดลงอย่างรวดเร็ว หนุนบริษัทจดทะเบียนสร้างผลกำไรดีขึ้น  คาดว่า  เม็ดเงินจาก money market ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ  และสถิติทุกครั้งที่ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้น S&P500 จะทำผลงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว   ส่วนตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าหุ้นค่อนข้างถูกมาก  อยู่ระหว่างรอเงินลงทุนจากต่างประเทศ ที่จะไหลกลับเข้ามา จากปัจจัยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และไทย ที่เริ่มแคบลง คาดว่าเงินลงทุนจะไหลกลับเข้ามาทั้งในตลาดหุ้น  และตราสารหนี้ ในปีหน้า

นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายสำหรับการลงทุนในกองทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ในปี 2566  ขอแนะนำนักลงทุนที่มีรายได้ ต้องเสียภาษี ให้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)   กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF)   และกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG)  ตามสิทธิที่มี เพื่อลดหย่อนภาษีตามฐานภาษีของแต่ละบุคคล ฐานภาษีขอแต่ละบุคคล   ทั้งยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เมื่อลงทุนครบตามกำหนดเงื่อนไข ซึ่งการลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นการสร้างวินัยการออม เพื่อสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคง และมั่งคั่งในอนาคต หรือในวัยเกษียณ

“การลงทุนควรมีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์ เช่น กองทุน RMF  และ SSF  สามารถเลือกลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ ส่วน ThaiESG ลงทุนเฉพาะหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่เข้าเกณฑ์ ESG   เพื่อให้พอร์ตลงทุนมีเสถียรภาพ และลดความผันผวนได้ ”

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย  มีมูลค่าหุ้นค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับในอดีต แต่กำลังอยู่ระหว่างรอเงินลงทุนจากต่างประเทศ ที่จะไหลกลับเข้ามา จากปัจจัยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และไทย ที่เริ่มแคบลง ที่ทำให้ค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น  โดยคาดว่าจะส่งผลให้เงินลงทุนจะไหลกลับเข้ามาทั้งในตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้นในปี 2567

ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่เหมาะสำหรับการลงทุนใน RMF – SSF ในช่วงเวลานี้ ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีปัจจัยบวกสนับสนุนหลายประการ ประเด็นหลัก ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่หยุดขึ้นแล้ว และมีแนวโน้มจะปรับลดลงในปี 2567 โดย Fed Dot Plot คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะปรับลดประมาณ 3 ครั้งในปีหน้า  ขณะที่ตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง ส่งผลสะท้อนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (bond yield) ของสหรัฐฯ ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ดีขึ้น  เราจะได้เห็นการปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดขึ้นต่อเนื่อง

เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป (soft landing)   โดยพิจารณาเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ พบว่า ภาคบริการ และ การจ้างงาน  ยังมีตัวเลขที่ออกมาดูดี เป็นแรงสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ว่าภาคการผลิตจะหดตัวก็ตาม ในส่วนของเม็ดเงินลงทุน ปัจจุบันพบว่านักลงทุนรายย่อย ยังลงทุนอยู่ในตลาดเงิน (money market) ค่อนข้างมาก ขณะที่นักลงทุนสถาบันเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากขึ้น  ซึ่งโดยปกติ การเคลื่อนย้ายเงินทุนของรายย่อยจะช้ากว่านักลงทุนสถาบัน ดังนั้น ถ้าตัวเลขต่างๆ ดีขึ้น เงินเฟ้อทยอยปรับเข้าสู่กรอบนโยบาย  เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินของนักลงทุนรายย่อยจาก money market ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นสหรัฐฯเพิ่มเติมได้   และเมื่อพิจารณาข้อมูลในอดีต  จะเห็นว่าว่า ทุกครั้งที่ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย ในช่วง 12 เดือนหลังจากนั้น หุ้นสหรัฐฯ นำโดยตลาดหุ้น S&P500 จะทำผลงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 

ปัจจัยเสี่ยงสำหรับการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่ควรระมัดระวัง คือ ประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะมีในช่วงปลายปี 2567 เนื่องจากทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง จะมีเรื่องนโยบายที่ต้องจับตามอง ในกรณีที่พรรครีพับลิกันได้ชัยชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนเสียงมากขึ้น ภาพนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ อาจจะเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน เป็นในลักษณะAggressive มากขึ้น เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นช่วงที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ รวมทั้งเราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายด้าน ESG ด้วย ดังนั้น  จึงเป็นปัจจัยที่ตลาดต้องระมัดระวังความผันผวนที่จะเกิดตามมา ขณะเดียวกันก็ต้องจับตา การเลือกตั้งในพื้นที่อื่น เช่น ไต้หวัน ที่ต้องติดตามเกี่ยวกับท่าทีของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนตามมาได้   

สำหรับกองทุนที่แนะนำ  ประเภท RMF   และ SSF ในส่วนของกองทุนหุ้นสหรัฐฯ  ได้แก่ SCBRMS&P500   ที่มีความเสี่ยงระดับ 6 หรือเสี่ยงสูง และ SCBS&P500-SSF ที่มีความเสี่ยงระดับ 6 เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายลงทุนหุ้นสหรัฐฯ หลากหลายกลุ่มธุรกิจ ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนดัชนีที่ลงทุนใน 500 บริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อ้างอิงดัชนี S&P 500 กองทุน SCBRMNDQ(A) ที่มีความเสี่ยงระดับ 6  และกองทุน SCBNDQ–SSF ที่มีความเสี่ยงระดับ 6 ที่ลงทุนผ่านกองทุนดัชนีหุ้น100บริษัทในสหรัฐฯ  โดยอ้างอิงดัชนี NASDAQ 100 ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี    ส่วนกองทุน RMF สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตบางส่วนลงทุนในหุ้นไทย    แนะนำกองทุน  SCBRM4 ที่มีความเสี่ยงระดับ 6  ลงทุนในหุ้นไทยปัจจัยพื้นฐานดี และมีสภาพคล่องสูง  และกองทุน SSF  แนะนำ  SCBLT1 -SSF ที่มีความเสี่ยงระดับ 6  มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพ 30%  และลงทุนในหุ้นไทย ที่มีนโยบายปันผลสม่ำเสมอ 70% ทางด้านกองทุน Thai ESG  แนะนำ  SCBTM ที่มีความเสี่ยงระดับ 5 คือเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง เป็นกองทุนผสม ที่ลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ไทยที่ยั่งยืนแบบยืดหยุ่นตามจังหวะของตลาด

สำหรับเงื่อนไขการลงทุน RMF ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ได้แก่  กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แต่เว้นได้ไม่เกิน 1  ปีติดต่อกัน  ไม่ขายคืนหน่วยลงทุนจนกว่าจะมีอายุ 55 ปีบริบูรณ์  และต้องลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม ลงทุนปีไหนได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้น

ส่วนกองทุน SSF  ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท  เมื่อรวมกับ กองทุน  RMF, PVD, กบข., ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และ กอช. จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท  ไม่มียอดซื้อขั้นต่ำ  และไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องทุกปี  แต่ต้องถือครอง 10  ปี  นับจากวันซื้อ (แบบวันชนวัน)

นอกจากนี้  กองทุน ThaiESG สามารถนำยอดซื้อลงทุน ไปหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่นับรวมกับวงเงิน 500,000 บาท จากกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ ทั้ง กองทุน SSF, RMF, PVD, กบข., ประกันชีวิตแบบนำนาญ, กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และ กอช. ไม่มียอดซื้อขั้นต่ำ  และไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องทุกปี โดยต้องถือครอง 8 ปี แบบจากวันที่ซื้อ 

คำเตือน

• กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน รวมถึงควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้

• เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

• ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนกองทุนรวมเพิ่มเติมได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ไทยพาณิชย์ จำกัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่SCB Call Center โทร. 02-777-7777

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

‘มิชลิน’ ปรับโฉมสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค

ชูแนวคิด ACTIVITY-BASED WORKING

ตอบโจทย์การทำงานแบบไดนามิกเพื่อพนักงานทุกคน


  • นำเสนอภาพลักษณ์ออฟฟิศยุคใหม่แห่งอนาคต ลบภาพจำของบริษัทแนวอุตสาหกรรม ก้าวเข้าสู่ออฟฟิศยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
  • สร้างพื้นที่ทำงานในรูปแบบ Dynamic Workplace ภายใต้คอนเซ็ปท์ Activity-based Working รองรับการทำงานที่ยืดหยุ่นโดยกำหนดผู้คนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
  • ช่วยยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิผลมากขึ้นจากความสะดวกในการเคลื่อนย้าย (Move), เชื่อมต่อ (Connect), และทำงานร่วมกัน (Collaborate)

‘มิชลิน’ ผู้นำระดับโลกด้านยางล้อและการสัญจรอย่างยั่งยืน เผยโฉมสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและโอเชียเนียหลังเสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ นำเสนอภาพลักษณ์ออฟฟิศยุคใหม่แห่งอนาคต ลบภาพจำของบริษัทแนวอุตสาหกรรม ก้าวเข้าสู่ออฟฟิศยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ สร้างพื้นที่ทำงานในรูปแบบ Dynamic Workplace ภายใต้คอนเซ็ปท์ Activity-based Working ทั้งยังกำหนดให้พนักงานเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วมในการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานทุกคนให้ทำงานอย่างคล่องแคล่วและมีความสุขในทุกๆ มิติ การวางผังรูปแบบใหม่ยังทำให้บริษัทใช้งานพื้นที่อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เลือกใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนของมิชลินได้อย่างโดดเด่น และก้าวสู่การเป็นสำนักงานแนวคิดล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคเอเชีย

มานูเอล ฟาเฟียง (Manuel Fafian), ประธานกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย กล่าวว่า “มิชลินมุ่งมั่นดำเนินงานบนแนวคิดด้านความยั่งยืนทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมทั้งในเรื่องผู้คน (People) การสร้างผลกำไรของบริษัท (Profit) และการอนุรักษ์โลก (Planet) ด้วยเหตุนี้ การปรับปรุงสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในกรุงเทพฯ จึงให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอันดับแรก โดยออกแบบพื้นที่ให้รองรับการทำงานที่หลากหลายรูปแบบ (Activity-based Working) ซึ่งเกิดจากการระดมความคิดและออกแบบตามความต้องการของบุคลากรทุกแผนก โดยพนักงานทุกคนสามารถเลือกที่นั่งทำงานในแต่ละวันให้สอดคล้องกับกิจกรรมได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานเพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยยกระดับการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้พนักงานมีประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้นจากความสะดวกในการเคลื่อนย้าย (Move), เชื่อมต่อ (Connect), และทำงานร่วมกัน (Collaborate) ตลอดทั้งวัน  นอกจากนี้ วัสดุก่อสร้างยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนมาตรฐานขั้นสูง เพื่อให้สำนักงานใหม่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของบริษัทฯ ได้ในทุกมิติอย่างสมบูรณ์”

การปรับเปลี่ยนพื้นที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบสำนักงานรูปลักษณ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสู่แนวทางการทำงานใหม่ภายใต้ 3 แนวคิดหลักคือ Agility • Flexibility • Unity โดย “Agility” สื่อถึงความคล่องตัวฉับไวในการทำงาน และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ “Flexibility” เน้นความยืดหยุ่นของพื้นที่ทำงานที่รองรับทุกกิจกรรมของแต่ละทีมงานได้อย่างดีเยี่ยม และ “Unity” ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์โดยเฉพาะการเลือกที่นั่งแบบอิสระนั้น ช่วยให้ผู้คนจากต่างแผนก รวมถึงผู้บริหารและพนักงาน มีการพบปะและติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้นทั่วทั้งองค์กร

กระบวนการออกแบบสำนักงานใหม่นี้เริ่มขึ้นจากการสัมภาษณ์เชิงลึกในกลุ่มผู้บริหารเพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต พร้อมด้วยการสำรวจความคิดเห็นพนักงาน รวมถึงการใช้ข้อมูลอ้างอิงจากสำนักงานของมิชลินหลายแห่งทั่วโลก เพื่อให้สำนักงานใหม่ในกรุงเทพฯ สะท้อน DNA ของแบรนด์มิชลินบนมาตรฐานระดับโลก จึงทำให้กระบวนการก่อสร้างทั้งหมดใช้เวลากว่า 1 ปีครึ่ง ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมาก เพราะการวางผังอย่างมีประสิทธิภาพยังทำให้มิชลินสามารถลดขนาดพื้นที่สำนักงานลงจากเดิม 5,484 ตร.ม. เหลือเพียง 3,976 ตร.ม. แต่กลับให้ความรู้สึกกว้างขวางโปร่งสบายมากกว่าเดิม และที่สำคัญยังสามารถเพิ่มพื้นที่เพื่อการทำงานร่วมกัน (Collaboration Zones) ได้มากขึ้นเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว

อณุ ศรีธาร (Anu Sridhar), ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย กล่าวว่า “การทำงานรูปแบบใหม่ของเราจะเป็นเรื่องของความหลากหลายและการแบ่งปัน (Diversity & Share) สิ่งสำคัญคือการปรับตัวของพนักงานจาก ‘พื้นที่ทำงานของฉัน (Me)’ สู่การเป็น ‘พื้นที่ของเราทุกคน (We)’ เพราะมิชลินเชื่อในการเชื่อมโยงกันทางสังคม (Social Connection) เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แนวคิดสำนักงานใหม่นี้จะเอื้อให้พนักงานมีความคล่องตัวสูงและยังคงความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมเรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม (Diversity & Inclusion) ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”  

เมื่อพนักงานมิชลินก้าวเข้าสู่พื้นที่สำนักงานใหม่นี้ ประสบการณ์แรกที่จะได้สัมผัสคือบรรยากาศแบบคาเฟ่ที่ผ่อนคลาย สามารถนั่งดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหารว่างเบา ๆ ก่อนเข้าไปเริ่มงาน ซึ่งโซนทำงานของบริษัทมีการตกแต่งที่แตกต่างกันนับสิบรูปแบบ และแม้พื้นที่สำนักงานจะเน้นความยืดหยุ่นและการเชื่อมโยงของพนักงาน หากยังคำนึงถึงระดับความเป็นส่วนตัวสำหรับงานบางประเภท โดยแบ่งโซนทำงานเป็น 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่ Social, Interactive และ Focus ซึ่งจะมีข้อกำหนดการการใช้เสียงที่แตกต่างกันเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของเพื่อนร่วมงานคนอื่น

ภายในออฟฟิศยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ครบครัน ทั้งสตูดิโอสำหรับการถ่ายทอดสด ตู้โทรศัพท์ส่วนตัว ล็อกเกอร์พนักงาน ห้องกิจกรรมสันทนาการ ห้องพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีห้องเก็บน้ำนมสำหรับคุณแม่ รวมถึง Coffee Garden และฟังก์ชันรูมต่าง ๆ อีกมากมายที่ทำให้สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของมิชลินแห่งนี้ เป็นสำนักงานยุคใหม่ที่ถูกออกแบบโดยให้ความสำคัญกับผู้คนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง

บริษัท pbm ทีมงานออกแบบ กล่าวว่า “การออกแบบส่วนฟังก์ชันต่าง ๆ ต่อยอดจากแนวคิดธุรกิจของมิชลิน นั่นคือ With Tire / Around Tire / Beyond Tire โดยในส่วน Reception area เราใช้คอนเซ็ปต์ “Beyond Tire” มาประยุกต์สร้างสเปซแบบวงกลม ถอดความหมายมาจากยางของมิชลิน เสริมด้วยเส้นสายที่วนเวียนและแตกแขนงไปทั่วพื้นที่ เน้นโทนสีขาวมันเงาเพื่อแสดงถึงนวัตกรรม เสริมด้วยแนวแสงไฟที่เปรียบเหมือนเส้นทางที่วิ่งไปทั่วออฟฟิศ สำหรับโซนทำงาน Co-working Space และ Canteen นำเสนอความหลากหลายเหมือนแนวคิด “Around Tire” โดยแทรกโทนสี CI ของมิชลินเพื่อให้บรรยากาศการทำงานดู active และ lively ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนคาเฟ่ที่แบ่งออกเป็น 3 ธีมแสดงถึงเส้นทางการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการเดินทางและการผจญภัยของพนักงานในทุก ๆ วัน ซึ่งส่วนพื้นที่ทำงาน เราใช้แนวคิด “With  Tire” ที่เป็นเสมือนรากฐานและจุดเริ่มต้นของมิชลินอย่างชัดเจนผ่านโทนสี CI แต่ขณะเดียวกันก็สอดแทรกสีไม้อ่อน ๆ เพื่อย้ำถึงความยั่งยืนที่มิชลีนให้ความสำคัญสูงสุด”

ปัจจุบัน มิชลินดำเนินงานในธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ยางล้อ (Tires), การบริการและโซลูชันที่เกี่ยวกับยางล้อ (Services & Solutions), ประสบการณ์ด้านการเดินทาง (Mobility Experiences), และวัสดุไฮเทค (Hi-tech Materials) ดำเนินงานบนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนแบบบูรณาการทั้งในแง่ผู้คน (People), ผลกำไรของบริษัท (Profit), และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Planet) การลงทุนปรับปรุงสำนักงานครั้งใหญ่นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยกระดับประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งสำคัญเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจร (Global Mobility Company) อย่างครบวงจรที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรมบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนต่อไปอย่างมั่นคง

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

MGC-ASIA ตอกย้ำผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจรเปิดมิติใหม่ MGC-ASIA AUTO GALLERIA ชูคอนเซ็ปต์‘Theater of Brand Experiences’จุดเปลี่ยนแห่งอนาคตโชว์รูมในศูนย์การค้า ปักหมุดที่แรก ‘ดิเอ็มสเฟียร์’

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจ ไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร เปิดตัวอย่างเป็นทางการ MGC-ASIA AUTO GALLERIA (เอ็มจีซี-เอเชีย
ออโต แกลเลอเรีย) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Theater of Brand Experiences’ มิติใหม่ของสถานที่ จัดแสดงแบรนด์ยานยนต์และพันธมิตรต่างๆ ของ MGC-ASIA อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอนาคตโชว์รูมในศูนย์การค้า รองรับผู้มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ปักหมุดที่แรกให้ได้สัมผัส
อย่างใกล้ชิด บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ กรุงเทพมหานคร
ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “MGC-ASIA ดำเนินธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ครบวงจร ผ่านระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์และแข็งแรง ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ เรียกว่า
‘MGC-ASIA Ecosystem’ กับบริการครบทุกมิติ ทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ พร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรามีโชว์รูมยนตรกรรมระดับโลกภายในศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นที่ สยามพารากอน, ไอคอนสยาม
รองรับลูกค้าในกลุ่มยานต์ระดับหรูของ MGC-ASIA ได้แก่ โรลส์-รอยซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด, รวมถึงแบรนด์พันธมิตร อย่าง แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, จี๊ป และ เปอโยต์ ล่าสุดที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ กับ MGC-ASIA AUTO GALLERIA
แห่งแรกที่รังสรรค์ขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Theater of Brand Experiences’ นับเป็นมิติใหม่ของสถานที่ จัดแสดงแบรนด์ยานยนต์ และพันธมิตรต่างๆ ของเรา เปรียบเสมือนผืนผ้าใบที่พร้อมให้ศิลปิน
ได้ผลัดเปลี่ยนกันถ่ายทอดเรื่องราว สร้างประสบการณ์ผ่านแสงสีเสียง ด้วยเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า พื้นที่นี้เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอนาคตโชว์รูมในศูนย์การค้า ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะเกิดขึ้น ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในลำดับต่อไป”ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ ดิ เอ็มดิสทริค
กล่าวว่า “MGC-ASIA กับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ ดิ เอ็มดิสทริค มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ


ที่สอดคล้องกัน ในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม และรู้สึกยินดีกับความสำเร็จ ของ MGC-ASIA ที่เกิดจากวิสัยทัศน์ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่หยุดพัฒนาของผู้นำองค์กร
ทำให้วันนี้ MGC-ASIA เป็นอาณาจักรธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร และขอบคุณที่มอบ ความไว้วางใจให้ ดิ เอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าล่าสุดของ เดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่เคยหลับใหล (Sleepless Metropolis) เป็นพื้นที่ในการรังสรรค์โชว์รูมแนวคิดใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเชื่อมั่นว่า จะได้เสียงตอบรับที่ดี
ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ สำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ได้อย่างแน่นอน”
++ก้าวข้ามขีดจำกัด สู่รูปแบบการจัดแสดงหลากหลาย
เพื่อประสบการณ์สุดพิเศษศูนย์การค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
จะมีการไหลเวียนของผู้คนจำนวนมากในแต่ละวัน โชว์รูมแบบเดิม อาจแสดงศักยภาพได้ไม่เต็มที่ MGC-ASIA AUTO GALLERIA จึงเปลี่ยนวิธีการใช้พื้นที่จำกัดเฉพาะแบรนด์ (Fixed Brand)
สู่รูปแบบการหมุนเวียน (Dynamic Theme )

และมีความยืดหยุ่นตามช่วงเวลาที่สอดคล้องกับแผนการตลาด หรือจังหวะการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ 2 เรื่องหลัก คือ ต้องการสร้างเนื้อหาที่สดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนใจและเพิ่มโอกาส
ที่ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการมากขึ้น กับอีกประเด็นคือ เปิดพื้นที่ให้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือ บริการ ที่หลากหลายขึ้น โดยครอบคลุมไปถึง Marine, Aviation และช่วยยกระดับการนำเสนอ ที่มากกว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์และการบริการ ไปสู่ระดับ Brand DNA หรือ Brand Experiences
เน้นการเล่าเรื่องใหม่ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่อารมณ์ความรู้สึก
อันเป็นที่มาของการออกแบบให้ยกระดับพื้นคล้ายเวทีกลาง มีจอแอลอีดีความยาว 12 เมตรเป็นฉากหลัง ผสานฝ้าที่ออกแบบให้เป็นระบบเปิด
เพื่อสามารถเพิ่มหรือย้ายอุปกรณ์แสงสีเสียง ที่เปลี่ยนไปตามเทคนิคการเล่าเรื่องที่ต่างออกไป
++ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ สำหรับสมาชิก ‘MGC-MOBILIFE’ ในเครือ MGC-ASIA
และแบรนด์พาร์ทเนอร์
MGC-ASIA AUTO GALLERIA ยังเป็นพื้นที่สำหรับสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า ผ่านแพลตฟอร์ม Exclusive
Loyalty Program ภายใต้ชื่อ ‘MGC-MOBILIFE’ มอบสิทธิประโยชน์สูงสุดผ่านการสะสมคะแนน
เพื่อรับสิทธิพิเศษและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทั้งแบรนด์ในเครือบริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำกว่า 100 แบรนด์ ที่คัดสรรมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์พิเศษสุดว้าว! พร้อมด้วยบริการ MOBILIFE Lounge หรูหรา ดีไซน์โมเดิร์น มีบริการอาหารและเครื่องดื่มสำหรับลูกค้า
ที่เข้ามาเยี่ยมชมโชว์รูม อีกทั้งรองรับการจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
การทำกิจกรรมร่วมกับแบรนด์พาร์ทเนอร์ต่างๆ
โดย MGC-ASIA มอบเป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับสมาชิก MGC-MOBILIFE ในเครือ MGC-ASIA และแบรนด์พาร์ทเนอร์ สมาชิกระดับ INFINITE BLUE DIAMOND รับเอกสิทธิ์
เข้าใช้บริการ MOBILIFE Lounge ได้ตลอดทั้งปี
และสมาชิกทั่วไปสามารถใช้คะแนนสะสมแลกเข้ารับบริการได้พร้อมผู้ติดตาม ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
++ตื่นตานวัตกรรมความแรง M TOWN by MILLENNIUM AUTO เพื่อสาวก BMW สายพันธุ์ M
และ M Performance พร้อมจับมือกับ AIS มอบแคมเปญสุดพิเศษ 3 ต่อ
จัดเต็มเพื่อสาวก บีเอ็มดับเบิลยู สายพันธุ์ M และ M Performance คัดสรรรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู
สมรรถนะสูง อาทิ ‘The New BMW M2, ‘The First-Ever BMW XM’ และรุ่นอื่นๆ จัดแสดงอย่างกระหึ่ม
อุ่นใจด้วยบริการหลังการขายจาก มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี
กับศูนย์บริการครบวงจรที่มีเครื่องมือพิเศษ สำหรับให้บริการ บีเอ็มดับเบิลยู M โดยเฉพาะ
พร้อมรับแคมเปญเกินห้ามใจส่งท้ายปี ‘Endless Joy at Millennium Auto : Year End Sale Event’
มอบสิทธิ์พิเศษถึง 3 ต่อ เมื่อจอง บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ถึง
31 ธันวาคมนี้
ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่ถูกออกแบบ และจัดเตรียมไว้อย่างมีชั้นเชิง MGC-ASIA AUTO GALLERIA
จึงเปรียบเสมือนผืนผ้าใบ ที่พร้อมจะให้ศิลปินผลัดเปลี่ยนกันถ่ายทอดเรื่องราว สร้างประสบการณ์
ผ่านแสงสีเสียง นำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ของอนาคตโชว์รูมภายในศูนย์การค้า ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

ส่องสาวงามขอบสนาม Asia Road Racing หน้าเก๋ เอเชียนลุค

เดินทางมาถึงการแข่งขันในสนามสุดท้ายของศึกสองล้อรายการใหญ่ที่สุดของทวีป Asia Road Racing 2023 ปิดฤดูกาลและมาฉลองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย

Asia Road Racing จัดขึ้นทั้งสิ้น 6 สนามใน 5 ประเทศได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, จีน, อินโดนีเซีย โดยประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ 2 สนาม ได้แก่ สนามที่ 1 วันที่ 24-26 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา และสนามสุดท้าย ตัดสินแชมป์ 1-3 ธันวาคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การดวลกันในสนามสนุกตื่นเต้น ทัพนักบิดไทย 20 ชีวิตลงล่าแชมป์กระหื่มสนาม ด้านสีสันในสนามก็ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ในช่วงพิตวอล์คของวันแข่งขันจะเป็นวันที่เปิดโอกาสให้แฟนๆได้ชมพิตการทำงานของรถแข่ง พบปะนักบิดชื่อดังจากทั่วโลก รวมทั้งได้กระทบไหล่พริตตี้ตัวท็อปที่ทีมแข่งต่างๆคัดเลือก มาประชันโฉมกันอย่างมากมายแน่นแทร็ก สาวงามเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกริดเกิร์ลหรือ อัมเบรลล่า เกิร์ล ที่ยืนประจำกริดสตาร์ท คอยกางร่มให้นักบิด ก่อนที่จะปล่อยตัวในการแข่งขัน เป็นอีกหนึ่งสีสันที่ชื่นชอบของแฟนมอเตอร์สปอร์ตอย่างมาก

ARRC2023

ChangInternationalCircuit

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

ได้เฮ! “นักบิดไทย” ฟอร์มเก่งพาเหรดคว้าโพเดียม 3 รุ่น กระหึ่มศึก “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง” เรซแรก

เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 ระเบิดความมันส์สนามปิดฤดูกาลอย่างดุเดือด นักบิดไทยสร้างผลงานกระหึ่มเรซที่ 1 กอดคอขึ้นโพเดียมถึง 3 รุ่น นำโดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน คว้าอันดับ 2 ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ขณะ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ควงทีมเมทรุ่นพี่ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช บิดคว้าอันดับ 2-3 ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ด้าน “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล โชว์ความเก๋าซิวท็อป 3 รุ่นทีวีเอส วัน เมค แชมเปียนชิพ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 สนามสุดท้าย ตัดสินแชมป์ ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ 2 เรซ โดยแข่งขันในเรซที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2566

ผลการแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของทวีปอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี มาร์คุส ไรเตอร์แบร์เกอร์ นักบิดเยอรมันจาก วันซ็อกซ์ บีเอ็บดับเบิลยู ทีเคเคอาร์ ทีม คว้าแชมป์เอเชียไปก่อนหน้านี้จากแต้มขาดลอย บิดเข้าป้ายเป็นคันแรก แต่โดนปรับ 1 อันดับ ส่งผลให้ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ นักบิดอินโดนีเซียจาก ฮอนด้า เอเชีย-ดรีม เรซซิ่ง วิท โชวะ ขยับขึ้นมาคว้าชัยชนะไปครอง ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมเมทชาวมาเลเซียอย่าง ซัควาน ไซดี้ ตามหลัง 0.831 วินาที

ไฮไลต์อยู่ที่เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ชิงแชมป์ประจำปีอย่างเข้มข้น ปรากฏว่ากลุ่มนักบิดที่ลุ้นแชมป์เอเชีย ไล่บี้กันอย่างสุดมัน โดยมี “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดไทยมากฝีมือที่ลงบิดไวลด์การ์ดให้กับ ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน เป็นตัวแปรสำคัญของเรซนี้

ผลปรากฏว่า โซอิจิโร มินามิโมโตะ นักบิดญี่ปุ่นจาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน ที่บิดคว้าชัยชนะด้วยเวลา 19 นาที 53.372 วินาที เฉือน อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ทีมเมทชาวไทยอันดับ 2 เพียง 0.150 วินาทีเท่านั้น ส่วนจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมอย่าง ไครูล อิดฮาม ปาวี นักบิดมาเลเซียจาก บุนซิว ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม คว้าอันดับ 3 ตามด้วย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในอันดับ 4

หลังผ่านเรซที่ 1 เป็นผลให้ โซอิจิโร มินามิโมโตะ นักบิดญี่ปุ่นจาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี มีทั้งสิ้น 181 คะแนน เหนือ ไครูล อิดฮาม ปาวี เพียง 2 แต้มเท่านั้น ส่วน นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ รั้งอันดับ 3 ตามหลัง 12 คะแนน ต้องไปตัดสินแชมป์กันในเรซสุดท้ายวันอาทิตย์นี้

ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ชัยชนะตกเป็นของ เวด้า พราทาม่า นักบิดดาวรุ่งชาวอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า ที่นำม้วนเดียวจบเข้าป้ายเป็นคันแรก ด้วยเวลา 18 นาที 41.898 วินาที โดย 2 นักบิดไทยจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานยอดเยี่ยม “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร และ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ได้ขึ้นโพเดียมโฮมเรซในอันดับ 2 และ 3 ตามหลังหัวแถว 6.039 วินาที และ 6.042 วินาที ตามลำดับ

จากผลการแข่งขันเรซที่ 1 ส่งผลให้การลุ้นแชมป์ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ต้องยืดเยื้อไปถึงวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเรซที่ 2 โดย เรซ่า เดนิก้า อาห์เรน นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงมีทั้งสิ้น 198 คะแนน โดยมีแต้มเหนืออันดับ 2 อย่าง เฮอร์จุน เฟอร์ดาอุส อยู่ 20 คะแนน

ส่วนผลในรุ่น ทีวีเอส วัน เมค แชมเปียนชิพ ปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดญี่ปุ่นด้วยเวลา 14 นาที 46.399 วินาที เฉือน มูฮัมหมัด มูซัคคีร์ โมฮัมเหม็ด นักบิดมาเลเซียอันดับ 2 เพียง 0.034 วินาที ขณะที่นักบิดจอมเก๋าชาวไทยอย่าง “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล ไล่บี้จบเรซในอันดับ 3 ตามหลังเพียง 0.261 วินาทีเท่านั้น

สำหรับการลุ้นแชมป์เอเชียในรุ่น ทีวีเอส วัน เมค แชมเปียนชิพ ยังต้องไปตัดสินกันในเรซสุดท้ายวันอาทิตย์นี้ โดย มูฮัมหมัด มูซัคคีร์ โมฮัมเหม็ด นักบิดมาเลเซียรั้งจ่าฝูง มีทั้งสิ้น 168 คะแนน เหนือ ของ ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดญี่ปุ่น อันดับ 2 อยู่ 18 คะแนน ส่วน วรพงศ์ มาลาหวล รั้งอันดับ 3 ตามหลัง 22 คะแนน

ทั้งนี้ การแข่งขันเรซที่ 2 ของ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 สนามสุดท้าย จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นเรซแห่งการตัดสินแชมป์เอเชียของทุกรุ่น

ร่วมเชียร์นักบิดไทย แบบติดขอบจอได้ทางช่อง T-Sport 7 และ แอพพลิเคชั่น T-Sport 7 ตั้งแต่เวลา 13.55 น. เป็นต้นไป หรือรับชมทางเพจ Chang Circuit Buriram เรซที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 3 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 12.35 น. เป็นต้นไป ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

“ชิพ-นครินทร์” บิด CBR คว้าท็อป 4 ซูเปอร์สปอร์ต 600 เรซแรก เอเซีย โร้ด เรซซิ่ง สนามสุดท้าย

“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ต่อสู้เดือดในการแข่งขันรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 (SS600) พารถแข่ง Honda CBR600 หมายเลข 41 คว้าอันดับที่ 4 ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2023 สนามที่ 6 เรซแรก 

ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2023 เรซแรก “ชิพ” มีลุ้นแชมป์ประจำปีกับยอดนักแข่งระดับท็อปของเอเชีย เริ่มต้นเกมนักบิดไทยพบความท้าทาย ต่อสู้ไล่แซงคู่แข่งเพื่อเก็บอันดับในการแข่งขันให้ดีที่สุด ก่อนคว้าอันดับที่ 4 ขณะทีมเมท “นิว” ปัณณสรณ์ แก้วสนธิ หมายเลข 15 ไม่จบการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ การแข่งขันรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2023 สนามที่ 6 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 (SS600)  สนามสุดท้าย เรซที่ 2  การแข่งขันเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ เวลา 15.10 น. ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

#ThaiHonda #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

“แสตมป์-อภิวัฒน์” ควบ R6 ซิวกริดแถวหน้า “เอเชีย โร้ดฯ” สนามสุดท้าย “โฟลท-รัฐพงษ์” สตาร์ทที่ 4 ล่าชัยโฮมเรซ

“สองนักบิดไทยยามาฮ่า” สร้างโอกาสลุ่าชัยชนะโฮมเรซอย่างเต็มตัว ในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 สนามสุดท้าย หลัง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ควบรถแข่ง YZF-R6 คู่ใจผงาดคว้ากริดที่ 2 ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ขณะที่ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ อดีตแชมป์ในรุ่นนี้ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 4 ก่อนดวล 2 เรซส่งท้ายปีที่ บุรีรัมย์

ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 สนามสุดท้าย ผ่านการแข่งขันรอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ท เมื่อช่วงสายวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ไฮไลต์สำคัญอยู่ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ที่รวมเอาดาวดังของเอเชียที่เคยผ่านการแข่งขันชิงแชมป์โลกไว้หลายคน ทั้งใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ซึ่งนักบิดภายใต้สังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

ผลควอลิฟายปรากฏว่า “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 24 ที่ลงบิดไวลด์การ์ดให้กับ ยามาฮ่า เจนบลู เรซซิ่งทีม เอเชียน ทะยานคว้ากริดที่ 2 มาครองได้ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 38.894 วินาที ตามหลัง โซอิจิโร มินามิโมโตะ ทีมเมทชาวญี่ปุ่นเจ้าของโพลเพียง 0.447 วินาที

ขณะที่ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ อดีตแชมป์ ซูเปอร์สปอร์ต เอเชีย เจ้าของหมายเลข 56 จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คว้ากริดที่ 4 มาครอง ด้วยเวลา 1 นาที 39.270 วินาที ตามหลังหัวแถว 0.823 วินาที นับเป็นกริดสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมของ 2 นักบิด “ไทยยามาฮ่า” ต่อการลุ้นคว้าชัยชนะต่อหน้าแฟนความเร็วชาวไทย

ทั้งนี้ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เรซแรกจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคมนี้ เวลา 14.55 น. ส่วนเรซที่ 2 จะมีขึ้นในช่วงเวลา 15.10 น. ของวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ ถ่ายทอดสดทาง https://www.facebook.com/AsiaRoadRacing


YamahaThailandRacingTeam

RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits

YamahaRacing #No1RacingTeam

YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand

RaceMachine #ARRC2023

YamahaR6 #RW56 #SuperSport600

YamahaThailandRacingOfficialTest #AsiaRoadRacing

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

“ข้าวกล้อง-มุกข์” บิด CBR Series คว้าดับเบิ้ลโพเดียม “เอเชีย โปรดักชั่น 250” เรซแรก เอเซียโร้ด เรซซิ่ง สนามสุดท้าย

นักบิดดาวรุ่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” และรถแข่ง CBR Series
ระเบิดผลงานคว้าดับเบิ้ลโพเดียม ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2023 สนามที่ 6 รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 (AP250) เรซที่ 1 จากโพเดียมอันดับที่ 2 ของ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 ตามมาด้วยโพเดียมอันดับที่ 3 ของ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช หมายเลข 44 หลังการเปิดฉากต่อสู้อย่างดุเดือดในโฮมเรซ

การแข่งขันรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 (AP250) นักบิดดาวรุ่ง “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 เปิดคันเร่ง Honda CBR250RR ขึ้นมานำได้ทันที ควง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช หมายเลข 44 ตามขึ้นมาต่อสู้ในกลุ่มหน้าพร้อมกับนักแข่งระดับหัวแถวของเอเชียอีกหลายคัน การแข่งขันดุเดือดตลอดเกมและต้องมาชี้ขาดกันจนถึงรอบสุดท้ายเพื่อชิงอันดับบนโพเดียม

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร คว้าอันดับที่ 2 บนโพเดียมและ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 3 พาธงชาติไทยขึ้นฉลองดับเบิ้ลโพเดียมต่อหน้ากองเชียร์ฮอนด้าและแฟนความเร็วทั่วเอเชีย
ขณะที่ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 11 ต่อสู้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกันเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 7

ทั้งนี้ การแข่งขันในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 (AP250) ในเรซแรกนี้ อันดับ 1-7 ยังเป็นนักแข่งฮอนด้าทั้งหมด กับรถแข่ง Honda CBR250RR อีกด้วย

การแข่งขันรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2023 สนามที่ 6 รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 (AP250) การแข่งขันเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ เวลา 14.15 น. ณ สนามช้าง
อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

ThaiHonda #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

PEDRO ACOSTA นักบิดดาวรุ่งจากสเปน แชมป์โลก MOTO2TM คนล่าสุดคว้ารางวัล TRIUMPH TRIPLE TROPHY 2023

ในปี 2023 ผู้ชนะที่คว้ารางวัล Triumph Triple Trophy จากการแข่งขันรายการ Moto2TM ตกเป็นของ เปโดร อคอสต้า (Pedro Acosta) นักบิดหนุ่มดาวรุ่งจากสเปน หลังมีฤดูกาลมหัศจรรย์ที่ทำให้เขาคว้าตำแหน่งแชมป์โลก Moto2TM,  คว้ารางวัล Triumph Triple Trophy พร้อมกับคว้าที่นั่งด้วยการขยับขึ้นไปแข่งขันในรายการ  MotoGP ฤดูกาลหน้าอีกด้วย

สำหรับผู้ชนะที่คว้ารางวัล Triumph Triple Trophy จะได้รับรางวัลเป็นรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส 765 (Street Triple RS 765)  อันน่าทึ่ง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลิตและปรับแต่งขึ้นมาโดยเฉพาะที่สำนักงานใหญ่ไทรอัมพ์ ณ เมือง ฮิงค์ลีย์ สหราชอาณาจักร และจะมอบให้กับ เปโดร อคอสต้า ในสนามสุดท้ายของการแข่งขันในฤดูกาล 2023 ที่บาเลนเซีย

รางวัลดังกล่าวได้รับการสนับสนุนโดย ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ในฐานะซัพพลายเออร์เครื่องยนต์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันรายการ Moto2TM ทั้งนี้ Pedro Acosta นับเป็นผู้ชนะคนที่สี่ของรางวัลดังกล่าว โดยได้รับควบคู่ไปกับการเป็นแชมป์โลก Moto2TM ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แชมป์โลกสามารถคว้ารางวัล Triumph Triple Trophy นี้ได้พร้อมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของ Acosta ในฤดูกาลนี้เป็นอย่างดี

รางวัล Triumph Triple Trophy นับเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จมากมายจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะนอกเหนือจากชัยชนะในการแข่งขัน ยังมีการให้คะแนนสำหรับรางวัล Triumph Triple Trophy ที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงการแข่งขันที่น่าเหลือเชื่อในรายการ Moto2™ โดยมีรายละเอียดของการให้คะแนนมีดังนี้:

·        7 คะแนน – สำหรับการขยับตำแหน่งในการแข่งขันได้มากที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบ: 7 คะแนนสำหรับนักแข่งที่สามารถขยับอันดับของตนเองได้มากที่สุดตั้งแต่จุดสตาร์ทจนถึงเส้นชัย

·        คะแนน – สำหรับตำแหน่งโพลโพสิชัน: 6 คะแนนสำหรับนักแข่งที่คว้าตำแหน่งโพลโพสิชันในแต่ละสนาม

·        5 คะแนน – สำหรับการทำความเร็วต่อรอบการแข่งขันสูงสุด: 5 คะแนนสำหรับนักแข่งที่เร็วที่สุดหนึ่งคน หรือ หลายคนหากเสมอกัน

ฝีมือการขับขี่ที่สม่ำเสมอของ เปโดร อคอสต้า ในฤดูกาลล่าสุด แสดงให้เห็นจากการที่เขาเก็บคะแนนได้จาก 9 รอบการแข่งขันในแต่ละสนาม ซึ่งนำหน้าคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดที่เก็บได้เพียงสี่คะแนนในแต่ละรอบการแข่งขันแต่ละสนาม นอกจากนี้เขายังทำคะแนนจากการคว้าตำแหน่งโพลโพสิชันได้ถึง 3 ครั้งที่สนามซัคเซนริง, ซิลเวอร์สโตน และเรดบูลริง  รวมถึงยังทำความเร็วต่อรอบการแข่งขันสูงสุดได้อย่างน่าเหลือเชื่อถึง 8 ครั้ง ทำให้เขากลายเป็นนักแข่งคนล่าสุดในยุค Moto2TM ของไทรอัมพ์ที่ได้ก้าวขึ้นสู่ประเภท MotoGP

รางวัล Triumph Triple Trophy ได้รับการรับรองผู้ชนะที่สนาม Malaysian Grand Prix ในเดือนตุลาคม ซึ่งในขณะนั้นยังมีนักแข่งสามคนที่กำลังแข่งขันกันอยู่ ได้แก่ Pedro Acosta จากทีม Red Bull KTM Ajo ต่อด้วย Taiga Hada จากทีม Pertamina Mandalika SAG และ Jake Dixon จากทีม GASGAS Aspar

ทั้งนี้ Taiga Hada สามารถเก็บคะแนนสูงสุดจากการขยับตำแหน่งในการแข่งขันได้มากที่สุดจำนวนสี่ครั้งในการไปเยือนสนามที่มาเลเซีย และอยู่ในอันดับที่สองของตารางคะแนน โดยในครั้งนี้ Alex Escrig กลายเป็นผู้ที่ทำคะแนนสูงสุดจากการขยับตำแหน่งในการแข่งขันได้มากที่สุด นับเป็นการคว้าคะแนน Triumph Triple Trophy แรกของเขา ทำให้เขากลายเป็นนักบิดคนที่ 26 ที่ได้ร่วมอยู่ในตารางคะแนน ตามด้วย Fermin Aldeguer ที่เก็บคะแนนที่เหลือทั้งหมดจากการคว้าตำแหน่งโพลโพสิชันและการทำความเร็วต่อรอบการแข่งขันสูงสุด นั้นหมายความว่าไม่มีนักแข่งคนใดที่จะทำคะแนนไล่ตาม Pedro Acosta ได้ทัน ส่งผลให้เขาได้รับตำแหน่งผู้ชนะคว้ารางวัล Triumph Triple Trophy ในวันเดียวกับที่เขาคว้าแชมป์โลก Moto2TM ในขณะที่คะแนนสะสมของ Fermin Aldeguer ที่ทำได้ดีในช่วงท้ายของฤดูกาล ทำให้เขากระโดดขึ้นมารั้งอันดับสองของตารางคะแนน โดยมีคะแนนห่างกันเพียง 9 คะแนนเท่านั้นระหว่างอันดับสองถึงอันดับสี่

เปโดร อคอสต้า (Pedro Acostaทีม Red Bull KTM Ajo เผยว่า “ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลนี้ รถคันนี้น่าเหลือเชื่อมาก ผมเห็นหลายคนสนุกไปกับการที่ได้ขี่มัน และมันน่าจะถึงเวลาที่ผมจะต้องมีใบขับขี่ ผมจะได้ออกไปขี่รถบนถนนได้ ท้ายที่สุดเรารู้ว่ามันคือเครื่องยนต์เดียวกันกับที่เราใช้ในการแข่งขัน Moto2 และเรารู้ว่าเครื่องยนต์นี้เร็วแค่ไหน คงจะสนุกไม่น้อยหากได้ยกล้อบนรถคันนี้”

มร. สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า  “ขอแสดงความยินดีกับ Pedro กับฤดูกาลที่น่าประทับใจและยังเป็นผู้ชนะ Triumph Triple Trophy ฤดูกาล 2023 ถือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นความสามารถดังกล่าวได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์สามสูบ 765 ของเรา อีกทั้งยังทำให้ช่องว่างระหว่าง Moto2TM ไปจนถึง MotoGP ได้เข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิมจากการอัปเกรดเครื่องยนต์ล่าสุด เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นว่า Pedro ก้าวไปสู่การแข่งขัน MotoGP ในปี 2024 ได้อย่างไร พร้อมกันนี้เราหวังว่า Pedro จะเพลิดเพลินไปกับรางวัล ทั้งรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Street Triple RS รุ่นใหม่ล่าสุด ทีได้รับการคัสตอม ซึ่งพวกเราทีมไทรอัมพ์ทุกคนจะเฝ้าติดตามความคืบหน้าของคุณในการแข่งขันปีหน้าอย่างแน่นอน”

หมวดหมู่
Cars Accessories New Innovation News

เมอรเซเดส-เบนซ์ ปิดท้ายปีด้วยแคมเปญ “New Year Special Thanks”มอบสิทธิพิเศษด้านบริการหลังการขายที่ครอบคลุมถึงปี 2567

ในช่วงท้ายปี นอกเหนือจากแคมเปญส่งเสริมการขายในงาน Motor Expo 2023 ที่เต็มไปด้วยข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าปัจจุบันที่ใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น ด้วยการมอบแพ็คเกจการดูแลและการบริการหลังการขายที่เปรียบเสมือนของขวัญพิเศษแทนคำขอบคุณ ผ่านแคมเปญ “New Year Special Thanks” ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี 2566 พร้อมดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในรายการที่กำหนดตลอดปี 2567 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สิทธิพิเศษที่ 1: รับฟรี น้ำมันเครื่อง MB Oil ตลอดปี 2567*

สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น ทุกช่วงอายุของรถยนต์ (รวมถึงรถยนต์ Van)
เมื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ
ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 และมียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป* (เฉพาะค่าสินค้า ค่าอะไหล่และค่าแรง ก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม)

สิทธิพิเศษที่ 2: รับฟรี Oil Filter ตลอดปี 2567*
เฉพาะลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C-Class (204, 205) และ รุ่น E-Class (207, 212) เท่านั้น เมื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 และมียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป* (เฉพาะค่าสินค้า ค่าอะไหล่และค่าแรง ก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม) รับเพิ่มฟรี Oil Filter ตลอดปี 2567*

สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services
/special-offers.html
 และนัดหมายเข้ารับบริการออนไลน์ได้ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services/online-appointment-booking.html  

ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

** บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จากผู้จำหน่ายฯอย่างเป็นทางการเท่านั้น

#NewYearSpecialThanks #MercedesBenzThailand #MBThAfterSales #MBServiceCampaign

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News SPORT NEW

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ และ CUB House จัดเต็มโปรสุดเร้าใจส่งท้ายปี!  ในงาน Motor Expo 2023

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ และ CUB House by Honda เอาใจเหล่าไบค์เกอร์ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปี จัดโปรโมชัน “BUY NOW RIDE NOW” ในงาน Motor Expo 2023 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ง่ายๆ ผ่อนเริ่มต้นต่อเดือนเพียง 3,093 บาท (เฉพาะรุ่น) พร้อมรับ Gift Voucher สูงสุดมูลค่ากว่า 100,000 บาท และสิทธิพิเศษอีกมากมายภายในงาน

ฮอนด้าบิ๊กไบค์นำทัพโดยตระกูล 650Series ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก Honda E-Clutch กับ ‘All New Honda CBR650R’ สปอร์ตไบค์ที่ถ่ายทอด DNA จากรถระดับซูเปอร์สปอร์ต ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 327,300 บาท (รุ่นสแตนดาร์ด ไม่มี E-Clutch) ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,544 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 3.55% ต่อปี ตามด้วย ‘All New Honda CB650R’ สปอร์ต Naked ขุมพลัง 4 สูบเรียงที่ปรับโฉมดีไซน์ใหม่รอบคัน ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 312,100 บาท (รุ่นสแตนดาร์ด ไม่มี E-Clutch) ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,333 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 3.55% ต่อปี โดยไทยฮอนด้าพร้อมเปิดรับจองทั้งรุ่น Standard และ รุ่น E-Clutch ภายในงาน พร้อมรับฟรี Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท ประกันภัยชั้น 1 ทะเบียน และพ.ร.บ.

สำหรับไบค์เกอร์ที่เป็นแฟนคลับตระกูล 500Series ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ ‘All New Honda CBR500R’, New Honda CB500 Hornet’ และ ‘New Honda NX500’ ที่ครั้งนี้ยกระดับดีไซน์ไปอีกขั้น ติดตั้งเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่าเดิม พร้อมให้เป็นเจ้าของผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,093 บาท (เฉพาะรุ่น) ดอกเบี้ยพิเศษ 3.55% ต่อปี รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท (เฉพาะรุ่น) และประกันภัยชั้น 1 ฟรีทะเบียน และพ.ร.บ. พร้อมรับ Honda Service Premium Package ตรวจเช็กระยะฟรีตลอดระยะเวลา 3 ปี

พร้อมกันนี้ Cub House by Honda จัดโปรพิเศษสำหรับ Iconic Models ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษจากค่ายดังไม่ว่าจะเป็น Kitaco, GCraft, Streamtails มาให้ได้เป็นเจ้าของ กับโปรโมชั่นพิเศษรุ่น Honda Monkey Standard ราคาแนะนำ 99,700 บาท ผ่อนเริ่มต่อเดือนต้น 2,050 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 0.49% จองวันนี้ที่งานรับฟรี หมวกกันน็อค ทะเบียน และ พ.ร.บ. ตามด้วย Honda CT125 New “Yellow Color” ราคาแนะนำ 88,900 บาท ผ่อนเริ่มต้น 1,773 บาท รับฟรี! CUB C premium Jacket ทะเบียน และ พ.ร.บ. พร้อมสิทธิ์แลกซื้อ Aluminum Top Case & Rear Rack ในราคาสุดพิเศษเพียง 3,900 บาท (จากปกติ 8,900 บาท)

นอกจากนี้ ภายในงานยังจัดโปรโมชันรุ่นอื่นอีกมากมาย โดยลูกค้าที่สนใจสามารถมาสัมผัสรถคันจริงก่อนจองได้ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี

จองผ่านทางออนไลน์ หรือดูโปรโมชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3R3JMFt

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/

เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/

#BuyNowRideNow #พุ่งทะยานไปจับจองรถในฝันก่อนใคร #MotorExpo2023

#HondaBigBike #ExcitesTheWorld #ExcitmentInEveryBreath #CUBHouse

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ร่วมกับ AIS Serenade มอบแคมเปญและประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี กับสิทธิพิเศษสุดยิ่งใหญ่ 3ต่อสำหรับลูกค้าที่ออกรถวันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566

บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมพิเศษ ‘Endless Joy at Millennium Auto : Year End
Sale Event’ พร้อมร่วมมือกับ AIS Serenade มอบแคมเปญและประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี กับสิทธิพิเศษสุดยิ่งใหญ่ 3 ต่อ สำหรับลูกค้าที่ออกรถวันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566 ไม่ว่าจะภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40, M TOWN by MILLENNIUM AUTO ชั้น 2
ดิ เอ็มสเฟียร์ หรือรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ ทุกสาขา

ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ AIS Serenade รังสรรค์กิจกรรมแห่งความสุข ‘Endless Joy at Millennium Auto : Year End Sale Event’ มอบแคมเปญและประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี กับสิทธิพิเศษสุดยิ่งใหญ่ 3 ต่อ
สำหรับลูกค้าที่ออกรถวันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566 พร้อมยกทัพยนตรกรรมหลากรุ่น หลายแบรนด์ มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด”


ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้ ส่งมอบประสบการณ์สุดล้ำให้กับลูกค้าเซเรเนด ผ่านความร่วมมือกับ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดเต็มความพิเศษ 3 ต่อ เมื่อจองยนตรกรรมในเครือ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป และนับเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้า High Value
อย่างเซเรเนด ที่เราพยายามคัดสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด มาให้ลูกค้าได้สัมผัส ทั้งคุณภาพการใช้งานบริการ และสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า”
++ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ จับมือ AIS Serenade มอบสิทธิ์พิเศษ 3 ต่อ เมื่อออกรถในเครือ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป
ต่อที่ 1 : รับข้อเสนอเดียวกับงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40
พร้อมรับ Exclusive Privilege รับสิทธิ์เลือกเบอร์โฟร์ เบอร์มงคล เบอร์ตรงกับทะเบียนรถ จาก AIS ก่อนใคร พร้อมใช้งานฟรี 1 ปี สูงสุดกว่า 40,000 บาท* (สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด)
เมื่อจองและออกรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู หรือ มินิ ทุกรุ่น จาก มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป
ต่อที่ 2 : สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้า AIS Serenade
1) นำ AIS Points 500 คะแนน มารับส่วนลด 10,000 บาท เมื่อซื้อรถ BMW, MINI และ BMW
Motorrad ทุกรุ่น*
2) จองและออกรถ BMW, MINI, BMW MOTORRAD ทุกรุ่นรับ AIS Points 10,000 คะแนน*
3) นำรถเก่ามาแลกซื้อรถใหม่ (Trade-in) รับ AIS Points เพิ่มอีก 10,000 คะแนน*

PR-R-0112-23-157

ต่อที่ 3 : สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก MGC-MOBILIFE
1) รับคะแนน MGC Points (100 บาท = 1 คะแนน)*
2) รับ New Year, New You Package จากแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ รวมมูลค่ากว่า
32,000 บาท เมื่อจองและออกรถทุกรุ่น (สำหรับ 100 ท่านแรก)*
สอบถามข้อมูล โทร.1286 Millennium Auto Connect
Line: https://bit.ly/2Z3ou46 (@millenniumauto)
https://www.millenniumauto.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

หมวดหมู่
Motorcycle New Innovation News

สมาร์ทเทค มอเตอร์’ ประกาศเปิดจอง FELO FW03 SIC58 Limited Edition

เผยราคา FELO รุ่น F5 ที่แรกในไทยอวดโฉม FELO และ RAPID รวม รุ่น

พร้อมให้จับจองเป็นเจ้าของ ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2023

29 พฤศจิกายน 2566, กรุงเทพมหานคร สมาร์ทเทค มอเตอร์ จำกัด (Smartech Motor Co., Ltd.) ผู้พัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้านวัตกรรมแห่งอนาคต เดินหน้าอวดโฉมนวัตกรรมจักรยานยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีสุดทันสมัยจากสนามแข่งรถระดับโลกสู่ท้องถนน แบรนด์ FELO และ RAPID รวม รุ่น นำโดย นายพลวัฒน์ พวงศิริ ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส บริษัท สมาร์ทเทค มอเตอร์ จำกัด ประกาศเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นไฮไลท์ FELO FW03 SIC58 Limited Edition เป็นที่แรกในไทย พร้อมเผยราคา FELO F5 เป็นครั้งแรก ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ณ บูธ FELO และ RAPID หมายเลข G02-02 ชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ็น

นายพลวัฒน์ พวงศิริ ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส บริษัท สมาร์ทเทค มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “Smartech Motor มีความมุ่งมั่นเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต เราพัฒนารถแต่ละรุ่นเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน โดยชูนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากสนามแข่งรถระดับโลก ต่อยอดเป็นรถใช้งานในท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวบริษัท สมาร์ทเทค มอเตอร์ อย่างเป็นทางการเพื่อตอกย้ำความมุ่งหมายที่ตั้งไว้ และในวันนี้เราพร้อมที่จะเปิดรับจอง FELO FW03 SIC58 Limited Edition ที่ได้รับแรงบันดาลใจของการออกแบบลวดลายตามแบบรถแข่งและชุดประจำตัว อีกทั้งหมายเลขประจำตัว 58 จาก Macro Simoncelli หรือ Sic อดีตแชมป์ Minimoto Championship คนแรกในปี 1999 ด้วยอายุเพียง 12 ปี และชนะเลิศรายการThe 250cc World Cup Championship ในปี 2008 ซึ่งเปิดรับจองเพียง 58 คันแรกเท่านั้น พร้อมเปิดราคารุ่น F5 ที่นี่ที่แรก อีกทั้งเรายังได้มีการจัดเตรียมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้านวัตกรรมแห่งอนาคตจากแบรนด์ FELO และ RAPID รวม รุ่น ให้สำหรับผู้ที่สนใจได้มาสัมผัสรถจักรยานยนต์ไฟฟ้านวัตกรรมที่ทันสมัย และสามารถจับจองเป็นเจ้าของรถได้ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2023”

ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2023 สมาร์ทเทค มอเตอร์ จัดแสดงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ FELO และ RAPID รวมทั้งหมด 8 รุ่น ได้แก่ FELO FW03 และ FELO FW03 SIC58 Limited Edition ราคาจำหน่าย 139,000 บาท, FELO FW07 ราคาจำหน่าย 179,000 บาท, FELO M1 ราคาจำหน่าย 59,000 บาท และ FELO FW06 นำมาจัดแสดง ยังไม่มีการเปิดให้จองภายในงาน ซึ่งความพิเศษภายในงานนี้ ยังได้มีการเปิดราคาเป็นครั้งแรกของรถ FELO F5 ราคาจำหน่ายเพียง 149,000 บาท และสำหรับราคาของรถแบรนด์ RAPID ที่จัดแสดงมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ RAPID SR09 ราคาจำหน่าย 86,000 บาท, RAPID SR108 ราคาเพียง 79,500 บาท และ RAPID SR208 ที่นำมาจัดแสดง ยังไม่มีการเปิดให้จองภายในงาน

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้านวัตกรรมแห่งอนาคต แบรนด์ FELO และ RAPID ทั้ง รุ่น ถูกพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะสำหรับการขับขี่อย่างทรงประสิทธิภาพ ออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่เฉพาะตัว พร้อมด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ให้พลังงานสูงกว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบบธรรมดาในราคาที่คุ้มค่า ขับขี่ระยะไกลไม่ต้องชาร์จบ่อย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะกับการใช้งานในทุกรูปแบบ สมาร์ทเทค มอเตอร์ ให้ความมั่นใจแก่ผู้ที่สนใจสั่งจองรถ โดยมีนโยบายรับประกันสินค้าที่ยาวนาน สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า RAPID ให้การรับประกันแบตเตอรี 3 ปี หรือ 50,000 กม. และสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า FELO ให้การรับประกันแบบจุใจถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม. โดยในด้านของมอเตอร์และคอนโทรลเลอร์ ทั้ง FELO และ RAPID ให้การรับประกันถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม. และพิเศษสำหรับการรับประกันโครงสร้าง ให้การรับประกันถึง 8 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางขับขี่

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้านวัตกรรมแห่งอนาคต แบรนด์ FELO และ RAPID ทุกรุ่นที่จัดแสดงและเปิดจองในงาน Thailand International Motor Expo 2023 เพิ่มเติม ผ่านช่องทาง Facebook: FELO Thailand, Facebook: RAPID Thai และ Line OA: @smartechmotor หรือ Customer Service: 02-117-9258

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ข่าวสารกองทุนประกันวินาศภัย

โครงการบรรยายความรู้เกี่ยวกับภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย ในรอบปี 2566
ให้กับเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม

                                  วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566
              ณ ห้องแกรนด์ พาโนรามา 1 ชั้น 14 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

กองทุนประกันวินาศภัยได้จัดโครงการฯ เป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนฯ ให้กับบริษัทประกันวินาศภัยให้ทราบถึงขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาคำทวงหนี้ที่ผู้เอาประกันภัยมายื่นต่อกองทุนฯ

            ในปัจจุบันกองทุนประกันวินาศภัย มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ ได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยในกรณีบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และเพื่อพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ ขณะนี้กองทุนฯ ได้ดำเนินการชำระหนี้ และพิจารณาคำทวงหนี้ พร้อมทั้งดำเนินการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยของบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยจำนวน 8 บริษัทด้วยกันได้แก่ บจ.สัมพันธ์ประกันภัย, บจ.เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์, บมจ.สัจจะประกันภัย, บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย, บมจ.เอเชียประกันภัย 1950, บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย, บมจ.ไทยประกัน และบมจ.อาคเนย์ประกันภัย มีเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยทั้งหมด 727,859 คำทวงหนี้ โดยคำทวงหนี้ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินแล้ว จำนวน 128,092 คำทวงหนี้ คิดเป็นเงิน จำนวน 7,493,897,482.66 บาท คงเหลือคำทวงหนี้ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา จำนวน 599,767 คำทวงหนี้ คิดเป็นเงิน จำนวน 51,154,475,086.25 บาท

โดยกองทุนฯ เล็งเห็นความสำคัญของเครือข่ายภาคอุตสาหกรรมประกันภัยจึงได้จัดโครงการฯ ให้ครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันวินาศภัย และบทบาทภารกิจกองทุนฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบธุรกิจประกันวินาศภัย ในรอบปี 2566 โดยกองทุนฯ มีการออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ภารกิจของกองทุนฯ ให้กับผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ทราบ เป็นจำนวน 37 ครั้ง และมีการเพิ่มช่องทางการติดต่อรูปแบบใหม่ผ่านระบบออนไลน์ของกองทุนฯ ผ่านระบบ Application Line OA (Official Account) และระบบถามตอบอัตโนมัติ (Chatbot) เพื่อเป็นการลดภาระ ในการตอบคำถามทางโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่และให้เจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาคำทวงหนี้ได้อย่างเต็มที่
และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางเข้าถึงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ เจ้าหนี้ ผู้เอาประกันภัย ประชาชน ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร จึงได้พัฒนา Line Official Account “@GIFSMART”
ของกองทุนฯ เพื่อให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้รับทราบข้อมูลและสามารถติดตามสถานะ การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ สามารถยืนยันตัวตนตรวจสอบความถูกต้องกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มีการแจ้งเตือนสถานะของคำทวงหนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะคำขอ และผู้เอาประกันสามารถยืนยันสิทธิรับเงินผ่าน Line Official Account “@GIFSMART” ได้โดยไม่ต้องเดินทางมายื่นเอกสารด้วยตนเอง

กองทุนประกันวินาศภัยหวังว่าโครงการฯ นี้ บริษัทประกันวินาศภัยจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ภารกิจและขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาคำทวงหนี้ที่ผู้เอาประกันภัยได้มายื่นต่อกองทุนฯ
และเป็นสื่อกลางในการนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน รวมถึงช่องทางการติดต่อรูปแบบใหม่ผ่านระบบ Line Official Account “@GIFSMART” ของกองทุนฯ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์แทนกองทุนฯ ให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยมีความเชื่อมั่นในธุรกิจประกันวินาศภัยมากยิ่งขึ้น

หมวดหมู่
New Innovation News

ฟอร์ดจัดอบรมเสริมทักษะขับขี่ปลอดภัยปีที่ 16 ขยายกลุ่มเป้าหมายสู่กลุ่มผู้ให้บริการสาธารณะ

ล่าสุดนำรถขนส่งสินค้าฟอร์ด เรนเจอร์ ลงสนามครั้งแรกให้เจ้าหน้าที่ขับรถขนส่งจากมูลนิธิ SOS และสื่อมวลชนร่วมฝึกทักษะ

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย, 15 พฤศจิกายน 2566 – ฟอร์ด ประเทศไทย จัดฝึกอบรมโครงการ ‘ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย’ หรือ Ford Driving Skills for Life (DSFL) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยในปีนี้ฟอร์ดมุ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณะต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรเพื่อสังคมตลอดปี โดยในวันนี้นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดได้นำรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ดัดแปลงเป็นรถจัดส่งสินค้ามาใช้ฝึกอบรมในสนาม ให้แก่เจ้าหน้าที่ขับรถรับ-ส่งอาหารของมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ SOS เพื่อส่งเสริมทักษะการขับขี่ที่จำเป็นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนขณะเดินทางปฏิบัติงาน โดยมีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิ SOS เข้าอบรมร่วมกับสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไปที่สนใจกว่า 40 คน ณ สนามมอเตอร์สปอร์ต ปาร์ค สุวรรณภูมิ

“การขับขี่ปลอดภัยเป็นทักษะจำเป็นซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝน ฟอร์ดจึงได้จัดอบรมโครงการ ‘ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมในโครงการนี้กับฟอร์ดแล้วมากกว่า 14,700 คน ปีนี้ฟอร์ดได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณะ เพื่อเพิ่มทักษะขับขี่ปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่างๆ โดยวันนี้ฟอร์ดได้จัดอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ขับรถรับ-ส่งอาหารของมูลนิธิ SOS ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและเป็นหนึ่งในพันธมิตรของศูนย์ FREC กรุงเทพฯ ที่ทำงานด้านการเปลี่ยนอาหารส่วนเกินจำนวนมหาศาลในแต่ละวันให้เป็นอาหารที่มีมูลค่าเพื่อนำไปส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการ ผ่านเนื้อหาการอบรมที่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงของเจ้าหน้าที่ โดยได้นำฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ดัดแปลงเป็นรถขนส่งสินค้าบรรทุกน้ำหนักตามการใช้งานจริงมาเป็นพาหนะในการฝึกทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัย” นางสาวกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย และตลาดอาเซียน กล่าว

รถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ดัดแปลงเป็นรถจัดส่งสินค้า ที่นำมาใช้เป็นพาหนะในการอบรมครั้งนี้ เป็นรถที่ได้รับการดัดแปลงภายใต้โปรแกรม QVM (Qualified Vehicle Modifier) ตามมาตรฐานการดัดแปลงรถยนต์ระดับโลกของฟอร์ด โดยใช้ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสแตนดาร์ดแค็บ ประกอบด้วย รถตู้แห้งขนของแบบครึ่งท่อน (Half Cargo Box) ใช้แผ่นไฟเบอร์ชนิดพิเศษนำเข้าจากประเทศเยอรมนี มีคุณสมบัติเด่นด้านความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี ไม่บุบหรือทะลุเป็นรูได้ง่าย น้ำหนักเบา กันความร้อนได้ดีกว่าหลังคารถส่งของแบบเดิม และรถตู้เย็น รุ่น Super Cool Chill ผนังตู้ทำจากวัสดุ Food grade ระบบทำความเย็นใช้ระบบคอมเพรสเซอร์ที่ติดตั้งง่าย ไม่ต้องดัดแปลงห้องเครื่องยนต์ ทำงานด้วยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลูกเสริม ไม่ขึ้นกับรอบเครื่องยนต์ จึงให้อุณหภูมิเย็นเร็วและคงที่ ทำอุณหภูมิได้ต่ำสุด 0 องศา และทำความเย็นได้นานสูงสุดถึง 120 นาทีหลังดับเครื่องยนต์ เหมาะสำหรับการขนส่ง ผัก ผลไม้ อาหาร และเวชภัณฑ์

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้นำรถฟอร์ด เรนเจอร์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ซึ่งโดดเด่นด้วยสมรรถนะและและเทคโนโลยีความปลอดภัยมาใช้เป็นพาหนะในการอบรม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจความแตกต่างระหว่างรถที่บรรทุกของน้ำหนักมาก และรถยนต์ที่ใช้ขับขี่ทั่วไปในแง่ทัศนวิสัย ระยะการเบรก ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เทคนิคการควบคุมรถขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน การใช้ความเร็วที่เหมาะสม รวมถึงการตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง เพื่อช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ พร้อมกันนี้ ฟอร์ดยังได้นำชุดจำลองสภาวะมึนเมาและการตั้งครรภ์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ตระหนักถึงข้อจำกัดและข้อควรระวังในการขับขี่หากขาดสมาธิหรือร่างกายไม่พร้อม

โครงการ ‘ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย’ หรือ Ford Driving Skills For Life (DSFL) เป็นโครงการเพื่อสังคมของฟอร์ด ทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ฟอร์ดได้จัดโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยได้ส่งมอบการอบรมให้แก่ผู้สนใจ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรเพื่อสังคม และประชาชนทั่วไป โดยผู้เข้าอบรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในปีนี้ฟอร์ดได้ฝึกอบรมให้แก่ กลุ่มพนักงานขับรถโรงเรียน เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และประชาชนทั่วไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการอบรม สามารถติดตามข่าวสารของโครงการได้ทางเฟซบุ๊ค ฟอร์ด

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ซูบารุเสนออีกหนึ่งมิติของยานพาหนะที่มอบความสุขที่แท้จริงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40

เชิญคุณร่วมเดินทางสู่ประสบการณ์ที่มีความหมายด้วย Subaru Forester EyeSight 4.0 และ Subaru XV EyeSight

29 พฤศจิกายน 2566 – ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
เราอาจโฟกัสอยู่กับการรักษาสถานะทางสังคมไปกับทำการงาน
ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ที่มีความหมายที่แท้จริงในชีวิตนั้นอาจถูกละเลย ช่วงปลายปีนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปรับการใช้ชีวิตเพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ “ครอบครัว” การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นปัจจัยอันดับแรกเมื่อเลือกรถครอบครัว การพิจารณาพื้นที่ที่กว้างพอสำหรับลูกน้อยที่กำลังเติบโต,ระบบช่วยเหลือผู้ขับเพื่อลดทอนความเมื่อยล้าและลดความเสี่ยงบนท้องถนน เพื่อนำพาครอบครัวและคนที่คุณรักไปสู่ประสบการณ์ใหม่บนจุดหมายปลายทางที่หลากหลาย เป็นความมุ่งมั่นในการผลิตรถยนต์ซูบารุ โดยเรานำเสนอรถยนต์ที่สร้างขึ้นด้วยมาตรฐานสูงสุดสำหรับลูกค้า
ตั้งแต่โครงสร้างที่ทนทานไปจนถึงคุณลักษณะด้านความปลอดภัยมากกว่า 100 รายการ ไม่ว่าคุณจะกำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มในบ้าน หรือกำลังต้องวิ่งไล่จับนักกีฬาตัวน้อยของบ้านรถยนต์ที่กว้างขวางและแข็งแกร่งของซูบารุ มอบให้คุณมากกว่าการรับประกันด้วยความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยระดับพรีเมียมของซูบารุที่ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก มาตรฐานของเราในด้านการป้องกันและการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุนั้นเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป เพื่อให้ครอบครัวขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

ในงาน Thailand International Motor Expo ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29
พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธซูบารุที่มาพร้อมกับการนำเสนอแบบใหม่ด้วยการจำลองพื้นที่แคมป์ปิ้งซึ่ง
สะท้อนถึงจิตวิญญาณของฟอเรสเตอร์ #เอาอยู่ทุกสถานการณ์

แคมเปญ #เอาอยู่ทุกสถานการณ์ สะท้อนตัวตนของรถยนต์ซูบารุได้อย่างชัดเจน เน้นย้ำความพร้อมสำหรับการผจญภัย ไม่ว่าจะบนถนน หรือทางออฟโรด การนำเสนอรถยนต์ซูบารุท่ามกลางเต็นท์ และอุปกรณ์เสริมที่จะทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้รับประสบการณ์ที่พิเศษกว่าทุกปี พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดของปีสำหรับซูบารุฟอเรสเตอร์และซูบารุเอ๊กซ์วี
ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีหลักอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งสี่อันได้แก่ ซูบารุ โกลบอล แพลตฟอร์ม (SGP), ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (SAWD), เครื่องยนต์บ็อกเซอร์, เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง
EyeSight ซึ่งเป็นองค์ประกอบเหล่าที่ช่วยให้รถยนต์ซูบารุมีสมรรถนะ ความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
เพื่อมอบการขับขี่ที่สนุกสนานและความอุ่นใจแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
Subaru FORESTER 2.0i-L EyeSight/ Subaru FORESTER 2.0i-S EyeSight Subaru Forester หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของซูบารุ เนื่องจากมีราคาที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริงสำหรับครอบครัว
ความสามารถของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive ที่มอบเสถียรภาพและการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น ร่วมด้วยระยะห่างจากพื้นที่สูงถึง 220 มม. และ X-MODE เข้ามาช่วยให้ฟอเรสเตอร์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยแบบออฟโรดนั่นเอง นอกจากนี้ Forester ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง EyeSight 4.0 ซึ่งมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมากมายเช่น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบปรับความเร็วอัตโนมัติตามรถคันหน้า ฟังก์ชั่นควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ฯลฯ
Subaru XV 2.0i-P EyeSight Subaru XV
เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัดที่ผสมผสานความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดและขนาดที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองได้อย่างลงตัว
ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ
พร้อมคุณลักษณะด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร,
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับ EyeSight Driver Assist และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงอื่นๆ

ขนาดกะทัดรัดและความสามารถในการขับเคลื่อนสี่ล้อของ XV
ไม่เพียงแต่เพิ่มความคล่องตัวในสภาพแวดล้อมในเมืองเท่านั้น
แต่ยังให้ความคล่องตัวที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

เพื่อให้มั่นใจถึงความสะดวกสบายในทุกการผจญภัย
การแสดงรถยนต์ซูบารุที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปในปีนี้มีความพิเศษกว่าที่ผ่านมา
ด้วยบรรยากาศการตั้งแคมป์แบบสบายๆ ในขณะที่เยี่ยมชมรถยนต์รุ่นต่างๆ ของซูบารุ
และทีมงานที่พร้อมจะมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดของปีร่วมกับพาร์ทเนอร์ทางการเงินมากมายได้แก่ เอไอจี,
กรุงศรีออโต้, ลีสซิ่งไอซีบีซี, ทิสโก้ และลีสซิ่งกสิกรไทย

  • ลูกค้า Subaru XV รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 170,000 บาท หรืออัตราดอกเบี้ย 0% นาน 72
    เดือน
  • Subaru Forester 2.0i-L EyeSight ราคาเริ่มต้นในราคาพิเศษ 1,250,000 บาท
  • ลูกค้า Subaru Forester 2.0i-S EyeSight รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 110,000 บาท
    หรืออัตราดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน
    นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงาน Motor Expo จะได้สัมผัสความสามารถของ Subaru
    บนสนามทดลองขับแบบอัตโนมัติและ Spirit 4×4 ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่ารถยนต์ Subaru
    ของเราโดดเด่นในฐานะตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรถครอบครัวว ที่ #เอาอยู่ ทุกสถานการณ์
    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ซูบารุรุ่นต่างๆ ได้ที่ http://www.subaru.asia/th/
    หรือติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.facebook.com/subaruasiath