หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เปิดแนวคิดมาตรฐานรวมศูนย์ ในแบบฉบับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ซื้อรถที่ไหนก็ “All for ONE” ราคาเดียว สต็อกเดียวมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ!!

เริ่มต้นปี 2024 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านธุรกิจของค่ายรถสัญชาติเยอรมันอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” กับการพลิกโฉมการขายรถยนต์ระดับลักชัวรี่ในประเทศไทยด้วยโมเดลธุรกิจ
“Retail of the Future” กลยุทธ์การค้าปลีกแห่งอนาคตที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านราคา ข้อเสนอ และระบบการขาย รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าได้รับบริการในแบบลักชัวรี่อย่างแท้จริง
โดยพัฒนาและปรับใช้มาจากโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก
“Retail of the Future” คือแพลตฟอร์มการค้าปลีกรูปแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีหัวใจสำคัญมาจากความโดดเด่นของแบรนด์ที่ลูกค้าให้การยอมรับ ทั้งในเรื่องของความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และความหรูหรา (Luxury) โดยมุ่งมั่นที่จะลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมให้ลูกค้าทุกคนสามารถซื้อรถด้วยราคาและข้อเส
นอเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Anywhere, One Price”
ซึ่งโมเดลธุรกิจในรูปแบบนี้จะทำให้เส้นทางการซื้อรถของลูกค้ามีความโปร่งใสและง่ายยิ่งขึ้น

ด้วยการเปลี่ยนแปลงและยกระดับกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
การเปลี่ยนเป็นระบบคลังสินค้าส่วนกลาง (Centralized Stock) ที่จัดการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ได้รับบริการแบบลักชัวรี่จากทุกตัวแทนจำหน่ายฯ (Customer Experience) รวมถึงการผสานช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Seamless O2O)

คอนเซปต์แบบ “All for ONE” คำตอบเดียวสำหรับทุกคำถามของลูกค้า
หลังจากการเปิดตัวโมเดลธุรกิจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยได้สร้างความเข้าใจและความคุ้นเคยให้กับชาวไทยผ่านกลยุทธ์การสื่อสารมากมายที่เข้าใจง่ายและดึงดูด ความสนใจ หนึ่งในนั้นคือการใช้คีย์เวิร์ดอย่าง “มาตรฐานรวมศูนย์ ให้ความยุ่งยากเป็นศูนย์” (All for ONE) มาใช้ในการสื่อสารการตลาด โดยมีอินไซด์มาจากขั้นตอนแรกในการซื้อรถของลูกค้าที่ต้องควานหาโชว์รูมที่สามารถให้ราคาและข้อเส
นอที่ดีที่สุด ซึ่งในขั้นตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีคำถามมากมาย เริ่มต้นด้วย “โชว์รูมไหนราคาดีที่สุด” “โชว์รูมไหนโปรแรงที่สุด” ไปจนถึง “โชว์รูมไหนมีรถในรุ่นและสีที่ต้องการ” เพราะนอกจากความแตกต่างของราคาและข้อเสนอ แต่ละโชว์รูมถึงแม้จะมีรถครบทุกรุ่น แต่ก็มีการควบคุมสต็อกและการจัดการที่แตกต่างกัน และบางครั้งถ้าไม่มีในสต็อกลูกค้าอาจจะต้องรอรถเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติหรือต้องจำใจซื้อรถในแบบที่โชว์รูมมีพร้อมในสต็อกโดยที่ผิดไปจากที่สิ่งที่คาดหวังไว้

แต่ในวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถทำให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงราคาและข้อเสนอที่เท่าเทียมกันและเข้าถึงสต็อกกลางเหมือนกันทั้งหมด
ไม่ว่าจะไปที่โชว์รูมไหนก็ตาม ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถสื่อสารกับลูกค้าและตอบทุกคำถามในคำตอบเดียว ไม่ว่าจะถามเรื่องราคา ข้อเสนอ

และความพร้อมของรถที่ต้องการ คำตอบก็คือทุกคนจะสามารถไปได้ “ทุกโชว์รูมใกล้บ้านคุณ”เพราะในวันนี้ลูกค้าทุกคนไม่จำเป็นต้องไปค้นหาโชว์รูม ที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หรือมีรถที่ต้องการ แต่สามารถไปได้ทุกโชว์รูมที่ใกล้บ้านหรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โชว์รูมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกได้ทุกช่องทางตามที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการ โดยที่ทุกโชว์รูมจะมีบทบาทสำคัญในการอยู่ในทุกขั้นตอนการบริการที่ครบวงจร ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ http://www.mercedes-
benz.co.th หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ
หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG:
@MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบทุกการเดินทางให้เป็นของขวัญล้ำค่าส่งดีลพิเศษผ่านยนตรกรรมอันเหนือระดับ ต้อนรับปีมังกร

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ฉลองเปิดปีมังกร 2567 เสริมความมั่งคั่งด้วยแคมเปญ “Chinese New Year” ยกทัพยนตรกรรมมาเปิดข้อเสนอสุดพรีเมียมต้อนรับตรุษจีนด้วยส่วนลด สิทธิพิเศษ และ การบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ให้กับลูกค้าใหม่ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ร่วมรายการกว่า 20 รุ่น ทั้งในกลุ่มรถยนต์คอมแพกต์ และรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG พร้อมตอบโจทย์ความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์แบบลักชัวรีในทุกมิติ ให้กับลูกค้าคนพิเศษใน
ทุกขั้นตอนของการซื้อรถยนต์ สำหรับแคมเปญ “Chinese New Year” เป็นแคมเปญแรกภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ “Retail of the Future” ที่พลิ โฉมธุรกิจค้าปลีกของแบรนด์สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ มาพร้อมราคาและข้อเสนออย่างเท่าเทียมกันในทุกแพลตฟอร์ม รวมไปถึงการที่ลูกค้าสามารถเลือกรถยนต์ทุกรุ่นที่ต้องการผ่านระบบคลังสินค้าส่วนกลางที่เชื่อมต่อกันทั่วประเทศอย่างไร้รอยต่อ โดยสามารถรับข้อเสนอสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นที่ร่วมรายการ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถยนต์กลุ่ม E-Class
     รุ่น E 300 e AMG Dynamic ราคาเริ่มต้น 3,390,000 บาท
     รุ่น E 300 e Avantgarde ราคาเริ่มต้น 2,990,000 บาท
     รุ่น E 220 d AMG Sport ราคาเริ่มต้น 3,390,000 บาท
    พร้อมรับฟรี ประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) นาน 1 ปี และค่าบำรุงรักษาแพ็กเกจ Easy Care 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  2. รถยนต์รุ่น EQS 500 4MATIC AMG Premium ราคาเริ่มต้น 6,700,000 บาท พร้อมรับฟรี ประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) นาน 5 ปี ค่าบำรุงรักษาแพ็กเกจ Easy Care 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และขยายเวลารับประกันแพ็กเกจ Extra Guarantee 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  3. รถยนต์กลุ่ม CLS-Class
     รุ่น CLS 220 d AMG Premium ราคาเริ่มต้น 4,140,000 บาท
     รุ่น Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 5,280,000 บาท พร้อมรับฟรี ประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) นาน 1 ปี
    นอกจากนี้ ยังมอบส่วนลดเงินสดสูงสุดถึง 600,000 บาท ให้กับรถยนต์ที่ร่วมรายการอีกมากกว่า 14 รุ่น ทั้งรถยนต์ซีดาน เอสยูวี และสปอร์ตคูเป้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde,
    C 350 e AMG Dynamic, C 200 Coupé AMG Dynamic, S 350 d Exclusive, S 580 e AMG Premium, GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG
    Dynamic, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350 de 4MATIC Exclusive, GLS 350 d 4MATIC AMG Premium รวมไปถึงรถยนต์สมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ทั้ง 3
    รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé และ Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ โดยลูกค้าจะได้รับประกันภัยชั้น 1 (MB Protection) 1 ปี
    ทุกคันฟรี! พร้อมให้การคุ้มครองที่ครอบคลุมในทุกการเดินทาง
    ให้ทุกการขับขี่และการโดยสารเต็มไปด้วยความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด
    สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่ง ทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ http://www.mercedes-benz.co.th หรือโทร 1250 ทั้งนี้
    เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์มอบแคมเปญส่งเสริมการขายดังกล่าวเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการเท่านั้น
    โปรดตรวจสอบรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ChineseNewYear2024 #MercedesBenz #MercedesBenzThailand

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มาเซราติ เดินหน้าตามแผนผลิตรถยนต์ที่ทำขึ้นในอิตาลี 100%

เน้นเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและการเติบโตอย่างยั่งยืน

มาเซราติ ยนตรกรรมหรูแบรนด์แรกของอิตาลี ที่พัฒนาและผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ประกาศเดินหน้าตามแผนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับแบรนด์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ยนตรกรรม มาเซราติ ได้รับการยกระดับผ่านการออกแบบ พัฒนา และผลิตในประเทศอิตาลีทั้งหมด เพื่อส่งมอบแก่ลูกค้ากว่า 70 ประเทศทั่วโลก นับเป็น 86% ของยอดส่งออก ซึ่งเมืองโมเดนานับเป็นหัวใจหลักในการยกระดับยนตรกรรมของค่ายตรีศูล ซึ่งตั้งอยู่ ณ โรงงาน Viale Ciro Menotti ที่มีอายุกว่า 80 ปี

ในฐานะแบรนด์ที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับนวัตกรรม ดีไซน์ คุณภาพ เทคโนโลยี และความหรูหรา มาเซราติ ได้เป็นผู้วาดอนาคตของยานยนต์สุดหรู ด้วยการกำหนดกลยุทธ์ที่เข้มข้นและแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครบครัน เพื่อก้าวสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า และเพื่อเติมเต็มความฝันให้ผู้ขับ ไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจ

มาเซราติ เป็นรถยนต์หรูภายใต้กลุ่มสเตลแลนทิส (Stellantis) เพียงแบรนด์เดียว และดำเนินการตามแผนฟื้นฟูด้านการเงินเชิงบวกที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2564 ปัจจุบันมีโมเดลทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีความชัดเจนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้ มาเซราติ รักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มรถหรู โดยมีปริมาณการผลิตและผลกำไรสอดคล้องกับตำแหน่งผู้นำตลาดที่เป็นเอกลักษณ์

มาเซราติ เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และทำทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมนำเสนอสิ่งที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า โดยเริ่มประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น คือ กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) และ เกรคาเล่ โฟลกอเร(Grecale Folgore) ซึ่งชื่อ ‘โฟลกอเร’ สื่อถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน และเริ่มจำหน่ายในอิตาลีรวมถึงและสหภาพยุโรป กรันทูริสโม โฟลกอเร เป็นสุดยอดยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้รับการถ่ายทอดจากการแข่งฟอร์มูล่า อี ซึ่ง มาเซราติ เป็นแบรนด์ที่มีจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ตและการแข่งอยู่ในสายเลือด และเป็นผู้ผลิตจากอิตาลีรายแรก ที่เข้าร่วมการแข่ง ฟอร์มูล่า อี มาตั้งแต่ปี 2566

มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร (Maserati GranCabrio Folgore) มีกำหนดเปิดตัวภายในปีนี้ ตามหลังรุ่นเครื่องยนต์สันดาป โดยเส้นทางสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าจะมีความต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว เอ็มซี20 โฟลกอเร (MC20 Folgore) ในปี 2568
ตามด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ E-UV BEV ในปี 2570 และควอตโตรปอร์เต้ BEV ในปี 2571

มาเซราติ ทุกรุ่น ได้รับการออกแบบ พัฒนา และผลิตในประเทศอิตาลีทุกขั้นตอน ตอกย้ำถึงการสืบสานจุดเด่นจากอดีตของแบรนด์ ด้วยการผสานผสานความประณีตและนวัตกรรมอย่างลงตัว โดยมีสำนักงานใหญ่ที่โมเดนา ซึ่งเป็นฐานการผลิต เอ็มซี20 (MC20) และ เอ็มซี 20 แชโล (MC20 Cielo) พร้อมจัดสรรพื้นที่ เพื่อรองรับการผลิตรุ่นย่อย โฟลกอเร ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนในอนาคต

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลิตยนตรกรรมที่โดดเด่นด้านดีไซน์และรายละเอียดสุดประณีต โรงงานที่ โมเดนา มีโปรแกรมพิเศษชื่อว่า ‘Atelier of the Fuoriserie Personalization Program’ เพื่อรองรับการทำรถยนต์รุ่นพิเศษ ของมาเซราติ โดยค่ายตรีศูลได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องกับโรงงานใหม่บนพื้นที่เดิม พร้อมทำการอบรมพนักงานในส่วนของ Fuoriserie Personalization Program

ส่วนโรงงาน Viale Ciro Menotti ดั้งเดิมนั้น ทีมพิเศษของ มาเซราติ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญกว่า 130 ชีวิต เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนการทำงานในห้องปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาและทดสอบมอเตอร์ไฟฟ้า นับเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อน มาเซาราติ ให้ยกระดับความหรูของแบรนด์ให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น

มาเซราติ เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ ‘Dare Forward 2030’ ของสเตลแลนทิส ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 ซึ่งจะประกอบด้วยรถยนต์ครบทุกเซ็กเมนต์ โดย มาเซราติ รุ่นใหม่มีการประยุกต์ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อรังสรรค์นวัตกรรมชั้นเลิศและสมรรถนะอันเหนือชั้น ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ โดยปีนี้จะเป็นปีสำคัญของการเติบโตและนวัตกรรม ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง

ดาวิด กราสโซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเซราติ กล่าวว่า “เรากำลังเดินหน้าเต็มที่ เพื่อก้าวสู่โลกแห่งรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีโมเดนาเป็นศูนย์กลางการพัฒนา ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้า 100% จำหน่ายแล้วสองรุ่น และจะเปิดตัวอีกรุ่นภายในปีนี้
พร้อมนำเสนอรถยนต์ มาเซราติ ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมที่สุด พร้อมสร้างประสบการณ์การขับที่เร้าใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่แผนกลยุทธ์ระยะยาวและวิสัยทัศน์ของเรา เป็นผลจากความต้องการสร้างความตื่นตะลึงในโลกของรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยความเป็นเลิศด้านการผลิตตามแบบฉบับอิตาเลียน คุณภาพเหนือระดับ และพร้อมจะสร้างอนาคตใหม่ด้วยโมเดลธุรกิจพิเศษ ที่ลูกค้าเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับรถยนต์ที่ยอดเยี่ยม และสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของค่ายตรีศูล
ได้ดีที่สุด”

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation

“เกิดอุบัติเหตุทางถนน แจ้งเหตุทันที ที่ Call center 1791

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับธุรกิจประกันภัย

พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถภายใน 24 ชั่วโมง อุบัติเหตุทางถนน แจ้งเหตุทันที”

“ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับธุรกิจประกันภัย พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถภายใน 24 ชั่วโมง ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567

            ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 4 มกราคม 2567 ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถและรถคันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีการทำประกันภัย พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตทุกคนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โดยบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับบริษัทประกันภัย พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถทันที ด้วยการจ่ายค่าสินไหมทดแทน (ค่าปลงศพ) ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่มีการพิสูจน์ความรับผิดแล้ว บริษัทกลางฯ และบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน (รวมค่าเสียหายเบื้องต้น)

            • กรณีเสียชีวิต คุ้มครอง 500,000 บาทต่อราย

            • กรณีบาดเจ็บ จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน

            • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ คุ้มครองตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาทต่อคน

            • กรณีเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับความคุ้มครองเป็นค่าชดเชย วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน

          ยกเว้นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัยจะได้รับการชดใช้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจากบริษัทที่รับประกันภัยรถของตนเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายถูก มีสิทธิไปเรียกร้องเอาจากฝ่ายที่ต้องรับผิด

            โดยบริษัทกลางฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่พร้อมในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถ ให้ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

            ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของรถทุกคันจะต้องไม่ลืมจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนได้รับการเยียวยา ซึ่งหากรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่มีการทำประกันภัย เจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายที่เกิดแก่ผู้ประสบภัยจากรถทั้งหมด อีกทั้งจะมีความผิดตามกฏหมายและมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึงผู้ที่นำรถที่ไม่มีประกันภัย พ.ร.บ.มาใช้ ก็จะมีความผิด มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทเช่นกัน

          สำหรับผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เกิดอุบัติเหตุจากรถ แจ้งเหตุทันที ที่ บริษัทกลางฯ Call Center 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถแจ้งอุบัติเหตุได้ทางออนไลน์ที่ Line@iRVP

ขอขอบพระคุณที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์

ฝ่ายสื่อสารองค์กรและลูกค้าสัมพันธ์

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด

02-1009-9191 ต่อ 5400 – 5403

http://www.rvp.co.th

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

MGC-ASIA ตอกย้ำผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจรเปิดมิติใหม่ MGC-ASIA AUTO GALLERIA ชูคอนเซ็ปต์‘Theater of Brand Experiences’จุดเปลี่ยนแห่งอนาคตโชว์รูมในศูนย์การค้า ปักหมุดที่แรก ‘ดิเอ็มสเฟียร์’

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจ ไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร เปิดตัวอย่างเป็นทางการ MGC-ASIA AUTO GALLERIA (เอ็มจีซี-เอเชีย
ออโต แกลเลอเรีย) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Theater of Brand Experiences’ มิติใหม่ของสถานที่ จัดแสดงแบรนด์ยานยนต์และพันธมิตรต่างๆ ของ MGC-ASIA อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอนาคตโชว์รูมในศูนย์การค้า รองรับผู้มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ปักหมุดที่แรกให้ได้สัมผัส
อย่างใกล้ชิด บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ กรุงเทพมหานคร
ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “MGC-ASIA ดำเนินธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ครบวงจร ผ่านระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์และแข็งแรง ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ เรียกว่า
‘MGC-ASIA Ecosystem’ กับบริการครบทุกมิติ ทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ พร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรามีโชว์รูมยนตรกรรมระดับโลกภายในศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นที่ สยามพารากอน, ไอคอนสยาม
รองรับลูกค้าในกลุ่มยานต์ระดับหรูของ MGC-ASIA ได้แก่ โรลส์-รอยซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด, รวมถึงแบรนด์พันธมิตร อย่าง แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, จี๊ป และ เปอโยต์ ล่าสุดที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ กับ MGC-ASIA AUTO GALLERIA
แห่งแรกที่รังสรรค์ขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Theater of Brand Experiences’ นับเป็นมิติใหม่ของสถานที่ จัดแสดงแบรนด์ยานยนต์ และพันธมิตรต่างๆ ของเรา เปรียบเสมือนผืนผ้าใบที่พร้อมให้ศิลปิน
ได้ผลัดเปลี่ยนกันถ่ายทอดเรื่องราว สร้างประสบการณ์ผ่านแสงสีเสียง ด้วยเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า พื้นที่นี้เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอนาคตโชว์รูมในศูนย์การค้า ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะเกิดขึ้น ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในลำดับต่อไป”ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ ดิ เอ็มดิสทริค
กล่าวว่า “MGC-ASIA กับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ ดิ เอ็มดิสทริค มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ


ที่สอดคล้องกัน ในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม และรู้สึกยินดีกับความสำเร็จ ของ MGC-ASIA ที่เกิดจากวิสัยทัศน์ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่หยุดพัฒนาของผู้นำองค์กร
ทำให้วันนี้ MGC-ASIA เป็นอาณาจักรธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร และขอบคุณที่มอบ ความไว้วางใจให้ ดิ เอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าล่าสุดของ เดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่เคยหลับใหล (Sleepless Metropolis) เป็นพื้นที่ในการรังสรรค์โชว์รูมแนวคิดใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเชื่อมั่นว่า จะได้เสียงตอบรับที่ดี
ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ สำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ได้อย่างแน่นอน”
++ก้าวข้ามขีดจำกัด สู่รูปแบบการจัดแสดงหลากหลาย
เพื่อประสบการณ์สุดพิเศษศูนย์การค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
จะมีการไหลเวียนของผู้คนจำนวนมากในแต่ละวัน โชว์รูมแบบเดิม อาจแสดงศักยภาพได้ไม่เต็มที่ MGC-ASIA AUTO GALLERIA จึงเปลี่ยนวิธีการใช้พื้นที่จำกัดเฉพาะแบรนด์ (Fixed Brand)
สู่รูปแบบการหมุนเวียน (Dynamic Theme )

และมีความยืดหยุ่นตามช่วงเวลาที่สอดคล้องกับแผนการตลาด หรือจังหวะการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ 2 เรื่องหลัก คือ ต้องการสร้างเนื้อหาที่สดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนใจและเพิ่มโอกาส
ที่ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการมากขึ้น กับอีกประเด็นคือ เปิดพื้นที่ให้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือ บริการ ที่หลากหลายขึ้น โดยครอบคลุมไปถึง Marine, Aviation และช่วยยกระดับการนำเสนอ ที่มากกว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์และการบริการ ไปสู่ระดับ Brand DNA หรือ Brand Experiences
เน้นการเล่าเรื่องใหม่ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่อารมณ์ความรู้สึก
อันเป็นที่มาของการออกแบบให้ยกระดับพื้นคล้ายเวทีกลาง มีจอแอลอีดีความยาว 12 เมตรเป็นฉากหลัง ผสานฝ้าที่ออกแบบให้เป็นระบบเปิด
เพื่อสามารถเพิ่มหรือย้ายอุปกรณ์แสงสีเสียง ที่เปลี่ยนไปตามเทคนิคการเล่าเรื่องที่ต่างออกไป
++ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ สำหรับสมาชิก ‘MGC-MOBILIFE’ ในเครือ MGC-ASIA
และแบรนด์พาร์ทเนอร์
MGC-ASIA AUTO GALLERIA ยังเป็นพื้นที่สำหรับสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า ผ่านแพลตฟอร์ม Exclusive
Loyalty Program ภายใต้ชื่อ ‘MGC-MOBILIFE’ มอบสิทธิประโยชน์สูงสุดผ่านการสะสมคะแนน
เพื่อรับสิทธิพิเศษและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทั้งแบรนด์ในเครือบริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำกว่า 100 แบรนด์ ที่คัดสรรมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์พิเศษสุดว้าว! พร้อมด้วยบริการ MOBILIFE Lounge หรูหรา ดีไซน์โมเดิร์น มีบริการอาหารและเครื่องดื่มสำหรับลูกค้า
ที่เข้ามาเยี่ยมชมโชว์รูม อีกทั้งรองรับการจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
การทำกิจกรรมร่วมกับแบรนด์พาร์ทเนอร์ต่างๆ
โดย MGC-ASIA มอบเป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับสมาชิก MGC-MOBILIFE ในเครือ MGC-ASIA และแบรนด์พาร์ทเนอร์ สมาชิกระดับ INFINITE BLUE DIAMOND รับเอกสิทธิ์
เข้าใช้บริการ MOBILIFE Lounge ได้ตลอดทั้งปี
และสมาชิกทั่วไปสามารถใช้คะแนนสะสมแลกเข้ารับบริการได้พร้อมผู้ติดตาม ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
++ตื่นตานวัตกรรมความแรง M TOWN by MILLENNIUM AUTO เพื่อสาวก BMW สายพันธุ์ M
และ M Performance พร้อมจับมือกับ AIS มอบแคมเปญสุดพิเศษ 3 ต่อ
จัดเต็มเพื่อสาวก บีเอ็มดับเบิลยู สายพันธุ์ M และ M Performance คัดสรรรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู
สมรรถนะสูง อาทิ ‘The New BMW M2, ‘The First-Ever BMW XM’ และรุ่นอื่นๆ จัดแสดงอย่างกระหึ่ม
อุ่นใจด้วยบริการหลังการขายจาก มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี
กับศูนย์บริการครบวงจรที่มีเครื่องมือพิเศษ สำหรับให้บริการ บีเอ็มดับเบิลยู M โดยเฉพาะ
พร้อมรับแคมเปญเกินห้ามใจส่งท้ายปี ‘Endless Joy at Millennium Auto : Year End Sale Event’
มอบสิทธิ์พิเศษถึง 3 ต่อ เมื่อจอง บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ถึง
31 ธันวาคมนี้
ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่ถูกออกแบบ และจัดเตรียมไว้อย่างมีชั้นเชิง MGC-ASIA AUTO GALLERIA
จึงเปรียบเสมือนผืนผ้าใบ ที่พร้อมจะให้ศิลปินผลัดเปลี่ยนกันถ่ายทอดเรื่องราว สร้างประสบการณ์
ผ่านแสงสีเสียง นำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ของอนาคตโชว์รูมภายในศูนย์การค้า ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ร่วมกับ AIS Serenade มอบแคมเปญและประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี กับสิทธิพิเศษสุดยิ่งใหญ่ 3ต่อสำหรับลูกค้าที่ออกรถวันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566

บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมพิเศษ ‘Endless Joy at Millennium Auto : Year End
Sale Event’ พร้อมร่วมมือกับ AIS Serenade มอบแคมเปญและประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี กับสิทธิพิเศษสุดยิ่งใหญ่ 3 ต่อ สำหรับลูกค้าที่ออกรถวันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566 ไม่ว่าจะภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40, M TOWN by MILLENNIUM AUTO ชั้น 2
ดิ เอ็มสเฟียร์ หรือรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ ทุกสาขา

ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ AIS Serenade รังสรรค์กิจกรรมแห่งความสุข ‘Endless Joy at Millennium Auto : Year End Sale Event’ มอบแคมเปญและประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี กับสิทธิพิเศษสุดยิ่งใหญ่ 3 ต่อ
สำหรับลูกค้าที่ออกรถวันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566 พร้อมยกทัพยนตรกรรมหลากรุ่น หลายแบรนด์ มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด”


ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้ ส่งมอบประสบการณ์สุดล้ำให้กับลูกค้าเซเรเนด ผ่านความร่วมมือกับ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดเต็มความพิเศษ 3 ต่อ เมื่อจองยนตรกรรมในเครือ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป และนับเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้า High Value
อย่างเซเรเนด ที่เราพยายามคัดสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด มาให้ลูกค้าได้สัมผัส ทั้งคุณภาพการใช้งานบริการ และสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า”
++ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ จับมือ AIS Serenade มอบสิทธิ์พิเศษ 3 ต่อ เมื่อออกรถในเครือ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป
ต่อที่ 1 : รับข้อเสนอเดียวกับงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40
พร้อมรับ Exclusive Privilege รับสิทธิ์เลือกเบอร์โฟร์ เบอร์มงคล เบอร์ตรงกับทะเบียนรถ จาก AIS ก่อนใคร พร้อมใช้งานฟรี 1 ปี สูงสุดกว่า 40,000 บาท* (สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด)
เมื่อจองและออกรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู หรือ มินิ ทุกรุ่น จาก มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป
ต่อที่ 2 : สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้า AIS Serenade
1) นำ AIS Points 500 คะแนน มารับส่วนลด 10,000 บาท เมื่อซื้อรถ BMW, MINI และ BMW
Motorrad ทุกรุ่น*
2) จองและออกรถ BMW, MINI, BMW MOTORRAD ทุกรุ่นรับ AIS Points 10,000 คะแนน*
3) นำรถเก่ามาแลกซื้อรถใหม่ (Trade-in) รับ AIS Points เพิ่มอีก 10,000 คะแนน*

PR-R-0112-23-157

ต่อที่ 3 : สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก MGC-MOBILIFE
1) รับคะแนน MGC Points (100 บาท = 1 คะแนน)*
2) รับ New Year, New You Package จากแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ รวมมูลค่ากว่า
32,000 บาท เมื่อจองและออกรถทุกรุ่น (สำหรับ 100 ท่านแรก)*
สอบถามข้อมูล โทร.1286 Millennium Auto Connect
Line: https://bit.ly/2Z3ou46 (@millenniumauto)
https://www.millenniumauto.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ซูบารุเสนออีกหนึ่งมิติของยานพาหนะที่มอบความสุขที่แท้จริงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40

เชิญคุณร่วมเดินทางสู่ประสบการณ์ที่มีความหมายด้วย Subaru Forester EyeSight 4.0 และ Subaru XV EyeSight

29 พฤศจิกายน 2566 – ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
เราอาจโฟกัสอยู่กับการรักษาสถานะทางสังคมไปกับทำการงาน
ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ที่มีความหมายที่แท้จริงในชีวิตนั้นอาจถูกละเลย ช่วงปลายปีนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปรับการใช้ชีวิตเพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ “ครอบครัว” การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นปัจจัยอันดับแรกเมื่อเลือกรถครอบครัว การพิจารณาพื้นที่ที่กว้างพอสำหรับลูกน้อยที่กำลังเติบโต,ระบบช่วยเหลือผู้ขับเพื่อลดทอนความเมื่อยล้าและลดความเสี่ยงบนท้องถนน เพื่อนำพาครอบครัวและคนที่คุณรักไปสู่ประสบการณ์ใหม่บนจุดหมายปลายทางที่หลากหลาย เป็นความมุ่งมั่นในการผลิตรถยนต์ซูบารุ โดยเรานำเสนอรถยนต์ที่สร้างขึ้นด้วยมาตรฐานสูงสุดสำหรับลูกค้า
ตั้งแต่โครงสร้างที่ทนทานไปจนถึงคุณลักษณะด้านความปลอดภัยมากกว่า 100 รายการ ไม่ว่าคุณจะกำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มในบ้าน หรือกำลังต้องวิ่งไล่จับนักกีฬาตัวน้อยของบ้านรถยนต์ที่กว้างขวางและแข็งแกร่งของซูบารุ มอบให้คุณมากกว่าการรับประกันด้วยความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยระดับพรีเมียมของซูบารุที่ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก มาตรฐานของเราในด้านการป้องกันและการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุนั้นเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป เพื่อให้ครอบครัวขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

ในงาน Thailand International Motor Expo ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29
พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธซูบารุที่มาพร้อมกับการนำเสนอแบบใหม่ด้วยการจำลองพื้นที่แคมป์ปิ้งซึ่ง
สะท้อนถึงจิตวิญญาณของฟอเรสเตอร์ #เอาอยู่ทุกสถานการณ์

แคมเปญ #เอาอยู่ทุกสถานการณ์ สะท้อนตัวตนของรถยนต์ซูบารุได้อย่างชัดเจน เน้นย้ำความพร้อมสำหรับการผจญภัย ไม่ว่าจะบนถนน หรือทางออฟโรด การนำเสนอรถยนต์ซูบารุท่ามกลางเต็นท์ และอุปกรณ์เสริมที่จะทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้รับประสบการณ์ที่พิเศษกว่าทุกปี พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดของปีสำหรับซูบารุฟอเรสเตอร์และซูบารุเอ๊กซ์วี
ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีหลักอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งสี่อันได้แก่ ซูบารุ โกลบอล แพลตฟอร์ม (SGP), ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (SAWD), เครื่องยนต์บ็อกเซอร์, เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง
EyeSight ซึ่งเป็นองค์ประกอบเหล่าที่ช่วยให้รถยนต์ซูบารุมีสมรรถนะ ความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
เพื่อมอบการขับขี่ที่สนุกสนานและความอุ่นใจแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
Subaru FORESTER 2.0i-L EyeSight/ Subaru FORESTER 2.0i-S EyeSight Subaru Forester หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของซูบารุ เนื่องจากมีราคาที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริงสำหรับครอบครัว
ความสามารถของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive ที่มอบเสถียรภาพและการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น ร่วมด้วยระยะห่างจากพื้นที่สูงถึง 220 มม. และ X-MODE เข้ามาช่วยให้ฟอเรสเตอร์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยแบบออฟโรดนั่นเอง นอกจากนี้ Forester ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง EyeSight 4.0 ซึ่งมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมากมายเช่น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบปรับความเร็วอัตโนมัติตามรถคันหน้า ฟังก์ชั่นควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ฯลฯ
Subaru XV 2.0i-P EyeSight Subaru XV
เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัดที่ผสมผสานความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดและขนาดที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองได้อย่างลงตัว
ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ
พร้อมคุณลักษณะด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร,
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับ EyeSight Driver Assist และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงอื่นๆ

ขนาดกะทัดรัดและความสามารถในการขับเคลื่อนสี่ล้อของ XV
ไม่เพียงแต่เพิ่มความคล่องตัวในสภาพแวดล้อมในเมืองเท่านั้น
แต่ยังให้ความคล่องตัวที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

เพื่อให้มั่นใจถึงความสะดวกสบายในทุกการผจญภัย
การแสดงรถยนต์ซูบารุที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปในปีนี้มีความพิเศษกว่าที่ผ่านมา
ด้วยบรรยากาศการตั้งแคมป์แบบสบายๆ ในขณะที่เยี่ยมชมรถยนต์รุ่นต่างๆ ของซูบารุ
และทีมงานที่พร้อมจะมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดของปีร่วมกับพาร์ทเนอร์ทางการเงินมากมายได้แก่ เอไอจี,
กรุงศรีออโต้, ลีสซิ่งไอซีบีซี, ทิสโก้ และลีสซิ่งกสิกรไทย

  • ลูกค้า Subaru XV รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 170,000 บาท หรืออัตราดอกเบี้ย 0% นาน 72
    เดือน
  • Subaru Forester 2.0i-L EyeSight ราคาเริ่มต้นในราคาพิเศษ 1,250,000 บาท
  • ลูกค้า Subaru Forester 2.0i-S EyeSight รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 110,000 บาท
    หรืออัตราดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน
    นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงาน Motor Expo จะได้สัมผัสความสามารถของ Subaru
    บนสนามทดลองขับแบบอัตโนมัติและ Spirit 4×4 ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่ารถยนต์ Subaru
    ของเราโดดเด่นในฐานะตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรถครอบครัวว ที่ #เอาอยู่ ทุกสถานการณ์
    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ซูบารุรุ่นต่างๆ ได้ที่ http://www.subaru.asia/th/
    หรือติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.facebook.com/subaruasiath
หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ฟอร์ดต่อยอดความดุดัน เพิ่มโปรสิ้นปี ซื้อฟอร์ดทุกรุ่นลุ้นรับเรนเจอร์ แร็พเตอร์ รวมรางวัลมูลค่า 7.5 ล้านบาท

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 1 ธันวาคม 2566 – ฟอร์ด ประเทศไทย
อัดโปรแรงท้ายปีต่อยอดความดุดันไปอีกขั้น เมื่อจองรถฟอร์ดรุ่นใดก็ได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2566 และออกรถภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 มีสิทธิ์ลุ้นรับรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่น 2.0 ลิตร จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 1,779,000 บาท โดยเมื่อจอง 1 คัน จะได้รับ 1 สิทธิ์ลุ้น พร้อมรับทันทีเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 ชิ้น โดยการจอง 1 คัน
จะได้รับเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 ชิ้น รวมมูลค่าของรางวัลในแคมเปญถึง
7,500,000 บาท ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 และที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของฟอร์ดทั่วประเทศ
“ในช่วงการจัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจับจองเป็นเจ้าของรถฟอร์ดทุกรุ่น โดยเฉพาะโปรสุดพิเศษที่เรามอบโอกาสให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าของสุดยอดรถกระบะ ‘ดุดันไม่เกรงใจใคร’ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ซึ่งเป็นรถในดวงใจของลูกค้าหลายๆ คนโดยเฉพาะคอออฟโรด ซึ่งเรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าโรงงานฟอร์ดของเรามีความพร้อมที่จะส่งมอบฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์
ให้ลูกค้าในประเทศไทยได้ทันที”

นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ลูกค้าจะได้พบกับขบวนรถกระบะพันธุ์แกร่งที่ฟอร์ดนำมาจัดแสดงครบทุกรุ่น นำโดย ฟอร์ด เรนเจอร์
รถกระบะที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการใช้ชีวิตไม่ว่
าการทำงาน ชีวิตครอบครัว หรือการพักผ่อน ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูง DNA ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ เจ้าของฉายา ‘ดุดัน
ไม่เกรงใจใคร’ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถนั่งอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนรักการเดินทางผสานสมรรถนะอันโดดเด่นเข้ากับเทคโนโลยีอันเหนือชั้น และฟอร์ด

มัสแตง รถสปอร์ตระดับตำนาน ที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม
เครื่องยนต์อันทรงพลัง ดีไซน์ที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว
นอกจากนี้ ฟอร์ดยังนำรถแต่งดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมาจัดแสดงภายในงาน
เพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งรถ โดยนำเสนอชุดแต่งที่ร่วมออกแบบกับพันธมิตรแบรนด์อุปกรณ์ตกแต่งชั้นนำอย่าง Ford X Hamer
มามอบแรงบันดาลใจในการสร้างตัวตนที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครให้กับลูก
ค้าอย่างเต็มอิ่ม ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและเงื่อนไขข้อเสนอ พิเศษของแคมเปญส่งเสริมการขายจากฟอร์ดได้ที่เว็บไซต์ http://www.ford.co.th
และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center โทร 1383

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

“ไพรม์มัส กรุ๊ป” ตอกย้ำความสำเร็จ 4 ปี ดีลเลอร์รถยนต์

สยายปีกสู่แบรนด์ใหม่ CHANGAN เปิด “DEEPAL PRIMUS”

กรุงเทพฯ, 1 ธันวาคม 2566 “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ตอกย้ำความสำเร็จธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ สยายปีกสู่แบรนด์ใหม่ “CHANGAN” รับตลาด EV บูม! ในนาม “DEEPAL PRIMUS” ประเดิมเปิด 2 โชว์รูม รามคำแหง-ชลบุรี รับจอง DEEPAL 2 รุ่นใหม่ทันที!

นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส โมบิลิตี้ จำกัด ในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป ผู้จำหน่ายรถยนต์ DEEPAL อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า จากการเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz แบรนด์หรูระดับลักชัวรี่ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า “ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างดี โดยผลประกอบการด้านการจำหน่ายรถยนต์และบริการหลังการขาย เติบโตปีละ 10-20% ควบคู่ CSI อันดับ 1 จากคะแนนความพึงพอสูงสุดจากลูกค้า Mercedes-Benz ประกอบกับการได้รับความเชื่อมั่นจากบริษัทแม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)” ในการแต่งตั้งเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Maybach และการเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ในพื้นที่เขตพัทยา จ.ชลบุรี

ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ ที่เน้นการพัฒนาและปรับปรุงด้านการบริการแบบครบวงจร พร้อมทีมงานมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุด นั่นคือ การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ส่งผลให้ธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์มีการเติบโตและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

ด้วยความสำเร็จดังกล่าว “ไพรม์มัส กรุ๊ป” จึงมุ่งมั่นและแสวงหาโอกาสใหม่ในการดำเนินธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์ โดยเล็งเห็นความสำคัญของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากผู้บริโภคคนไทยให้ความสนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แบบก้าวกระโดด

ล่าสุด ในเดือนตุลาคม ปี 2566  มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 7,628 คัน เติบโต 527.30% และมียอดขายสะสม 10 เดือนที่ผ่านมา ทำตัวเลขได้ถึง 57,628 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 717.88% แสดงให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสในการขยายตัวเพิ่มขึ้นสำหรับตลาดรถยนต์ไทย

ขณะเดียวกันการแข่งขันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งด้านราคาจำหน่ายและการจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย นอกจากนี้ ยังมีบริษัทรถยนต์รายใหม่เปิดตัวแบรนด์ และรถยนต์รุ่นใหม่ ออกสู่ตลาดไทยอย่างมากมาย ซึ่ง

CHANGAN เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์จีนที่กระแสมาแรง ด้วยความที่เป็นแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของจีน และมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ  ดีพอล : DEEPAL มีแพลทฟอร์มที่หลากหลายทั้ง

BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) และมีเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย โดยได้รับการคิดค้นออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากบุคลากรด้าน R&D จากหลากหลายสาขาทั่วโลก ขณะที่ราคาจำหน่ายเข้าถึงผู้บริโภคคนไทยได้ง่าย ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดไทยได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญ CHANGAN ได้สนับสนุนนโยบายภาครัฐ ด้วยการเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อผลิตและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อันสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความมุ่งมั่นในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยเหตุนี้  “ไพรม์มัส กรุ๊ป” จึงตัดสินใจเลือกเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ CHANGAN ด้วยการเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ DEEPAL อย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ DEEPAL PRIMUS  : ดีพอล ไพรม์มัส   พร้อมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ DEEPAL แบบครบวงจร จำนวน 2 สาขา คือ สาขารามคำแหง และสาขาชลบุรี ซึ่งจะเปิดรับจองและจำหน่ายรถยนต์ DEEPAL รุ่น LO7 และรุ่น SO7 ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.เป็นต้นไป

“ผมเชื่อมั่นว่า การเลือกเป็นพันธมิตรกับ CHANGAN  จะส่งเสริมให้ธุรกิจด้านผู้จำหน่ายรถยนต์ของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ผนวกกับแนวคิดและกลยุทธ์ในการบริหารที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก  ส่งผลให้ธุรกิจหลักของเราเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนแน่นอน” นายจิระพล กล่าว

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สาขารามคำแหง FB : @DeepalPrimusRamkhamhaeng และ Line : //lin.ee/BdpTwcW และสาขาชลบุรี  FB : @DeepalPrimusChonburi และ Line : //lin.ee/tJcxBoV

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

วอลโว่ คาร์ ชวนคุณสัมผัสความหมายที่มากกว่ายานยนต์ในนิยามของวอลโว่ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

  1. คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ห้าจากซ้าย)
  2. คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ, ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สี่จากซ้าย)
  3. คุณถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์, ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สามจากซ้าย)
  4. คุณสวพงษ์ พงษ์เก่า, ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากซ้าย)
  5. คุณอัจฉริยา คุณพันธ์, ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานบุคคล บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย)
  6. คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์, ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (ที่ห้าจากขวา)
  7. คุณณัฐพล รังสิตพล, ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (ที่สี่จากขวา)
  8. คุณประพงษ์ ไม้เจริญ, รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการปฎิบัติการ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (ที่สามจากขวา)
  9. คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์, รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (ที่สองจากขวา)
  10. คุณชไมพร ปภัสร์พงษ์ , รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการตลาดสัมพันธ์ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (ขวา)

เพื่อร่วมตอบรับแนวคิดการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (The 40th Thailand International Motor Expo 2023) ภายใต้ชื่องาน “Mobility: Imagination and Beyond หรือ ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า” วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ร่วมนำรถวอลโว่ทั้งในรุ่น Pure Electric และรุ่น Plug-in Hybrid เข้าจัดแสดงในงานพร้อมความหมายที่มากกว่าในแบบวอลโว่ ที่ไม่เพียงนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ทรงพลังและมาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อผู้ใช้รถใช้ถนน แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตของทุกคน

คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วอลโว่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยแผนการเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ  สำหรับในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราได้ประกาศทิศทางการจำหน่ายรถของวอลโว่โดยจะจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025 นอกจากนี้เรายังได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้า รุ่นที่ 3 ได้แก่ Volvo EX30  ซึ่งเป็นรถที่มีบทบาทสำคัญต่อเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซจากท่อไอเสียให้ได้ 40% ต่อคันภายในปี 2025 และเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักในการเป็นบริษัทที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2040   และเร็ว ๆ นี้ ทุกท่านจะได้พบกับ Volvo Downtown Store (DTS) แห่งแรกของวอลโว่ คาร์ ในประเทศไทย ที่จะเปิดบริการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ (The EMSPHERE) การเปิดให้บริการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการเพิ่มช่องทางการขายใจกลางเมืองที่ให้เราได้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น แนวคิดการออกแบบของ Volvo Downtown Store เกิดขึ้นจากการผสมผสานองค์ประกอบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งการออกแบบในสไตล์สแกนดิเนเวียนร่วมสมัย ที่ให้ความเรียบหรู เน้นการใช้งานได้จริง จัดเป็นสถานที่เปิดรับสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับแบรนด์วอลโว่ให้มากขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับบริการให้แก่ลูกค้าวอลโว่อีกด้วย เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่สะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจกับการเติบโตของยอดจำหน่ายรถทั้งในรุ่น Pure Electric และ Plug-in Hybrid ที่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 23% สำหรับในปี 2024 จะยังคงเป็นปีที่วอลโว่ คาร์ เร่งเดินหน้าเพื่อคงความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเพื่ออนาคตของการเดินทางของคนทุกคน”

มาร่วมสัมผัส Volvo EX30 รถไฟฟ้าพรีเมี่ยม SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากวอลโว่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่, ความปลอดภัย และความบันเทิงที่ล้ำสมัย อาทิ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู dooring alert, ระบบช่วยจอด Park Pilot Assist เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด, ฟังก์ชั่นการควบคุมและระบบสาระบันเทิง infotainment ผ่านจอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมตัวเลือกประสิทธิภาพ และพลังการขับเคลื่อนในแบบที่เป็นคุณจากตัวเลือก Single Motor Extended Range และ Twin Motor Performance ภายใต้การออกแบบที่คำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในด้วยการนำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่มาชุบชีวิตให้มีประโยชน์อีกครั้ง ส่งผลให้ Volvo EX30 เป็นรถที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมาในรถวอลโว่

พบกับVolvo C40 Recharge Pure Electric Twin Motor และ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor เจเนอเรชั่นล่าสุด มาพร้อมพลังมอเตอร์คู่หลังขนาด 258 แรงม้า และอะซิงโครนัส มอเตอร์ขนาด 150 แรงม้าในล้อคู่หน้า จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นในขนาดความจุ 82kWh ทำให้ได้ระยะทางที่ไกลขึ้น และรองรับการชาร์จที่เร็วขึ้นสูงสุดถึง 200kW DC  ตัวรถมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ 5-Spoke Black Diamond Cut ที่ช่วยเพิ่มแอโรไดนามิคส์  ไฟคู่หน้าแบบ Thor’s Hammer ที่มาพร้อมเทคโนโลยี pixel LED ให้ไฟ LED แต่ละดวงทำงานแยกจากกันเป็นอิสระ จึงสามารถปรับรูปแบบความสว่างของไฟหน้าได้อัตโนมัติตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม เพื่อให้ความสว่างที่พอเพียงแก่ผู้ขับ และไม่แยงตารถที่สวนทาง

ภายในงานยังมีการจัดแสดงรถยนต์ Recharge Plug-in Hybrid ใหม่ อาทิ XC60 Recharge Plug-in Hybrid, XC90 Recharge Plug-in Hybrid, S60 Recharge Plug-in Hybrid, S90 Recharge Plug-in Hybrid และ V60 Recharge Plug-in Hybrid รุ่นปี 24 ที่ให้พลังงานการชาร์จที่เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยการรองรับการชาร์จไฟจาก 3.7kW เป็น 6.4kW สำหรับไฟ 3 เฟส 16 แอมป์ ทำให้ร่นระยะการชาร์จเหลือเพียง 3 ชั่วโมง และล้ออัลลอยด์แบบ 6-Spoke Black Diamond-cut ให้ความสวยงามโดดเด่น

ผู้สนใจสามารถรับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์* Motor Expo ในรถวอลโว่ทุกรุ่น เมื่อจองและออกรถระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 29 ธันวาคม 2566 ตามรายละเอียดดังนี้

Volvo C40 Pure Electric – Twin Motor หรือ XC40 Pure Electric – Twin Motor พร้อมสิทธิประโยชน์* อาทิ

  • Volvo Care Package ซึ่งประกอบด้วย บริการหลังการขาย Volvo Premium Service Program – Pro (VPSP Pro) ที่ให้การรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี
  • ฟรี บริการดิจิทัล
  • ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเวลา 3 ปี
  • เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนัง พร้อมรับประกันอายุการใช้งาน 2 ปี และฟรีบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าและติดตั้ง
  • ฟรีค่าชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงในรถยนต์ มูลค่า 25,000 บาท
  • บริการประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

Volvo XC40 Recharge Plug-in Hybrid, XC60 Recharge Plug-in Hybrid และ XC90 Recharge Plug-in Hybrid พร้อมสิทธิประโยชน์* อาทิ

  • รับสิทธิพิเศษสูงสุด 400,000 บาท ในรุ่น XC40 Recharge Plug-in Hybrid (Plus Dark & Ultimate Bright)
  • รับสิทธิพิเศษสูงสุด 700,000 บาท ในรุ่น XC60 Recharge Plug-in Hybrid (Ultimate Bright & Ultimate Dark)
  • รับสิทธิพิเศษสูงสุด 1,000,000 บาท ในรุ่น  XC90 Recharge Plug-in Hybrid (Ultimate Bright)
  • บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
  • บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี

Volvo S90 Recharge Plug-in Hybrid, S60 Recharge Plug-in Hybrid หรือ V60 Recharge Plug-in Hybrid พิเศษแคมเปญดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.69% พร้อมสิทธิประโยชน์* อาทิ

  • ฟรี Volvo Care Package ประกอบด้วย บริการหลังการขาย Volvo Premium Service Program – Pro (VPSP Pro) ที่ให้การรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี
  • ฟรี บริการดิจิทัล
  • ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ฟรี 1 ปี
  • บริการประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

เพื่อยกระดับความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ วอลโว่ได้เปิดโอกาสสำหรับผู้ที่มีความประสงค์ทดสอบรถให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และนวัตกรรมความปลอดภัยที่วอลโว่คิดค้นและพัฒนาเพื่อปกป้องผู้ขับขี่โดยเฉพาะ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนขอทดสอบรถได้ภายในบูธ และสามารถเลือกทดสอบรถยนต์วอลโว่ได้ 6 รุ่น ทั้งในรุ่นมอเตอร์เดี่ยวและรุ่นมอเตอร์คู่ อาทิ

  • Volvo C40 Recharge Pure Electric Single Motor รถไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยวที่ทรงพลัง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการกระจายพลังงานของแบตเตอรี่ ทำให้มีระยะทางการขับขี่สูงถึง 590 กิโลเมตร มาพร้อมด้วยความสมดุลของการกระจายน้ำหนักของตัวรถที่ทำให้การควบคุมการลื่นไถลได้ดีกว่าที่เคย

**สำหรับรถ Volvo C40 Recharge Pure Electric Single Motor มอเตอร์เดี่ยว รถพร้อมส่งมอบแล้ววันนี้

  • Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor รถไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV มาในรุ่นมอเตอร์คู่ที่มอบพละกำลังและความคล่องตัวของรถได้ดียิ่งขึ้น มอบระยะทางการขับขี่ให้สูงถึง 565 กิโลเมตร ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ปราดเปรียวอย่างปลอดภัยในทุกขณะการขับขี่
  • Volvo XC60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid และ Volvo XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid เติมเต็มประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดในรถสไตล์ SUV ขนาดกลางและขนาดใหญ่ มอบการขับขี่ที่ต่อเนื่องและราบรื่นด้วยระบบชาร์จอัจฉริยะ ชาร์จได้เร็วขึ้น จาก 0-100% ภายใน 3 ชั่วโมง ด้วยเครื่องชาร์จใหม่ขนาด 6.4kW แบบ 2 เฟส ช่วยให้คุณขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้นานขึ้น ดื่มด่ำการขับเคลื่อนที่ทรงพลังตลอดการเดินทาง
  • Volvo S60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid ค้นพบความสุขในการขับขี่อีกครั้งในรถยนต์ซีดานปลั๊กอิน ไฮบริด มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน เพิ่มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นกับระบบ Google ในตัว เพลิดเพลินไปกับลำโพง Bowers & Wilkins ระบบความบันเทิงที่พร้อมให้คุณสัมผัสแล้ววันนี้
  • Volvo V60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับรถยนต์เอสเตทปลั๊กอิน ไฮบริด ให้ความรู้สึกสุขุมและสปอร์ตในเวลาเดียวกันเมื่อได้ขับขี่ เต็มอิ่มไปด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดและดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา พร้อมเครื่องยนต์ทรงพลังและโหมดการขับขี่ที่หลากหลายให้คุณเลือกสรร

นอกเหนือจากบูธรถยนต์วอลโว่แล้ว ท่านยังสามารถแวะชมบูธ Volvo SELEKT รถผู้บริหารไมล์น้อย, รถทดลองขับ, และรถที่ใช้แล้ว สภาพดีเยี่ยม ที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานวอลโว่จากหลายผู้จัดจำหน่าย คัดสรรมาหลากหลายรุ่นให้เลือกชมกันกว่า 70 คัน มีทั้งรถไฟฟ้าล้วน (Pure Electric) และรถปลั๊กอิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid)

มาร่วมสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์กับความหมายที่มากกว่าที่ บูธรถยนต์วอลโว่ (A08) และบูธ Volvo SELEKT (B11) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่าสุดของวอลโว่ได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.com/th และhttp://www.facebook.com/volvocarsth หรือเยี่ยมชม Volvo Studio Bangkok ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่

หมายเหตุ

*สิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดตามรุ่นรถที่ท่านสนใจได้ที่ https://www.volvocars.com/th-th/l/offers/

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

TATA มาเต็ม! จัดโปรสุดคุ้มในงาน Motor Expo 2023จองรถ TATA Super Ace เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลรับฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมดอกเบี้ย 1.89%

ไฮไลท์สำคัญ:

 TATA Super Ace เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมวางจำหน่าย 4 รุ่น ทุกรุ่นมาพร้อมความคุ้มครองมาตรฐาน รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี
TATA Super Ace Standard รถบรรทุกรุ่นมาตรฐาน ราคา 385,000 บาท
TATA Super Ace Cargo รถตู้บรรทุกสินค้า ราคา 445,000 บาท
TATA Super Ace Shuttle รถบรรทุกรับส่งผู้โดยสาร ราคา 505,000 บาท
TATA Super Ace Food Truck รถบรรทุกเพื่อการค้าขาย ราคา 515,000 บาท
 มอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางด้วย ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ดาวน์ต่ำผ่อนสบาย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.89% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน
 บริการครบวงจร ด้วย TATA Protect แพ็กเกจการบำรุงรักษาและช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องการซ่อมแซม พร้อมการบริหารจัดการที่ให้ความคุ้มค่ายิ่งกว่า เสริมความมั่นใจด้วย TATA Master Care+ บริการ Service
Package Maintenance เช็กระยะ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร ในราคาสุดประหยัด โดยทุกรุ่นจ่ายเพิ่มเพียง 10,000 บาท เท่านั้น
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 29 พฤศจิกายน 2566: บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ทาทา มอเตอร์ส อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ส่งรถบรรทุกขนาดเล็กยอดนิยม TATA Super Ace ทำตลาดในเมืองไทยเต็มตัว ใช้เวทีในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 Thailand International Motor
Expo 2023 สร้างยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ชูจุดเด่นด้านสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลขนาด 1.4 ลิตร
แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน – เมตร เหนือกว่าด้วยความทนทาน คุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน พื้นที่กระบะขนาดใหญ่ที่ยาวถึง 2,630 มม.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจได้หลากหลาย
นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า


“หลังจากที่เราจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ทั้ง 4 รุ่น ของทาทา มอเตอร์ส ไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น TATA Super
Ace, TATA Ultra T.9, TATA Ultra T.14 และ TATA Prima 5038.S ทุกรุ่นสร้างกระแสตอบรับได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดเล็กยอดนิยมอย่าง TATA Super Ace ที่เข้ามาตอบโจทย์การทำธุรกิจที่หลากหลายในเมืองไทย ทั้งการขนส่งสินค้า การรับส่งผู้โดยสาร และการค้าขาย ซึ่ง TATA Super Ace จะเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่กำลังมองหาความแตกต่าง ที่สำคัญเรายังมอบความอุ่นใจและความคุ้มค่าด้วยบริการแบบครบวงจร”“สำหรับในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ เรายินดีที่จะมอบข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าหลายรายการด้วยกัน อาทิเช่น ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ดาวน์ต่ำผ่อนสบาย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.89% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน ขณะเดียวกันเรื่องของค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

เรามีความเข้าใจและห่วงใยลูกค้าทุกท่าน ดังนั้นเราจึงได้นำเสนอ TATA Protect แพ็กเกจการบำรุงรักษา และช่วยเหลือในเรื่องการซ่อมแซมที่รวดเร็ว คุ้มค่ายิ่งกว่าด้วย TATA Master Care+ บริการ Service Package Maintenance เช็กระยะ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร ในราคาสุดประหยัด โดยทุกรุ่นจ่ายเพิ่มเพียง 10,000 บาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดต้นทุนการดูแลรถบรรทุกของลูกค้า และลดความกังวลเรื่องการบริการหลังการขาย โดยข้อเสนอทั้งหมดนี้ มอบเป็นของขวัญให้กับลูกค้าในการเริ่มต้นธุรกิจกับรถ TATA Super Ace เฉพาะลูกค้าที่จองรถในงาน Motor Expo 2023 และรับรถภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567 เท่านั้น”
TATA Super Ace CHASE YOUR DREAM TATA Super Ace ให้ความคุ้มค่าที่เหนือกว่าในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก
นำเสนอโซลูชันการขนส่งสินค้าซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในเมือง ให้ความคล่องตัว รวดเร็ว ประหยัด จุสัมภาระได้เยอะ แข็งแกร่งและทนทาน
ให้ความสบายอย่างแท้จริงด้วยระบบกันสะเทือนอิสระและเบาะนั่งที่นุ่มสบาย เหมาะกับการทำธุรกิจและการใช้งานที่หลากหลาย
ช่วยเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น และต้นทุนการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง
ที่สุดของสมรรถนะและความปลอดภัย TATA Super Ace ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่นเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 4 สูบ ขนาด 1.4 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 70 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน – เมตร ที่ 1,800-3,000 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อมด้วยคลัตช์แห้งแผ่นเดียว ความเร็วสูงสุด 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่
14.17 กิโลเมตรต่อลิตร (ในสภาวะที่บรรทุกหนัก) ช่วยประหยัดต้นทุนค่าน้ำมัน ตอบสนองการขับขี่ในทุกเส้นทางด้วย ถังเชื้อเพลิงขนาด
38 ลิตร ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยดิสก์เบรกที่ด้านหน้า และดรัมเบรกพร้อมวาล์วปรับระดับ LSVP ที่ด้านหลัง ซึ่งดิสก์เบรกหน้านั้น


จะช่วยเรื่องการเบรกได้อย่างแม่นยำ ระบายความร้อนและไล่น้ำได้ดี ผสานกับดรัมเบรกหลังที่มีประสิทธิภาพการเบรกในการบรรทุกหนัก
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเบรกได้อย่างดีเยี่ยม ช่วงล่างด้านหน้าสตรัทแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง เพิ่มความนุ่มนวลสำหรับผู้ขับขี่และช่วยทรงตัวในทางโค้งได้ดี ส่วนด้านหลังเป็นแหนบแบบกึ่งวงรี ให้สมรรถนะการรับน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ด้วยแหนบที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
รองรับแรงกระแทกและลดแรงสั่นสะเทือนของรถด้วยโช้คอัพลูกสูบกระบอกแบบ ไฮดรอลิค 2 ทิศทาง เพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะถนนและให้ความนิ่งที่มากขึ้นด้วยยางขนาด 14 นิ้ว 165R14
เสริมแกร่งความปลอดภัยด้วยโครงสร้างแบบกึ่งโมโนค็อก พร้อมกับห้องโดยสารที่สร้างมาเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนด้านหน้า
คอพวงมาลัยไฟฟ้าแบบยืดหดได้ช่วยลดโอกาสการเกิดอาการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ที่สุดของสไตล์และความสะดวกสบาย
TATA Super Ace มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ ให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างชัดเจน โคมไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ กระจังหน้าแบบรังผึ้งเพิ่มความสวยงามทันสมัย ส่วนภายในห้องโดยสารติดตั้งระบบปรับอากาศ นาฬิกาดิจิตอลบอกวันที่และอุณหภูมิภายนอก พวงมาลัยพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงในการขับขี่ กระจกไฟฟ้าคู่หน้า เบาะนั่งแบบ Bucket Seat หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ปรับระดับได้ ดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย
ให้ความรู้สึกที่ดีตลอดการขับขี่ลดความเมื่อยล้า ขณะที่การจัดวางตำแหน่งปุ่มควบคุมต่างๆ ทำได้อย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ เช่น
สวิตช์ควบคุมกระจกไฟฟ้าคู่หน้า จัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 บาน เพิ่มความสะดวกสบายและลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางที่สุดของประสิทธิภาพและการบรรทุก TATA Super Ace มาพร้อมฐานล้อขนาด 2,380 มม. มิติตัวรถ (ยาวxกว้างxสูง) 4,340 x 1,565 x 1,858 มม. ตอบโจทย์ทุกการบรรทุกกับพื้นที่กระบะขนาดใหญ่ที่ยาวถึง 2,630 มม. พื้นที่บรรจุสัมภาระ 3.8 ตารางเมตร น้ำหนักบรรทุกสินค้าสูงสุดถึง 1 ตัน ช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ประกอบการได้อย่างเต็มที่

ขนถ่ายสินค้าได้อย่างสะดวกด้วยกระบะพื้นเรียบเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ไม่ติดซุ้มล้อสามารถบรรทุกสินค้าได้เต็มพื้นที่
ครบครันด้วยสมรรถนะที่สามารถไต่ทางชันได้ถึง 38% ทำให้สามารถขับขี่ผ่านภูมิประเทศต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังให้ความคล่องตัว
ด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.1 เมตร สามารถขับขี่บนถนนที่แคบและสภาพการจราจรที่ยากลำบากได้อย่างง่ายดาย
ทาทา มอเตอร์ส สร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ด้วย TATA Protect
แพ็กเกจการบำรุงรักษาและช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องการซ่อมแซมที่รวดเร็ว
พร้อมการบริหารจัดการที่ให้ความคุ้มค่ายิ่งกว่า ประกอบด้วยบริการ 6 รายการ ดังนี้
 Customer Help Line – สายด่วนรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ
พร้อมรับฟังปัญหาหรือสามารถให้คำแนะนำด้านบริการกับทางลูกค้าได้
พร้อมทั้งนำข้อมูลมาแก้ไขและปรับปรุงงานบริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด
 Express Service – สามารถรับรถได้ภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง
เมื่อนัดหมายนำรถเข้ามารับบริการเช็กระยะที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ
 TATA Alert – ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์กับ ทาทา มอเตอร์ส แล้วเกิดปัญหาการใช้งานระหว่างทาง สามารถเรียกใช้บริการ
Roadside Assistance ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทางลูกค้าจะได้รับความช่วยเหลือภายใน 1 ชั่วโมง
 Wide Network Coverage – มีศูนย์บริการ 13 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง
ภาคตะวันออก ภาคอีสาน และภาคใต้
 TATA Master Care+ – บริการ Service Package Maintenance
และขยายการรับประกันอะไหล่รายการหลักเพิ่มเติม เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจเรื่องการใช้งานรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ของ ทาทา
มอเตอร์ส
 Fleet Edge Telematics – แพลตฟอร์มการติดตามยานพาหนะ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการแจ้งเตือน
ซึ่งเป็นระบบปฎิบัติการที่ติดตั้งในรถยนต์ TATA สำหรับลูกค้าที่ต้องการทราบรายละเอียดการขับขี่ของคนขับ
รวมถึงสมรรถนะของตัวรถ และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Real Time
เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้วางแผนการเดินทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ
TATA Super Ace ทุกรุ่น มาพร้อมความคุ้มครองมาตรฐาน รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี นอกจากนี้ TATA Super Ace
ยังมาพร้อมข้อเสนอพิเศษในงาน Motor Expo 2023 มอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางด้วย ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
ดาวน์ต่ำผ่อนสบาย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.89% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน คุ้มค่ายิ่งกว่าด้วย TATA Master Care+ บริการ
Service Package Maintenance เช็กระยะ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร ในราคาสุดประหยัด โดยทุกรุ่นจ่ายเพิ่มเพียง
10,000 บาท เท่านั้น สำหรับข้อเสนอพิเศษนี้ เฉพาะลูกค้าที่จองรถในงาน Motor Expo 2023 และรับรถภายในวันที่ 31
มีนาคม 2567 เท่านั้น
สัมผัสตัวจริงและรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 Thailand
International Motor Expo 2023 ณบูธ ทาทา มอเตอร์ส B12 ตั้งแต่วันที่
30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

เกี่ยวกับ ทาทา มอเตอร์ส (Tata Motors)
ส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ทาทา ที่มีมูลค่า 1.28 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Tata Motors Limited (BSE: 500570 และ 570001; NSE:
TATAMOTORS และ TATAMTRDVR) ซึ่งมีมูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วย รถยนต์อเนกประสงค์ รถปิคอัพ
รถบรรทุก และรถโดยสาร นำเสนอโซลูชันการคมนาคมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ครบวงจรและชาญฉลาด ด้วย “แรงบันดาลใจในการเชื่อมต่อ”
ที่เป็นหัวใจสำคัญของคำมั่นสัญญาของแบรนด์ ทาทา มอเตอร์สจึงเป็นผู้นำตลาดด้านรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของอินเดีย
และติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรกในตลาดรถยนต์ส่วนบุคคล

ข่าวประชาสัมพันธ์ สําหรับการใช้งานทันที

ทาทา มอเตอร์ส มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ดึงดูดจินตนาการของลูกค้า GenNext โดยได้รับแรงหนุนจากศูนย์การออกแบบและ R&D ที่ล้ำสมัย ตั้งอยู่ในอินเดีย
สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา อิตาลี และเกาหลีใต้
ความพยายามด้านนวัตกรรมของบริษัทมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีบุกเบิกที่มีความยั่งยืนและเหมาะสมกับตลาดที่กำลังพัฒนา และแรงบันดาลใจของลูกค้า
โดยมุ่งเน้นที่โซลูชันยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีและวิศวกรรมเพื่อรองรับอนาคตแห่งการขับเคลื่อน บริษัทกำลังบุกเบิกการเปลี่ยนแปลงด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอินเดีย
และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่โซลูชันการคมนาคมที่ยั่งยืน โดยการพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทในเครือ
และมีบทบาทอย่างแข็งขันในการประสานงานกับรัฐบาลอินเดียในการพัฒนากรอบนโยบาย
ด้วยการดำเนินงานในประเทศอินเดีย สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ไทย แอฟริกาใต้ และอินโดนีเซีย รถยนต์ของ ทาทา มอเตอร์ส วางตลาดในแอฟริกา ตะวันออกกลาง
ละตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มประเทศ SAARC และตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566 การดำเนินงานของทาทา มอเตอร์ส
ประกอบด้วยบริษัทย่อยรวม 88 แห่ง การดำเนินงานร่วมกัน 2 แห่ง กิจการร่วมค้า 3 แห่ง รวมถึงบริษัทย่อยที่เรามีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ
เกี่ยวกับ อินช์เคป (Inchcape)
อินช์เคป (Inchcape) เป็นผู้จัดจำหน่ายยานยนต์ชั้นนำระดับโลก โดยมีการดำเนินงานใน 6 ทวีป ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของบุคลากร ชุดผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยีล้ำสมัยและแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง
เราให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับบริษัทด้านการขนส่งชั้นนำของโลกเพื่อเร่งความปรารถนาอันแรงกล้าในตลาดที่เราและพันธมิตรต้องการประสบความสำเร็จ
แพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายของเราเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทด้านการขนส่งกับลูกค้า
และความรับผิดชอบของเราครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนและการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ การนำเข้าและโลจิสติกส์ แบรนด์และการตลาด ไปจนถึงการดำเนินการขายแบบดิจิทัล
การจัดการการขายทางกายภาพและช่องทางบริการหลังการขาย
อินช์เคป ขับเคลื่อนตามวัตถุประสงค์ ‘นำการเคลื่อนย้ายไปสู่ชุมชนของโลก สำหรับวันนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้และเพื่อสิ่งที่ดีกว่า’
เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์เชิงบวกให้กับชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจ เพื่อผู้คนของเรา เพื่อสังคมและเพื่อโลกใบนี้
การแสดงตัวตนที่ทันสมัยของอินช์เคป ในเอเชียแปซิฟิกเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2510 ด้วยการเข้าซื้อกิจการของ บอร์เนียว มอเตอร์ส (Borneo Motors)
ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2468 เพื่อจัดจำหน่ายรถยนต์ในสิงคโปร์ นับตั้งแต่นั้นมา อินช์เคป เอเชีย-แปซิฟิก ก็ได้ขยายกิจการอย่างมากไปทั่วภูมิภาคนี้
และปัจจุบันได้จัดจำหน่ายยานยนต์และชิ้นส่วนใหม่ในออสเตรเลีย บรูไน กวม ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า นิวซีแลนด์ ไซปัน สิงคโปร์และไทย สำหรับแบรนด์ OEM จำนวนมาก
ได้แก่ Toyota Motor Corporation, Subaru, Suzuki, Jaguar Land Rover, BMW Group, Chevrolet, Great Wall Motors,
Peugeot Citroen, Harley-Davidson, Daimler Trucks and Buses, Hino และพันธมิตรรถเพื่อการพาณิชย์อื่นๆ
อินช์เคป ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่าย จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ (Jaguar Land Rover) ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 โดย อินช์เคป ประเทศไทย ได้รับรางวัลจาก
จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เอเชีย-แปซิฟิก เช่น ผู้ค้าปลีกยอดเยี่ยมประจำปี FY16/17 และ FY17/18 และกิจกรรมการตลาดเชิงประสบการณ์ยอดเยี่ยมในปี 2565
และในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 ทีมงานยังได้เปิดตัว บราโว่ออโต้ ประเทศไทย (Bravoauto Thailand) ซึ่งเป็นธุรกิจยานยนต์มือสองของอินช์เคป
และเป็นการจัดตั้งครั้งแรกใน อินช์เคป ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก
อินช์เคป เอเชีย-แปซิฟิก (Inchcape APAC) มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์และมีพนักงานประมาณ 3,400 คนทั่วภูมิภาค
กลุ่มบริษัทมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอนและมีพนักงานประมาณ 19,000 คนทั่วโลก

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

พบกับนวัตกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากแบรนด์ “NETA”พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดส่งท้ายมาตรการ EV 3.0 ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40

กรุงเทพฯ (30 พฤศจิกายน 2566) – NETA ตอกย้ำพันธกิจ
“สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อทุกคน” (Popularizer of Smart EV) ขนทัพยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% ร่วมงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40 นำโดย “NETA V” (เนต้า วี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car พร้อมโชว์ “NETA GT
Speedster” (เนต้า จีที สปีดสเตอร์) รถต้นแบบสไตล์ Roadster เปิดประทุน “NETA GT” (เนต้า จีที) รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม. ภายในเพียง 3.7 วินาที
“NETA X” (เนต้า เอ็กซ์) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ Crossover SUV ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และพบกับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับ City EV รุ่น NETA V พร้อมโปรโมชันต่างๆ อีกมากมายที่บูธหมายเลข B05 อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2566 นี้


มร. หวัง เฉิงเจี่ย (Mr. Wang ChengJie) รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ เซลส์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ NETA เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกในปี 2561 บริษัทฯ ได้สานต่อภารกิจในการสรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ (Popularizer of Smart EV) ด้วยการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ทันสมัยและมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา NETA มียอดขายรวมต่อปีมากกว่า 150,000 คันก้าวขึ้นสู่ระดับแนวหน้าของผู้ประกอบการรถยนต์พลังงานใหม่ที่มีศักยภาพมากที่สุดในประเทศจีน ณ เดือนตุลาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา NETA ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดกว่า 110,000 คัน ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ NETA ด้วยยอดขายสะสมที่มากกว่า 360,000 คัน “NETA
กำลังมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์เข้าสู่เวทีในระดับสากลด้วยการขยายสู่ตลาดต่างประเทศในภูมิภาคต่างๆ ครอบคลุมทั้ง ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรป โดยในปี 2567 NETA
มีแผนจัดตั้งเครือข่ายการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
พร้อมตั้งเป้าการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศไว้ 100,000 คัน
โดยมีประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลักภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบัน NETA ในประเทศไทย สามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น NETA V ให้กับคนไทยรวมแล้วกว่า 10,000 คัน มีตัวเลขยอดจดทะเบียนของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 และครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่
20% ในขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA ในประเทศไทยเตรียมเปิดสายพานการผลิต NETA V ในเร็วๆ นี้” มร. หวัง กล่าว


มร. เป่า จ้วงเฟย (Mr. Bao Zhuangfei) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัดเผยว่าบริษัทฯ รู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ให้รุดหน้าทัดเทียมกับตลาดโลก โดยเรายังคงมุ่งมั่นสานต่อการสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมกันสําหรับผู้บริโภคทุกคนในทั่วโ
ลก และมีเป้าหมายขยายไลน์อัพนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100%
ของเราในตลาดประเทศไทยให้มีความหลากหลายมากขึ้น
โดยมุ่งเน้นการนำเสนอตัวเลือกที่ครอบคลุมและสามารถรองรับไลฟ์สไตล์และความต้องการด้านการใช้งานของผู้บริโภคคนไทย ยิ่งไปว่านั้น เราจะเพิ่มโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานภายในกรุงเทพฯ
และปริมณฑลเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเรามีเป้าหมายในการจัดตั้งตัวแทนจําหน่ายจากปัจจุบัน 43 แห่ง ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้นในปี 2567

“ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40 นี้ NETA ได้นำความพิเศษต่างๆ มากมายมาจัดแสดงในบูธ โดยเราขอเชิญชวนให้ทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แบรนด์ NETA
นำโดย ‘NETA V’ (เนต้า วี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นยอดนิยมสไตล์ City Car ‘NETA KID’ (เนต้า คิด) รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตที่ถอดแบบมาจาก NETA S ซึ่งเปิดรับจองภายในงานและพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศไทย ‘NETA GT’ (เนต้า จีที)
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสไตล์สปอร์ตแบบ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่เร็ว แรง และปราดเปรียว มาพร้อมอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม. ภายในเพียง 3.7 วินาที ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจัดแสดงรถต้นแบบ ‘NETA GT Speedster’ (เนต้า จีที สปีดสเตอร์) รถต้นแบบสไตล์ Roadster
เปิดประทุนที่ผสานนวัตกรรมทางวิศวกรรมศาสตร์เข้ากับศิลป์แห่งการดีไซน์ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยรุ่น ‘NETA X’ (เนต้า เอ็กซ์) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ Crossover SUV ที่มาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยทางบริษัทฯ พร้อมที่จะมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดส่งท้ายมาตรการ EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 นี้ มาพร้อมโปรโมชันอีกมากมายเพื่อให้ทุกท่านเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น NETA V ได้อย่างง่ายดาย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมและรับของรางวัลภายในงานนี้ที่บูธ NETA ของเรา”


ข้อเสนอที่ดีที่สุดส่งท้ายมาตรการ EV 3.0 พิเศษเฉพาะช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปนี้เท่านั้นลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 549,000 บาท
ในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2566 ดังนี้ :

 ส่วนลดมูลค่า 50,000 บาท
 ฟรี! เครื่องชาร์จ NETA WALLBOX และฟรีค่าติดตั้ง
 ฟรี! รับประกันรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
 ฟรี! รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
 ฟรี! ค่าแรงและค่าอะไหล่รถยนต์เมื่อเช็คระยะ 1 ปี หรือ 10,000 กิโลเมตร

ข่าวประชาสัมพันธ์

 ฟรี! ชุดแต่งรอบคัน พร้อมข้อเสนออื่นๆ อีกมากมาย
** เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
พบกับสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมข้อเสนอที่น่าสนใจมากมายจาก NETA ได้ที่บูธหมายเลข B05 อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2566 นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NETA CALL CENTER โทร. 02-023 9968 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของNETA ได้ที่ช่องทางต่อไปนี้:
● Facebook : Neta Auto Thailand
● Neta Line Official : @netaautothailand
● Website : http://www.neta.co.th

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

บูธมาสด้าสุดคึกคักประชาชนหลั่งไหลชม Mazda6 รุ่นพิเศษพร้อมสัมผัสรถยนต์มาสด้าครบทุกรุ่นรับโปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปี

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 –มาสด้าเปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่หรูหราภูมิฐาน นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสและจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ Mazda6 20th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของมาสด้า6 โดยจะนำเข้ามาเพียง 100 คัน กำหนดส่งมอบเดือนเมษายนปีหน้า ราคาขายประมาณ 2.4 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม Mazda
Ultimate Service นานสูงสุด 7 ปี ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย


นอกจากมาสด้าจะนำ Mazda6 20th Anniversary Edition มาแนะนำและเปิดให้จองสิทธิ์ภายในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 แล้ว
มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมมาสด้าทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้จับจองเป็นเจ้าของ พร้อมกับเซอร์ไพรส์พิเศษ ด้วยการนำรถ New Mazda2 ในแบบแฮชท์แบ็ค 5 ประตู ที่ตกแต่งด้วยชุดแต่ง Sci-Fi ** มาจัดแสดงให้แฟนๆ ได้ยลโฉม นอกจากนั้นยังนำ New Mazda2 ในแบบซีดาน 4 ประตู
ที่ได้รับการเนรมิตโฉมแบบใหม่ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Clap Pop Sedan ** มาจัดแสดงให้เป็นไอเดียให้ลูกค้าที่ชอบความมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครได้นำไปเป็นแบบอย่างในการแต่งรถอีกหนึ่งรุ่น ที่สำคัญมาสด้ายังมอบข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย อาทิ ลูกค้า 300 ท่านแรก ที่จองขั้นต่ำ 5,000 บาท ภายในงานฯ และออกรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รับฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษจากมาสด้า พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับ ฟรี บัตรน้ำมัน มูลค่า
10,000 บาท *** รวมถึงมอบข้อเสนอมากมายส่งท้ายปี อาทิ ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service


ลูกค้าที่สนใจรถยนต์นั่ง Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 20 ปี ที่มีให้ครอบครองเป็นเจ้าของเพียง 100 คัน ในประเทศไทย สามารถยลโฉมคันจริงได้ที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566 นี้ เท่านั้น
สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน รับข้อเสนอพิเศษดีๆ เช่นนี้เฉพาะช่วงปลายปี สามารถเข้าชมและจับจองได้ภายในงานฯ หรือที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ คณะผู้บริหารมาสด้าและผู้มีเกียรติร่วมถ่ายภาพกับ Mazda6 20th Anniversary Edition ประกอบด้วย
มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร, มร. คาซูทากะ โมริ รองประธานกรรมการบริหาร, นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส และ มร. ทาเคชิ มิคามิ รองประธานบริหารส่วนงานวางแผนกลยุทธ์และปฏิบัติการ พร้อมคณะผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ประกอบด้วย นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์, นายประพงษ์ ไม้เจริญ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ และนางสาวชไมพร ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ และสื่อมวลชนกิตติมศักดิ์ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์,นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด และประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แกรนด์ มอเตอร์ เซลส์, นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานบริษัท แอดวานซ์ แอคทิวิตี้ จำกัด และ ประธานจัดงาน Fast Auto Show Thailand, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
และรองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์, นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา รองประธานจัดงานแบงค็อก ออโต ซาลอน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอร์โน แอนด์ แนช จำกัด และนายวชิระ เรืองมาลัย นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

EVme ตอกย้ำผู้นำบริการโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร

เดินหน้าขยายอีโคซิสเต็ม ปูทางประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าและบริการใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

กรุงเทพฯ – 29 พฤศจิกายน 2566 – บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme) ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า (EV) บนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 บูธ B03 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 พร้อมเปิดแผนยุทธศาสตร์เดินหน้าสู่เป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเดินทางและการขนส่งอย่างยั่งยืนอันดับหนึ่งของอาเซียน (No. 1 Sustainable Mobility Platform in ASEAN)

นายสุวิชชา สุดใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด กล่าวว่า “EVme    มีพันธกิจสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน และในฐานะผู้นำด้านบริการยานยนต์ไฟฟ้า เราเดินหน้าสร้าง EV Ecosystem อย่างเต็มรูปแบบเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านนี้ด้วยการขยายขอบเขตบริการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดให้คนไทยเข้าสู่วงโคจรของการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้น รวมไปถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ เทคโนโลยี รวมไปถึงการเงิน การจัดแสดงในปีนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอีกขั้น และยังเป็นการเปิดประตูสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้าให้กับกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ ๆ ได้รู้จักมากขึ้น” 

ภายในงาน EVme ได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการทั้ง 4 กลุ่ม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “EV Verse ทุกเรื่อง EV จบ ครบที่ EVme” ประกอบด้วย 1. บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า  เลือก Drivestyle ได้ไม่ซ้ำ ไม่ช้ำค่าดูแล 2. บริการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าออนไลน์ เป็นเจ้าของรถ EV ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว 3. บริการสมาชิก EVme Club แพคเดียวครบ จบเรื่อง EV และ 4. บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าระยะยาว ซึ่งเป็นบริการใหม่ ที่เปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ภายใต้ความร่วมมือกับ กรุงศรี ออโต้ ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร โดยนำเสนอบริการเช่าใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า EVme Subs” ชูจุดเด่นของการให้เช่าใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมั่นใจตลอด 5 ปีแบบ Subscription กับ EV  ทุกค่ายรถยนต์ชั้นนำ ในราคาเดียวตลอดสัญญาอย่างไร้กังวล ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม พร้อมบริการหลังการเช่าสุดพรีเมี่ยม ให้คุณได้ใช้รถได้เต็มที่เหมือนเป็นเจ้าของรถ ขับขี่อย่างอิสระกับการเลือกไดรฟ์สไตล์ที่โดนใจกับการขับรถไม่จำกัดระยะทางในการใช้งานรายวัน พร้อมทั้งยังสามารถเลือกวางเงินประกันสัญญา และค่าเช่าใช้รายเดือน ไม่ต้องกังวลราคาขายต่อ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควบคุมไม่ได้ตลอดการใช้งาน

ไฮไลท์พิเศษภายในงาน

EVme ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความสนใจอย่าง Hyundai IONIQ 5 First Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังที่การันตีด้วย 3 รางวัลจากเวที World Car Awards 2022 มาจัดแสดง โดยได้รับความไว้วางใจจาก ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ให้นำรถรุ่นดังกล่าวจะเปิดให้เช่าบนแอปพลิเคชัน และการเช่าแบบสัญญาระยะยาว (EVme Subs) บนแพลตฟอร์มของ EVme ที่เดียว ก่อน Hyundai IONIQ 5 รุ่น Standard ที่จะเปิดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วง ไดรมาสที่ 2 ของปี 2567

นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญในปีนี้ EVme ยังแตกไลน์ใหม่ รุกตลาด 2 ล้อ โดยมีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอิตาลี จากแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Iso (อิโซ่) ภายใต้การบริหารของ นายเฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี ทายาทตระกูลผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดัง ซึ่ง EVme ได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดจำหน่ายและทำตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์Iso รุ่น UNO-X เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย จักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Iso รุ่น UNO-X โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย ที่มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่กับขุมพลังมอเตอร์ Mid drive motor 11Kw ความเร็วสูงสุด 110 Km/h หมดกังวลเรื่องความร้อน ด้วยระบบ Liquid cooling system ราคาพิเศษเฉพาะในงาน 149,999 บาท จากราคาปกติ 175,000 บาท จำนวน 30 คันเท่านั้นและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองอย่างแบรนด์ Sleek (สลีค) แบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย-สิงคโปร์ ที่ EVme เป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย มาจัดแสดงพร้อมจำหน่ายเป็นครั้งแรก 3 รุ่น ได้แก่ Sleek One มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มาพร้อมดีไซน์แห่งโลกอนาคตซึ่งได้รับรางวัลการันตีจาก IF Design Award ประจำปี 2022 ราคา 47,900 บาท Sleek Play เปิดตัวและจัดจำหน่ายเป็นครั้งแรก พร้อมชุดแต่ง EVme Edition ราคา 69,900 บาท และ Sleek Type   V-GT Horizon Edition สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาดและสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมโฉมใหม่ ให้ความ  พรีเมี่ยมที่มากกว่า ราคาเริ่มต้น 95,000 บาท

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

GAC AION จัดหนักลดราคา AION Y Plus 490 Premium เหลือ 999,900 บาท สู้ศึกรถอีวี  

GAC AION เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium ที่งาน Thailand International Motor Expo 2023 หั่นราคาสู้ศึกรถอีวีลง 100,000 บาท เหลือ 999,900 บาท ถึงวันที่ 11 ธ.ค.นี้ พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย นอกจากนี้ยังได้เผยโฉม Hyper GT, Hyper HT และ Hyper SSR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION รวมถึง AION ES รถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกในอุตสาหกรรมรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย ที่ได้เปิดตัวพร้อมกันทั้งไทยและต่างประเทศ 

นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า  ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ AION ในงาน Motor Expo ซึ่งเรามาพร้อมกับความจริงใจ และเปี่ยมล้นด้วยความคาดหวัง วันนี้เรามีความพร้อมที่จะนำเอานวัตกรรมที่ล้ำสมัยและรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นมาจัดแสดงภายในงาน Motor Expo 2023 ซึ่งถือเป็นการเล็งเห็นความสำคัญของตลาดรถในประเทศไทย และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดในอนาคต 

ซึ่งงาน Motor Expo ครั้งนี้ บริษัทได้เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium โฉมใหม่ด้วยราคาสุดพิเศษ 999,900 บาท จากราคา 1,099,900 บาท ถึงวันที่ 11 ธ.ค. 2566 นี้เท่านั้น โดยได้รับการอัปเกรดออปชัน อย่างเต็มรูปแบบทั้งหมด 24 รายการ ภายนอกมาพร้อมกับระบบไฟสูงอัจฉริยะ พร้อมประตูฝาท้ายระบบไฟฟ้า และฟังก์ชัน VTOL ภายใน มีการเพิ่มระบบระบายอากาศเบาะที่นั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสามารถปรับได้ตามจังหวะดนตรี เบาะหลังมีการติดตั้งพนักพิงศีรษะและที่วางแขนตรงกลาง  รวมถึงระบบการขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิง มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นถึง 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้เรายังได้แถมสาย Emergency Charging ให้กับลูกค้าที่ซื้อ AION Y Plus 490 Premium อีกด้วย 

ในส่วนของเทคโนโลยี AION Y Plus 490 Premium ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า AEP ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นและทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง  มาพร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ไว้ที่จุดศูนย์กลางของตัวรถ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ส่งผลให้ตัวรถทำงานควบคู่กับระบบอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ตัวแบตเตอรี่ขนาด 63.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดมากถึง 490 กม. พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกอย่าง Magazine Battery ที่ผ่านการทดสอบโดยการใช้กระสุนปืนยิงทะลุแบตเตอรี่มากกว่า 980,000 ครั้ง ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางของรอยกระสุนที่ใหญ่กว่าการทดสอบแบบทั่วไปมากกว่า 7-8 เท่า ผลลัพธ์คือแบตเตอรี่ไม่มีการติดไฟหรือเกิดการระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

แนวคิดการออกแบบ AION Y Plus 490 Premium ได้คำนึงถึงความสะดวกสบายและการใช้งานจริงเป็นหลัก  ในขณะเดียวกันก็ได้รวมเอาความทันสมัย และฟังก์ชั่นการขับขี่อัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร AION Y Plus 490 Premium มีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,750 mm พร้อมด้วยพื้นที่วางขาด้านหลัง 1,022 mm ทำให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เบาะนั่งคู่หน้าสามารถพับราบเป็นเตียงขนาดใหญ่ได้ 1.8 เมตร มอบทางเลือกในการพักผ่อนที่มากกว่าและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกล เบาะโดยสารด้านหลังสามารถพับลงกลายเป็นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 1,200 ลิตร สามารถรองรับสัมภาระจำนวนมากได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ผู้ที่มีสัมภาระเป็นจำนวนมาก 

AION Y Plus 490 Premium มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ACC with Stop & Go และระบบ ICA ที่ช่วยให้การขับขี่ในความเร็วสูงทั้งทางตรงและทางโค้งได้มีประสิทธิภาพ และฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ในสภาพจราจรติดขัด  TJA (Traffic Jam Assist) ที่จะช่วยควบคุมเบรกและคันเร่งให้โดยอัตโนมัติ  ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่จากสถานการณ์รถติด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดอีกต่อไป   และยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆอีกมากมาย เช่น FCW, AEB, LDW และ LKA ซึ่งทำหน้าที่แจ้งเตือนการขับขี่และช่วยเหลือผู้ขับในสภาวะที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมกับระบบแสดงภาพพาโนรามา 540 องศา             กำจัดจุดบอดในการมองเห็น และมีระบบสั่งการด้วยเสียงสามารถรองรับได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังมีระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย ระบบนำทางและฟังก์ชั่นฟังเพลงแบบออนไลน์ รวมถึงระบบควบคุมรถระยะไกลผ่าน Application เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้รถ 

ในขณะนี้ AION กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC จังหวัดระยอง ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 2.3 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตมากกว่า 50,000 คันต่อปี โดยจะก่อสร้างเป็น 2 เฟส คาดว่าโครงการเฟสแรกจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2567 ปัจจุบัน AION ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายหลายกลุ่มในประเทศไทย และมีศูนย์บริการแล้ว 35 แห่ง โดย 27 แห่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภายในสิ้นปี 2566 นี้ AION มีแผนการที่จะขยายศูนย์จำหน่ายและศูนย์บริการให้ถึง 50 แห่ง 

GAC AION มุ่งมั่นที่จะให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันศูนย์สต๊อกอะไหล่ของเราได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว สามารถส่งอะไหล่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย และในวันที่ 15 ธันวาคม จะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลต่างๆของแบรนด์ สามารถค้นหาตัวแทนจำหน่ายและนัดหมายทดลองขับได้ภายในคลิ๊กเดียว รวมถึงบริการหลังการขาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมรถจากระยะไกล  เช่น การล็อครถ และการเปิดแอร์  เป็นการมอบประสบการณ์การบริการดิจิทัลที่สะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้ 

ปัจจุบัน GAC AION กำลังเร่งดำเนินกลยุทธ์ในระดับโลก และกำหนดให้ประเทศไทยเป็นฐานการพัฒนาและการผลิตที่สำคัญในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ AION ได้ให้ประเทศไทยเป็นประตูสำคัญสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์สู่ตลาดระดับโลก การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของ GAC AION ประเทศไทย ถือเป็นก้าวแรกที่มั่นคงในการพัฒนาสู่ระดับโลก และหลังจากการดำเนินการในประเทศไทย AION ได้วางแผนที่จะขยายขอบเขตธุรกิจและกำหนดเป้าหมายไปยังยุโรป อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ โดยเฉพาะตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระดับโลกและความมุ่งมั่นในการขยายตลาด 

นอกจากนี้ในงาน Motor Expo 2023 AION ยังได้นำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION มาโชว์ด้วย อย่างเช่น Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดุดันและสง่างาม เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยราคาประมาณ 1,100,000 – 1,700,000 บาท (ในประเทศจีน) สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก และทำยอดขายไปได้มากถึง 2,000 คันในเดือนแรกของการเปิดตัว ถือเป็นรถสปอร์ตซีดานไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ที่ทำยอดขายได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว ดีไซน์ภายนอกและภายในของ Hyper GT แฝงไว้ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ต ผสานกับความหรูหราไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิด-ปิด ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว รวมถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ที่จะทำงานเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด หรือเลือกเปิด – ปิด ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ 

ขุมพลังของ Hyper GT จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที ขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 710 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) นอกจากนี้ยังได้ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ NDA ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัวที่สามารถปรับโฟกัสสำหรับการตรวจหาวัตถุได้ทั้งในระยะใกล้และระยะไกล พร้อมด้วยชิปประมวลผล AI คุณภาพสูงจาก Huawei มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร 

และ Hyper HT เอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอนด์ รุ่นแรกจาก Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงจาก GAC AION ที่มาพร้อมกับดีไซน์ สมรรถนะ และออปชั่น ที่เหนือกว่า โดยรถคันนี้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP 3.0 ที่ทาง GAC AION วิจัยและพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ Xingling ซึ่งจะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์มากถึง 39 ตัว, ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัว ให้ความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ขับและผู้โดยสาร 

Hyper HT ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ในตลาดเอสยูวีไฟฟ้า 100% โดยได้ชูจุดเด่น 4 ประการได้แก่ ดีไซน์และการออกแบบที่หรูหรา, วัสดุและการตกแต่งระดับพรีเมียม, สมรรถนะการขับที่ยอดเยี่ยม และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ชาญฉลาด มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร สอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์ Hyper ได้แก่ Advanced , Trendy , Fun , High-grade 

ปิดท้ายด้วย Hyper SSR ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% ระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นรถซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูงระดับไฮเอนด์รุ่นแรก ภายใต้แบรนด์ Hyper จาก GAC AION บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับแถวหน้าจากประเทศจีน 

Hyper SSR มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยวและเป็นเอกลักษณ์ ตัวถังภายนอกผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง 100% ให้ความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบากว่าเหล็กทั่วไปมากถึง 2.5 เท่า โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิดหรือปิดเพียงแค่กดปุ่มบริเวณประตู, หรือเหยียบแป้นเบรกให้ลึกขึ้นในขณะจอดรถ ประตูก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ Active Spoiler ซึ่งสามารถสร้างแรงกดบริเวณท้ายรถได้มากถึง 100 กิโลกรัม และไม่น่าเชื่อว่า Hyper SSR มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd) เพียงแค่ 0.146 เท่านั้น 

ขุมพลังของ Hyper SSR จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้พละกำลังสูงสุดมากถึง 1,225 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G 

ตัวรถ Hyper SSR ถูกคิดค้น วิจัย และพัฒนา โดยทีมวิศวกรของ Hyper ทั้งหมด และถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับสูง ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์จีน และยังเป็นรถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ที่เริ่มวางขายในประเทศจีนอีกด้วย 

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

อีวี ไพรมัส อวดโฉม WULING เพิ่มอีก 2 รุ่น WULING BAOJUNYEP และ รถไฟฟ้าแบรนด์ WULING MINI EV CONVERTIBLEในงาน Motor EXPO ครั้งที่ 40

 ตอกย้ำ DNA แบรนด์ WULING ที่เน้นความวัยรุ่น โดดเด่น มีเอกลักษณ์
ตามคอนเซ็ปต์ “Young at Heart”
 โชว์นวัตกรรมภายใต้แบรนด์ WULING ที่มีหลากหลายรูปแบบของ City EV ให้คนไทยได้เลือกใช้หลังผลตอบรับ WULING AIR EV ดีเกินคาด บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย
และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์วู่หลิง (WULING)
แต่ผู้เดียวในประเทศไทย (Sole Distributor) เปิดตัว City EV
ภายใต้แบรนด์ WULING เพิ่มอีก 2 รุ่นคือ WULING BAOJUN YEP และ WULING MINI EV CONVERTIBLE ในงาน Motor EXPO
โดยภายในงานยังได้นำเสนอ WULING AIR EV พร้อมแพ็กเกจโปรโมชั่น ดอกเบี้ย 0% พร้อมประกันภัย ชั้น 1 รวมมูลค่า กว่า 50,000 บาท


นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้เข้าร่วมงาน Motor EXPO โดยภายในงาน อีวี ไพรมัส ได้นำเสนอรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ 2 รุ่นภายใต้แบรนด์ WULING คือ WULING BAOJUN YEP และ WULING MINI EV CONVERTIBLE
ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้เป็นรถ City EV ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยจะได้สัมผัสรถทั้ง 2 รุ่นอย่างใกล้ชิดที่บูธในงาน “ที่เราเอารถ 2 รุ่นนี้มาภายใต้คอนเซ็ปต์บูธ ‘Young at Heart’ ในงาน Motor EXPO เพื่อตอกย้ำแนวคิดที่มุ่งเน้น City EV มาตอบโจทย์ Lifestyle คนเมือง ซึ่งภายใต้จุดยืน เราจะนำเสนอ รถไฟฟ้า WULING ในหลากหลายรุ่น หลากหลายราคาภายในโชว์รูมทั่วประเทศ
เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่จากประสบการณ์ของเราที่ได้เปิดตัวรถอีวีไปแล้ว 2 รุ่นคือ VOLT CITY EV และ WULING AIR EV

ผลลัพธ์คือเราได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างล้นหลาม เราจึงมั่นใจว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบซิตี้อีวีจะได้รับความนิยมจากตลาด เช่นเดียวกันกับประเทศจีนที่ซิตี้ อีวี เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตในเมืองหรืออยากจะเริ่มใช้รถอีวีเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะขยับไปใช้รถอีวีขนาดที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต” นายพิทยา กล่าว
WULING BAOJUN YEP ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบรถที่มีรูปลักษณ์แบบย้อนยุคที่เป็นเอสยูวีไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่มีความยาวตัวถัง 3,381 มม. ความกว้าง 1,685 มม.ความสูง 1,721 มม. และความยาวฐานล้อ 2,110 มม.ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบทันสมัยไม่ตกเทรนด์ด้วยหน้าจอ 2 จอขนาด 10.25 นิ้วเพื่อแสดงข้อมูล ขับขี่และระบบอินโฟเทนเมนท์ต่าง ๆ รวมทั้งคอนโซลฝั่งผู้โดยสารสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ เช่น ที่วางโทรศัพท์ เป็นต้น
WULING BAOJUN YEP ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 50
กิโลวัตต์ (68 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร
สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 28.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 303
กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC)
และยังรองรับการชาร์จ แบบ DC จาก 30 – 80% ในเวลา 35 นาที
สำหรับ WULING MINI EV CONVERTIBLE
เป็นรถไฟฟ้าเปิดประทุนขนาดเล็ก ขนาดตัวรถยาว 3,059 มม. กว้าง 1,521 มม. และสูง 1,614 มม. ออกแบบสำหรับโดยสาร 2 คน
ซึ่งพื้นที่เบาะหลังถูกพัฒนาเป็นพื้นที่สำหรับเก็บหลังคาอ่อนของรถ
รถไฟฟ้าเปิดประทุนขนาดเล็กรุ่นนี้ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังขับเคลื่อน 41
แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 100
กม./ชม. ด้วยขนาดแบตเตอรี 26.5 kWh สามารถให้ระยะการเดินทางต่อการชาร์จได้ 280 กิโลเมตรตามมาตรฐานCLTC

“วันนี้เราจัดแสดงรถทั้ง 2 รุ่น ในงานโดยที่เรายังไม่ได้เปิดราคาเพื่อตรวจเช็คความสนใจ และการตอบรับของทั้ง 2 รุ่น ก่อนนำมาจำหน่าย โดยทาง SGMW หรือ บริษัทแม่ มีความมั่นใจในตลาดประเทศไทยอย่างมากด้วยยอดจองที่ทะลุพันคันในเวลาสั้น ๆ ของ WULING AIR EV ตอนนี้เราได้ส่งมอบไปแล้ว 100% ของยอดจอง และทุกวันนี้ยอดจองยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่หากลูกค้าท่านใดสนใจจะจอง WULING รุ่นใหม่ที่เราเอามาโชว์ เราก็ยินดีให้ลงทะเบียนไว้เพื่อรับสิทธิ์พิเศษในการรับรถก่อนพร้อมข้อเสนอพิเศษภายหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง” นายพิทยา กล่าว


นายพิทยา กล่าวว่าภายในงาน Motor EXPO อีวี ไพรมัส ยังได้นำเสนอ
WULING AIR EV ทุกรุ่นพร้อมโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน คือ ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 36 เดือน พร้อมทั้งประกันภัยชั้น 1 ทุกรุ่นรวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท นายพิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ทั้ง VOLT CITY EV และ WULING AIR EV ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก
โดยทั้งสองรุ่นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคภายใต้แนวคิด “Young at Heart” ที่ลูกค้าได้เปิดใจใช้รถอีวีแบบซิตี้ที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง โดย VOLT CITY EV ผู้ใช้รถรุ่นนี้
นิยมใช้รถในลักษณะเป็นรถเสริมคันพิเศษภายในบ้านสำหรับสมาชิกทุกคนของบ้าน ส่วน WULING AIR EV จะเป็นรถที่ลูกค้านำออกมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อสะท้อนบุคลิกของคนยุคใหม่ที่ทันสมัยไม่ตกเทรนด์ด้วยเทคโนโลยีที่จัดเต็มมาพร้อมกับรถรุ่นนี้ อีกทั้งเป็นรถที่เหมาะกับแต่งตามสไตล์ของตนเองและเหมาะกับการใช้งานภาย ในเมืองที่แท้จริง เพราะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไม่ก่อมลพิษและขนาดกระทัดรัด หาที่จอดได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งรูปลักษณ์ของตัวรถเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สัญจรมาพบ

“จากการที่บริษัท ฯ เข้าร่วมงานพบปะผู้ใช้รถจริง ทั้ง 2 ครั้ง
ซึ่งมีลูกค้าจริงเข้าร่วมกว่า 100 คัน ในกิจกรรมเราได้ฟังเสียงจากผู้ใช้จริงที่เขาใช้ WULNG AIR EV แล้ว เขาเป็นจุดเด่นบนท้องถนนมาก ขับไปไหนก็มีแต่คนมองแล้วยิ้มให้ อีกทั้งยังใช้งานสะดวกขับขี่ดี
ทำให้เขารู้สึกได้เลยว่าเขาตัดสินใจไม่ผิดเลยที่ซื้อรถคันนี้ด้วยราคาที่จับต้องได้จริง ๆ และลูกค้าบางท่านยังย้ำกับผมอีกว่าเขาแทบไม่ได้จ่ายอะไรเพิ่มสำหรับรถคันนี้ ในแต่ละเดือน เพราะเขาเอาเงินที่ประหยัดจากการเติมน้ำมันมาเป็นค่าผ่อนรถของเขา เขาจ่ายแค่เงินดาวน์เพิ่มเท่านั้นเอง” นายพิทยา กล่าว WULING AIR EV ปัจจุบันมี 2 รุ่น คือ Standard Range และ Long Range เป็นรถซิตี้ อีวี 4 ที่นั่ง 3 ประตู ซึ่งบริษัท อีวี ไพรมัส จะเปิดตัวรถทั้ง 2 รุ่น โดยตัวรถมีขนาดความยาว 2,974 มม. ความกว้าง 1,505 มม. และความสูง 1,631 มม. ความจุของแบตเตอรี่สำหรับรุ่น Standard Range 17.3 kWh สามารถวิ่งได้ 200 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 8 ชั่วโมง และรุ่น Long Range ความจุของแบตเตอรี่ 26.7 kWh สามารถวิ่งได้ 300 กม. ต่อการชาร์จแบบ AC 6.6 kw 1 ครั้ง 4 ชั่วโมง ในรุ่น Long Range มีแอพพลิเคชั่นควบคุมการทำงานของรถได้จากระยะไกล อาทิ ล็อค-ปลดล็อครถ ปรับกระจก ขึ้น-ลง เปิด-ปิดแอร์ เช็คสถานะแบตเตอรี่
ระยะทางที่วิ่งได้ และ ตำแหน่งรถ
โดยผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/WulingThai และ
https://www.instagram.com/wulingthai และ http://www.wulingthai.com

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนลูกค้าสัมผัส ออล-นิว

ไทรทัน ทุกรุ่น แต่งเต็มทุกแนว พร้อมทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิหลากหลายรุ่น ที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40”

จากภาพ:มร. เออิอิชิ โคอิโตะ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ
มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์การตลาด สายงานกลยุทธ์การตลาด สายงานขาย
สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และสายงานบริการหลังการขาย มิตซูบิชิมอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมจัดแสดง ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ครบทุกรุ่น สำหรับลูกค้าชาวไทย ครั้งแรก ที่งาน


“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ “Motor Expo 2023”
กรุงเทพฯ – 29 พฤศจิกายน 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
(ประเทศไทย) จำกัด ชวนลูกค้าชมโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน
ครบทุกรุ่น ครั้งแรก ที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” นำทัพโดย ออล-
นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท และ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ
ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II เอกลักษณ์เฉพาะมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (4H) เจ้าแรกในตลาดกระบะไทย ใหม่ล่าสุดด้วย 7 โหมดการขับขี่ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)
ขับขี่คล่องตัวด้วยความปลอดภัยสูงสุดบนทุกสภาพถนน
พร้อมสัมผัสกลุ่มรถกระบะออล-นิว ไทรทัน ตัวเตี้ย ครบทุกแค็บ
ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า แชส์ซีส์ใหม่ “เมกา

เฟรม” สุดแกร่งที่ใหญ่กว่าเดิม ทั้งยังจับมือสำนักแต่งรถทุกสายทั้งแนวเรซซิ่ง แนวแคมป์ปิ้ง 4WD และเชิงพาณิชย์ จัดแสดงรถแต่งทรงต่างๆ สร้างแรงบันดาลใจ ทั้งกระบะตัวเตี้ยแต่งเต็มสไตล์เรซซิ่งสุดเท่ คอกซิ่งสุดหล่อ และติดตั้งตู้ทึบสำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์ รวมถึงกระบะยกสูงจัดทรงสายแรลลี่ สายแคมป์ปิ้ง มอเตอร์โฮม และอื่นๆ มาให้ยลโฉมอีกด้วย
มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่เราได้เปิดตัวรถยนต์ ออล-นิว
มิตซูบิชิ ไทรทัน ในงานเวิลด์พรีเมียร์ที่ประเทศไทย ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา งานนี้ถือเป็นครั้งแรกของการจัดแสดงรถยนต์ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ครบทุกรุ่น ที่เกิดมาเพื่อปฏิวัติความเชื่อ เป็นได้มากกว่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ด้วยจุดเด่นด้านความสะดวกสบายสุดหรูของห้องโดยสารที่เทียบเคียงได้กับรถเอสยูวี ควบคู่กับสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม


ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่ให้พละกำลังสูงแต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิมพร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถกระบะยุคใหม่ได้ดี เหมาะทั้งสำหรับใช้เป็นรถเพื่อประกอบอาชีพสร้างผลกำไร และเติมเต็มความสนุกเร้าใจในการใช้งานส่วนตัว” บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่
40″แบ่งการจัดแสดงรถไว้ทั้งหมด 3 โซน ประกอบด้วย เพลย์โซน (Play
Zone) เวิร์คโซน (Work Zone) และ ไลฟ์สไตล์โซน (Lifestyle Zone)
เพื่อสะท้อนถึงอรรถประโยชน์มากมายของรถมิตซูบิชิหลากหลายรุ่น
ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลากหลา
ยกลุ่ม ไฮไลท์ของ เพลย์โซน (Play Zone) ณ บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ออกแบบเพลย์โซน (Play Zone) โดยมุ่งเน้นการจัดแสดงยนตรกรรมเพื่อคนรักการผจญภัย เน้นโชว์รถกระบะตัวท็อป และตัวแต่ง อาทิ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู (Hyper Power X 2 ) เทอร์โบสองสเตจ ด้วยพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ภายใต้การออกแบบสไตล์สปอร์ตสุดล้ำ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ชื่นชอบการผจญภัย

พร้อมความสะดวกสบายสุดหรูของห้องโดยสาร สะกดทุกสายตาของผู้ชื่นชอบรถกระบะด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยแนวคิด “บีสต์ โหมด” (BEAST MODE) ที่ผสมผสานความปราดเปรียวเข้ากับการออกแบบที่แข็งแกร่งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตา พร้อมสะท้อนความบึกบึนและทรงพลังในแบบฉบับรถกระบะที่แท้จริง การันตีด้วยรางวัลออกแบบยอดเยี่ยม หรือ Good Design Award 2023 ที่จัดโดยสถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Institute of Design Promotion) ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ได้หลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ ที่มาพร้อมกับระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM)
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW)
ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA)
ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic
Alert: RCTA) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam:
AHB) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)
ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน พร้อมด้วยระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทุกรุ่นย่อย จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) เป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดดเด่นด้วยโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel
Control) เจ้าแรกในตลาดกระบะไทย ซึ่งสามารถเปลี่ยนจากโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันที
แม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly)
เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและทุกรูปแบบของพื้นผิว ด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal),
โหมดประหยัดเชื้อเพลิงและรักษ์โลก (Eco),โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel),โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตกผิวถนนเปียกลื่น (Snow), โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น (Mud),โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน (Sand),โหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระ (Rock)แตกต่างอย่างเหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ 


นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพลย์โซน (Play
Zone) คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้ออัลตร้า
เกียร์อัตโนมัติ และออล-นิว ไทรทัน รุ่นตัวเตี้ย ทั้งเมกะ แค็บ ตอนครึ่ง
และดับเบิ้ล แค็บ สี่ประตู ตัวเตี้ย ซึ่งพร้อมส่งมอบในช่วงปักษ์แรกของเดือนธันวาคม 2566 โดยจัดแสดงแบบแต่งเต็มหล่อเข้มเต็มพิกัด
จัดทรงโชว์ความเท่สไตล์เรซซิ่งบวกอารมณ์สปอร์ต ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างและผู้รักความเร็วสไตล์มอเตอร์สปอร์ตภายในงาน ยังมีการนำเสนอเทคโนโลยี มิตซูบิชิ คอนเนค (MITSUBISHI CONNECT)
ที่เชื่อมต่อและควบคุมตัวรถได้จากระยะไกล สามารถรองรับได้ทั้งระบบ
iOS และ Android ผ่านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน “My
MITSUBISHI CONNECT” เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย
เพิ่มความอุ่นใจในทุกมิติ ทั้งระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS
ผ่านตัวรถ (e-call) ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน
นอกจากนี้ยังให้ความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชันการสั่งการจากระยะไกล
ทั้งการควบคุมเครื่องปรับอากาศจากระยะไกล
การล็อกและปลดล็อกประตูรถได้จากระยะไกล
การควบคุมแตรรถและการเปิดปิดไฟหน้าจากระยะไกล
รวมถึงการรายงานและตรวจสอบสถานะของรถยนต์ เช่น
ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง
และมีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ
การขอความช่วยเหลือบนท้องถนน (Roadside Assistance)

การระบุตำแหน่งรถยนต์ และการช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม (Stolen
Vehicle Assistance) ไฮไลท์ของ เวิร์คโซน (Work Zone) ณ บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส การจัดแสดงรถในเวิร์คโซน (Work Zone) มุ่งฉายภาพโอกาสทางธุรกิจให้กับเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ และหน่วยงานองค์กรต่างๆ
ผ่านการปรับทัพรถกระบะให้ครองใจเจ้าของธุรกิจและผู้ขับขี่ได้ดีขึ้นใน
ราคาที่จับต้องได้ ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมของออล-นิว ไทรทัน
ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ที่ให้พละกำลังสูงแต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม
แชสซีส์ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม แข็งแกร่งทนทานยิ่งกว่า และขนาดกระบะท้ายที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารถกระบะด้วยกัน จึงสามารถรองรับโหลดบรรทุกในแต่ละรอบได้มากขึ้น ทั้งยังบำรุงรักษาง่ายในงบประมาณที่ประหยัดกว่า
พร้อมจับมือพาร์ทเนอร์ในการติดตั้งตู้ทึบ หรือเสริมคอกบรรทุกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และด้วยจุดเด่นด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและการตกแต่งภายใน ที่ช่วยสวยงาม ภายใต้แนวคิด ‘มิตซูบิชิ ทัช’ โดยเฉพาะเบาะนั่งของออล-นิว ไทรทัน ที่ออกแบบเป็นพิเศษให้ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อต้องเดินทางไกล รถกระบะออล-นิว ไทรทัน ที่แต่งเชิงพาณิชย์จึงเป็นได้มากกว่ารถขนส่ง โดยรุ่นที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ออล-นิว ไทรทัน รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ตัวเตี้ย รุ่นเมกะ แค็บ ตัวเตี้ย
และรุ่นเมกะ แค็บ ยกสูง นอกจากนี้ ภายใน เวิร์คโซน (Work Zone)
ยังน้นโชว์สมรรถนะและฟังก์ชันความสะดวกสบายของตัวรถ
รวมถึงศักยภาพการบรรทุกและการใช้งานด้านต่างๆ ของ ออล-นิว
มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้งานเชิงพาณิชย์ของลูกค้าชาวไทย จากการศึกษาตลาดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส อย่างต่อเนื่องด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 4N16  ที่ทรงพลังกว่าเดิม ด้วยกำลัง 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ “ไฮเปอร์พาวเวอร์” (Hyper Power) 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร
สำหรับรุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมแชสซีส์ใหม่
“เมกา เฟรม” ที่ได้รับการออกแบบให้ใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเดิม

ตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงมีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้น และมีพื้นที่กระบะท้ายกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ผสานช่วงล่างใหม่ ตอบรับทุกการใช้งาน มั่นใจทุกการบรรทุกได้เต็มพิกัด ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีและมีความทนทานกว่านำไปสู่ผลกำไรที่สูงขึ้นสำหรับลูกค้าที่ใช้งานเพื่อการพาณิชย์ ภายในห้องโดยสารของ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ และรุ่น เมกะ แค็บ ยังได้รับการออกแบบให้มีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงให้ความนุ่มนวลทุกสัมผัส จับถนัดคล่องตัวและสะดวกสบาย
เสริมด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ที่โอบอุ้มสรีระ เน้นให้ขับขี่ทางไกลได้อย่างไม่เหนื่อยล้า ร่วมด้วย พวงมาลัยและสวิทช์ควบคุมต่าง ๆ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้ง่ายขึ้น แม้ขณะสวมถุงมือ
เพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการขับขี่อย่างเต็มที่ พร้อมติดตั้งชุดเครื่องเสียงและหน้าจอสัมผัสขนาด10 นิ้ว ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบที่มุ่งครองใจเจ้าของกิจการและ
ผู้ใช้งานจริง นอกเหนือจากสมรรถนะและความสะดวกสบายเหนือระดับแล้ว ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทุกรุ่น ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันที่สุด เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน โดยในรถทุกรุ่นย่อยรวมถึงรุ่นเริ่มต้น มีระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) และระบบแอคทีฟลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทุกรุ่น
จึงเป็นเสมือนหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของกิจการไทย
ที่พร้อมรองรับการดัดแปลงเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ได้หลากหลาย
มีความสะดวกสบายเต็มพิกัดขณะใช้งาน

ทั้งยังบำรุงรักษาง่ายในงบประมาณที่ประหยัดกว่า
เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถสร้างผลกำไรได้เร็วที่สุด
ไฮไลท์ของ ไลฟ์สไตล์โซน (Lifestyle Zone) ณ บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
สัมผัสกับรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อีกหลากหลายรุ่น ใน
ไลฟ์สไตล์โซน (Lifestyle Zone) ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท
เอดิชัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ติดตั้งเต็นท์แคมป์ปิ้ง
เพื่อสะท้อนความเป็นเพื่อนคู่ใจที่ดีที่สุดบนทุกเส้นทางที่มุ่งมั่นตะลุย
พร้อมด้วย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต GT-Plus ที่โดดเด่นในสไตล์สปอร์ต
นอกจากนี้ ภายในไลฟ์สไตล์โซน (Lifestyle Zone) ยังมีการจัดแสดง
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง
สไตล์หรูหราที่ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้มากกว่า
และผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบการผจญภัยยังสามารถเลือกชม มิตซูบิชิ
เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ในสไตล์สุดหรูพร้อมลุย โดยทั้ง 2 รุ่น
มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอันเหนือระดับ อาทิ
ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw
Control: AYC) ให้ความมั่นใจในการขับขี่
เข้าโค้งกระชับเฉียบคมบนทุกสภาพถนนและสภาพอากาศ
อีกทั้งยังจัดแสดง มิตซูบิชิ แอททราจ สเปเชียล เอดิชัน
รถยนต์อีโคคาร์ดีไซน์โดดเด่น คุ้มค่า
เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ใช้ชีวิตในเมือง
ผู้สนใจสามารถชมโฉม ออล-นิว ไทรทัน ทุกรุ่น
พร้อมทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิหลากหลายรุ่น ได้ที่งาน
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ “MOTOR EXPO 2023”
ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3
เมืองทองธานี พร้อมพบกับโปรโมชั่นมากมายและข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ
แคมเปญดอกเบี้ย 0% และข้อเสนอพิเศษกว่า 120,000 บาท
สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ
เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

‘ซูซูกิ’ ยกทัพอีโคคาร์บุกงาน Motor Expo 2023พร้อมเปิดไอเดียธุรกิจเคลื่อนที่แนวใหม่SUZUKI CARRY PORTABLE RESTROOMชูแคมเปญเด็ด “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดอกเบี้ย 0% หรือ ช่วยผ่อนนาน 2 ปี

29 พฤศจิกายน 2566-กรุงเทพมหานคร-นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

ซูซูกิ ยังคงนำรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเข้าร่วมจัดแสดงภายในงาน ภายใต้แนวคิด “Energize your drive” สื่อสารถึงยนตกรรมของซูซูกิที่เปี่ยมไปด้วยการออกแบบในสไตล์ที่โดดเด่นผสานกับเทคโนโลยีรวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา
งานมหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นงานที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงท้ายของปี ซึ่งเรามีความมุ่งหวังว่าการเข้าร่วมงานในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์ ซูซูกิให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-เดือนตุลาคม 2566) ซูซูกิมียอดจำหน่ายรวมจำนวน 10,480 คัน SUZUKI SWIFT สปอร์ตคอมแพคคาร์รุ่นยอดนิยม จำนวน 4,764 คัน SUZUKI CELERIO จำนวน
2,153 คัน SUZUKI CARRY 2,125 คัน SUZUKI XL7 จำนวน 681 คัน SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID จำนวน 334 คัน และ SUZUKI CIAZ จำนวน 390 คัน โดยเชื่อมั่นว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือจะช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตสูงขึ้นอย่างแน่นอน


นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์
(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของยนตกรรมจากซูซูกิ ซึ่งจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ซูซูกิทุกรุ่น นำโดย SUZUKI SWIFT GL NEXT รถซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก SUZUKI SWIFT GL
ที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จของรุ่นตกแต่งพิเศษหลายเวอร์ชัน

และได้รับความนิยมจนสร้างยอดขายให้ซูซูกิได้เป็นอย่างดี กับแนวคิด “NEXT to the edge ขับสนุกเต็มขั้น เร้าใจเกินพิกัด” พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าซูซูกิโดยเฉพาะ

SUZUKI SWIFT GL NEXT พร้อมการตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ GL NEXT Edition ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ดีไซน์ภายในการตกแต่งด้วยลายเคฟลาร์ ตรงบริเวณคอนโซลและแผงประตูด้านข้าง จอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุที่สามารถรองรับการเล่นไฟล์ MP3, WMA เติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดการเดินทาง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การ ใช้งานได้อย่างสูงสุด ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงาน แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็กอีกด้วย
โดยมีทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคาเริ่มต้นที่ 338,000 บาท สำหรับรุ่นมาจัดแสดงในงาน

SUZUKI CELERIO GL UP
รุ่นที่เคยสร้างกระแสความคุ้มค่า ที่มาพร้อมความโดดเด่นทุกด้าน ในสไตล์ CITY CAR ตอกย้ำความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ด้วยชุดแต่งพิเศษ GL UP
เติมเต็มความสปอร์ต ด้วยชุดสเกิร์ตรอบคัน พร้อมด้วยสปอยเลอร์หลัง
และชุดสติกเกอร์ GL UP ในราคาจำหน่ายที่ 423,000 บาท และ SUZUKI CELERIO GX มาพร้อมกับการปรับปรุงเพื่อตอบรับทุกการใช้งานที่ครบครัน ด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่นวิทยุที่รองรับการเล่นไฟล์ MP3 และ WMA ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Apple
Carplay และ Android Auto ราคาจำหน่าย 451,000 บาท


SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด รถอเนกประสงค์ MPV ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ SMART HYBRID ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ SHVS จากซูซูกิ

ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร เสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เพราะรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี ราคาพิเศษหลังหักส่วนลดเริ่มต้นที่ 699,000 บาท


SUZUKI CIAZ ฉีกกฎความคุ้มค่า ด้วยสัมผัสสบายสไตล์อีโคซีดาน
ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับทุกการเดินทางได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา จำหน่ายเริ่มต้นเพียง 528,000 บาท


SUZUKI XL7 รถยนต์ “Multi-Dynamic Crossover” ขนาด 7 ที่นั่ง
รถยนต์สำหรับครอบครัว มิติรถขนาดใหญ่ที่มีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร ความสูง 1,710 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถ 200 มิลลิเมตร มอบวิสัยทัศน์และสมรรถนะในการขับขี่ ทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า 814,000 บาท
SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์


ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต SUZUKI CARRY ไม่ได้ถูกจดจำในฐานะ “Food Truck” ธุรกิจติดล้อเพียงอย่างเดียว แต่จะกลายเป็น Goods Truck และ Service Truck ที่สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆ การช่วยเหลือสังคม รวมถึงการปรับใช้ส่วนตัวเพื่อให้กลายเป็นรถขนส่งความสุขเคียงข้างทุกเส้นทางฝันเป็นเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ
ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ใช้ด้วยความจริงใจ
พร้อมเดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ในราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท สำหรับในโซนการจัดแสดงรถยนต์ตกแต่ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของซูซูกิในทุกปีนั้น ซูซูกิยังคงคัดสรรรถที่ตกแต่งได้อย่างน่าสนใจ เพื่อนำเสนอเป็นแนวทางสำหรับลูกค้าของซูซูกิ

ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเพื่อความสปอร์ตเร้าใจในการขับขี่
หรือเพื่อนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์จากรถคันโปรดของตัวเองได้อย่างแท้จริง ไฮไลต์สำคัญ คือ การนำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY มาตกแต่งภายใต้แนวคิด Portable Restroom ยกระดับการออกแบบห้องน้ำเคลื่อนที่ให้มีความครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานทุกฟังก์ชัน ทั้งห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องสุขา โดยดีไซน์ให้มีความเป็นส่วนตัว สะดวกสบาย เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้า VIP หรือเป็นห้องน้ำ ห้องแต่งตัวส่วนตัวสำหรับศิลปิน ดารา นักแสดง ในการออกไปทำงานนอกสถานที่ สอดรับกับจุดเด่นของ SUZUKI CARRY ที่มีขนาดกะทัดรัด สามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดได้ จึงตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างครอบคลุม โดยซูซูกิได้ร่วมมือกับบริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจวัสดุตกแต่งบ้านที่ครบครันครอบคลุมหลากหลายแบรนด์ดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการจัดวางสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ SUZUKI CARRY บนพื้นฐานการใช้งานจริง ทั้งยังมุ่งหวังให้เป็นไอเดียต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่แตกต่าง จุดประกายแนวทางใหม่ให้ผู้ประกอบการ ตอกย้ำแนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนรถกระบะบรรทุกให้เป็นรถขนส่งความสุขเคียงข้างทุกเส้นทางฝันทั้งในด้านธุรกิจและการใช้ชีวิตส่วนตัว รวมถึงการช่วยเหลือสังคมเหมาะสมกับการเป็นรถที่ครองใจผู้ประกอบการตัวจริง สำหรับรุ่นยอดนิยม SUZUKI SWIFT นำมาตกแต่งในสไตล์ Camping ถูกออกแบบให้ลูกค้านำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สามารถบรรทุกสิ่งของบนแร็คหลังคาโดยรับน้ำหนักได้ถึง 50 กิโลกรัม บรรทุกสัมภาระได้สะดวกสบาย มาพร้อมการตกแต่งไฟหน้ารถ Smiley เพื่อเพิ่มแสงสว่างและทัศนวิสัยในเวลากลางคืน และอีกหนึ่งรุ่น เอาใจสายแต่งจากกลุ่มลูกค้าที่ชอบแต่งรถด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทันสมัย ด้วยดีไซน์สปอร์ต ดูเท่แบบลงตัว เพิ่มสมรรถนะการใช้งานยิ่งขึ้นด้วยยาง Dunlop 195/55/R15 พร้อมชุดแต่ง Mini BBT รอบคัน คิ้วซุ้มล้อและสปอยเลอร์หลังแบบแนบอีกด้วย

ซูซูกิ ยังเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่านให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิทุก รุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงจองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์นี้ รับแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มอบให้ลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ซูซูกิ ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซูซูกิช่วยผ่อน เดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พิเศษ! ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรกสำหรับรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี
หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศใกล้บ้าน
ช่องทางการติดต่อ
http://www.suzuki.co.th
http://www.facebook.com/officialsuzukimotorthailand
SUZUKI Cause We Care: 1800-600-900

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

มาสด้าสร้างเซอร์ไพรส์นำ Mazda6 20th Anniversary Editionฉลองครบรอบ 20 ปี เปิดรับจองสิทธิ์เพียง 100 คัน ในประเทศไทย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่จะประกาศให้ลูกค้าชาวไทยทราบว่า วันนี้ การรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อมาสด้าเตรียมนำเข้ารถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่ให้ความหรูหราภูมิฐานจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของ กับการเผยโฉมครั้งแรกของ Mazda6 20th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของมาสด้า6 โดยจะนำเข้ามาเพียง
100 คัน เท่านั้น เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม นักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ผู้บริหารระดับผู้นำสูงสุดขององค์กร โดยจะเริ่มเปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผ่านผู้จำหน่ายทั่ว ประเทศไทย และมีกำหนดส่งมอบให้กับลูกค้ารายแรกในช่วงเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2567 โดยจะวางราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณการณ์ 2.4 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจพิเศษเพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้าแบบพิเศษสุดกับโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ Mazda Ultimate Service นานสูงสุด 7 ปี และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้า6 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ไอคอนที่สำคัญของมาสด้า ภายใต้สโลแกน “Zoom-Zoom” โดยนับตั้งแต่ มาสด้า6 เจเนอเรชั่นแรก (หรือที่รู้จักในชื่อ Mazda Atenza ในประเทศญี่ปุ่น) ได้วางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 ในประเทศญี่ปุ่น ก็เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางที่เติมเต็มความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ


แม้ว่ามาสด้า6 ผ่านการออกแบบใหม่ทั้งหมดมาแล้วสองครั้ง
แต่ยังคงเอกลักษณ์ตัวตนที่ชัดเจนในด้านการส่งมอบความสุขในการขับขี่
ด้วยการนำเสนอคุณค่าในระดับสากลที่รถยนต์สามารถมอบให้ได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมและกลายเป็นรถที่ส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกมาแล้วกว่า 4 ล้านคัน เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้ามาสด้า และร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของ มาสด้า6
เจเนอเรชั่นแรก เมื่อปี พ.ศ. 2545 เช่นเดียวกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และแฟนมาสด้าทั่วโลก ทาง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จึงเตรียมนำรถยนต์ Mazda6 20th Anniversary Edition เข้ามาเปิดตัวแนะนำ เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้า เพื่อให้แฟนมาสด้าได้เป็นเจ้าของด้วยความภาคภูมิใจ โดยรถที่จะนำเข้ามานี้เป็นรถโมเดลเดียวกับที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นและผลิตจากโรงงานมาสด้า
ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังคงความสนุกสนานในการขับขี่สไตล์มาสด้าเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ผสานกับการออกแบบที่มีสไตล์ทำให้เกิดรูปลักษณ์อันสง่างาม พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด จนกลายเป็นรถยนต์ที่ไม่ธรรมดา และให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ซึ่งได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดประวัติศาสตร์ 20 ปี ของรถยนต์รุ่นนี้ มาสด้ายังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่สร้างความรักความผูกพันอันแน่นแฟ้นกับลูกค้า โดยมุ่งเน้นไปที่แก่นแท้ของรถยนต์ นั่นคือ “ความสุขในการขับขี่” หรือ Joy of Driving และมุ่งมั่นที่จะรักษาโลกของเราให้ยังคงสวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่น่าอยู่ เพื่อยกระดับจิตวิญญาณของทุกคน ในโอกาสพิเศษนี้ มาสด้าจึงนำเข้า Mazda6 20th Anniversary Edition ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าและแฟนๆ มาสด้าในประเทศไทย เพื่อให้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจของทุกคนในครอบครัว โดยมาสด้าจะเริ่มเปิดให้จองสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023
และโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ โดยจำกัดจำนวนเพียง 100 คัน เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รถยนต์นั่งสุดหรู Mazda6 20th Anniversary Edition มาพร้อมแนวคิด “The Ultimate Maturation of Sportiness and Elegance” โดยเป็นรถที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ด้านสมรรถนะในการขับขี่ เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่และฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกออกแบบให้มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว
ในรูปแบบสปอร์ตซีดาน 4 ประตู โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ไฟหน้าแบบ LED และหลังคาซันรูฟไฟฟ้า มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร เจเนอเรชั่นใหม่ พร้อมเทคโนโลยี Cylinder Deactivation อัจฉริยะ ที่เปิดตัวแนะนำเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
โดยระบบสามารถคำนวณและลดการทำงานของกระบอกสูบตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงความเร็ว จาก 4 สูบ ให้เหลือเพียง 2 สูบ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่าถึง 14.3 กม./ลิตร*
ให้พละกำลังสูงสุด 192 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 223 กม./ชั่วโมง พร้อมเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด และแมนนวลโหมด ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ปรับเพิ่ม-ลดความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง


*ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ ในด้านการออกแบบนั้น Mazda6 20th Anniversary Edition ได้รับการถ่ายทอดภาพลักษณ์ความภูมิฐาน ที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและความหรูหราสง่างามในรูปแบบสปอร์ตซีดาน ภายในตกแต่งอย่างประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนัง Faux Suede
Leganu® สีแทน พรีเมี่ยมทุกจุดสัมผัส รวมถึงเบาะหนัง Nappa สีแทน ระบบเสียง Bose® คุณภาพพรีเมี่ยม ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ครบทุกระบบ พร้อมสัญลักษณ์บ่งบอกความพิเศษบริเวณต่างๆ ของตัวรถ ได้แก่ สัญลักษณ์พิเศษครบรอบ 20 ปี ที่พนักพิงศีรษะเบาะคู่หน้า และชุดพรมปูพื้นห้องโดยสาร ป้ายสัญลักษณ์พิเศษครบรอบ 20 ปี ที่ซุ้มล้อหน้าซ้าย-ขวา และกุญแจรีโมทตามสีภายนอก บ่งบอกถึงการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 20 ปี ทำให้รถยนต์รุ่นพิเศษนี้แตกต่างโดดเด่นจากรถรุ่นอื่นอย่างชัดเจน โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม นักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ผู้บริหารระดับผู้นำสูงสุดขององค์กร แฟนพันธุ์แท้มาสด้า
และผู้ที่ชื่นชอบคาแร็กเตอร์ของรถมาสด้า ที่มอบความสนุกสนานในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลงตัว ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังได้พัฒนา Mazda6 20th Anniversary Edition ให้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น

ด้วยการเลือกสีตัวถังพิเศษที่เรียกว่า สีแดง Artisan Red Premium และ สีขาว Rhodium White Premium เป็นสีใหม่ที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีขั้นสูง ประกอบด้วยเกล็ดอลูมินัมที่มีความบางเป็นพิเศษแต่มีหนาแน่นสูง ด้วยเทคโนโลยี Takuminuri โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เป็นสีที่ได้รับการพัฒนาเพื่อถ่ายทอดความงดงามในทุกมุมมองเรียบลื่นราวกับผ้าไหม บ่งบอกถึงความพรีเมี่ยมเหนือระดับ
นอกจากมาสด้าจะนำ Mazda6 20th Anniversary Edition มาแนะนำและเปิดให้จองสิทธิ์ภายในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 แล้ว มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมมาสด้าทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้จับจองเป็นเจ้าของ
พร้อมกับเซอร์ไพรส์พิเศษ ด้วยการนำรถ New Mazda2 ในแบบแฮชท์แบ็ค 5 ประตู ที่ตกแต่งด้วยชุดแต่ง Sci-Fi ** มาจัดแสดงให้แฟนๆ ได้ยลโฉม โดยเลือกใช้สีภายนอกโทนเข้มและหลังคาสีดำ ที่ตัดกับชุดตกแต่งสีเขียว Lime Green บนชุดสปอยเลอร์หลัง คิ้วตกแต่งกระจังหน้าและกันชนหลัง มาพร้อมชุดสติกเกอร์ Sci-Fi บริเวณกระจังหน้า ชุดครอบกระจกมองข้างและฝาครอบล้อสีดำ ที่มอบความเรียบง่าย สนุกสนาน และเต็มไปด้วยลูกเล่นที่โดดเด่นลงตัว นอกจากนั้นยังนำ New Mazda2
ในแบบซีดาน 4 ประตู ที่ได้รับการเนรมิตโฉมแบบใหม่ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Clap Pop Sedan **ชุดครอบกระจกมองข้าง สีขาว Ceramic Metallic ชุดฝาครอบล้อ สีขาว Ceramic Metallic และหลังคาสีขาว
มาจัดแสดงให้เป็นไอเดียให้ลูกค้าที่ชอบความมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครได้นำไปเป็นแบบอย่างในการแต่งรถอีกหนึ่งรุ่น ที่สำคัญมาสด้ายังมอบข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย อาทิ ลูกค้า 300 ท่านแรก ที่จองขั้นต่ำ
5,000 บาท ภายในงานฯ และออกรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566
รับฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษจากมาสด้า พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับ ฟรี บัตรน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท *** รวมถึงมอบข้อเสนอมากมายส่งท้ายปี ไม่ว่าจะเป็น
 New Mazda2: ดอกเบี้ย 0% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 หรือ ดอกเบี้ย 0.59% 3 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 หรือ ดอกเบี้ย
1.39% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 ,
ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) 5
 Mazda3 และ Mazda3 Carbon Edition: ดอกเบี้ย 2.39% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 , ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 6 หรือ ดอกเบี้ย 1.39% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 New Mazda CX-3: ดอกเบี้ย 2.39% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1
ปี 2 , ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) 5 หรือ ดอกเบี้ย 1.19% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 Mazda CX-30 และ Mazda CX-30 Carbon Edition: ดอกเบี้ย 0% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 หรือ ดอกเบี้ย 0.99% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 , ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 6
 Mazda CX-5: ดอกเบี้ย 2.39% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 , ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 6 หรือ ดอกเบี้ย 1.39% 4

ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 Mazda CX-8: ดอกเบี้ย 2.39% 4 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 , ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 6 หรือ ดอกเบี้ย 1.49% 4 ,
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
ลูกค้าที่สนใจรถยนต์นั่ง Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 20 ปี ที่มีให้ครอบครองเป็นเจ้าของเพียง 100 คัน ในประเทศไทย สามารถยลโฉมคันจริงได้ที่งาน มอเตอร์
เอ็กซ์โป 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566 นี้ เท่านั้น สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน รับข้อเสนอพิเศษดีๆ เช่นนี้เฉพาะช่วงปลายปี สามารถเข้าชมและจับจองได้ภายในงานฯ หรือที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดตัว ‘The New Peugeot 408 GT’ ยนตรกรรม Fastback ใหม่ล่าสุด ผสาน 3 เอสยูวีรุ่นพิเศษ 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง กับราคาสุดเร้าใจ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

เปอโยต์ ประเทศไทย ผู้จำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เต็มเติมความเร้าใจภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ด้วยการจัดแสดงยนตกรรมรุ่นใหม่ ‘The New Peugeot 408 GT’ มนต์เสน่ห์แห่งการดีไซน์สไตล์ฝรั่งเศส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Language of Attraction’ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้จองสิทธิ์การเป็นเจ้าของ ขณะที่เอสยูวี 3 รุ่นพิเศษ ทั้ง 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง มาพร้อมชื่อใหม่ ‘เดอ นูโว’ (De Nouveau) ที่สำคัญ มาพร้อมราคาสุดเร้าใจ ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น เฉพาะในงานเท่านั้น

สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เปอโยต์ ประเทศไทย ร่วมสร้างความตื่นตาตื่นใจในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ด้วยการจัดแสดง ‘The New Peugeot 408 GT’ มนต์เสน่ห์แห่งการดีไซน์สไตล์ฝรั่งเศส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Language of Attraction’ พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้จองสิทธิ์ก่อนใคร สมทบด้วยยนตรกรรม 3 รุ่นพิเศษ ที่ปรับราคาสุดเร้าใจ เฉพาะในงานนี้ อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจ ให้แวะมาชมกันที่บูธของเราครับ”

++ ‘The New Peugeot 408 GT’ มนต์เสน่ห์แห่งการดีไซน์สไตล์ฝรั่งเศส

The New Peugeot 408 GT คือ มนต์เสน่ห์แห่งการดีไซน์สไตล์ฝรั่งเศส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Language of Attraction’ รูปลักษณ์สไตล์ฟาสแบ็ค (Fastback) นับเป็นรถซีดานที่ให้อารมณ์การขับแบบสปอร์ต ผสานเดย์ไทม์รันนิงไลท์ทรงเขี้ยวสิงห์ พร้อมกระจังหน้าแบบไร้กรอบ ด้านหลังติดตั้งไฟท้ายกรงเล็บสิงห์ 3 ขีด พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ช่วงล่างระยะห่างจากพื้นถนนมากขึ้น แต่ยังคงความโฉบเฉี่ยวของตัวถัง เป็นรถที่ดูสวยแบบแฮตช์แบ็ค แต่ให้ความสะดวกสบายแบบเอสยูวี

++ ห้องโดยสาร ‘Peugeot i-Cockpit’ เจเนอเรชั่นล่าสุด ผสานขุมพลังเทอร์โบ

ห้องโดยสารล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี ‘Peugeot i-Cockpit’ เจเนอเรชั่นล่าสุด เบาะหนังแท้ ‘Nappa’ ติดตั้งมาตรวัด 3 มิติ ขนาด 10 นิ้ว บริเวณด้านหน้าผู้ขับ ขณะที่กลางแดชบอร์ดติดตั้งทัชสกรีนอเนกประสงค์ขนาด 10 นิ้ว เอียงเข้าหาผู้ขับเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมระบบนำทาง รองรับ Apple Car Play และ Android Auto และเพิ่มความสุนทรีย์ด้วยชุดเครื่องเสียงสุดหรูจากฝรั่งเศส ‘FOCAL Hi–Fi’ ลำโพง 10 ตำแหน่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1.6 ลิตร 218 แรงม้า (HP) แรงบิด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ ‘e-EAT8’ 8 จังหวะ

พร้อมรับจองสิทธิ์เป็นเจ้าของก่อนใครในงาน Motor Expo จะได้รับของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟเป็นที่พักโรงแรม InterContinental Hua-Hin 2 วัน 1 คืน มูลค่า 18,000 บาท และหูฟัง Focal Listen Wireless Headphone มูลค่า 11,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท

นอกจากนั้นก็มีเอสยูวี 3 รุ่นพิเศษ ภายใต้ชื่อ ‘เดอ นูโว’ (De Nouveau) มาพร้อมราคาสุดคุ้มเฉพาะในงาน

Peugeot 2008 De Nouveau ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท

Peugeot 3008 De Nouveau ราคาเริ่มต้น 1,489,000 บาท

Peugeot 5008 De Nouveau ราคาเริ่มต้น 1,589,000 บาท

ทุกรุ่นมาพร้อมโปรแกรม ‘Peugeot Care’ ฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร, การรับประกันสินค้า 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี ตลอด 24 ชั่วโมงไม่จำกัดระยะทาง

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งยนตรกรรมที่ขายดีที่สุดในฝรั่งเศส ที่มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะอันโดดเด่น ได้ที่บูธ เปอโยต์ ประเทศไทย (B08) ในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 1-11 ธันวาคม 2566 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

สอบถามข้อมูลติดต่อ เปอโยต์ ประเทศไทย

Call Center โทร. 1488

LINE: @peugeotthailand

FACEBOOK: Peugeot Thailand

www.peugeot.co.th

++++++++++

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation

จี๊ป ประเทศไทย เผยโฉม ‘ออล-นิว แกรนด์ เชอเรอกี โฟว์ บาย อี ปลั๊ก-อินไฮบริด’ จัดแสดงพร้อมรับจองสิทธิ์ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

จี๊ป ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ จี๊ป อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัว ‘ออล-นิว แกรนด์ เชอเรอกี รุ่น ซัมมิท รีเซิร์ฟ โฟว์ บาย อี ปลั๊ก-อินไฮบริด’ (All-new Grand Cherokee Summit Reserve 4xe Plug-in Hybrid) โฉมใหม่ของพรีเมียมเอสยูวีอเนกประสงค์
ที่ทำตลาดโลกมานานกว่า 30 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นเอสยูวีที่ได้รับรางวัลเป็นจำนวนมากที่สุด (The Most Awarded SUV Ever) อาทิ เอสยูวีขนาดกลางยอดเยี่ยมประจำปี 2566 จากสมาคมสื่อมวลชน สายยานยนต์ของ New England (2023 NEMPA Best in Class Mid-Size SUV), ยนตรกรรมที่มีความปลอดภัยมากสุดประจำปี 2566 จาก Insurance Institute for Highway Safety (2023 IIHS TOP SAFETY PICK+), ยนตรกรรมยอดนิยมแห่งชาติ 20 ปีซ้อน (Most Patriotic Brand for
20 Consucutive Years) รวมถึงรางวัล 2022 Best Two-Row SUV, 2022 IntelliChoice Best Overall Value Winner, 2022 IntelliChoice Lowest Cost of Ownership Winner และ 2022 IntelliChoice Multiple Smart Choice Winner ทันสมัยด้วยการใช้ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด
ครองใจผู้ชื่นชอบยนตรกรรมพันธุ์แกร่งสัญชาติอเมริกันอย่างต่อเนื่อง
สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จี๊ป เป็นยนตรกรรมพันธุ์แกร่งสัญชาติอเมริกัน ภายใต้สเตลแลนทิส (STELLANTIS) กลุ่มธุรกิจซึ่งเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก โดย จี๊ป ได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์ระดับไอคอน กับประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 83 ปี สะท้อนความอิสระเสรีแบบอเมริกัน และเคยมี


ส่วนร่วมในหลายเหตุการณ์สำคัญของโลก ซึ่งทางบริษัทฯ มีความภูมิใจที่จะนำเสนอรถยนต์ จี๊ป รุ่นใหม่ ‘ออล-นิว แกรนด์ เชอเรอกี รุ่น ซัมมิท รีเซิร์ฟ โฟว์ บาย อี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด’ ให้ลูกค้า ในประเทศไทยได้สัมผัส พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-11 ธันวาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ช่วงต้นไตรมาสที่สอง ปี 2567”
++ งามสง่าเหนือระดับ ประทับใจทุกมุมมอง ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี รุ่น ซัมมิท รีเซิร์ฟ โฟร์ บาย อี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด มาพร้อมรูปลักษณ์ ที่ผ่านการออกแบบใหม่ ให้ความงามสง่า หรูหรา และโดดเด่น กับสีสันแบบทูโทน หลังคาสีดำเงา ตัดกันกับสีรถอย่างลงตัว กระจังหน้าแบบ 7 ช่อง ตกแต่งด้วยโครเมียม เอกลักษณ์ของรถยนต์ จี๊ป ติดตั้งไฟหน้าอัตโนมัติแบบแอลอีดี โลโก้สัญลักษณ์รอบคันล้อมกรอบด้วยสีฟ้า บ่งบอกถึงการเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า ปิดท้ายความอลังการด้วยท่อไอเสียแบบคู่ และล้ออัลลอยขนาด21 นิ้ว


++ ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด ทันสมัย ใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า
ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ กับขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริดอันทันสมัย เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 2.0 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ทำได้ 381 แรงม้า (HP) แรงบิด 637 นิวตันเมตร ส่งกำลัง สู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ได้เป็นระยะทางสูงสุด 37 กิโลเมตร
++ พิชิตทุกเส้นทาง ด้วยระบบช่วงล่าง ‘QUADRA-LIFT’
‘ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี รุ่น ซัมมิท รีเซิร์ฟ โฟร์ บาย อี ปลั๊ก-อินไฮบริด’ พร้อมนำผู้โดยสาร
สู่จุดหมายอย่างสะดวกสบายในทุกสภาพเส้นทาง ด้วยระบบช่วงล่างถุงลม ‘คอดดร้า ลิฟท์’ (Quadra Lift) และ Semi-active damping ปรับความสูงอัตโนมัติ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ‘คอดดร้า แทรก ทู’ (Quadra Trac II), ‘ซีเล็ก-เทอร์เรน’ (Selec-terrain) ที่มากับ 5 โหมดการขับ คือ
Auto, Snow, Sand, Mud และ Rock รวมถึงระบบเฟืองท้ายขับเคลื่อนล้อหลังแบบไฟฟ้า (Electronic Limited Slip Differential Rear Axle) พร้อมสำหรับการผจญภัยในแบบออฟ-โรด อุ่นใจไปกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และหัวเข่า
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่ง ระบบเบรกไฟฟ้า ‘โฮล แอน โก’ (hold ‘n go) กล้องแสดงมุมมองด้านหน้าและรอบคัน พร้อมโหมดแสดงภาพในที่มืด (Night Vision)
และกระจกมองหลังดิจิทัล ปรับลดแสงอัตโนมัติ
++ นวัตกรรมล้ำสมัย หรูหราที่สุดในรถยนต์กลุ่มเดียวกัน
นับเป็นยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมอันทันสมัย กระจกรอบคันแบบพิเศษ ช่วยลดเสียงรบกวนด้านหน้าผู้ขับติดตั้งจอแสดงผลอเนกประสงค์แบบทีเอฟที (TFT-Thin Film Transistor) ขนาด 10.25 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD พร้อมระบบเฮด-อัพดิสเพลย์ แสดงข้อมูลบนกระจกหน้า ขณะที่บริเวณกลางแดชบอร์ดเป็นทัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ ‘Uconnect 5’ รองรับ Android Auto และ Apple Car Play พร้อมเพลิดเพลินกับ ‘McIntosh’ เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ 19 ลำโพง นอกจากนั้นยังได้รับการยกย่องให้เป็นห้องโดยสารที่หรูหรามากสุด เทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน เพราะผ่านการตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม เบาะคู่หน้าหุ้มหนังแท้ Fine Grain คุณภาพสูง ‘ปาแลร์โม นับปา’ (Palermo Nappa) ปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า 12 ตำแหน่ง พร้อมระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดแผ่นหลัง ตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยลายไม้วอลนัตพาโนรามิกซันรูฟ 2 ส่วน (Dual-Pane Panoramic Sunroof) ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย พร้อมระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน ปัจจุบัน จี๊ป ประเทศไทย มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้งหมด 5 แห่ง และอีก 1 สตูดิโอ พร้อมบริการลูกค้าและผู้สนใจรถ จี๊ป ได้แก่ โชว์รูมสุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5 -ราชพฤกษ์, สตูดิโอจัดแสดงรถที่จังหวัดภูเก็ต โดยไลอ้อน ออโตโมบิล, โชว์รูมพัทยา โดยสเตลล่า มอเตอร์, โชว์รูมนิมิตใหม่ โดยพีแอนด์เอส จี๊ป และโชว์รูมเชียงใหม่ โดยเชียงใหม่ ออโต้ ซึ่งเป็นโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรแห่งล่าสุด ที่เพิ่งเปิดให้บริการ ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน


ที่ผ่านมาพิเศษ สำหรับผู้ที่จองสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้ ถึง 11 ธันวาคม รับบัตรกำนัลห้องพัก 3 วัน 2 คืน ณ อินเตอร์ คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท และลำโพง Wireless Loudspeaker จาก McIntosh รวมมูลค่ากว่า
90,000 บาท*ยิ่งไปกว่านั้น ก็สมทบด้วย 2 ยนตรกรรมพันธุ์แกร่ง ที่ได้รับฉายา ‘ราชา-ออฟโรด’ กับ แรงเลอร์ รูบิคอน (Wrangler Rubicon) และ กลาดิเอเตอร์ รูบิคอน (Gladiator Rubicon) มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และอุุปกรณ์ตกแต่ง Mopar แท้ มูลค่าสูงสุด 200,000 บาท*ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี รุ่น ซัมมิท รีเซิร์ฟ โฟร์ บาย อี ปลั๊ก-อินไฮบริด ราคาประมาณการไม่เกิน 5,500,000 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ จี๊ป ประเทศไทย
โทร. ‘1488 ALWAYS CONNECTED’
LINE: @jeepthailand
FACEBOOK: JeepThailand
WEBSITE: http://www.jeep.co.th

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

BRG GROUP เสกความสุขใหญ่ส่งท้ายปี ต้อนรับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 กับแคมเปญ “Discover The Magic Of The Road” พร้อมเปิดตัวสุดยอดรถยนต์ MPV ในตำนานอย่าง M’z SPEED New Alphard 2024

BRG GROUP จัดใหญ่ต้อนรับ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 กับแคมเปญ “Discover The Magic Of The Road” ให้คุณได้ค้นพบความมหัศจรรย์แห่งท้องถนน ไปกับสุดยอดรถยนต์ MPV ในตำนาน พร้อมชุดแต่งเต็มคันอย่าง All New M’z SPEED Alphard 2024 พร้อมจัดเต็มกับแคมแปญกิจกรรม BRG Double Magic เสกความสุข 2 ต่อ ให้คุณได้ลุ้นรับของรางวัลมากมายกว่า 20 รายการ มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท

งาน Thailand International Motor Expo 2023 หรือ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Mobility: Imagination and Beyond หรือ ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566

BRG GROUP ผู้แทนจำหน่ายยนตรกรรมนำเข้าพรีเมียม จัดใหญ่ ฉลองครบรอบ 15 ปี ที่ BRG GROUP อยู่คู่กับงานมหกรรมยานยนต์มา นำขบวนยนตรกรรมในตำนานกว่า 10 รุ่น มาให้คุณได้สัมผัสคันจริงกันแบบใกล้ชิดที่งาน Thailand International Motor Expo 2023

ในปีนี้ BRG GROUP เสกมนต์ ชวนคุณไป “ค้นพบความมหัศจรรย์แห่งท้องถนน” กับแคมเปญ “Discover The Magic Of The Road” โดยมี สุดยอดรถยนต์ MPV ในตำนาน พร้อมชุดแต่งเต็มคันอย่าง All New M’z SPEED Alphard 2024 มาเป็นรถยนต์ Highlight เด่นประจำบูธ

โดยคุณจะได้สัมผัสทั้งความมหัศจรรย์ของ All New M’z SPEED Alphard 2024 และความมหัศจรรย์ของ ชุดแต่ง M’z SPEED ลิขสิทธิ์แท้จากประเทศญี่ปุ่น ที่ BRG GROUP เป็นตัวแทนเอกสิทธิ์การนำเข้าแต่เพียงผู้เดียว ความหรูหรา สง่างาม และทรงพลัง พร้อมให้คุณได้มาสัมผัสคันจริงกันที่งาน

ไฮไลท์ทัพยนตรกรรมยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ BRG GROUP ยังมีสุดยอดยนตรกรรมพรีเมียมในตำนานอีกมากมายที่งาน อาทิ รถยนต์ Mini MPV สไตล์รถครอบครัวที่เน้นความ luxury พรีเมียม พร้อมเสริมชุดแต่ง M’z SPEED สายสปอร์ตสุดเท่อย่าง M’z SPEED Stepwagon และ รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวทรงกล่องที่มีความมินิมอล เรียบหรู พร้อมเสริมชุดแต่ง M’z SPEED อย่าง M’z SPEED Voxy และตำนานรถยนต์ SUV Full Size ที่ผสานความแข็งแกร่ง และทรงพลังอย่างไว้ด้วยกันอย่างลงตัว อย่าง Toyota Land Cruiser 300 ZX และ Toyota Land Cruiser Prado TZ-G, รถตู้สไตล์เรโทรพลังงานไฟฟ้า100% สุดคลาสสิกอย่าง Volkswagen ID. Buzz, ตำนานรถยนต์ MPV พรีเมียมระดับ VIP ที่เน้นความ Private เป็นหลัก อย่าง Volkswagen T5 และยังมีรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย ให้คุณได้ชมกันแบบใกล้ชิดที่บูธ BRG GROUP ภายในงานปีนี้

แคมเปญดีๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ BRG GROUP ยังมีอีก 1 กิจกรรมใหญ่ส่งท้ายปี กับ แคมเปญ BRG Double Magic ที่จะมาเสกความสุข 2 ต่อ ให้คุณได้รับโปรโมชั่นดีๆ และยังได้สิทธิลุ้นรับของรางวัลมากมายกว่า 20 รายการ มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท

BRG Double Magic ความสุขต่อที่ 1 สำหรับลูกค้าที่มาจองรถที่บูธ BRG GROUP ภายในงาน Motor Expo 2023 เท่านั้น รับไปเลยโปรโมชั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี นาน 10 ปี (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีความสุขต่อที่ 2 ให้คุณได้สิทธิจับฉลาก Lucky Draw ลุ้นรับรางวัลใหญ่ ทองคำหนัก 1 บาท ,iPhone 15 และของรางวัลอื่นๆอีกมากมาย อาทิ เช่น กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า Airwheel ,Samsung TV 55” ,iPad 10 ,Apple Watch SE ,ลำโพง Marshall ,Airpods Gen 3 , หูฟังไร้สาย SONY และอื่นๆอีกมากมาย เพียงคุณจองรถยนต์ที่บูธ BRG GROUP ภายในงาน รับไปเลยข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษ (**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

BRG Group ผู้แทนจำหน่าย และผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 49 ปี พร้อม บริการดูแล บำรุง รักษารถยนต์แบบ One Stop Service ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ครบวงจร และดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมบริการด้วยใจ และเข้าใจทุกปัญหาเรื่องรถยนต์อย่างแท้จริง
โชว์รูมและศูนย์บริการ One Stop Service พร้อมให้บริการ ทั้ง 2 สาขา ทั้งสาขาศรีนครินทร์ และสาขาเเจ้งวัฒนะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ โทร. 088-377-6992 (สาขาศรีนครินทร์) / โทร. 085-123-8170 (สาขาแจ้งวัฒนะ) Website : http://www.brg.co.th / Line : @brggroup (มี@ข้างหน้า) หรือกดลิงก์ https://pixelfy.me/BRG-group
/Instagram : brg_group

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก้าวขึ้นสู่อันดับ 7 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกจากการจัดอันดับ Best Global Brands 2023

  • เมอร์เซเดส-เบนซ์ ติด 1 ใน 10 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกถึง 8 ปีซ้อน จากการจัดอันดับของ Interbrand บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ของสหรัฐฯ
  • ครองอันดับที่ 7 ในฐานะแบรนด์รถยนต์ลักชัวรี่ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกด้วยมูลค่ารวมกว่า 61,414 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 9% จากปีที่ผ่านมา

(เมืองชตุทท์การ์ท, ประเทศเยอรมนี) เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผู้นำในฐานะแบรนด์รถยนต์ลักชัวรี่ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ “Best Global Brands 2023” หลังครองอันดับ 8 มานานกว่า 5 ปีซ้อน ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 พร้อมมูลค่าแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 9% สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบริษัท สู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับไอคอนิกที่สร้างความประทับใจในทุกมิติ ทั้งสุนทรียภาพด้านการออกแบบ เทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก รวมถึงความยั่งยืนแห่งโลกอนาคต

Bettina Fetzer รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ เอจี กล่าวว่า “การเติบโตด้านมูลค่าของแบรนด์ในปีนี้ เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของทีมงาน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน ผลลัพธ์ที่ออกมาคือสิ่งที่การันตีความสำเร็จและเป็นแรงผลักดันให้แก่พวกเราทุกคน โดยเรากำลังต่อยอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง กับเป้าหมายแห่งการเป็นแบรนด์รถยนต์อันเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก”

จากการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในปี 2564 ค่านิยมของแบรนด์ก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน นับจากนี้เป็นต้นไป เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมยึดมั่นในหลักการ “Desire for Iconic Luxury” เพื่อมุ่งสู่โลกอนาคตอย่างไร้รอยต่อ โดยบริษัทได้รวมคุณลักษณะสองประการเข้าด้วยกัน ประการแรกคือ รากฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ระดับลักชัวรี ซึ่งได้สร้างรถยนต์ไอคอนิกที่มาพร้อมนิยามความแตกต่างแต่ละสไตล์ในหลากหลายตระกูล ประการที่สองคือ จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ได้ขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะเวลานี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะให้ความสำคัญถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรและการพัฒนารถยนต์อย่างพิถีพิถัน ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยมีเป้าหมายหลักคือ การมุ่งสู่โลกยุคดิจิทัลด้วยการสร้างยนตรกรรมและบริการอันเป็นที่ต้องการมากที่สุดในระดับโลก

“Best Global Brands” เป็นตัวชี้วัดของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2542

Interbrand บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ของสหรัฐฯ ได้ทำการวิจัยและวิเคราะห์แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2542 โดยนำเสนอ 100 อันดับแรกที่ได้รับการจัดอันดับประจำปี

ให้เป็น “Best Global Brands” โดยมีวิธีประเมินมูลค่าแบรนด์ในการจัดอันดับตามหลักเกณฑ์ 3 ประการ ได้แก่ ประสิทธิภาพด้านการเงินหรือบริการของแบรนด์ (Financial performance of the brand’s products or services) บทบาทของแบรนด์ต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค (Role of the brand in the purchase decision process) และความแข็งแกร่งของแบรนด์ในการรับประกันผลกำไรในอนาคต (Securing the company’s future earnings) โดย Interbrand เป็นบริษัทแรกที่พัฒนาวิธีการประเมินที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 10668 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่นำมากำหนดเกณฑ์ในการประเมินและการจำแนกแบรนด์อย่างแม่นยำ

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มาสด้า CX-3 ใหม่ สุดยอดรถครอสโอเวอร์ขวัญใจมหาชนพิชิตรางวัลแห่งปี Product of the Year Awards 2023

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 – มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย โดย นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด เป็นตัวแทนเข้ารับมอบรางวัลสินค้าและบริการแห่งปี 2566 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร
Business+ จาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธี โดยครั้งนี้ มาสด้า CX-3 ใหม่ รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี สามารถพิชิตรางวัลความสำเร็จมาครองได้สำเร็จ ด้วยการเป็นสุดยอดสินค้าและบริการที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้บริโภคให้เป็นสินค้าและบริการแห่งปี
โดยผ่านผลงานการวิจัยตลาดในขั้นต้นจากทีมบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และลงคะแนนโหวตจากผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ ตอกย้ำถึงความสำเร็จด้านการพัฒนายนตรกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง
โดยพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ จัดขึ้นที่ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา มาสด้า CX-3 นับเป็นรถรุ่นที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าในประเทศไทย


โดยตั้งแต่ได้เข้ามาทำตลาดเป็นครั้งแรก ก็สามารถครองใจลูกค้าด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 30,000 คัน สำหรับ มาสด้า CX-3 ใหม่ “Never Settle for Less ความท้าทายใหม่ไม่รู้จบ” ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นของครอบครัว
ที่จะพาคุณออกไปเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ได้ไม่รู้จบ เพื่อจุดพลังความกล้าที่จะท้าทายจากสิ่งเดิมๆ ทำในสิ่งที่อยากทำ เติมเต็มชีวิตไปด้วยประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ ทำให้ทุกวันเป็นไปได้มากกว่าที่เคยเป็น ด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม ตามแนวทางการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่งดงาม มีความคุ้มค่า คุ้มราคา และเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่โจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร (SKYACTIV-G 2.0) ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 156 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม./ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล และติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go

โดยระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง ทำให้กลายเป็นรถที่ตรงใจลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้า CX-3 ใหม่ ยังตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ด้วยทางเลือกที่มีมากถึง 4 รุ่นย่อย ทำให้ลูกค้าเลือกรุ่นรถได้ตรงกับความต้องการของตนเองได้อย่างลงตัว และมีความคุ้มค่ามากที่สุดในตลาดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ให้มาแบบเต็มคัน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ มาสด้า CX-3 ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 770,000 บาท
รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนายนตรกรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งมาสด้าขอขอบคุณลูกค้า ที่ให้การสนับสนุนรถยนต์มาสด้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และมาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะพัฒนายนตรกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขตลอดการเดินทาง

เพื่อตอบแทนที่ลูกค้าและแฟนๆ รถยนต์มาสด้าทุกคนไว้วางใจเลือกให้รถยนต์มาสด้าเป็นรถยนต์คู่ใจ และพร้อมจะเติบโตเคียงข้างกันไปกับครอบครัวมาสด้าในทุกการเดินทาง

หมวดหมู่
Cars Accessories New Cars New Innovation

กาแฟพันธุ์ไทย” เครือ PTG คว้ารางวัล สุดยอดสินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี66

จากงาน “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2023”

ฯพณฯนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลอันทรงเกียรติในงาน “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR  AWARDS 2023” สุดยอดสินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 ให้แก่ คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG)  และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด โดยแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยได้รับการโหวตจากผู้บริโภคว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความชื่นชอบและเลือกใช้บริการจากผู้บริโภคมากที่สุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภค – บริโภค จากการสำรวจของนิตยสาร Business+ ภายใต้ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา

คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร เป็นเครื่องหมายของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งและผลักดันธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักยภาพ โดยกาแฟพันธุ์ไทยมีความโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการนำวัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดทั่วไทยมารังสรรค์เป็นเครื่องดื่มหลากหลายเมนู

นอกจากนี้ ยังพัฒนาและสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อรองรับเทรนด์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะสามารถรักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน เพิ่มความถี่ในการใช้บริการแล้ว ยังเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันกาแฟพันธุ์ไทยยังดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” โดยมุ่งมั่นส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพแก่เกษตรกรพี่น้องชาวไทย คืนกำไรกลับสู่ชุมชน รวมถึงยกระดับ Ecosystem ในทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น กาแฟพันธุ์ไทยยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ เปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้นอย่างยั่งยืน

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ฟอร์ด เรนเจอร์ สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมครั้งที่ 3 ในยุโรป

ลียง, ฝรั่งเศส, 24 พฤศจิกายน 2566 – ฟอร์ด เรนเจอร์ สร้างสถิติครั้งใหม่ในยุโรปโดยคว้ารางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปี (International Pick-up Award – IPUA) เป็นครั้งที่ 3 ภายในงานจัดแสดงรถเพื่อการพาณิชย์โซลูทรองส์ (SOLUTRANS) ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส

“เรายินดีมากที่ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้รับรางวัลจากคณะกรรมการ IPUA เป็นครั้งที่สาม ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความนิยมของรถฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ครองใจชาวยุโรปมาตลอด 8 ปี โดยฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ นับว่าเป็นรถที่มีความอเนกประสงค์ที่สุดรุ่นหนึ่งที่ฟอร์ดเคยพัฒนา มอบการขับขี่ที่สะดวกสบายบนทางเรียบ และสมรรถนะเหนือชั้นบนเส้นทางออฟโรด เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกวัน ไม่ว่าจะเพื่อการทำงานหรือการพักผ่อน” ฮานส์ เชป ผู้จัดการทั่วไป ฟอร์ด โปร ประจำทวีปยุโรป กล่าว

ฟอร์ด เรนเจอร์ นับเป็นรถยนต์ระดับโลกของฟอร์ดอย่างแท้จริง โดยฟอร์ดผลิตเรนเจอร์ใน 6 โรงงานจาก 4 ทวีปทั่วโลก และครองอันดับรถขายดีที่สุดอันดับ 1 ในยุโรปตะวันตกมาตลอด 8 ปี โดยมีส่วนแบ่งตลาดเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรถกระบะทั้งหมดในทวีปยุโรป อันเป็นผลมาจากสมรรถนะการขับขี่ทีดีเยี่ยม รวมถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในภาคธุรกิจและภาคเอกชน

ในงานเดียวกัน ฟอร์ด ทรานสิท คัสตอม รถตู้รุ่นล่าสุดของฟอร์ด ยังได้รับรางวัลรถตู้ยอดเยี่ยมแห่งปี (International Van of the Year Award – IVOTY 2024) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ของรุ่นทรานสิท ส่งผลให้ทีมฟอร์ด โปร ประจำทวีปยุโรปได้รับรางวัลชนะเลิศสำหรับรถถึง 2 รุ่นในปีเดียวเป็นครั้งที่ 3 หลังจากได้รับรางวัล IPUA และ IVOTY พร้อมกันมาก่อนหน้านี้แล้วในปี 2013 และ 2020 สร้างสถิติที่ไม่เคยมีผู้ผลิตรถยนต์ใดทำได้มาก่อน

“รางวัลนี้เป็นความภูมิใจของพนักงานฟอร์ดทั่วโลกที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า เรายินดีที่คณะกรรมการเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านธุรกิจของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม” ทิม สแลตเตอร์ รองประธานโครงการผลิตภัณฑ์ของฟอร์ด ซึ่งเป็นตัวแทนขึ้นรับมอบรางวัล กล่าว

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศราคารุ่นย่อยออล-นิว ไทรทัน ที่สายแต่งรอคอย ไทรทัน ตัวเตี้ย ครบทุกแค็บ และตอนครึ่ง ยกสูง ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และเชิงพาณิชย์

กรุงเทพฯ – 24 พฤศจิกายน 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
(ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคารถกระบะไทรทันใหม่
ในรุ่นตัวเตี้ยครบทั้งไลน์อัพ ทั้งรุ่น “ดับเบิ้ล แค็บ” สี่ประตู รุ่นตอนครึ่ง
“เมกะ แค็บ” และรุ่นตอนเดียว “ซิงเกิ้ล แค็บ” รวมถึงรุ่นตอนครึ่ง ยกสูง
“เมกะ แค็บ พลัส” โดยรถกระบะออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ
พลัส (All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Plus) และ ออล-นิว
มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ โปร ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi
Triton Single Cab Low Rider Pro)
มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่สุดแกร่ง “ไฮเปอร์พาวเวอร์” (Hyper Power) 2.4
ลิตร มอบพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร
ขณะที่ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ตัวเตี้ย รุ่นอื่นๆ
มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่อันทรงพลัง “โฟร์-เอ็น-วัน-ซิกส์” (4N16) 2.4
ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร

ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่แรงขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม
ประกอบกับแชสซีส์ใหม่ “เมกาเฟรม” (Mega Frame) ที่ใหญ่ขึ้น

แข็งแกร่งทนทานกว่า ทว่าน้ำหนักเบาพร้อมช่วงล่างใหม่ที่จัดได้ว่าดีที่สุดในรถรุ่นเดียวกัน ทำให้ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวลบนทุกสภาพถนนเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในทางตรงทางโค้ง ควบคุมได้อย่างคล่องตัวแม้ในขณะที่บรรทุกของหนักโดยมีพื้นที่กระบะท้ายสำหรับการบรรทุกมากขึ้น อาทิ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ ตอนเดียว ทุกรุ่น สามารถบรรจุตะกร้าสินค้าเกษตรขนาดมาตรฐาน หรือตะกร้าผลไม้ได้มากถึง 13 ใบ ในการจัดเรียง 1 ชั้น
ซึ่งเป็นขนาดกระบะท้ายที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารถปิคอัพในไทย ขณะที่ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นเมกะ แค็บ ตอนครึ่ง สามารถรองรับตะกร้าสินค้าเกษตรได้มากถึง 9 ใบ ในการจัดเรียง 1 ชั้น นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ออกแบบออล-นิว ไทรทัน ทุกรุ่นขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์ความเป็นรถปิกอัพส่วนตัวสำหรับคนยุคใหม่ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและไลฟ์สไตล์ โดยเน้นที่ความสะดวกสบายหรูหราของห้องโดยสาร
พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอสัมผัส
ขนาด 10 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เป็นต้น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมส่งมอบรถล็อตแรกที่ประกาศราคาในครั้งนี้
ในช่วงปักษ์แรกของเดือนธันวาคม 2566 โดยรถกระบะไทรทันใหม่
มีจุดเด่น และราคาจำหน่ายที่คุณสัมผัสได้แบบสุดคุ้ม ดังนี้:

  • ออล-นิว ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi Triton
    Single Cab Low Rider) มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นโปร (Pro)
    รุ่นแอคทีฟ (Active) และรุ่นแอคทีฟ เฉพาะแค็บและแชสซีส์ (Active
    with only cab & chassis) วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 565,000 บาท
  • ออล-นิว ไทรทัน เมกะ แค็บ ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi Triton
    Mega Cab Low Rider) มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นโปร (Pro)
    และรุ่นแอคทีฟ (Active) วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 622,000 บาท
  • ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ โปร ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi
    Triton Double Cab Low Rider Pro) มีราคาจำหน่ายที่ 712,000
    บาท
  • ออล-นิว ไทรทัน เมกะ แค็บ พลัส (All-New Mitsubishi Triton
    Mega Cab Plus) ตอนครึ่ง ยกสูง มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
    รุ่นอัลตรา (Ultra) รุ่นไพรม์ (Prime) และรุ่นโปร (Pro)
    วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 740,000 บาท

เตรียมพบกับ ออล-นิว ไทรทัน ทุกรุ่น พร้อมทดลองขับได้ที่งาน
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ “MOTOR EXPO 2023”
ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3
เมืองทองธานี

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation News

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผนึกกำลัง ททท. ลงนามข้อตกลงปีที่ 2

ยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยยานยนต์พลังงานใหม่สู่ระดับอาเซียน ประเดิมเส้นทางระหว่างประเทศครั้งแรกต้นปีหน้า

กรุงเทพฯ 22 พฤศจิกายน 2566 – เกรท วอลล์ มอเตอร์
ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ปีที่ 2 กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เดินหน้าส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานใหม่ในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขยายเส้นทางการเดินทางสู่สถานที่แปลกใหม่ (Unseen Destinations) ทั้งในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง ประเดิมในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเริ่มต้นจากประเทศจีน ลัดเลาะไปตามเส้นทางมายังประเทศไทย สู่จุดหมายปลายทางภาคอีสาน จ.นครราชสีมา
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคอาเซียน และก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างทัดเทียม พร้อมทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวอันกระจายรายได้สู่ประเทศเป็นวงกว้างตามนโยบายภาครัฐ
สะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภค ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นภายในประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จัดขึ้น ณ GWM Experience Center ศูนย์การค้า ICONSIAM ได้รับเกียรติจาก นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยมี นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคอาเซียน มร. ไมเคิล ฉง
ผู้จัดการทั่วไป และ นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ให้การต้อนรับ


นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีระหว่างไทย – จีนที่มีมาอย่างยาวนาน
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการเดินทางท่องเที่ยว การลงนามบันทึกข้อตกลงกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์
แสดงให้เห็นถึงบทบาทสําคัญของภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมมือกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งยังผลักดันประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นธรรมาภิบาลคาร์บอน
โดยวางแผนสนับสนุนกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
และสร้างความร่วมมือทางธุรกิจด้านการท่องเที่ยวด้วยยานยนต์พลังงานใหม่ นอกจากนี้ยังมุ่งหวังให้เกิดการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมและผลักดัน Soft Power วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ในภูมิภาคต่าง ๆ”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีที่สองของความร่วมมือนี้ เรามีแผนความร่วมมือเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ใช้รถยนต์ของเกรท วอลล์ มอเตอร์
จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีนและประเทศอาเซียน
ด้วยการจัดกิจกรรมคาราวานขับรถท่องเที่ยวด้วยรถยนต์พลังงานใหม่มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานของประเทศไทย จำนวน 100 คัน โดยมุ่งหวังกลุ่มลูกค้าของ GWM TANK รถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและชื่นชอบการขับรถท่องเที่ยวในเส้นทางที่ท้าทาย


พร้อมนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ กระจายรายได้สู่จังหวัดสำคัญในภูมิภาคต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวของยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้แข็งแกร่งได้มาตรฐานระดับสากลอย่างเป็นรูปธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขอขอบคุณ เกรท วอลล์มอเตอร์
สำหรับความเชื่อมั่นในความร่วมมืออย่างต่อเนื่องที่จะผลักดันและสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทยในรูปแบบคาร์บอนต่ำ
และเป็นต้นแบบให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศก้าวสู่ธรรมาภิบาลคาร์บอนอย่างสมบูรณ์ต่อไป”

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคอาเซียน เกรทวอลล์ มอเตอร์ กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเดินหน้าพันธกิจเข้าสู่ปีที่ 2 หลังจากที่ได้ ประสบความสำเร็จในปีแรก
เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากล ผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานสะอาด ควบคู่บริการคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคทุกท่าน เพิ่มความคึกคักด้วยการผจญภัยท่องเที่ยวไปสู่สถานที่และเส้นทางใหม่ต่าง ๆ
ให้นักท่องเที่ยวทุกชนชาติ ในวันนี้เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนา และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน” ในขณะเดียวกัน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังเปิดเผยถึงโปรแกรมสิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภายใต้ GWM Privileges ผ่านแอปพลิเคชัน GWM และความร่วมมือกับพันธมิตรอันหลากหลาย อาทิเช่น โรงแรม ร้านอาหาร หรือสินค้าและการบริการต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
ยกระดับการใช้งานที่สะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมส่งมอบไลฟ์สไตล์และประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดเอ็กคลูซีฟให้แก่ลูกค้าทุกท่าน
โดยลูกค้าสามารถใช้คะแนนสะสม (GWM Point) แลกเป็น E-Voucher
ในการเข้ารับบริการต่าง ๆ และพิเศษสำหรับโปรแกรม GWM Privileges นี้ บริษัทฯ ยังมอบส่วนลดการแลกคะแนนสุดคุ้มให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
โดยลูกค้าสามารถใช้คะแนนสะสมและแลกรับ E-Voucher ที่จุดหมายปลายทางได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าสิทธิพิเศษ E-Voucher จะหมด พันธกิจภายใต้ความร่วมมือในปีที่สองของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นอกเหนือจากกิจกรรมคาราวานรถยนต์ของผู้ใช้งาน
GWM TANK จากประเทศจีนและประเทศอาเซียน รวมถึงโปรแกรมสิทธิพิเศษ GWM Privileges แล้ว GWM และ ททท.


ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา
ตอกย้ำการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยรถยนต์พลังงานใหม่และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยคาราวานยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในประเทศไทย รวม 5 เส้นทาง 5 ภูมิภาค กับ GWM ภายใต้แนวคิด สุขกาย สุขใจ สุขทันที ที่เที่ยวไทย
ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ภูมิภาคภาคกลาง เส้นทาง ลุยธรรมชาติกับรถ GWM TANK Off-road SUV สุดเท่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี เส้นทางที่ 2 ภูมิภาคภาคเหนือ เส้นทาง UNESCO อโยธยา สู่ ทวาราวดี ศรีเทพ ย้อนรอยประวัติศาตร์กับ HAVAL H6 HEV จังหวัดพระนครศรีอยุธยา – ลพบุรี – เพชรบูรณ์ เส้นทางที่ 3 ภูมิภาคภาคอีสาน เส้นทาง GEO PARK ตามรอยจูราสสิคพาร์ค มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานกับ HAVAL JOLION HEV
จังหวัดสระบุรี – นครราชสีมา เส้นทางที่ 4 ภูมิภาคภาคใต้ เส้นทาง
ตามหาสมบัติบนเขาใต้ท้องทะเลอ่าวไทย กับ GWM HAVAL H6 HEV จังหวัดเพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร และ เส้นทางที่ 5 ภูมิภาคภาคตะวันออก เส้นทาง 3 สมุทร กับ ORA เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย บนเส้นทางจังหวัดสมุทรปราการ – สมุทรสาคร –สมุทรสงคราม
เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด พร้อมให้ความสำคัญกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ ในอาเซียน และในระดับสากลตามนโยบายภาครัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งสร้างรายได้ให้แก่อุตสากรรมการท่องเที่ยวในประเทศรวมถึงประเทศใกล้เคียงให้ทัดเที
ยมระดับสากล ยกระดับประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศให้เติบโตเป็นอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ยุคใหม่ 4 รุ่น

รองรับการใช้งานครบทุกเซกเมนต์ในตลาดเมืองไทย พร้อมบริการครบวงจร

ไฮไลท์สำคัญ:

  • ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ 4 รุ่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจ ทั้งรถบรรทุกขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ รองรับการขนส่งระยะสั้นไปจนถึงการขนส่งระยะไกล ได้แก่ TATA Super Ace , TATA Ultra T.9, TATA Ultra T.14 และ TATA Prima 5038.S
  • เปิดตัว TATA Super Ace  โฉมไมเนอร์เชนจ์ปี 2023 รถบรรทุกขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมในเมืองไทย ต่อยอดการใช้งานได้ทุกประเภท กลับมาอีกครั้งด้วยการเปลี่ยนอัตราทดเฟือง     ท้ายใหม่และระบบหม้อน้ำใหม่ ระบายความร้อนได้ดีขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล      1 เดียวในท้องตลาด
  • TATA OK เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการ “ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน” รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
    มือสองแบบไม่ยุ่งยาก โดยรับประกันความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสสูงสุด พร้อมการตรวจสอบคุณภาพถึง 120 รายการ
  • ทาทา มอเตอร์ส พร้อมเปิดศูนย์บริการ 13 แห่ง ครอบคลุมเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย รองรับด้านการขาย การบริการและอะไหล่
  • สัมผัสตัวจริงและรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่งาน Motor Expo 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 21 พฤศจิกายน 2566: บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ทาทา มอเตอร์ส อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ 4 รุ่น เป็นครั้งแรก ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจ ตั้งแต่การขนส่งระยะสั้นไปจนถึงระยะไกล ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้งรถบรรทุกขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัย สมรรถนะอันทรงพลัง ความทนทาน ความปลอดภัยและความประหยัดที่เหนือกว่า เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการยุคใหม่ในตลาดเมืองไทย ต่อยอดการทำธุรกิจได้หลากหลาย เช่น การขายอาหารและเครื่องดื่มในแบบ Food Trucks ธุรกิจร้านค้าเคลื่อนที่ การขนส่งสินค้าภายในเมือง รวมไปถึงการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง เปิดประตูสู่โอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรที่สูงขึ้น โดยมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง

มร. อนุรักษ์ เมห์โรทรา (Mr. Anurag Mehrotra) หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ทาทา มอเตอร์ส ได้กล่าวถึงการเปิดตัวในครั้งนี้ว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทาทา มอเตอร์ส เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำที่นำเสนอฟังก์ชันการทำงาน ความสามารถในการผลิต การเชื่อมต่อ ความปลอดภัยและสมรรถนะ ด้วยประสบการณ์เชิงลึกในการสร้างความ   พึงพอใจให้กับลูกค้า ที่ใช้รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อให้สร้างผลกำไรและความน่าเชื่อถือสูงสุดแก่ลูกค้าและผู้ประกอบการ”

“โซลูชันเหล่านี้ไม่ใช่เพียงรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ แต่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของเราในเรื่องความปลอดภัยและนวัตกรรม ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของเราในการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ ด้วยความร่วมมือกับ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด เรามั่นใจว่าจะมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าของเรา ด้วยศูนย์บริการที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยและความเป็นผู้นำระดับโลกด้านการค้าปลีกยานยนต์ของ
อินช์เคป เราพร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่และขับเคลื่อนความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมการขนส่งของประเทศไทย”

นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “ด้วยความร่วมมือของ ทาทา มอเตอร์สและอินช์เคป ประเทศไทย เรามีความเชื่อมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรม การขนส่งและตลาดรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ของไทย ด้วยความที่ ทาทา มอเตอร์ส มีชื่อเสียงทั่วโลกในด้านความน่าเชื่อถือ ความหลากหลายของกลุ่มยานยนต์ในตลาด คุณภาพของตัวรถที่มีความคุ้มค่า ทนทาน ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ ตั้งแต่การขนส่งระยะสั้นด้วยรถบรรทุกขนาดเล็ก ไปจนถึงการขนส่งระยะไกลด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ ประกอบกับความเข้าใจในธุรกิจรถยนต์และประสบการณ์ของอินช์เคปทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญระดับโลกของอินช์เคป ในด้านยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ ทาทา มอเตอร์ส เรามั่นใจว่าจะสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการขนส่ง และยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“สำหรับด้านความพร้อมนั้น อินช์เคปได้มีการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย 13 แห่ง ครอบคลุมเครือข่ายทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย รองรับด้านการขาย การบริการและอะไหล่ อีกทั้งเรายังคำนึงถึงต้นทุนในการเป็นเจ้าของรถเพื่อการพาณิชย์ของ ทาทา มอเตอร์ส พร้อมกันนี้ยังได้ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาจนได้ข้อสรุปว่า รถยนต์ของ ทาทา มอเตอร์ส นั้น มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา อีกทั้งลูกค้ายังสามารถซื้อแพ็กเกจเซอร์วิสเพิ่มเติมได้อีกด้วย”

“ขณะเดียวกันเรายังสร้างช่องทางให้กับผู้ประกอบการต่างๆ สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ TATA ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยบริษัทพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างสถาบันการเงินและบริษัทไฟแนนซ์ คอยให้คำปรึกษาในด้านสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการเงินเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและด้วยตัวเลือกอย่าง TATA Super Ace  ที่มีรูปแบบตัวถังผ่านการตกแต่งมาแล้ว ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็น Standard, Food Truck, Shuttle และ Cargo ลูกค้าที่ซื้อรถกับเราจึงสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ทันที”  

ทาทา มอเตอร์ส หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นทุ่มเทในการส่งมอบรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำสู่ตลาดประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์รถบรรทุกยุคใหม่ 4 รุ่น ได้แก่ TATA Super Ace , TATA Ultra T.9, TATA Ultra T.14 และรุ่นเรือธง TATA Prima 5038.S

TATA Super Ace : CHASE YOUR DREAM

TATA Super Ace  รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กยอดนิยมในเมืองไทย กลับมาทำตลาดอีกครั้งด้วยโฉม ไมเนอร์เชนจ์ปี 2023 ได้รับการอัพเกรดสมรรถนะ เปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ และระบบหม้อน้ำใหม่ ระบายความร้อนได้ดีขึ้น

TATA Super Ace พร้อมไล่ล่าความฝันของคุณด้วยความคุ้มค่าที่เหนือกว่าในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก นำเสนอโซลูชันการขนส่งสินค้าซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในเมือง รวดเร็ว ประหยัด จุสัมภาระได้เยอะ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ CRDI 1.4 ลิตร 1 เดียวในท้องตลาดเมืองไทย ผสมผสานความทนทาน ความสะดวกสบาย การขับขี่และการควบคุมที่แม่นยำ ให้พละกำลังสูงสุด 70 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน – เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยดิสก์เบรกที่ด้านหน้าและดรัมเบรกที่ด้านหลัง พวงมาลัย  พาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงในการขับขี่ปรับได้ 4 ทิศทาง ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงเพิ่มความมั่นใจในการทรงตัวได้ดีเยี่ยม สามารถบรรทุกสินค้าได้สูงสุดถึง 1 ตัน

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบปรับอากาศ กระจกไฟฟ้าคู่หน้า เบาะนั่งแบบหนัง PVC การจัดวางตำแหน่งปุ่มควบคุมต่างๆ ทำได้อย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดความเหนื่อยล้าในการเดินทาง เสริมแกร่งความปลอดภัยด้วยโครงสร้างแบบกึ่งโมโนค็อก คอพวงมาลัยไฟฟ้าแบบยืดหดได้ช่วยลดโอกาสการเกิดอาการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

TATA Super Ace  ตอบโจทย์ทุกการบรรทุกกับพื้นที่กระบะขนาดใหญ่ที่ยาวถึง 2,630 มม. ขนถ่ายสินค้าได้อย่างสะดวกด้วยกระบะพื้นเรียบเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ครบครันด้วยสมรรถนะที่สามารถขึ้นทางลาดชันได้ถึง 38% ทำให้สามารถขับขี่ผ่านภูมิประเทศต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังให้ความคล่องตัว ด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.1 เมตร สามารถขับขี่บนถนนที่แคบและสภาพการจราจรที่ยากลำบากได้อย่างง่ายดาย

TATA Super Ace  มีรูปแบบตัวถังที่ผ่านการตกแต่งมาแล้วให้เลือกถึง 4 แบบ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ Standard, Food Truck, Shuttle และ Cargo พร้อมเริ่มต้นทำธุรกิจได้ทันที

TATA Ultra T.9: MAXIMISE YOUR RETURNS IN EVERY TRIP

TATA Ultra T.9 รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ขนาดกลาง พิกัดบรรทุก 8.9 ตัน เพิ่มผลตอบแทนสูงสุดของคุณในทุกการเดินทาง ด้วยกำลังและแรงบิดที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน สร้างนิยามใหม่ของอุตสาหกรรมการขนส่งในปัจจุบัน ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าที่คล่องตัว โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลไดเรคอินเจคชั่น เทอร์โบชาร์จ ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 3.3 ลิตร ให้กำลังสูงถึง 155 แรงม้า ที่ 2,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา G550 6 สปีด พร้อมเฟืองท้ายขนาด 4.125 มม. มั่นใจด้วยระบบเบรก S-Cam แบบลมล้วน 2 วงจรแยกอิสระ Dual Circuit Full Air ที่มาพร้อมระบบเบรก ABS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทั้งคนขับและสินค้า 

สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยห้องโดยสารที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและรู้สึกสบายตลอดการเดินทางไกล ขณะที่ระบบกันสะเทือนหน้า แบบแหนบพาราโบลิคช่วยเพิ่มความนุ่มนวล และแหนบบรรทุกหนักแบบแข็งแกร่งพิเศษที่ด้านหลังช่วยเพิ่มสมรรถนะในการบรรทุก อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ต่อเนื่องด้วยถังน้ำมันขนาดใหญ่ 120 ลิตร 

TATA Ultra T.14: POWERFUL PERFORMANCE FOR PROFITABLE JOURNEYS

TATA Ultra T.14 รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ขนาดกลาง พิกัดบรรทุก 14.7 ตัน ออกแบบมาเพื่อรับมือกับงานที่ยาก มาพร้อมกับประสิทธิภาพอันทรงพลังเพื่อการเดินทางที่สร้างผลกำไร ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลไดเรคอินเจคชั่น เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 2,400 รอบต่อนาที และแรงบิด 590 นิวตัน-เมตร ที่ 1,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังต่อเนื่องด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเฟืองท้ายขนาด 4.11 มม. มั่นใจด้วยระบบเบรกแบบลมล้วน 2 วงจรแยกอิสระ Dual Circuit Full Air ที่มาพร้อมระบบเบรก ABS ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าและหลังแบบแหนบพาราโบลิคช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมแหนบบรรทุกหนักแบบแข็งแกร่งพิเศษที่ด้านหลัง

TATA Ultra T.14 สร้างขึ้นสำหรับถนนที่มีความยากลำบาก รถบรรทุกคันนี้รวบรวมสมรรถนะพร้อมพละกำลังเพื่อให้คุณเคลื่อนที่ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของคุณด้วยเครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิง และการออกแบบที่แข็งแกร่งซึ่งให้อายุการใช้งานที่ยาวนาน มอบโซลูชันที่เชื่อถือได้เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับธุรกิจ ผสมผสานกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยี และความประหยัดในการดำเนินงาน สำหรับการใช้งานหลายประเภท เช่น การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผักผลไม้และอื่นๆ อีกมากมาย

TATA Prima 5038.S: POWER YOUR PROFITABILITY

TATA Prima 5038.S รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่เป็นเรือธงของ ทาทา มอเตอร์ส นำเสนอความสะดวกสบาย เทคโนโลยีและคุณสมบัติที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับงานด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมและการก่อสร้าง สามารถขนส่งสินค้าหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมทั้งประหยัดต้นทุนและเพิ่มรายได้ ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน 

รถหัวลาก 10 ล้อแบบ 6×4 พิกัดลากจูง 50.5 ตันคันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล CUMMINS ISLe 375 ขนาด 8,898 cc. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ไดเรคอินเจคชั่น เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า ที่ 2,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 1,550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังต่อเนื่องด้วยเกียร์ธรรมดา Eaton เดินหน้า  9 สปีด พร้อม Crawler เกียร์ และเฟืองท้ายขนาด 4.55 มม. เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบเบรกลมล้วน All-Air Dual Circuit ที่มาพร้อมระบบ ABS ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแหนบพาราโบลิคช่วยเพิ่มความนุ่มนวล ด้านหลังเป็นแบบ TML Bogie Suspension ให้การดูดซับแรงกระแทกที่เหนือกว่า ทำให้มั่นใจในการขับขี่ที่นุ่มนวลแม้บนพื้นถนนที่มีความขรุขระ

สำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ทั้ง 4 รุ่นนี้ เปิดตัวในตลาดประเทศไทยเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจ พร้อมมอบสมรรถนะที่ดีที่สุดในทุกความต้องการของลูกค้า ให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกสบาย โดยทุกรุ่นได้รับการพัฒนาด้วยการวิจัยตลาดเชิงลึก มุ่งเน้นที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก นับจากนี้ไป ทาทา มอเตอร์ส จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ให้กว้างขึ้น สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดในประเทศไทย

นอกจากการเปิดตัวรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำแล้ว ทาทา มอเตอร์ส ยังสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ด้วย TATA Protect แพ็กเกจการบำรุงรักษาและช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องการซ่อมแซมที่รวดเร็ว ประกอบด้วยบริการ 6 รายการด้วยกัน ดังนี้

  • Customer Help Line – สายด่วนรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ พร้อมรับฟังปัญหาหรือสามารถให้คำแนะนำด้านบริการกับทางลูกค้าได้ พร้อมทั้งนำข้อมูลมาแก้ไขและปรับปรุงงานบริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับความ       พึงพอใจสูงสุด
  • Express Service – สามารถรับรถได้ภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง เมื่อนำรถเข้ามารับบริการเช็กระยะที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ
  • TATA Alert – ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์กับ ทาทา มอเตอร์ส แล้วเกิดปัญหาการใช้งานระหว่างทาง สามารถเรียกใช้บริการ Roadside Assistance ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทางลูกค้าจะได้รับความช่วยเหลือภายใน 1 ชั่วโมง
  • Wide Network Coverage – มีศูนย์บริการ 13 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ    ภาคกลาง ภาคอีสานและภาคใต้
  • TATA Master Care+ – บริการ Service Package Maintenance และขยายการรับประกันอะไหล่รายการหลักเพิ่มเติม เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจเรื่องการใช้งานรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ของ ทาทา มอเตอร์ส     
  • Fleet Edge Telematics – แพลตฟอร์มการติดตามยานพาหนะ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการแจ้งเตือน ซึ่งเป็นระบบปฎิบัติการที่ติดตั้งในรถยนต์ TATA สำหรับลูกค้าที่ต้องการทราบรายละเอียดการขับขี่ของคนขับ รวมถึงสมรรถนะของรถ และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Real Time เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้วางแผนการเดินทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ

ขณะเดียวกัน ทาทา มอเตอร์ส ยังเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการ “ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน” รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มือสองแบบไม่ยุ่งยาก ด้วย TATA OK ซึ่งเป็นบริการแบบครบวงจรที่จะช่วยคุณค้นหารถมือสองที่เหมาะกับธุรกิจ นำเสนอโซลูชันตั้งแต่ต้นจนจบสำหรับการ “ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน” โดยรับประกันความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถบรรทุกมือสอง ขายรถคันเก่า หรือเปลี่ยนรถเป็นคันใหม่ให้เหมาะกับธุรกิจและงบประมาณ ด้วยการตรวจสอบคุณภาพถึง 120 รายการ พร้อมแพ็กเกจการรับประกัน และการบริการที่หลากหลาย การโอนเอกสาร 100% ตลอดจนตัวเลือกทางการเงินที่ง่ายและน่าดึงดูดใจ ยานพาหนะที่ได้รับการรับรองจาก TATA OK จึงเป็นการลงทุนที่คุณมั่นใจได้  

ทาทา มอเตอร์ส พร้อมเปิดศูนย์บริการ 13 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ ทาทา มอเตอร์ส ถนนลำลูกกา คลอง 6 จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วยพื้นที่โชว์รูม ศูนย์บริการ ศูนย์จำหน่ายอะไหล่และศูนย์ฝึกอบรม Training Center

ทั้งนี้ ทาทา มอเตอร์ส ยังได้เปิดรับผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ TATA ทั่วประเทศ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของเมืองไทยไปด้วยกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TATA MOTORS Contact Center
โทร. 02-098-6000 อีเมล tatathailandnetwork@inchcape.co.th

สัมผัสตัวจริงและรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่งาน Thailand International Motor Expo 2023ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เตรียมพบกับ NETA GT Speedster และยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า100% หลากหลายรุ่น จาก NETA ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เชิญร่วมสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100%  หลากหลายรุ่นจาก NETA ในงานมหกรรมยานยนต์ Bangkok International Motor Expo ครั้งที่ 40 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 11 ธันวาคม 2566 นี้

นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100 % จาก NETA

NETA V

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car  ซึ่งปัจจุบันได้ส่งมอบให้ลูกค้าในประเทศไทยแล้วกว่า 10,000 คัน และมียอดจดทะเบียนสูงเป็นอันดับสอง ครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 20% ในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ  

NETA Kid

รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ถอดแบบมาจาก NETA S มีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับสำหรับเด็กอายุ 3 – 8 ขวบ และน้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม โดยเปิดรับจองในงานและพร้อมส่งมอบ

NETA GT

รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตแบบ 2 ประตู 4 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยสมรรถนะในการขับขี่ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ภายใน 3.7 วินาที ให้ระยะทางการขับขี่สูงสูด 660 กม. ต่อการชาร์จเต็ม (มาตรฐาน CLTC) มาพร้อมการออกแบบภายในห้องโดยสาร เน้นความสะดวกสบายขั้นสุด ด้วยเบาะนั่งทรงสปอร์ต หลังคาแบบพาโนรามา หน้าจอกลางขนาดใหญ่ 17.6 นิ้ว สำหรับควบคุมและสั่งการระบบปฏิบัติการในรถ ประสานระบบประมวลผลอัจฉริยะ Qualcomm Snapdragon 8155 และมอบพลังการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ที่ให้ความปลอดภัยและมั่นใจในการขับขี่ไปอีกระดับด้วย NETA PILOT 2.5 มาพร้อมระบบประมวลผล JourneyTM 3

นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงรถต้นแบบ NETA GT Speedster รถต้นแบบสไตล์ roadster เปิดประทุน 4 ที่นั่ง ที่ผสานนวัตกรรมทางวิศวกรรมศาสตร์เข้ากับศิลป์แห่งการดีไซน์ได้อย่างลงตัว

NETA X

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ Crossover SUV ที่มีความทันสมัยและรูปลักษณ์ทรงสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NETA CALL CENTER โทร. 02-039-5751 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเนต้าได้ที่ช่องทางต่อไปนี้:

●    Facebook              : Neta Auto Thailand

●    Neta Line Official    : @netaautothailand

●    Website                : www.neta.co.th

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมลงนามในสัญญาเปิดตัวโครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM สำหรับลูกค้าที่ได้รับการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ของบริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในโครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM

สำหรับลูกค้าที่ได้รับการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ของบริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในโครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM จะได้รับความคุ้มครองประกันอัคคีภัยจากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ด้วยวงเงินความคุ้มครองสูงสุด 400,000 บาท /ปี เพื่อความอุ่นใจสำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตของ NT


​พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า “NT นำร่องความร่วมมือกับทิพยโดยนำบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มาเพิ่มโซลูชั่นให้กับกลุ่มลูกค้าและพนักงานของทั้งสององค์กรให้ได้รับสิทธิพิเศษระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยร่วมกันจัดแคมเปญมอบสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าที่ติดตั้งอินเทอร์เน็ต NT Fiber HOME PREMIUM สามารถรับฟรีประกันอัคคีภัย คุ้มครองนาน 12 เดือน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการที่จะได้รับหลักประกันในการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินจากอัคคีภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการดำเนินธุรกิจของ NT ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา Digital Service

ในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการที่เพิ่มขึ้นในโลกปัจจุบัน พร้อมกับมุ่งเน้นเดินหน้าหาพันธมิตรเพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นในบริการที่มีให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนในวงกว้าง
​ทั้งนี้ผมมองว่าความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดผลในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดที่ทั้งสองหน่วยงานร่วมกันพัฒนาให้เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต”

หมวดหมู่
Car Review Lormhuntuathai New Cars New Innovation

มาสด้าชวนลูกค้าร่วมแบ่งปันความสุขให้เด็กนักเรียนพร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มาสด้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 –มาสด้าสานต่อปณิธานในการส่งมอบความยั่งยืนให้กับสังคม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมไทย ประสาน 4 ดีลเลอร์ พาลูกค้าออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ด้วยคาราวานรถยนต์มาสด้าออกเดินทางไปมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน ทุนการศึกษา และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนวัดถั่วทอง จังหวัดปทุมธานี ภายใต้กิจกรรม Mazda
ปันสุข Skyactiv Driving Experience พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง และสัมผัสรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่มาพร้อ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ สนาม ปทุมธานี
สปีดเวย์ โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ที่มาสด้าเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์
Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป


มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์โลกของเราให้คงความสวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืน คือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญเสมอมา มาสด้าจึงแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกคน
ควบคู่กับสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มาสด้าจึงได้ริเริ่มโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ขึ้น และดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากผู้จำหน่าย ลูกค้า และพันธมิตรทุกภาคส่วน ในการส่งมอบความสุขและความยั่งยืนกลับคืนสู่สังคม ด้วยการออกเดินทางไปในทุกพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อให้การช่วยเหลือเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ที่ขาดแคลน รวมถึงมีส่วนร่วมเป็นสะพานในการส่งต่อการแบ่งปันให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ซึ่งในปีนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จึงได้สานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ภายใต้ชื่อกิจกรรม Mazda ปันสุข Skyactiv Driving Experience โดยได้รับความร่วมมือจากผู้จำหน่ายมาสด้า 4 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปทุมธานี คือ กลุ่มบริษัท 14 ออโตโมทีฟ, บริษัท พระราม 7 กรุ๊ป, กลุ่มบริษัท ดำรงทรัพย์มาสด้า และ กลุ่มบริษัท แอลบา ทรอส ออโต้ พร้อมลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้า รวมจำนวนกว่า 90 คน ออกเดินทางในรูปแบบคาราวานรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ กว่า 40 คัน มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนวัดถั่วทอง จังหวัดปทุมธานี เพื่อมอบอุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน อุปกรณ์การเกษตร และทุนการศึกษา

ให้กับเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็กๆ เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้ครบครันยิ่งขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โรงเรียนวัดถั่วทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่เปิดสอนในระดับชั้น อ.2 – ป. 6 มีจำนวนนักเรียน 76 คน และ ครู 12 คน
จากการออกสำรวจพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นหลายอย่างในการพัฒนาการศึกษา และผู้ปกครองส่วนใหญ่มีรายได้ไม่มากนัก ดังนั้น มาสด้าจึงได้เดินทางไปให้การสนับสนุน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเรียน
และเพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกษ์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้จัดเตรียมเมนูอาหารกลางวันที่เด็กๆ ชื่นชอบ และถูกต้องตามหลักโภชนาการไปมอบให้กับเด็กนักเรียนด้วย ซึ่งเรียกรอยยิ้มและสร้างความสุขให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับได้ปลื้มปิติไปด้วยกัน


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากจะส่งต่อการแบ่งปันให้กับเด็กนักเรียนในช่วงเช้า ณ โรงเรียนวัดถั่วทองแล้ว ในช่วงบ่าย มาสด้ายังได้จัดกิจกรรม Skyactiv Driving Experience เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
พร้อมเสริมทักษะการขับขี่ตามแนวคิด Jinba-Ittai ความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ ได้เรียนรู้เทคนิคในการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยสูงสุด
การแก้ไขปัญหาและการบังคับควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน เรียนรู้การทำงานของระบบต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในรถยนต์มาสด้า
โดยได้ทดลองขับรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟครบทุกรุ่น ณ สนาม ปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบรถยนต์

นำโดย อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี มาบรรยายให้ความรู้และให้คำแนะนำให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขและความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์
หรือ “Joy of driving” ตามที่มาสด้าตั้งใจถ่ายทอดให้กับลูกค้าทุกคน
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ขอขอบคุณผู้จำหน่ายและลูกค้าเป็นอย่างสูง
ที่ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เช่นนี้ ร่วมกับผู้จำหน่ายและลูกค้าของเราให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนและสังคมในทุกด้านด้วยรถยนต์ของเรา ให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
เพื่อความสุข และเติมเต็มรอยยิ้มของคนไทย รวมถึงผลักดันโครงการต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อลูกค้า เพื่อสร้างความรักความผูกพันให้แน่นแฟ้นและยืนยาวมากยิ่งขึ้น แทนคำขอบคุณที่เชื่อมั่นในแบรนด์และเลือกรถยนต์มาสด้าเป็นเพื่อนคู่ใจ เพื่อความสุขของสมาชิกทุกคนในครอบครัว


บรรยายภาพประกอบ Mazda_1 มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวต้อนรับลูกค้า
Mazda_2 นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประบริหารอาวุโส กล่าวถึงวัตถุประสงค์กิจกรรม Mazdaปันสุข และกิจกรรม Mazda Skyactiv Driving Experience
Mazda_3 สมาชิกพร้อมออกเดินทางกับภาระกิจ Mazda ปันสุข

Mazda_4 คาราวานรถยนต์มาสด้าทั้ง 40 คัน 90 คน เดินทางถึงโรงเรียนวัดถั่วทอง
Mazda_5-6 การแสดงชุดพิเศษจากนักเรียน โรงเรียนวัดถั่วทอง ต้อนรับคณะมาสด้า
Mazda_7-8 ถ่ายภาพร่วมกันทั้งมาสด้า ผู้จำหน่ายมาสด้า คณะครู และนักเรียน
Mazda_9 อาหารกลางวันมื้อพิเศษแสนอร่อยพร้อมเสิร์ฟ
Mazda_10 บรรยายสรุปกิจกรรม Mazda Skyactiv Driving Experience
Mazda_11 รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นพร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสกันแบบเต็มที่
Mazda_12-18 กิจกรรมทดลองขับ สนุกสนานทั้งคน ทั้งรถ เพื่อความสุขของลูกค้า Joy of driving
Mazda_19 นำทีมโดย อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี ที่วางสเตชั่นให้ได้ลองทุกระบบแบบสุดมันส์
Mazda_20 ประธานบริหารมอบใบประกาศนียบัตรหลังผ่านการอบรมทักษะการขับขี่ พร้อมของที่ระลึก
Mazda_21 ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation

MOTOR EXPO 2023 รวมยานยนต์ครบวงจร

รถยนต์ 40 แบรนด์ จักรยานยนต์ 23 แบรนด์

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ศูนย์รวมยานยนต์ประกาศความยิ่งใหญ่ พร้อมจัดแสดงรถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ และอากาศยาน ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม นี้

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า – Mobility: Imagination and Beyond” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงมีธุรกิจ เรือ และเพิ่มการจัดแสดงอากาศยาน ทำให้งานมีความสมบูรณ์แบบจากการแสดงยานยนต์ครบวงจรทั้ง ทางบก เรือ และอากาศเป็นครั้งแรก”

รถยนต์ 40 แบรนด์ ได้แก่ AION, AUDI, BENTLEY, BMW, BYD, CHANGAN, FORD, GWM, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JEEP, KIA, LEXUS, LOTUS, MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NETA, NEX, NISSAN, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, SMOGO, SUBARU, SUZUKI, TATA, TESLA, TOYOTA, VOLVO, WULING รวมถึงชุดแต่ง และรถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระ ได้แก่ BMW M PERFORMANCE, CARLSSON, M’Z SPEED และ SWIFT

รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA VOLANTIS, BMW, CINECO, CYCLONE, EM EV BIKE THAILAND, FELO, HANWAY, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, I-MOTOR, KAWASAKI, LAMBRETTA, LYVA, RAPID, ROYAL ALLOY, ROYAL ENFIELD, SCOMADI, SMOGO, SOLAR, SUZUKI, TRIUMPH, YAMAHA และ ZEEHO

นอกจากนี้ ยังมีรถมือสอง 4 แบรนด์ ได้แก่ BMW PREMIUM SELECTION, JUST CAR, MERCEDES-BENZ CERTIFIED, PRE-OWNED VEHICLES และ VOLVO SELEKT

พื้นที่ JOIN BOAT PLATFORM โดยงาน MOTOR EXPO 2023 ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเรือจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเรือ และการท่องเที่ยวทางน้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยจัดแสดงเรือมากกว่า 10 ลำ

ยิ่งกว่านั้น MOTOR EXPO 2023 เปิดพื้นที่จัดแสดงโซนอากาศยานเป็นครั้งแรก โดยร่วมกับ สถาบันการเรียนการสอน เทคโนโลยี นวัตกรรม บริการภาคพื้น และเช่าเหมาลำ รวม 14 องค์กร ได้แก่ โรงเรียนการบินไทยอินเตอร์ไฟลอิ้ง, สมาคม Blue Bird, สมาคมกีฬาทางอากาศ, สถาบันการบินพลเรือน, EASY 2018, PULSE SCIENCE, TOP Engineering, MU Space and Advanced Technology, YAMAHA, SIT, AAS, สยาม ซีเพลน, First Global Jet และ SAVIATION

สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ…ชิงรถ / ซื้อบัตร…ชิงรถ / ซื้อสินค้า…ชิงรถ / ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์ / ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัลมีรายละเอียดดังนี้

1.      “ซื้อรถ…ชิงรถ” เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ NEW MG HS PHEV D มูลค่า 1,299,000 บาท

2.      “ซื้อบัตร…ชิงรถ ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA V มูลค่า 760,000 บาท

3.      “ซื้อสินค้า…ชิงรถ” เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้นการจอง/ซื้อรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถใช้แล้ว) มีสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T ราคา 529,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

4.      “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์  HONDA รุ่น XL750 TRANSALP 2023 มูลค่า 394,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

5.      “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน MOTOR EXPO APPLICATION โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล

พิเศษสำหรับผู้ชมงานมีบริการ “MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR” เป็นแพคเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 700 บาท รับสิทธิพิเศษ ที่จอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 2 ใบ บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ และซื้อสินค้าที่ระลึก MOTOR EXPO ลด 10%

พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

หมวดหมู่
New Cars New Innovation

กรังด์ปรีซ์ฯ รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ ระดับเงิน ในกิจกรรม

การรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ หรือ “Zero Accident Campaign 2023”

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ ระดับเงิน ในกิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ หรือ “Zero Accident Campaign 2023” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีการดำเนินงานด้านความปลอดภัย  ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการทำงานสามารถป้องกันได้” โดยการลดสถิติ การประสบอันตรายในสถานประกอบกิจการให้เป็นศูนย์ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมองค์กร ด้านความปลอดภัย เพื่อให้แรงงานปลอดภัย และสุขภาพอนามัยดี พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจแก่สถานประกอบกิจการที่ดำเนินการลดการประสบอันตรายจากการทำงานให้เป็นศูนย์อย่างต่อเนื่อง

สําหรับในปี 2566 มีสถานประกอบกิจการเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ จำนวน 1,490 แห่ง และผ่านเกณฑ์ได้รับโล่และใบประกาศเกียรติคุณ จำนวน 1,473 แห่ง ซึ่งการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ซึ่งแต่ละองค์กรจะบรรลุผลสัมฤทธิ์ได้ต้องประกอบด้วยหลักการพื้นฐาน 3 ประการ คือ ผู้บริหารมีความมุ่งมั่น มีการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยฯ และการมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกระดับในองค์กรนั่นเอง

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ดันแบรนด์ “IONIQ” บุกตลาดรถไฟฟ้าไทย

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THAILAND MEETS IONIQ”

ปักหมุดไทยเป็นตลาดรถไฟฟ้าหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จ่อเปิดตัว IONIQ 5 รถไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีเทียบชั้นแบรนด์ยุโรป-อเมริกาปลายปีนี้

กรุงเทพฯ 9 พฤศจิกายน 2566 – ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย (HMT) ชูแคมเปญใหญ่ “Thailand Meets IONIQ” นำรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ “IONIQ (ไอออนิค)” จากฮุนได รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยเต็มรูปแบบ พร้อมประเดิมตลาดด้วยรุ่น “IONIQ 5” รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงเทียบเท่าแบรนด์ยุโรปและอเมริกา ให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่น หลังบริษัทแม่จากเกาหลีใต้เข้ามาบริหารแบรนด์ฮุนไดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งยังมั่นใจในศักยภาพของไทย ด้วยการตั้งเป้าให้เป็นตลาดหลักของภูมิภาค  เพื่อให้บริการและนวัตกรรมยานยนต์ต่าง ๆ ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าชาวไทย

หลังครองตลาดรถยนต์ MPV ในไทยอย่างยาวนาน วันนี้ ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย พร้อมรุกตลาด EV เต็มรูปแบบ เดินหน้าสู่การเป็นแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำ ที่พร้อมท้าทายและสรรค์สร้างอนาคตใหม่แห่งการเดินทางในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบริษัท “ความก้าวหน้าเพื่อมวลมนุษยชาติ (Progress for Humanity)” ซึ่งเป็นปรัชญาการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อให้เกิดโซลูชันแห่งอนาคตที่ยั่งยืน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า ภายใต้กลยุทธ์ปี 2025 ผ่านการนำเสนอโซลูชันการเดินทางอัจฉริยะ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

เตรียมสัมผัสปรากฎการณ์ใหม่จาก IONIQ สุดยอดแบรนด์ยนตกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคตจากฮุนได พร้อมนำคุณสู่ประสบการณ์การเดินทางระดับเวิลด์คลาสรูปแบบใหม่ ที่มั่นใจได้ทั้งด้านความปลอดภัย สมรรถนะการขับขี่ ประสิทธิภาพ และฟีเจอร์อัจฉริยะครบครัน ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation News

MOTOR EXPO 2023 มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี

“IMC สื่อสากล” เผยแนวคิด “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” พร้อมเปิดจองพื้นที่งาน ค่ายรถยนต์ จักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง แห่เข้าร่วมอวดนวัตกรรมอนาคต 1-12 ธันวาคม นี้

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” (MOTOR EXPO 2022) เปิดเผยว่า งานปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ได้เวลา…สัมผัสอนาคต – It’s TIME…Come Touch the Future” เพื่อแสดงความล้ำหน้าของยานยนต์ ทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี โดยมี บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง จำนวนมากให้ความสนใจจองพื้นที่แสดง และคาดว่าจะเป็นงานใหญ่ปลายปีที่ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างคึกคัก เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ดีขึ้นตามลำดับ ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้ และการผลิตภายในประเทศ

จากเหตุผลดังกล่าว รวมถึงความสำเร็จของงานที่ผ่านมา ทำให้มีผู้อุปถัมภ์งานอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้น ได้แก่ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ร่วมกับพันธมิตรที่อยู่คู่กับงานมายาวนานทั้ง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด

พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง http://www.motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

Mercedes-Maybach S 580 e ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย

เปิดราคารุ่นประกอบในประเทศ ตัวถังสีทูโทน 11.2 ล้านบาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) นำเสนอยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เปิดตัวครั้งแรกกับ Mercedes-Maybach S 580 e รุ่นประกอบในประเทศ โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่ขึ้นไลน์ผลิตแบบ Local Production ในรุ่นตัวถังสีทูโทน ชูเอกลักษณ์ความเป็นที่สุดจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ Maybach ภายใต้แนวคิด “The very best of the very best” มาพร้อมขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid ที่วิ่งได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP เหนือระดับในทุกมิติทั้งสมรรถนะ ดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงเทคโนโลยีและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก มอบประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารที่ไร้ที่ติ พร้อมนำเสนอ Mercedes-Maybach Lifestyle Concierge Service จากผู้ช่วยด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก “Quinessentially” เสริมความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าที่เป็นเจ้าของ Mercedes-Maybach ตลอด 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกรถ

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวของ Mercedes-Maybach S 580 e รุ่นประกอบในประเทศ ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศให้กับแบรนด์ Mercedes-Maybach ภายใต้แนวคิดที่มาจากปรัชญาของ “วิลเฮล์ม มายบัค” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Maybach ด้วยการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งวิศวกรรมยานยนต์ระดับสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และทำให้ Mercedes-Maybach ได้รับการยกย่องจากคนดังระดับโลกมากมายที่เป็นเจ้าของ โดยหนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นที่สุดของรถในตระกูล Mercedes-Maybach คือพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่พร้อมมอบประสบการณ์ระดับ First-Class ซึ่งถูกออกแบบอย่างพิถิพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุดในทุกมิติ

นอกจากความเป็นที่สุดที่ลูกค้าทุกคนจะได้รับจากการเป็นเจ้าของ Mercedes-Maybach อีกหนึ่งความพิเศษคือประสบการณ์อันเหนือระดับของ Mercedes-Maybach Lifestyle Concierge Service โดยจับมือกับ ควินเทสเซ็นเชียลลี่ (Quintessentially) ผู้ให้บริการผู้ช่วยส่วนตัวด้านไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรที่จะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอันเร่งด่วนและซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเดินทาง การจองร้านอาหารชั้นนำระดับโลก หรือการจัดงานเฉลิมฉลองสุดพิเศษ พร้อมให้สมาชิกได้ใช้เวลาอันมีค่ากับคนสำคัญอย่างไร้กังวลซึ่งบริการสุดพิเศษนี้ยังสามารถสะท้อนไปถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ Mercedes-Maybach ด้วยเช่นกัน”

Mercedes-Maybach S 580 e ตัวถังสีทูโทน (two-tone paint – obsidian black / high-tech silver) รุ่นประกอบในประเทศ เปิดราคาจำหน่าย 11,200,000 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสิทธิพิเศษของ Mercedes-Maybach S 580 e ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-มายบัค อย่างเป็นทางการ หรือที่เว็บไซต์ https://www.mercedes-benz.co.th และช่องทางโซเชียลมีเดียของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกแพลตฟอร์ม

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มาสด้าเผยโฉม ‘MAZDA ICONIC SP’ รถต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์

  • รถสปอร์ตรูปแบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility

Show 2023 –

ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 26 ตุลาคม 2566 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เผยโฉมรถ MAZDA
ICONIC SP หรือคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 *1

MAZDA ICONIC SP

MAZDA ICONIC SP เป็นรถต้นแบบใหม่ล่าสุด ภายใต้สปอร์ตคอมแพ็คคาร์คอนเซ็ปต์ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ “รักในรถยนต์” และ
“ปรารถนาที่จะครอบครองรถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความสุขในการขับขี่”
โดยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าที่ยังคงมีขนาดกะทัดรัด จึงทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในเรื่องการจัดวางพื้นที่ของห้องเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้รถต้นแบบคันนี้ม จุดศูนย์ถ่วงต่ำและให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น โดยแบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จด้วยพลังงานแบบย้อนกลับและจากเครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์
ที่ใช้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอน นอกจากนี้ภายนอกของตัวรถยังมาพร้อมกับสีแดง VIOLA ซึ่งเป็นสีต้นแบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากปรัชญาของมาสด้าในการ
“ยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน” ซึ่งเป็นความปรารถนาในการเชิดชูสีแดงอันเป็นสีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า มร. มาซาฮิโระ โมโร่ ผู้อำนวยการตัวแทนจากมาสด้า, ประธาน และ CEO กล่าวว่า

“มาสด้าจะส่งมอบรถยนต์ที่เป็นเสมือนสิ่งย้ำเตือนให้กับผู้คนอยู่เสมอว่า
รถยนต์คือความสุขที่แท้จริงและเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขา นอกจากนี้ ในฐานะที่มาสด้าเป็นบริษัทที่รักในรถยนต์ และต้องการเสริมสร้างประสบการณ์ในการเดินทางให้กับผู้คนอย่างไม่รู้จบ เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อนาคตร่วมกับพันธมิตร และแฟนๆ ของเราที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า ‘เรารักรถยนต์’ และเพื่อตอบสนองต่อความปรารถนานี้ มาสด้าจึงมุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน”
มาสด้าจะยังคงส่งมอบ ‘ความสุขในการขับขี่’ ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักในการให้ความสำคัญกับยึดมั่นปรัชญา
‘มนุษย์เป็นศูนย์กลาง’ และยังคงงมั่นที่จะส่งมอบ ‘ความสุขในการใช้ชีวิต’
ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าทุกคน
 ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับ MAZDA ICONIC SP
・ มาสด้าสร้าง “เฟรมเวิร์ค” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างแบบจำลองให้ได้สัดส่วนที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
โดยแนวคิดในการติดตั้งเครื่องยนต์โรตารีที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดกะทัดรัดไว้ตรงกลางตัวรถนั้น ช่วยส่งผลให้ได้ฝากระโปรงหน้าต่ำลง
・ เครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) เป็นเครื่องยนต์โรตารีประสิทธิภาพสูงแบบ Scalable สามารถเผาไหม้เชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท เช่น ไฮโดรเจน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนี้ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพลังงานแบบย้อนกลับ
ก็จะทำให้สามารถขับขี่ได้ในสภาวะที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
・ พละกำลังการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูงเกิดจากเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) มีสัดส่วนของจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า และมีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ทำให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม แม้ว่าคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้จะเป็นรถสปอร์ตแต่ก็สามารถจ่ายพลังงานได้อย่างเต็มที่ในขณะที่ผู้ขับขี่ยังคงเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน
・ สีภายนอก “VIOLA RED” ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามความปรารถนาของมาสด้าที่จะ
“เชิดชูสีแดง” และสอดคล้องกับปรัชญาในการ “ยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน” โดยมุ่งเน้นไปที่สีสันที่สดใส แต่ในขณะเดียวกันก็ให้เน้นให้เห็นถึงความสง่างามของมิติของตัวรถ ที่เกิดจากการตกกระทบของแสงและเงาที่ถ่ายทอดลงบนตัวรถข้อมูลจำเพาะเบื้องต้นของ MAZDA ICONIC SP ความยาว x ความกว้าง x ความสูง (mm) 4,180 × 1,850 × 1,150 ระยะฐานล้อ (mm) 2,590 อัตราส่วน แรงม้า – น้ำหนัก 3.9 แรงม้าสูงสุด (PS) 370
น้ำหนัก (kg) 1,450

*1 Japan Mobility Show 2023 จัดขึ้นโดย สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น โดยรอบสื่อมวลชนถูกจัดขึ้นในวันพุธที่ 25
ตุลาคม 2566 (08:00-18:00) และวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2566 (08:00-13:00) และรอบบุคคลทั่วไป จัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่
28 ตุลาคม 2566 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566
Mazda’s JAPAN MOBILITY SHOW 2023 website
https://www.mazda.co.jp/experience/event/japanmobilityshow2023/en/
รูปภาพ Mazda ICONIC SP
https://drive.google.com/drive/folders/1yw-yzsAJ8jM4HSroYM0uk4JWCBeohofT?usp=sharing

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

เมอร์เซเดส-เบนซ์์ ขยายไลน์อัพ EQE SUV ครบ 3 รุ่นรองรับกลุ่มลูกค้าอีวีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

พร้อมเผยไฮไลท์สุดพิเศษแบบจัดเต็มในงาน Mercedes-Benz StarFest

2023

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ย้ำวิสัยทัศน์ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทยอยเติมไลน์อัพอีวีให้ครบทุกเซกเมนต์ภายในปี 2025 เดินหน้าแนะนำรุ่นย่อยจากตระกูล EQE SUV อีก 2 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นเริ่มต้นอย่าง “EQE 350 4MATIC SUV Electric Art” และรุ่นกลาง “EQE 350
4MATIC SUV AMG Line” เปิดตัวครบ 3 รุ่นย่อย หลังเผยโฉม “EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic” เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดยลูกค้าทุกคนสามารถพบกับยนตรกรรมตระกูล EQE SUV
และรถอีวีสมรรถนะสูงรุ่นแรกในประเทศไทย “Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+”รวมถึงยนตรกรรมอีกหลากรุ่น พร้อมรับดีลและข้อเสนอสุดพิเศษ ได้ที่งาน Mercedes-Benz StarFest 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 22 ตุลาคม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และวันที่ 26 – 29 ตุลาคม ที่งานบางกอก อีวี เอ็กซ์โป (Bangkok EV Expo 2023) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มุ่งมั่นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์
ในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%
เราเดินตามวิสัยทัศน์ระดับโลกในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ให้ครอบคลุมอยู่ในทุกเซกเมนต์ ภายในปี 2025 เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในปี 2030 ในการทำให้รถยนต์นั่งในพอร์ตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งหมด โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมและสถานการณ์ในตลาดรถยนต์โดยรวมของแต่ละประเทศ ทั้งนี้
ในประเทศไทย เรามีการแนะนำอีวีในหลายเซกเมนต์อย่างต่อเนื่อง
เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าทุกคน นอกจาก 2 รุ่นล่าสุดอย่าง “EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic” และ “Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “Ambition for the Future” และได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดจองผ่านช่องทางออนไลน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าชาวไทยมีความต้องการและมองหารถอีวีระดับลักชัวรี่ในรูปแบบเอสยูวีและรถอี
วีสมรรถนะสูง ในครั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยในตระกูล

EQE SUV อีก 2 รุ่น รวมเป็นทั้งหมด 3 รุ่น โดยทุกรุ่นจะนำเสนอความโดดเด่นตามแบบฉบับของ EQE SUV ซึ่งถูกออกแบบภายใต้นิยาม “Electric. Crafted by Mercedes-Benz” ชูจุดเด่นของรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เหมาะกับการขับขี่ทุกรูปแบบทั้งในแบบ On-Road และ Off-Road รองรับกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่าง”
EQE SUV เป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เปิดตัวในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น “EQE 350 4MATIC SUV Electric Art” รุ่นกลาง “EQE 350 4MATIC SUV AMG Line” และรุ่นท็อป
“EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic” โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 765 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.6 วินาที ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูง 396V แบบLithium-ion ที่มีความจุมากถึง 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 –80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 30 นาที ทัพยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และไฮไลท์ในงาน “Mercedes-Benz StarFest 2023”Mercedes-Benz StarFest 2023 มาพร้อมแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสกับการเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยของรถยนต์พลังงานไฟ
ฟ้า 100% ในตระกูล EQE ทั้งรุ่น SUV และรุ่นสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG รวมถึงยนตรกรรมหลากรุ่นที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ พบไฮไลท์พิเศษกับการพูดคุยโดยพิธีกรและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง อาทิ “อู๋ Spin 9” “ซู่ชิ่ง – จิตต์สุภา” และ “ดร. วิทย์ สิทธิเวคิน” รวมถึงนักพยากรณ์และหมอดูชื่อดัง “ซินแสเป็นหนึ่ง” และ “อาจารย์คฑา ชินบัญชร” พร้อมมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก “ส้ม – มารี” และ “ว่าน – ธนกฤต” ในระหว่างวันที่ 20– 22 ตุลาคม 2566 ณ โซน CentralCourt ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


โดยมียนตรกรรมที่นำมาจัดแสดงในงาน ได้แก่ EQE 350 4MATIC SUV AMG Line, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde, E 300 e AMG Dynamic และ CLS 220 d AMG
AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, EQS 500 4MATIC AMG Premium, EQE 350 4MATIC SUV AMG Line และ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+
*พิเศษ รับดอกเบี้ย 0% นาน 4 ปี สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์รุ่น GLA 200 AMG Dynamic, E 300 e AMG
Dynamic, CLS 220 d AMG Premium และ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ในงาน Mercedes-Benz StarFest 2023
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือที่เว็บไซต์ https://www.mercedes-benz.co.th และช่องทางโซเชียลมีเดียของ Publiเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกแพลตฟอร์ม

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

SUZUKI CELERIO ตัวแทนแห่งความคุ้มค่า !ฉลองยอดขายสะสมมากกว่า 25,000 คันจัดแคมเปญสวนกระแสเศรษฐกิจ

ผ่อนนาน 99 เดือน พร้อมส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท ลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ เกษตรกรรับเพิ่ม 15,000 บาท

20 ตุลาคม 2566-กรุงเทพมหานคร-นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม
รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มซีเซกเมนต์ขึ้นไป
รวมถึงการมีผู้ประกอบการในกลุ่มรถไฟฟ้ารายใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์คึกคักและมีการแข่งขันสูงมากในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามในภาพรวมของตลาด ผู้บริโภคชาวไทยยังคงมีความต้องการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างและกระจายไปในหลา
ยเซกเมนต์ เหนือสิ่งอื่นใดยังคงมองหารถยนต์คุณภาพดี ดูแลรักษาง่าย
และประหยัดพลังงาน เพื่อนำไปใช้งานได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างครบครัน สำหรับซูซูกิ แม้เราจะยังไม่ได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงเวลานี้ แต่เราเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายไว้รองรับความต้องการของลูกค้าเกื
อบครบในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มประหยัดพลังงาน
นับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความคุ้มค่า
จนเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ลูกค้าให้การยอมรับเป็นอย่างดี
หนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญที่ลูกค้ายังคงไว้วางใจและเลือกใช้งานนั่นก็คือ SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว
ที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดตัวทำตลาดในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2557 ด้วยประโยชน์ใช้สอยอันสูงสุด ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ลงตัว มอบความคุ้มค่าในทุกด้าน ทั้งเรื่องของราคา คุณภาพตัวรถ ไปจนถึงเรื่องของการดูแลรักษาง่าย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่สูง
จึงส่งผลให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านได้รับความสนใจและสร้างยอดขายสะสมรวมจนถึงปัจจุบันถึง 25,111 คัน โดยในช่วงปี 2564 ซึ่ ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือปีที่
SUZUKI CELERIO ได้รับความนิยมสูงสุด สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 4,651 คัน สำหรับปีนี้ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน 2566) SUZUKI CELERIO มียอดขายรวม 1,970 คัน โดยฐานลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ได้จับอยู่แค่เพียงกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานในช่วงเริ่มต้นชีวิตเท่านั้น
แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็ก ที่วางแผนการใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มองหาความความปลอดภัยในการเดินทาง สมรรถนะการใช้งานที่ดีเกินราคา เน้นความคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน ซึ่งล้วนแต่จุดเด่นสำคัญของผลิตภัณฑ์ซูซูกิ

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความโดดเด่นทุกด้านในสไตล์ซิตี้คาร์
ทำให้ครองใจคนใช้งานมาได้อย่างยาวนาน และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น จึงอยากนำเสนอรถยนต์นั่งขนาดเล็กคุณภาพเกินตัวคันนี้ ให้แก่ผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า คุ้มราคา ด้วยการมอบแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” สำหรับผู้ที่สนใจซื้อ SUZUKI CELERIO ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
ลูกค้าสามารถเลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท สำหรับรุ่น GA, GL และ GX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 5,000 บาท สำหรับรุ่น GL UP อีกทั้งยังมอบข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร จะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่ม 15,000 บาท อีกด้วย
SUZUKI CELERIO ตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มอบให้ทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัด ขนาดห้องโดยสารที่กว้างสบาย มีพื้นที่บริเวณเหนือศีรษะและพื้นที่วางขาสบายทั้งที่นั่งตอนหน้าและตอนหลัง พร้อมด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ จุสัมภาระได้มากเกินคาด นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังมั่นใจได้ในสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ K10B ขนาด 1.0 ลิตร ขนาดคอมแพ็คที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มอบพละกำลังและความสามารถเกินตัว มีสมรรถนะการขับที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นสะดุดตา เสริมความอุ่นใจด้วยระบบและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยมาตรฐานตอกย้ำภาพลักษณ์ ของซูซูกิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถอีโคคาร์

SUZUKI CELERIO ตอบสนองการใช้งานด้วย 4 รุ่นทางเลือก คือ SUZUKI CELERIO GA/MT มาพร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 338,000 บาท, SUZUKI CELERIO GL/CVT ราคาจำหน่าย 416,000 บาท, SUZUKI CELERIO GL UP ราคาจำหน่าย 423,000 บาท, และ SUZUKI CELERIO GX/CVT ราคาจำหน่าย 451,000 บาท
มาพร้อมสีภายนอกให้เลือกใช้ 4 สี ได้แก่ Ablaze Red Pearl, Mineral Gray Metallic, Super Black Pearl และ Pure White Pearl (สี Pure White Pearl เพิ่ม 3,000 บาท)
ทั้งนี้ ซูซูกิยังร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกด้านการอนุมัติสินเ ชื่อเพื่อลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ SUZUKI CELERIO ได้ง่ายยิ่งขึ้นภายใต้เงื่อนไขตามที่บริษัทฯ กำหนด
โดยลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ช่องทางการติดต่อ
http://www.suzuki.co.th
http://www.facebook.com/officialsuzukimotorthailand
SUZUKI Cause We Care: 1800-600-900


หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มาสด้าพร้อมจัดแสดงบูธในงาน Japan Mobility Show 2023ภายใต้ธีม The Future created by the ‘love of Cars’

ธีมบูธมาสด้า: “อนาคตที่สร้างจาก ‘ความรักในรถยนต์’”

ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 10 ตุลาคม 2566 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยรายละเอียดถึงแผนงานจัดแสดงรถยนต์มาสด้า ภายในงาน Japan Mobility Show 2023 *1 โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ณ Tokyo Big Sight อาริอาเกะ เขตโคโต กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งงานในครั้งนี้ สำหรับบูธมาสด้าจะจัดขึ้นภายใต้ธีม “The Future created by the ‘love of Cars’“ หรือ
“อนาคตที่สร้างขึ้นจากความรักในรถยนต์” โดยได้รับการออกแบบเพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่รักในการขับขี่และรักในรถยนต์
รถยนต์มาสด้าที่จะนำมาจัดแสดงภายในงานฯ นั้น ล้วนเป็นรถยนต์ได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า ในการยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคนรถต้นแบบของมาสด้าที่จะเปิดตัวภายในงาน Japan Mobility Show 2023

รถต้นแบบของมาสด้าที่จะเปิดตัวภายในงาน Japan Mobility Show 2023

สำหรับบูธมาสด้าในครั้งนี้ จะเน้นการจัดแสดงรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 ซึ่งเป็นแบรนด์ไอคอน และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยได้นำ Mazda MX-5 มาจัดแสดงหลากหลายรุ่น ได้แก่ Mazda MX-5
เจเนอเรชั่นแรก ซึ่งเป็นรถที่เปรียบเสมือนต้นแบบสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืนของมาสด้า ที่ถ่ายทอดปรัชญาความสนุกสนานในการขับขี่ Mazda MX-5 ขนาดสองในสามของรถคันจริงเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบจำลองให้กับเด็กๆ Mazda MX-5 เจเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาอัพเกรดครั้งใหญ่ และ Mazda MX-5 SeDv *2 ที่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ด้วยมือของผู้ขับเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำรถต้นแบบที่ได้รับการดีไซน์ให้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของธีมบูธมาสด้า
มาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกหรือ World Premier ภายในงานนี้

นอกจากนั้นแล้ว มาสด้ายังได้เข้าร่วมโปรแกรมที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น ด้วยการจัดแสดงรถยนต์ Mazda2 Bio Concept ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไบโอดีเซล เจเนอเรชั่นใหม่
ซึ่งอยู่ในส่วนพื้นที่จัดแสดงมอเตอร์สปอร์ตด้วยเช่นกัน
มาสด้ายังเข้าร่วมกับ “Out of KidZania” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ KidZania หรือ ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงยอดนิยม ที่มุ่งเน้นให้เด็กๆ
ได้มีโอกาสทดลองสวมบทบาทการทำงานในแต่ละอาชีพ โดยมาสด้าจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่เข้าเยี่ยมชมภายในงานได้ทดลองสวมบทบาทอาชีพในงานของมาสด้า ได้แก่ “Sand-casting” ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และ “Stamping operator” ที่ออกแบบให้เหมาะสำหรับเด็กๆ ในชั้นก่อนวัยเรียน ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรม จะจัดขึ้นในโรงงานมาสด้าแบบจำลอง ซึ่งจะมอบประสบการณ์ความสุขให้กับเด็กๆ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตรถยนต์ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ “ความสุขในการดำเนินชีวิต” ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน
รายละเอียดเพิ่มเติม:
 เว็บไซต์ Mazda Japan Mobility Show 2023 (สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 10:45
น. เวลาประเทศญี่ปุ่น) https://mazda.co.jp/experience/event/japanmobilityshow2023/
*1 Japan Mobility Show 2023 จัดขึ้นโดย สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น
รอบสื่อมวลชนจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (08:00-18:00) และวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2566
(08:00-13:00) สำหรับงานแถลงข่าวมาสด้า จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (09:15-09:30)
และรอบบุคคลทั่วไป จะจัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 – วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566
*2 SeDV: Self-empowerment Driving Vehicle
สำหรับบุคคลที่มีข้อจำกัดในกิจกรรมประจำวันให้สามารถขับขี่และควบคุมการขับขี่ได้ด้วยมือของตนเอง

หมวดหมู่
Car Review New Cars New Innovation News

ฟอร์ดชวนออกไปสัมผัสธรรมชาติกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 10 ตุลาคม 2566 – ฟอร์ด ประเทศไทย แชร์เคล็ดลับการเดินทางเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติช่วงฤดูฝนอย่างปลอดภัยกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พร้อมสร้างความทรงจำแห่งการเดินทางที่น่าประทับใจในทุกเส้นทาง

ผลสำรวจการคาดการณ์เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2566 โดย Booking.com[1] พบว่า ผู้คนจำนวนมากกำลังมองหาการพักผ่อนแบบตัดขาดจากโลกภายนอก (Off-Grid) เช่น การออกไปแคมปิ้งตามแหล่งธรรมชาติ แน่นอนว่าการผจญภัยที่  รายล้อมด้วยธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทาง ฟอร์ดจึงขอนำเสนอเคล็ดลับการออกไปเดินทางตั้งแคมป์ท่ามกลางธรรมชาติกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่มาพร้อมสมรถถนะอันเหนือชั้น เพื่อพิชิตทุกเส้นทางท้าทายช่วยให้  ทริปชมธรรมชาติสุดชิลล์ประทับใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง

วางแผนเส้นทางและเตรียมความพร้อม

ลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ เพียงแค่รู้จักวางแผนการเดินทางอย่างละเอียด ควรศึกษา และเลือกใช้เส้นทางการขับขี่ที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางที่ชำรุด หรืออยู่ระหว่างการซ่อมแซม ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ในรถ เช่น เชือกสำหรับลากจูง ชุดอุปกรณ์เปลี่ยนยางอะไหล่ เครื่องปั๊มลมแบบพกพา ไฟฉาย หมายเลขติดต่อฉุกเฉินเผื่อเหตุจำเป็น และอย่าลืมตรวจสอบรถให้พร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เติมน้ำมันเต็มถังก่อนออกเดินทาง เช็คเครื่องยนต์ ระบบเบรกสภาพยางรถยนต์ ตรวจสอบการทำงานของระบบสัญญาณไฟ เป็นต้น

เจ้าของรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ยังสามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน FordPass เพื่อตรวจเช็คแรงดันลมยาง ระดับน้ำยาฉีดล้างกระจก และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทางอีกขั้นกับโปรแกรมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ฟรีตลอด 3 ปีแรก สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ทุกคัน โดยพร้อมให้คำปรึกษาทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน และยังมีบริการยกและลากรถฟรีหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด

ทำความคุ้นเคยและเรียนรู้ฟีเจอร์ของรถ

ความกังวลต่างๆ จะหมดไป หากสามารถใช้ฟีเจอร์และฟังก์ชันต่างๆ ในรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ กล้าเผชิญทุกความท้าทายด้วยโหมดการขับขี่ที่คุณสามารถเลือกได้ทั้งทางเรียบและออฟโรด ถึง 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal) โหมดประหยัด (Eco) โหมดลากจูง (Tow/Haul) โหมดทางลื่น (Slippery) โหมดโคลน (Mud/Ruts) และโหมดทราย (Sand) เพื่อปรับสมรรถนะการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพเส้นทางและพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ด้วยความสามารถลุยน้ำได้สูงสุด 800 มม.

แม้ว่าจะอยู่ระหว่างทริปท่องเที่ยวกลางธรรมชาติ แต่แหล่งไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อย่างไม่มีสะดุด รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ด้วยช่องต่อ USB บริเวณคอนโซลหน้าและที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นด้วยช่องจ่ายไฟกระแสสลับ 400 วัตต์บริเวณหลังคอนโซลกลางที่นั่งแถวที่สอง และช่องจ่ายไฟขนาด 12V ที่โซนเก็บสัมภาระท้ายรถ

สะดวกสบายอีกขั้นกับประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่ให้คุณเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ปิกนิกจากรถได้โดยไม่ต้องใช้มือ เพียงแค่เตะขาบริเวณเซ็นเซอร์ท้ายรถ ประตูท้ายก็จะเปิดออกอย่างง่ายดาย สำหรับใครที่ตั้งใจไปนอนดูดาวแบบใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ยังมีหลังคาพาโนรามิคมูนรูฟ (Panoramic Moonroof) แบบปรับไฟฟ้าอีกด้วย

เตรียมอุปกรณ์และร่างกายให้พร้อม ที่สำคัญคือต้องขับรถอย่างระมัดระวังและมีสติอยู่เสมอ

จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการปิกนิกให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปู อาหาร เครื่องดื่ม ขนมทานเล่น เก้าอี้สนาม โต๊ะปิกนิก และอุปกรณ์สำหรับกันแดดกันฝน หากใครเป็นสายคอนเทนต์ อย่าลืมเตรียมพร็อพถ่ายรูปไว้เช็คอินที่เที่ยวกันได้เลย

ก่อนเดินทาง แนะนำให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ งดเว้นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง และไม่ควรรับประทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท อาทิ ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก เนื่องจากอาจทำให้ง่วงนอนได้

ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ คุณก็พร้อมออกเดินทางไปท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย พร้อมลุยทุกทริปไปกับรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ผสานสุดยอดสมรรถนะการขับขี่และเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความสะดวกปลอดภัยครบครัน สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ทุกรุ่นได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล ส่งคู่แคมเปญสุดว้าว! ‘Happy Lion Festival’ และ ‘The United Deal’ เพิ่มโอกาสเป็นเจ้าของเอสยูวีสไตล์ยุโรป กับข้อเสนอพิเศษ โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี

เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล ผู้จำหน่ายแบรนด์รถยนต์ฝรั่งเศส ‘เปอโยต์’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอกย้ำแบรนด์พรีเมียมทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับรถยุโรปที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จัดแคมเปญสุดพิเศษภายใต้ชื่อ ‘Happy Lion Festival’ และ ‘The United Deal’ เอาใจผู้ชื่นชอบเอสยูวีมาตรฐานยุโรปโดยเฉพาะ ยกทัพ เปอโยต์ 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง ทั้งรถใหม่และมือสอง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะเดือนตุลาคมนี้ ที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของคันโปรดได้ง่ายขึ้น

ภูยส มังกรกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไลอ้อน ออโตโมบิล จำกัด กล่าวว่า “ตลอดเดือนตุลาคมนี้ เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล สาขาสุขุมวิท และวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ 
ได้จัดแคมเปญพิเศษ พร้อมมอบข้อเสนอดีๆ โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี สำหรับลูกค้าทุกท่าน ที่กำลังตัดสินใจเลือกเอสยูวีคันที่ใช่ ได้ครอบครองรถยนต์มาตรฐานยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เปอโยต์ 2008, 3008
และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง พร้อมโอกาสรับของขวัญพิเศษมากมายภายในงาน”

++ รับข้อเสนอสุดแฮปปี้ เมื่อจองและออกเอสยูวี เปอโยต์ ทุกรุ่น วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2566

  • ผ่อนชำระเริ่มต้น เพียง 10,900 บาท*
  • เพิ่ม Peugeot Value Care เป็น 5 ปี*
  • ประกันภัยชั้นหนึ่ง*
  • รับประกันคุณภาพสินค้า 3 ปี*
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี ตลอด 24 ชม. ไม่จำกัดระยะทาง*

พิเศษ! พบกิจกรรมดีๆ ที่ไม่ควรพลาด กับ ‘Happy Lion Festival’ ที่ เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล สาขาสุขุมวิท ร่วมสนุกจับรางวัลก่อนจอง และรับของขวัญเพิ่มสุดคุ้ม เมื่อจอง เปอโยต์ รุ่นใดก็ได้ภายในงาน อาทิ ประกันภัยชั้นหนึ่ง เพิ่มอีก 1 ปี, Warranty เพิ่มอีก 2 ปี, Film Lamina Ceramatrix, บัตรน้ำมัน 30,000 บาท, ต่อทะเบียนฟรี 5 ปี เป็นต้น พิเศษขึ้นไปอีก สำหรับลูกค้าที่จองรถ 5 ท่านแรก รับเพิ่มของรางวัลมูลค่า 10,000 บาท นอกจากนี้ เพียงทดลองขับ เปอโยต์ ทุกรุ่นภายในงาน รับกระเป๋าสะพายอเนกประสงค์ และพวงกุญแจ พร้อมอิ่มอร่อยกับขนมและเครื่องดื่ม ระหว่างวันที่ 6-8 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10:30 – 18.00 น.   

ส่วน เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล สาขาวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ จัดงาน ‘The United Deal’ ครั้งแรกกับการรวม เปอโยต์ ทั้งรถใหม่ รถมือสอง และรถผู้บริหารป้ายแดง มาให้เลือกแบบจุใจ เพิ่มโอกาสเป็นเจ้าของรถยุโรปได้ง่ายขึ้น ในราคาเริ่มต้นหลักแสน พร้อมเลือกรับข้อเสนอเพิ่มอีกมากมาย พิเศษ! รับสิทธิ์ตรวจสภาพรถฟรี 24 รายการ โดยเอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ อีกทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์จากเยอรมนี Tunap และเชิญทดลองขับ เปอโยต์ ทุกรุ่นในงาน รับหมวก เปอโยต์ จำนวนจำกัด ระหว่างวันที่ 13-22 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10:30 – 17.00 น.   

++ อุ่นใจด้วยเครือข่ายให้บริการหลังการขาย ครอบคลุมทั่วประเทศ

เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล ผนึกกำลังกับ เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ขยายเครือข่ายการให้บริการหลังการขายอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ ‘PEUGEOT SERVICE OUTLET’ ครอบคลุมทั้งทั่วประเทศรวม 13 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 10 สาขา ได้แก่ พระราม 4, งามวงศ์วาน, ลำลูกกา, รังสิต, เพชรเกษม, รามคำแหง, คู้บอน, พุทธบูชา, กาญจนาภิเษก และศรีนครินทร์ และ 3 สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ระยอง, อุบลราชธานี และภูเก็ต

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สอบถามเพิ่มเติมหรือนัดหมายทดลองขับ โทร. ‘1488 ALWAYS CONNECTED’

LINE: @peugeot_lion

FACEBOOK: Peugeot Lion Automobile

WEBSITE: www.peugeot.co.th

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

BKK Group ขยายธุรกิจ BYD BKK

เปิดโชว์รูม บีวายดี บีเคเค ต่อเนื่อง 3 โชว์รูม 3 มุมเมือง

“กลุ่มบริษัท บีเคเค กรุ๊ป” มุ่งมั่น และทุ่มเทในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการ สร้างความสะดวกสบายและตอบสนองไลฟ์สไตล์การเดินทาง (Lifestyle Mobility) ของลูกค้าได้อย่างครบวงจร เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบสนองนโยบายส่งเสริมรถอีวีของภาครัฐ โดยขยายธุรกิจพลังงานทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้า BYD เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ประกอบกับกระแสที่มาแรง BYD ขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดดจนสามารถคว้าตำแหน่งผู้นำตลาดรถพลังงานทางเลือกที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดด้วยตัวเลขยอดขาย 1.85 ล้านคัน ในปี 2022 และประเมินว่าในปีนี้ยอดขายรถอีวีจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

BYD BKK EV CAR DONMUENG เปิดให้บริการครบวงจรอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการเปิดตัวรถ BYD SEAL ยนตรกรรมไฟฟ้าสปอร์ตซีดานที่มากับเทคโนโลยีที่ครบครัน พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ BYD SEAL DYNAMIC ราคา 1,325,000 บาท BYD SEAL PREMIUM ราคา 1,449,000 บาท BYD SEAL AWD PERFORMANCE ราคา 1,599,000 บาท นับเป็นรถนำเข้า รุ่นที่ 3 ในประเทศไทย และเป็นโชว์รูม BYD สาขาที่ 3 ที่กลุ่ม BKK Group ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่าย และให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD 3 โชว์รูม 3 มุมเมือง ได้แก่ บีวายดี ออโตเพีย (เทพารักษ์-ศรีนครินทร์), บีวายดี บีเคเค ออโตโมบิล (มีนบุรี-รามอินทรา) และล่าสุด บีวายดี บีเคเค อีวี คาร์ ดอนเมือง

นางสาวตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทกลุ่มบีวายดี บีเคเค เปิดเผยว่า “เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจในนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และจากการตอบรับเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ด้วยคุณภาพ ความคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการขอผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบีเคเค กรุ๊ป ในการขึ้นเป็นผู้นำด้านการให้บริการ และผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ครบวงจร และโดยเฉพาะรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้อย่างลงตัว และหลังจากเปิดตัว บีวายดี ออตโต้ทรี (BYD ATTO3) และบีวายดี ดอลฟิน (BYD Dolphin) บีวายดี บีเคเค ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างท่วมท้น จากกระแสความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่องเราจึงสั่งรถให้มีอยู่ในสต็อคในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ ครบทุกรุ่น ทุกสี ที่บีวายดี บีเคเค ทั้ง 3 สาขา รวมถึงอะไหล่ และความพร้อมของศูนย์ให้บริการอีกด้วย

และเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 เพิ่งมีการเปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสุดพรีเมียม สปอร์ตซีดานนำเข้า รุ่นที่ 3 ในประเทศไทย บีวายดี ซีล ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน ความสะดวกสบาย หรูหรา ห้องโดยสารกว้างขวาง ขุมพลังที่แรงให้ผู้ขับขี่สนุกไปทุกการเดินทาง จะนำพาทุกท่านไปยังทุกการเดินทางได้อย่างผ่อนคลาย ด้วยราคาสุดพิเศษ ซึ่งได้รับความสนใจ และเป็นกระแสอย่างมากไม่แพ้ 2 รุ่น ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้” คุณตวงรัตน์ กล่าวปิดท้าย

สำหรับท่านที่สนใจทดลองขับ (Test drive) ทั้ง บีวายดี ซีล (BYD Seal), บีวายดี ดอลฟิน (BYD Dolphin)  และบีวายดี ออตโต้ทรี (BYD ATTO3)   สามารถติดต่อได้ที่โชว์รูมบีวายดี บีเคเค ทั้ง 3 โชว์รูม บีวายดี บีเคเค เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ โทร 02-745-3333, บีวายดี บีเคเค ซาฟารี-รามอินทรา โทร. 02-116-5555 และบีวายดี บีเคเค ดอนเมือง-รังสิต โทร. 02-764-2899 ทีมที่ปรึกษาทางการขายของเราพร้อมดูแลคุณทั้งส่วนงานขาย และบริการหลังการขาย เพราะเราใส่ใจมากกว่า เรียนเชิญสัมผัสด้วยตัวเอง และสามารถนัดหมายทดลองขับเพื่อให้มั่นใจและเหมาะกับการใช้งานจริง ได้ทั้ง 3 โชว์รูมแล้ววันนี้

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

มาสด้ามัดใจลูกค้าด้วยโปรแกรม MAZDA ULTIMATE SERVICE ดูแลฟรีตลอด 5 ปีเปิดตัว CPO MARKETPLACE ซื้อขายรถมาสด้ามือสองคุณภาพดีบนออนไลน์ 24 ชั่วโมง

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 5 ตุลาคม 2566 – มาสด้าอัดยาแรงกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปี ลูกค้าได้เฮลั่นเมื่อออกรถใหม่ รับทันที Mazda Ultimate Service (MUS) หรือ โปรแกรมบริการหลังการขายที่คุ้มครองและดูแลรถตลอด 5 ปี ครอบคลุมทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่
และผลิตภัณฑ์ของเหลว การขยายการรับประกันคุณภาพ 5 ปี 150,000 กิโลเมตร รวมถึงมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และฟรีประกันชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมสูงสุดกว่า 100,861 บาท * พร้อมเปิดตัวช่องทางจำหน่ายรถมาสด้ามือสองคุณภาพดี Mazda CPO Marketplace บนแพลตฟอร์มออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลือกซื้อรถมือสองที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองจากมาสด้า โดยไม่จำกัดทั้งเวลาและสถานที่ หลังประสบความสำเร็จจากโครงการ Mazda CPO ที่เปิดตัวไปเมื่อก่อนหน้านี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมหรือเลือกซื้อได้ทาง https://certified.mazda.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะมีความคึกคักและแข่งขันรุนแรงมากขึ้น
ล้วนเกิดจากปัจจัยสนับสนุนเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าประเทศมากขึ้น ผลักดันให้เกิดความต้องการรถยนต์มากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตทั้งเครื่องยนต์สันดาปหรือรถไฟฟ้า ล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและความต้องการในการเปลี่ยนรถของลูกค้าเร็วขึ้น
โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่การบริโภคจะเป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมาสด้า เราเตรียมเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อเสริมไลน์อัพในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเช่นกัน
เชื่อว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์
และกลายเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าและแฟนๆ มาสด้าในประเทศไทย ไม่เพียงแค่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์เท่านั้น มาสด้ายังให้ความสำคัญสูงสุดกับกับการสร้างคุณค่าแบรนด์ และความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในระยะยาว


โดยเฉพาะประสบการณ์และคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ ด้วยการรับฟังความต้องการของลูกค้าเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการนำเอาโปรแกรมบริการหลังการขายที่มอบความคุ้มครองและดูแลรถให้กับลูกค้าตลอด 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ที่ครอบคลุมทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว ฟรีขยายการรับประกันคุณภาพ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม.
กลับมามอบให้ลูกค้าอีกครั้ง เพื่อให้ลูกค้านำรถกลับเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทาง ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ และช่วยเพิ่มมูลค่าของรถเมื่อต้องการขายต่อ โดยมอบให้กับลูกค้าที่ออกรถมาสด้าคันใหม่ รุ่น Mazda3, Mazda
CX-30, Mazda CX-5, Mazda CX-8 และ Mazda MX-5
และมอบโปรแกรม Mazda Care ที่ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าที่ออกรถรุ่น New Mazda2
และ New Mazda CX-3 เพื่อมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้ามาสด้าในทุกกลุ่ม

ไม่เพียงเท่านั้น มาสด้ายังมอบความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถมาสด้ามือสองคุณภาพดี โดยเปิดตัว Mazda CPO Marketplace ช่องทางใหม่ในการซื้อขายรถยนต์มาสด้ามือสองคุณภาพดีแบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง เพิ่มเติมจากเดิมที่การจำหน่ายจะมีแค่ที่โชว์รูมอย่างเป็นทางการของมาสด้าเพียงอย่างเดียว โดยรถที่ทำการซื้อขายผ่านช่องทางนี้ล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดคุณภาพและตรวจรับรองโดย มาสด้า เซลส์
ประเทศไทย เลขไมล์น้อย รวมถึงได้รับการตรวจเช็กคุณภาพขั้นสูงแบบรอบด้านโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากมาสด้า จึงสร้างความมั่นใจได้ว่ารถที่ลูกค้าเลือกซื้อเป็นรถที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน สร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าไปตลอดการเดินทาง ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าไปทำการซื้อขายได้โดยตรงผ่าน https://certified.mazda.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีรถมาสด้าคุณภาพดีให้เลือกกว่า 100 คัน นอกจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2566 มาสด้ายังมอบแคมเปญสุดคุ้มที่ช่วยดูแลรถคันใหม่ให้กับลูกค้าทุกราย และขอมอบความพิเศษอีกหนึ่งต่อให้กับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัวที่ซื้อรถมาสด้าคันใหม่เพิ่มเติม ทั้งรถยนต์นั่งรุ่น New Mazda2 และ Mazda3 และครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3, Mazda CX-30, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 กับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท ** เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่น
และกลับมาเลือกซื้อรถยนต์มาสด้าอีกครั้ง สำหรับรายละเอียดแคมเปญออกรถใหม่ในเดือนตุลาคม มีดังต่อไปนี้


 New Mazda2: ดอกเบี้ย 2.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 ,
ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว)³ หรือ ดอกเบี้ย
0.99% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 Mazda3 และ Mazda3 CARBON EDITION: ดอกเบี้ย 2.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium
Insurance 1 ปี 2 , ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 4 หรือ ดอกเบี้ย
1.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 New Mazda CX-3: ดอกเบี้ย 2.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 ,
ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว)³ หรือ ดอกเบี้ย
1.19% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 Mazda CX-30 และ Mazda CX-30 CARBON EDITION: ดอกเบี้ย 1.59% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda
Premium Insurance 1 ปี 2 , ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 4 หรือ
ดอกเบี้ย 0.49% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 Mazda CX-5: ดอกเบี้ย 2.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 ,
ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 4 หรือ ดอกเบี้ย 1.39% 1 ,
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 Mazda CX-8: ดอกเบี้ย 2.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 ,
ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 4 หรือ ดอกเบี้ย 1.49% 1 ,
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2
 New Mazda MX-5: ดอกเบี้ย 2.39% 1 , ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี 2 , ฟรี
โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) 4
หมายเหตุ:
1 Mazda2: ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน ยกเว้น รุ่น 1.3 C/C Sports ราคา 599,000 บาท, ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน สำหรับรุ่นอื่นๆ
2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ.
กรุงไทยพานิชประกันภัย
³ ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร
(แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
4 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี,
ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
เงื่อนไขเพิ่มเติม
 เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น
 ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถ ภายในวันที่ 1 ตุลาคม –
31 ธันวาคม 2566 เท่านั้น
*คำนวณจากแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ และโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี รวมกับประแพ็กเกจประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium
Insurance 1 ปี ของ Mazda CX-8 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามแต่ละแพ็กเกจ และโปรแกรม
**เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.mazda.co.th

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ฟอร์ดปูพรมกิจกรรม-แคมเปญจัดเต็มดันกระแสฟอร์ด เอเวอเรสต์แรงต่อเนื่องไตรมาส 4

ครั้งแรกที่ฟอร์ดนำเอเวอเรสต์ทุกรุ่นมาให้ทดลองขับและสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับแบบจัดเต็มกับกิจกรรม ‘Ford Everest Journey’
 ได้สิทธิ์ลุ้นรับทองคำมูลค่ารวม 1,294,000 บาท ในแคมเปญ ‘Ford
Expo โปรโมชันแรง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร’ เมื่อทดลองขับฟอร์ดเอเวอเรสต์
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 4 ตุลาคม 2566 — ฟอร์ด ประเทศไทย
เดินหน้าดันกระแสฟอร์ด เอเวอเรสต์ให้แรงต่อเนื่องในไตรมาส 4
ปูพรมจัดกิจกรรม ‘Ford Everest Journey’ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่
ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และสงขลา โดยในงานจะมีฟอร์ด เอเวอเรสต์
ครบทุกรุ่นย่อยให้ลูกค้าที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางแบบเหนื
อระดับด้วยตัวเองกับคอนเซ็ปต์ ‘เลือกสิ่งที่ใช่ ลุยไปกับสิ่งที่ชอบ’
ลูกค้าที่มาร่วมงานจะได้ทดลองขับฟอร์ด เอเวอเรสต์
ในเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร ทั้งแบบทางเรียบและออฟโรด
พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมเวิร์คช้อปภายในงานฟรี
และยังมีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำมูลค่ารวม 1,294,000 บาท กับแคมเปญ ‘Ford
Expo โปรโมชันแรง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร’ เมื่อทดลองขับฟอร์ด
เอเวอเรสต์ทุกรุ่นในงาน ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2566 โดยกิจกรรม
‘Ford Everest Journey’ จะเริ่มครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 7-8
ตุลาคม 2566 ณ ร้านกาแฟไม้ป่าเดียวกัน
นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดนำรถฟอร์ด เอเวอเรสต์
ทุกรุ่นย่อยมาให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับในกิจกรรม ‘Ford Everest
Journey’ ทั้งรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดอย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค
และรุ่นอื่นๆ ได้แก่ รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×2


รุ่นสปอร์ต และรุ่นเทรนด์ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความสะดวกสบาย
และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อันเหนือระดับ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค รถรุ่นย่อยล่าสุดของฟอร์ด
เอเวอเรสต์ที่ผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบายอันเหนือระดับ ต่อยอดสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นด้วยดีไซน์ที่ดุดันเป็นเอกลักษณ์แบบไวลด์แทรค ครบครันทั้งความเท่ แข็งแกร่ง
และขับสนุกในทุกการเดินทาง มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร
เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ e- Shifter
มาพร้อมระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 อันทรงประสิทธิภาพ ระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4รถครอบครัวที่มาพร้อมความสมบุกสมบันครบครัน และความสะดวกสบายเหนือชั้นให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การผจญภัย ขั้นสุดด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ e-Shifter 10 สปีด มาพร้อมระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×2 มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ SelectShift ภายนอกหรูหราโดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบพรีเมียม ด้วยราวหลังคาและมือจับประตูโครเมียมสีเงิน บันไดข้างสีดำพร้อมชุุดตกแต่งสีเงิน ไปจนถึงหลังคา Panoramic Moonroof อันเป็นเอกลักษณ์สำหรับรุ่นไทเทเนียมพลัส
อีกทั้งยังมีไฟส่องสว่างข้างตัวรถช่วยให้ทราบตำแหน่งที่จอดรถในยามค่ำคืนได้


ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นสปอร์ต มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร
เทอร์โบเดี่ยว ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ตกแต่งแนวสปอร์ตด้วยรายละเอียดสีดำเงาบริเวณมือจับประตู และโลโก้ EVEREST บนฝากระโปรงหน้า โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ที่เป็นเอกลักษณ์ของเอเวอเรสต์
และเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันด้วยประตูท้ายเปิด-ปิด
ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี ห้องโดยสารภายในเรียบหรู
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นเทรนด์ เหมาะสำหรับลูกค้าที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์ในราคาสุดคุ้ม ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดประหยัดโหมดลากจูง และโหมดทางลื่น
ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและ ออฟโรด
โดดเด่นด้วยแผงหน้าปัดรถยนต์แบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว และจอสีระบบสัมผัส
10.1 นิ้วที่ลูกค้าสามารถใช้งานระบบ SYNC®4A ที่รองรับทั้ง Apple
CarPlay® และ Android Auto™
ลูกค้าที่มาร่วมงานจะได้สัมผัสนวัตกรรมบริการแบบ ‘พร้อมเสมอ’ หรือ
‘Always-On’ อาทิ แอปพลิเคชันฟอร์ดพาส และนวัตกรรมด้านบริการอื่นๆ
เพื่อยกระดับประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดไปอีกขั้น
สานต่อความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว
และยังมีกิจกรรมเวิร์คช้อปสุดพิเศษที่ฟอร์ดจัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้า
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม ‘Ford Everest Journey’
และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  www.everesttestdrive.com
โดยมีตารางการจัดกิจกรรม ดังนี้

  • 7-8 ตุลาคม 2566 จังหวัดเชียงใหม่ ณ ร้านกาแฟไม้ป่าเดียวกัน
  • 28-29 ตุลาคม 2566 จังหวัดชลบุรี
  • 4 พฤศจิกายน 2566 จังหวัดระยอง
  • 11-12 พฤศจิกายน 2566 จังหวัดภูเก็ต
  • 18 พฤศจิกายน 2566 จังหวัดสงขลา
    ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขข้อเสนอพิเศษสำหรับรถฟอร์ด เอเวอเรสต์
    ทุกรุ่นได้ที่เว็บไซต์ http://www.ford.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
    Ford Call Center โทร. 1383
หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล จับมือ ยูเอส มอเตอร์ไบค์ และ ALPHA Xสร้างปรากฏการณ์แพ็กคู่ ออกรถ จี๊ป พร้อม ฮาร์ลีย์-เดวิดสันข้อเสนอเร้าใจ ผ่อน 59,653 บาทต่อเดือน!

จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล ผู้จำหน่ายรถยนต์ จี๊ป อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ร่วมกับ ยูเอส มอเตอร์ไบค์ ผู้จำหน่ายมอเตอร์ไซค์ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อย่างเป็นทางการ และ ALPHA X บริการสินเชื่อชั้นนำ สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ กระหน่ำข้อเสนอสุดปังครั้งแรกในไทย ออกรถ จี๊ป
พร้อมมอเตอร์ไซค์ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยอดจัดบอลลูนสูงสุดถึง 50% ผ่อนเริ่มต้น 59,653 บาทต่อเดือน ด่วน! จำนวนจำกัด

ชยพัฒน์ วนสุวานิช ผู้จัดการฝ่ายขาย จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล กล่าวว่า “จี๊ป และ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีความผูกพันและเหมือนกันในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นไอคอนิคแบรนด์สัญชาติอเมริกันทั้งคู่ เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่มีประวัติยาวนาน และได้ภาระกิจเป็นยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของกองทัพสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเสรีภาพ และการผจญภัย กลุ่มผู้ชื่นชอบ จี๊ป และ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน
จึงมีบุคลิกหรือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน การร่วมกันจัดแคมเปญ ระหว่าง จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล กับ ยูเอส มอเตอร์ไบค์ พร้อมด้วยบริการสินเชื่อสุดพิเศษจาก อัลฟ่า เอกซ์ (ALPHA X) ผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อยานพาหนะระดับลักชัวรี่ จึงนับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ
ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการเป็นเจ้าของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในฝัน ขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่าน มาสัมผัสและจับจองยอดพาหนะแห่งความอิสระ และการผจญภัย พร้อมรับข้อเสนอเกินห้ามใจแห่งปี
ได้แล้ววันนี้”
++ ALPHA X มอบสิทธิพิเศษ เอาใจสาวกไอคอนิคแบรนด์สัญชาติอเมริกัน ด้วยข้อเสนอ
‘AMERICAN SALUTE’ สุดเร้าใจ ถึง 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น
เมื่อจองและออกรถ จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน หรือ จี๊ป กลาดิเอเตอร์ รูบิคอน คู่กับ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน
รับข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษจาก ALPHA X
 สินเชื่อเช่าซื้อแบบบอลลูนสูงสุด 50%*
 ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 59,653 บาทต่อเดือน*
 ค่าอุปกรณ์ตกแต่งสามารถนำมารวมโปรแกรมเช่าซื้อแบบบอลลูนได้*
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล ผู้จำหน่ายรถยนต์ จี๊ป อย่างเป็นทางการ ทั้ง 4 สาขา
ได้แก่ สุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, สยามพารากอน และภูเก็ต
โทร.‘1488 ALWAYS CONNECTED’
LINE: @jeep_lion
FACEBOOK: Jeeplionautomobile
ยูเอส มอเตอร์ไบค์ ผู้จำหน่ายมอเตอร์ไซค์ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อย่างเป็นทางการ ทั้ง 3 สาขา ได้แก่
ธนบุรี (วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์), อุบลราชธานี และหาดใหญ่
โทร. 02-032-7200
FACEBOOK: HarleyDavidsonofThonburi

https://www.usmharley.com/

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก เปิดตัว ‘สเปกเตอร์’

ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก

กรุงเทพฯ 3 ตุลาคม 2566, สเปกเตอร์ ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

  • ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ นำทุกท่านสู่ยุคใหม่ของ โรลส์-รอยซ์
    ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
  • ทั่วโลกให้กระแสตอบรับดี และเป็นที่ต้องการสูง กำหนดรับรถยาวตลอดปี 2567
  • ประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

“เรามีความยินดี ที่ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัว โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถที่มีการพูดถึงและได้รับความสนใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรถยนต์รุ่นนี้ก็นับเป็นยนตรกรรม
ที่มีความสำคัญกับการก้าวสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของเรา ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นร่วมสมัย ผสานห้องโดยสารที่เอื้อต่อการตกแต่งแบบ Bespoke แบบไร้ขีดจำกัด ร่วมกับ
ความล้ำสมัยในเชิงวิศวกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ สเปกเตอร์ มีจุดเด่น
ตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ”

ไอรีน นิคเคียน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส

“ประเทศไทยเปรียบได้กับศูนย์กลางแห่งความหรูหราในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนของเจ้าของกิจการและผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่ง สเปกเตอร์ ก็นับว่ามาเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ คันนี้ นับว่าอยู่ในจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ และกระผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ที่ได้มีส่วนร่วม ในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้กับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่ง
ในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ โรลส์-รอยซ์”

กฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก

ปี 2564, โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ทำการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเป็นทิศทางไปสู่อนาคตของแบรนด์ โดย โรลส์-รอยซ์ ยืนยันความแน่วแน่ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรุ่น ‘สเปกเตอร์’ (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 พร้อมตั้งเป้ายุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาป และทำให้ยนตรกรรมที่จำหน่ายขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 ซึ่งนับตั้งแต่การประกาศสำคัญในครั้งนั้น สเปกเตอร์ ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบอย่างเข้มข้น เป็นระยะทางรวมระยะทางกว่า
2.5 ล้านกิโลเมตร และเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ณ Home of Rolls-Royce เมือง West Sussex ประเทศอังกฤษ พร้อมเสียงตอบรับที่เยี่ยมจากทั่วโลก

ปัจจุบัน กำหนดส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าท่านแรกใกล้เข้ามาทุกขณะ สเปกเตอร์ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พร้อมเผยโฉมของยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก สู่สายตาของลูกค้าและสื่อมวลชน
ในภูมิภาคนี้ เพื่อแสดงถึงทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้า โรลส์-รอยซ์ ในอนาคต

สเปกเตอร์ คือ ผู้เปิดตำนานอันน่าตื่นเต้นบทใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของยุคแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลิ่อนด้วยไฟฟ้าของแบรนด์ โดยยนตรกรรมรุ่นดังกล่าว นับเป็นการยืนยันถึงพันธสัญญา, ความแม่นยำแห่งการทำนาย และการพัฒนาอันน่าทึ่ง
พร้อมแสดงให้เห็นว่า โรลส์-รอยซ์ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังคงรักษาเอกลักษณ์และจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ ควบคู่ไปกับเป้าหมายในการทำให้ยนตรกรรมทุกรุ่นที่จำหน่าย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีไฟฟ้ามายาวนาน โดยช่วงปี 2443 มร. ชาร์ลส์ โรลส์ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ได้ทำนายอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า หลังได้มีโอกาสขับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า ‘The Columbia Electric Carriage’ โดยเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบอันยั่งยืนของยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อาทิ การปราศจากมลพิษ
และเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จรองรับอย่างเพียงพอ”

 
จากนั้นช่วงปี 2554 โรลส์-รอยซ์ ก็ได้เผยโฉมยนตรกรรมต้นแบบ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน
ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น แฟนธอม (Experimental Phantom concept) ภายใต้รหัส 102EX และตามมาด้วย 103EX ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสื่อถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
ของ โรลส์-รอยซ์ ในอนาคตได้อย่างชัดเจน

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น

มาพร้อมแพ็กเกจ SPECTRE Ownership ดังนี้:

  • รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์
    ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)*
  • รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่นาน 10 ปี*
  • โปรแกรมบำรุงรักษา (service inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด*
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง*
  • ทีมบุคลากรของ โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทย ผ่านการอบรมพร้อมประกาศนียบัตรด้านการบำรุงรักษา สเปกเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สอบถามข้อมูล กรุณาติดต่อ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก (พระราม 3)

โทร. 02-670-6060

Facebook: Rolls-Royce Motor Cars Bangkok

LINE Official: Rolls-Royce Bangkok

Instagram: RollsRoyceThailand

https://www.rolls-roycemotorcars.com/bangkok/en_GB/showroom.html

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

เอ็มจี เผยโฉม New MG5 10 th Anniversary Special Editionปรับลุคสปอร์ตคูเป้ซีดานให้คูล เพิ่มความคุ้มค่ากับราคา 589,900 บาท

กรุงเทพฯ – 2 ตุลาคม 2566 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์
(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย
สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์นั่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จับสปอร์ตคูเป้ซีดาน MG5
ตกแต่งเป็นรุ่นพิเศษ New MG5 10 th Anniversary Special Edition โดยมาพร้อมตัวถังสีใหม่
“Crayon Grey” คุมโทนการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในด้วยสไตล์ “โมโนโครม”
ใส่ออปชั่นเพื่อการขับขี่ไว้อย่างครบครัน ตั้งธงเพิ่มความคุ้มค่าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 589,900 บาท ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10%
พร้อมให้สัมผัสคันจริงแล้วที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ
สำหรับ MG5 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564
จนถึงปัจจุบันมียอดขายสะสมแล้วกว่า 21,000 คัน
ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจนคว้ารางวัลการออกแบบระดับโลกอย่าง “Good Design Award 2021”
สาขา “Compact Sport Cars” จากประเทศญี่ปุ่น
ลูกค้าคนไทยต่างให้การยอมรับด้านการออกแบบดีไซน์ และเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ
รวมถึงการบริหารพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้ MG5
ยังคงคอนเซ็ปต์การเป็นรถเก๋งซีดานที่มีห้องโดยสารใหญ่ที่สุดในคลาส
มีมิติตัวถังขนาดใหญ่เทียบเท่า C-Segment
ผู้โดยสบายจึงได้รับความสะดวกสบายในทุกตำแหน่งที่นั่ง

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวถึงสถานการณ์ตลาด B-Segment ว่า “การแข่งขันในตลาดรถเก๋งค่อนข้างดุเดือด
ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากหลากหลายปัจจัย
อีกทั้งวิวัฒนาการของเทคโนโลยียานยนต์ที่พัฒนาก้าวล้ำอย่างรวดเร็ว
รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และแคมเปญส่งเสริมการขายเชิงรุกจากค่ายรถต่าง ๆ
ในช่วงครึ่งปีหลัง
ไตรมาสสุดท้ายจึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น
การมาของ New MG5 10 th Anniversary Special Edition
จะนำพาแบรนด์ไปสู่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเจนใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้สีเทา – ดำ
ในการตกแต่งเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นรุ่นพิเศษ ตั้งแต่ตัวถังสีเทาเฉดใหม่ Crayon Grey
ที่สอดรับกับการตกแต่งด้วยสีดำในหลากหลายตำแหน่งรอบคัน จัดวางโลโก้ 10 th Anniversary
ที่ประตูท้าย และล้ออัลลอยสีดำดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารยังคงใส่ความสปอร์ตในทุกอณู
มาพร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอ Infotainment แบบ
Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ครบครันด้วยเทคโนโนโลยีความปลอดภัย
พร้อมรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย ตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้คนไทยได้เป็นเจ้าของยนตรกรรมที่คุ้มค่า จึงส่ง New MG5 10 th Anniversary
Special Edition จำหน่ายในราคา 589,900 บาท
และเพื่อเพิ่มโอกาสในการจองซื้อรถให้กับลูกค้ามากขึ้น เอ็มจี
ร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อให้ลูกค้าชำระเงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 58,990 บาท (10%
จากราคาจำหน่าย) และมอบประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี

สำหรับลูกค้าที่จองซื้อภายในวันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2566 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566
เท่านั้น พร้อมเปิดให้จองรถได้ตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่
bit.ly/BookMG510AnniversarySpecialEdition หรือแอพพลิเคชัน MG THAILAND
และสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมที่ bit.ly/NewMG5-10thAnniversarySpecialEdition
รวมทั้งสัมผัสคันจริงได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพ 150 แห่ง ทั่วประเทศ”
หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด เท่านั้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267
และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ของเอ็มจีได้ที่
Website: http://www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: http://www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand

หมวดหมู่
New Cars New Innovation News

ฟอร์ดส่งแคมเปญกระตุ้นตลาด แรง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร ดันยอดไตรมาส 4

  • แคมเปญ ‘Ford Expo โปรโมชันแรง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร’ ทดลองขับฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ทุกรุ่น ลุ้นรับทองคำ มูลค่ารวม 1,294,000 บาท ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2566
  • พิเศษฟอร์ด เรนเจอร์  รุ่น XLS, Sport 4X2 AT และ Wildtrak 4X4 ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน
  • ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ดาวน์ 0% ขับฟรี 3 เดือน เมื่อจัดไฟแนนซ์ผ่านฟอร์ด ลีสซิ่ง โดยธนาคารทหารไทยธนชาต ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2566
  • ฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมข้อเสนอสุดเร้าใจ ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2566

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 2 ตุลาคม 2566 – ฟอร์ด ประเทศไทย อัดแคมเปญเร่งกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้คึกคักส่งท้ายไตรมาสที่ 4 มอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถทุกรุ่น จัดเต็มกับแคมเปญ ‘Ford Expo โปรโมชันแรง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร’ สำหรับลูกค้าที่มาทดลองขับฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ทุกรุ่นที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ ลุ้นรับทองคำ มูลค่ารวม 1,294,000 บาท ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2566 พิเศษ! ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ รับสิทธิ์ดาวน์ 0% ขับฟรี 3 เดือน เมื่อจัดไฟแนนซ์ผ่านฟอร์ด ลีสซิ่ง โดยธนาคารทหารไทยธนชาต ตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเอาใจแฟนฟอร์ด มัสแตง ด้วยโปรสุดเร้าใจ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2566

“ยอดขายของฟอร์ดช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเป็นผลมาจากการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในแบรนด์ฟอร์ด โดยฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในตลาดและครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดอันดับ 3 ในเซ็กเมนต์ได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งในเซ็กเมนต์รถกระบะและ PPV สำหรับในช่วงไตรมาส 4 นี้ ฟอร์ดพร้อมสร้างความคึกคักให้ตลาดด้วยการปลุกกระแส ‘ดุดันไม่เกรงใจใคร’ มาสร้างกระแสการรับรู้และผลักดันยอดขาย ฟอร์ดมั่นใจในสมรรถนะของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์และมั่นใจว่าลูกค้าที่ได้มาทดลองขับจะประทับใจกับสมรรถนะอันเหนือชั้นและเทคโนโลยีล้ำสมัยของรถฟอร์ด” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทยกล่าว

แคมเปญ ‘Ford Expo’ โปรโมชันแรง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร

ลูกค้าทั่วประเทศสามารถร่วมลุ้นรับทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 40 รางวัล มูลค่ารวม 1,294,000 บาท ได้ง่ายๆ เพียงแค่ลงทะเบียนทดลองขับรถฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2566 ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ด โดยการทดลองขับ 1 ครั้ง จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรับทองคำ 1 สิทธิ์ และลูกค้าสามารถร่วมกิจกรรมได้จำกัด 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรม พร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษ ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์  รุ่น XLS, Sport 4X2 AT และ Wildtrak 4X4

ฟอร์ดจะทำการพิมพ์ชื่อ-นามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้าที่ทดลองขับรถภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยแบ่งรอบจับรางวัลเป็น 2 รอบ รอบละ 20 รางวัล ดังนี้

  • รอบที่ 1 – ลูกค้าทดลองขับรถฟอร์ด ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 31 ตุลาคม 2566 โดยจะจับรางวัลในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เวลา 14.00 น. และประกาศผลวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เวลา 18.00 น. ผ่านทาง www.facebook.com/FordThailand  
  • รอบที่ 2 – ลูกค้าที่ทดลองขับรถฟอร์ด ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 30 พฤศจิกายน 2566 จับรางวัลในวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น. และประกาศผลวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เวลา 18.0 น. ผ่านทาง www.facebook.com/FordThailand

ผู้จำหน่ายฟอร์ดจะติดต่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลเพื่อแจ้งรายละเอียดและเงื่อนไข[1] ในลำดับถัดไป นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมีแคมเปญพิเศษสำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ซื้อรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ทุกรุ่น ดาวน์ 0% + ขับฟรี 3 เดือน เมื่อจัดไฟแนนซ์ผ่านฟอร์ด ลีสซิ่ง โดยธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ โปรแกรม Ford Care รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่จากโรงงาน นาน 5 ปี /150,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าที่จองรถตั้งแต่วันนี้และออกรถภายใน 31 ธันวาคม 2566 โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.ford.co.th/buying/fleet/fleetpromotion/

ฟอร์ดยังเอาใจแฟนฟอร์ด มัสแตง รถสปอร์ตระดับตำนาน เพียงจองรถวันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566 รับเงื่อนไขดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน โดยมาพร้อมแพ็คเกจฟอร์ด พรีเมี่ยม แคร์ นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เพื่อมอบความมั่นใจตลอดการขับขี่ ดีลพิเศษนี้ครอบคลุมตัวเลือกฟอร์ด มัสแตง ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 5L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,999,000 บาท และรุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,799,000 บาท ทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีส้ม ไซเบอร์ ออเรนจ์ สีแดง เรดเรซ สีน้ำเงิน แอทลาส บลู และสีเทา คาร์บอนไนซ์เกรย์ ลูกค้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของ ฟอร์ด มัสแตง ได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ด มัสแตง อย่างเป็นทางการ 8 แห่ง[2]

ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและเงื่อนไขข้อเสนอพิเศษของแคมเปญส่งเสริมการขายจากฟอร์ดได้ที่เว็บไซต์ http://www.ford.co.th  และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center โทร 1383