หมวดหมู่
Lormhuntuathai Motorcycle New Innovation News

พิมพ์ภัทราหนุนภาคเอกชนไทยสานต่อนโยบาย EV ของรัฐบาล

เอ็ม กรุ๊ป โฮลดิ้ง ประเทศไทย จับมือ เจียหลิง กรุ๊ป และ ทาลาเรีย พาวเวอร์ เทค ประเทศจีน

ขานรับผลิต E BIKE ตั้งไทยเป็นฐานส่งออกอาเซียน

วันที่ 24 มีนาคม 2567  นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว. อุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน “เปิดประสบการณ์ความท้าทายครั้งใหม่ กับ TALARIA THAILAND ” โดยในงานมีพิธีเซ็นสัญญาร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท ทาลาเรีย อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท ฉงชิ่ง เจียหลิง-เจียเผิง อินดัสทรี จำกัด (ประเทศจีน) เพื่อผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (E-Bike) โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลายประเทศ เช่น จีน ลาว เมียนมา รวมถึงนางจีรนันท์ วงษ์มงคล ประธานสมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา งานจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว. อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยโชคดีที่มีการปรับตัวทางด้านเทคโนโลยีให้ทันยุคทันสมัย โดยเฉพาะเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า ที่รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนการลงทุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนถึง จนถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาตรการ EV 3.0 และมีการตอบรับในประเทศเป็นอย่างดีในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ยอดขายและกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะปีที่แล้วยอดสูงเกือบ 70,000 คัน

รมว.อุตสาหกรรม กล่าววว่า ในส่วนของจักรยานยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และไม่ตอบสนองเฉพาะคนในประเทศเท่านั้น แต่ยังเปิดรับนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย และได้ทำงานกันมาถึง 2 รัฐบาล ในการเตรียมความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางด้าน พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งขนส่งทางรถ ทางราง และทางอากาศ ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือนักลงทุน ที่ทั้งนายกรัฐมนตรี บีโอไอ และกระทรวงอุตสาหกรรม เราทำไปพร้อม ๆ กัน วันนี้เราจึงเห็นนักลงทุน โดยเฉพาะจากประเทศจีนเข้ามาตั้งฐานการผลิตมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความเชื่อมั่นดังกล่าว ท่านนายกฯ เศรษฐา คาดการณ์ว่าปีนี้การลงทุนน่าจะแตะถึง 1 ล้านล้านบาท ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการทำธุรกิจ ที่ยังคงรักษาโลกใบนี้ให้สวยงาม ส่งต่ออากาศบริสุทธิ์สะอาด และนวัตกรรมสีเขียวให้กับรุ่นลูก รุ่นหลานของเราต่อไป

นายหวัง ฟ่าน ประธานกรรมการ และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ทาลาเรีย พาวเวอร์ เทค เมื่อ พ.ศ. 2563 กล่าวว่า ทาลาเรียมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้น สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็น “ซิลิคอนวัลลีย์” แห่งการผลิต E-Bike ทาลาเรียเป็นแบรนด์ที่มีอายุน้อยแต่มีพลวัตสูง ได้รับการรับรองจากผู้ค้าและผู้ขับขี่ยานพาหนะทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในเวลาอันรวดเร็ว กลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ การร่วมมือกับบริษัท เอ็ม กรุ๊ป โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) ถือเป็นการตั้งฐานการผลิตนอกประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อทำหน้าที่ดูแลตลาดผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของทาลาเรียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ในอนาคต ฐานการผลิตใหม่ของทาลาเรียจะกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับนวัตกรรมและความเป็นเลิศด้านการผลิต และเป็นศูนย์กลางสำหรับการทำงาน การแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน พวกเรามีความคิดที่จะทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่ สถาบันการศึกษา และองค์กรการวิจัย เพื่อสร้างเสริมวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อนาคต” นายหวัง ฟาน กล่าว 

นายลี่ ซื่อ หลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาลาเรีย อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด รวมถึงมีมาตรการอุดหนุนผู้บริโภคสำหรับซื้อยานยนต์ไฟฟ้าในราคาไม่แพง ทาลาเรียประเทศไทยตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2566 อยู่ในบางกอกฟรีเทรดโซนซึ่งได้รับเป็นเขตอุตสาหกรรมโดยกระทรวงอุตสาหกรรม อีกไม่นานนี้ทาลาเรียจะมีศูนย์จำหน่ายและบริการ 300 แห่งทั่วกลุ่มประเทศอาเซียน สามารถส่งผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในระยะเวลา 10 – 15 วันเท่านั้น 

“ทาลาเรียมีการวิจัยและพัฒนาโดยผสมผสานเทคโนโลยีจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดเข้ากับกระบวนการผลิตที่ทันสมัยที่สุดจึงได้อีไบค์ที่มีน้ำหนักเบา สมรรถนะสูง ความคล่องตัวสูง และเร้าใจในทุกพื้นผิวการขับขี่ โดยอีไบค์ที่ได้พัฒนาออกมาใหม่ล่าสุดมี 2 รุ่นใหญ่ๆ ได้แก่ Sting และ xXx  ซึ่งทั้ง Sting และ xXx จะมีรุ่นย่อยลงไปอีกหลายรุ่น ทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO9001 มาตรฐาน CE และ E-mark ของยุโรป รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย UL ของสหรัฐอเมริกา” นายลี่ ซื่อ หลิน ระบุ

นายเกอ ฟง ประธานกรรมการ บริษัท ฉงชิ่ง เจียหลิง-เจียเผิง อินดัสทรี จำกัด (ประเทศจีน)

กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิจัย พัฒนา และผลิตรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เราพร้อมแบ่งปันผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำงานร่วมกับบริษัทที่มีฐานการตลาดในประเทศจีนรวมถึงทั่วโลก การร่วมมือกันสามารถเกิดขึ้นได้เพราะการพัฒนาร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายมาโดยตลอด ทำให้เกิดโครงการความร่วมมือเชิงลึกมากมาย และเกิดพันธมิตรความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในที่สุด

นางสาวภิญญ์ชยุตม์ อัครกุลศานต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม กรุ๊ป โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้ร่วมลงทุนและเป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร บริษัท ทาลาเรีย อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอ็มกรุ๊ปทำธุรกิจโดยยึดโมเดลเศรษฐกิจ BCG นั่นคือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว จึงได้ลงทุนในการทำธุรกิจยานพาหนะที่ใช้พลังงานสะอาดกับบริษัททาลาเรียของจีน เพราะเทคโนโลยี EV ของจีนนั้นเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ในส่วนของ E-Bike หรือจักรยานยนต์ไฟฟ้านั้นในประเทศไทยมีให้เห็นตามท้องถนนบ้างแล้วแต่จักรยานยนต์ประเภทออฟโร้ดที่มีน้ำหนักเบานั้นยังแทบไม่มี และทาลาเรียที่ส่งออกจักรยานยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ไปทั่วโลกคือคำตอบที่ลงตัวที่สุดในการร่วมลงทุน

“เราต้องการเป็นผู้นำในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ขับขี่ชาวไทยหันมาใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้ากันให้มากขึ้น เพื่อคุณภาพของสุขภาพร่างกาย เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม” นางสาวภิญญ์ชยุตม์ กล่าว และเสริมว่าเอ็มกรุ๊ปยังมีบริษัทเกี่ยวกับจุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อการเกษตรและบริษัทเกี่ยวกับการกำจัดของเสียและแปรรูปสิ่งของเหลือใช้เพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วด้วย 

สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของทาลาเรียประเทศจีน ใน พ.ศ. 2566 มียอดจำหน่าย

ในสหรัฐอเมริกา 13,542 คัน แคนาดา 10,732 คัน อิตาลี 9,785 คัน เยอรมนี 9,468คัน  ฝรั่งเศส 8,704คัน   สหราชอาณาจักร 8,594 คัน และประเทศในสหภาพยุโรปอื่นๆ 3,632 คัน ตะวันออกกลาง 431 คัน แอฟริกาตะวันตก 248 คัน ประเทศในอเมริกาใต้ 206 คัน ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากจากทั่วโลก.

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

วช. เผยแนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปี 67 – 68 สามารถรับมือภัยแล้งได้ดียิ่งขึ้น

วันที่ 12 มีนาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตระหนักถึงสถานการณ์น้ำที่แปรปรวน การปรับเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วม น้ำแล้ง สลับกันไป จึงมีงานวิจัยที่ช่วยในการเพิ่มความถูกต้องในการทำนาย จำลองสภาพล่วงหน้า ช่วยในการตัดสินใจ และเตรียมตัว รับมือกับภัยแล้ง และภัยน้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น วช. จึงจัดให้มีการแถลงข่าว “แนวโน้มสถานการณ์น้ำ 67 – 68 และมาตรการการปรับตัว” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในการเปิดงานและชี้แจงวัตถุประสงค์ พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้บริหาร วช. ซึ่งมี รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานบริหารแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานบริหารจัดการน้ำ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ นักวิจัยศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ดร.กนกศรี ศรินนภากร หัวหน้างานภูมิอากาศและสภาพอากาศ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ผศ. ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ และผศ. ดร.จุติเทพ วงษ์เพ็ชร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ชั้น 1 อาคาร วช. 8 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์แผนงานสำคัญของประเทศ มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือในการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสามารถสนับสนุนการป้องกัน แก้ไขปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วช. ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบ โครงการ แผนงาน และแผนงานชุดโครงการขนาดใหญ่ หรือแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานบริหารจัดการน้ำ ที่มี รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ เป็นประธานบริหารแผนงาน การจัดงานในครั้งนี้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำของประเทศ อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมชลประทาน และนักวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก วช. ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานบริหารจัดการน้ำ เพื่อบูรณาการภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำรวมถึงการขับเคลื่อนสังคมและสร้างวัฒนธรรมรักษ์น้ำและการประหยัดน้ำ เพื่อให้สามารถผลักดัน ขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรม ให้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.กนกศรี ศรินนภากร สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และ ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อมูลว่าจากการคาดการณ์พบว่าใน และปีหน้าจะเริ่มเข้าสู่ภาวะลานีญาช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 ฝนจะน้อย โดยฝนจะตกมากในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน โดยจะมีแนวโน้ม 2 รูปแบบ คือ ลานีญาแบบปกติ หรือลานีญาแบบอ่อนเป็นเวลาประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะกลับมาแล้งอีกในปี พ.ศ. 2571 การบริหารปริมาณน้ำในเขื่อนจึงต้องวางแผนล่วงหน้า 2 ปี และ ควรประเมินสถานการณ์น้ำตามตำแหน่งของพื้นที่ซึ่งได้รับน้ำจากฝนทุก 2 เดือน

ผศ. ดร.จุติเทพ วงษ์เพ็ชร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติม แบบจำลองปริมาณน้ำท่าในปี 2567-2568 มีความเป็นไปได้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 หากช่วงฤดูฝนของปี 2567 มีการพัฒนาเข้าสู่สภาวะลานีญารุนแรง จะทำให้ปริมาณน้ำ สูงถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม. รูปแบบที่ 2 หากช่วงฤดูฝนของปี 2567 มีการพัฒนาเข้าสู่สภาวะลานีญาอ่อน จะทำให้ปริมาณน้ำมีประมาณ 6,000 – 8,000 ล้าน ลบ.ม. และรูปแบบที่ 3 หากในช่วงฤดูฝนของปี 2567 สภาวะลานีญาอยู่ในระดับปกติ และในปี 2568 ปริมาณน้ำจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเชื่อมโยงถึงการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานและแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตร โดย ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ กรมชลประทาน และ ผศ. ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งกรมประทานได้นำข้อมูลจากการพยากรณ์เหล่านี้มาพิจารณาร่วมกับปริมาณน้ำจริงในอ่างเก็บน้ำ ช่วงเดือนพฤษภาคมก่อนเข้าจะเข้าฤดูฝนตามการคาดการณ์ ปริมาณน้ำกักเก็บที่เพียงพอต่อการ อุปโภค บริโภค และสิ่งแวดล้อมในประเทศคือ ประมาณ 4,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งหากกักเก็บน้ำได้มากกว่าจะเป็นน้ำส่วนที่นำส่งเพื่อการเกษตร แต่ในส่วนนอกเขตชลประทานจะต้องมีการเตรียมตัวเพื่อลดผลกระทบเมื่อฝนทิ้งช่วง เช่น การเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ การใช้เทคโนโลยีในการให้น้ำ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้น้ำพืช การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูก

รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ สรุปการแถลงข่าวครั้งนี้จึงเป็นการเสนอการคาดการณ์ และทางออกของการจัดการปัญหาด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำเพื่อตั้งเป้าหมาย ลดความเสี่ยง ลดความเสียหาย ยั่งยืนแบบยืดหยุ่น รวมทั้งสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในการปรับพฤติกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและสถานการณ์น้ำใน ปี 67 – 68

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

Jobsdb by SEEK เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ ตอบโจทย์

“Better Matches” จับคู่คนที่ใช่กับงานที่ชอบ ด้วย AI ระดับโลกจาก SEEK

12 มีนาคม 2567 Jobsdb by SEEK หนึ่งในบริษัทภายใต้ SEEK  แพลตฟอร์มหางานระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย เปิดกลยุทธ์แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ Better Matches – Better Experience – Better Advice พร้อมปลดล็อกประสบการณ์การสรรหาบุคลากรที่ดีกว่าเคยผ่าน AI ด้วย Unified แพลตฟอร์ม ของ SEEK ที่เชื่อมต่อกับผู้สมัครและผู้ประกอบการหลายล้านทั่วเอเชีย ณ “The Empire Residence” ชั้น 53  ตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์

หลังจากที่ Jobsdb by SEEK ได้เข้าร่วมกับ SEEK แพลตฟอร์มหางาน Tech Company ระดับโลกที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2011 และครอบคลุมกว่า 8 ประเทศ ทั่วเอเชียแปซิฟิก  ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์ รวมถึงขยายกิจการไปยังแถบลาติน-อเมริกา ได้แก่ บราซิลและเม็กซิโก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับผู้สมัครกว่า 40 ล้านคน และผู้ประกอบการกว่า 2.5 ล้านราย ในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงเทคโนโลยีและมาตรฐานการทำงานที่เป็นสากล และเพื่อให้ทันยุคเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน SEEK ได้นำเอา Technology AI เข้ามาช่วยในการจับคู่งานและผู้หางานให้ลงตัวยิ่งขึ้น ภายใต้คำว่า “Better Matches” ทำให้คนที่หางานได้พบงานที่ใช่ เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการ ส่วนผู้ประกอบการสามารถหาผู้สมัครที่ตรงใจได้เร็วขึ้น

ซึ่งผ่านมากว่า 10 ปี กว่าจะเกิด Unification Program ของ SEEK ทั้งหมดเข้าด้วยกันนี้ นับจากที่ได้รวมเอา Jobsdb และ Jobstreet มาอยู่ภายใต้ SEEK และใช้เวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ กว่า 3 ปี เงินลงทุนกว่า 4,220 ล้านบาท (หรือ 180 ล้าน ดอลล่าร์ออสเตรเลีย)

                Mr. Lewis NG Chief Operating Officer, SEEK Asia  (มร. ลูอิส เอิง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ซีค เอเชีย) เปิดเผยถึง การรวมแพลตฟอร์มนี้ว่า “สำหรับ SEEK ทุกสิ่งที่เราทำล้วนแล้วแต่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุม การรวมเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันได้ นั่นหมายถึงเราสามารถที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าของเราไปสู่ประชาชนทั่วเอเชียหลายล้านคน ในรูปแบบใหม่ และนั่นจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถค้นหางานและบุคลากรที่ตรงใจได้ง่าย สะดวกมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้ทำให้ SEEK มีจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและเรายังได้บรรลุเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้คนกว่า 500 ล้านคน ได้พัฒนาเส้นทางอาชีพของตนภายใต้องค์กรกว่า  5 ล้านแห่งในภูมิภาคนี้

คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK เผยว่า อัตราการจ้างงานในครึ่งแรกของปี 2024 มีโอกาสเติบโตมากขึ้นถึงร้อยละ 54 คาดการณ์จากค่าเฉลี่ยจำนวนของประกาศงานบนเว็บไซต์ Jobsdb ต่อเดือนที่สูงขึ้นร้อยละ 59 และผู้ประกอบการที่มีความต้องการที่จะจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงให้เห็นว่าอัตราผู้ว่างงานในประเทศไทยต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลต่ออัตราการซื้อพื้นที่เพื่อลงประกาศงานในแพลตฟอร์มจัดหางานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 โดยผู้ประกอบการต่างมองหาวิธีจ้างงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ด้านผู้สมัครงานก็มองหาวิธีที่ทำให้ตนเองโดดเด่นขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดแรงงานที่ดุเดือด

Jobsdb by SEEK เล็งเห็นความสำคัญในประเด็นนี้ จึงได้เปิดกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.Better Matches ช่วยจับคู่การจ้างงานให้ได้คนที่เหมาะสมอย่างง่ายและรวดเร็วด้วยความฉลาดของ AI ในการค้นหา แนะนำและช่วยการคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม 2.Better Experience การจ้างงานไร้รอยต่อทั่วเอเชียแปซิฟิก พร้อมเข้าถึงกว่า 40 ล้านคนที่เป็นบุคลากรระดับเวิร์ลคลาส โดยผู้ประกอบการสามารถเพิ่มโอกาสในการค้นหาผู้หางานได้ทุกประเทศในเครือ SEEK 3.Better Advice กลยุทธ์เชิงรุกที่เพิ่มประสิทธิภาพในการสรรหาบุคลากรด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ของ SEEK ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประกาศงานและค่าใช้จ่าย เข้าใจ Demand และ Supply ของตำแหน่งงาน   รวมถึงรายงานจากแบบสำรวจและคำแนะนำในการจ้างงานที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้การสรรหาเป็นเรื่องง่ายและสามารถนำไปปรับให้เข้ากับกลยุทธ์การจ้างงาน

Mr. Neeraj Goswami Head of Product, SEEK  (มร.นีราช กอสวามี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค) ซีค เผยว่า SEEK มี เป้าหมายที่จะยกระดับประสบการณ์การสรรหาและจ้างงานบุคลากรที่ต้องการให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น บนการรวมแพลตฟอร์มในครั้งนี้ด้วยเทคโนโลยี AI จาก SEEK ที่มีฐานข้อมูลครอบคลุมทั้งเอเชียแปซิฟิกตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี พร้อมด้วยทีมงานมากกว่า 200 คน ที่ดูแลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกนี้ จึงนับเป็นประโยชน์ต่อ Jobsdb by SEEK อย่างมากโดยข้อมูลที่นำมาใช้งานยังได้มีการปรับปรุงให้เหมาะกับอินไซด์ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน สำหรับ Unification Program ของ SEEK พร้อมแล้วที่จะให้คำแนะนำที่ล้ำกว่าเดิมสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการสรรหาบุคลากรและเป็นต่อเหนือคู่แข่ง อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูลที่อัปเดตผ่านแดชบอร์ด การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของประกาศงานกับคู่แข่งและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้สมัคร การให้คำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพของประกาศงาน นอกจากนี้ระบบ Unification ยังได้เปิดให้บริการอีก 3 ส่วน ได้แก่ 1. AI Smarter Search ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมการค้นหาของผู้สมัครในอดีตเพื่อแสดงตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้กับผู้สมัคร ซึ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 โดยการใช้ AI ร่วมกับข้อมูลเชิงลึกของตลาดและข้อมูลของ SEEK 2. ปรับปรุงโปรไฟล์ของผู้สมัครและเสริมเครื่องมือในการแนะนำเพื่อส่งผลลัพธ์ในการจับคู่ผู้สมัครกับงานที่ดีกว่าเดิม และ 3.คำถามสำหรับผู้สมัครงาน แนะนำโดย AI เพื่อคัดกรองผู้สมัครที่ใช่ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การรวมกันของแพลตฟอร์มจาก SEEK ในครั้งนี้เป็นการช่วยแนะนำผู้สมัครที่ตรงความต้องการของผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI นี้ ยังช่วยให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามเนื้องานที่มีการเปิดรับอยู่สามารถมองเห็นโอกาสได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการค้นหาโดยใช้ภาษาสนทนาที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ได้อีกด้วย  

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ไทยเวียตเจ็ทจัดโปรฯ ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก ตั๋วเริ่มต้น 555 บาท

(กรุงเทพฯ, 21 กุมภาพันธ์ 2567) – สายการบินไทยเวียตเจ็ทลดกระหน่ำส่งท้ายเดือนแห่งความรักด้วยโปรโมชั่น “รักเราไม่หมดโปร! (February’s Super Savers)” เสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 555 บาท (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียม) สำหรับเดินทางบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศและราคาเริ่มต้นเพียง 1,555 บาท (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียม) สำหรับเดินทางบนเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ท สามารถสำรองบัตรโดยสารได้ระหว่างวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2567 ใช้เดินทางได้ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม – 26 ตุลาคม 2567 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ที่ www.vietjetair.com

บัตรโดยสารราคาโปรโมชั่นนี้สามารถใช้เดินทางได้กับทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศของไทยเวียตเจ็ท ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ขอนแก่น และอุบลราชธานี รวมถึงเส้นทางบินข้ามภูมิภาคจาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ และเชียงราย และทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ท ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เวียดนาม พนมเปญ สิงคโปร์ ฟูกุโอกะ ไทเป เซี่ยงไฮ้ และหางโจว รวมถึงเส้นทางบินตรงจาก เชียงใหม่ สู่ โอซาก้า ผู้โดยสารสามารถสำรองบัตรโดยสารราคาพิเศษนี้ได้ที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com แอปพลิเคชัน “Vietjet Air” หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊กที่ www.facebook.com/VietJetThailand (คลิกที่แถบ “จองเลย”) รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายหรือสำนักงานจำหน่ายบัตรโดยสาร พร้อมกันนี้ผู้โดยสารสามารถชำระเงินด้วย “ทรูมันนี่ วอลเล็ท” และบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต

สายการบินไทยเวียตเจ็ทให้บริการครอบคลุม 11 เส้นทางบินภายในประเทศ ได้แก่ เส้นทางบินจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี รวมถึงเที่ยวบินข้ามภูมิภาค จาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ และเชียงราย พร้อมกันนี้ สายการบินฯ ได้ขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศสู่หลากหลายจุดหมายปลายทางในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เชื่อมต่อประเทศไทยกับเวียดนาม จีน สิงคโปร์ กัมพูชา ญี่ปุ่น ไทเป และอีกหลายจุดหมายปลายทางทั่วทั้งภูมิภาค

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

มาสด้าชวนคนไทยสละรถโมเดลของเล่นเติมฝันเยาวชนกับกิจกรรม “The Memorable Love of Cars”

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 19 กุมภาพันธ์ 2567 –มาสด้าเชื่อว่าความสุขความสนุกสนานในวัยเด็กของหลายคนยังอยู่ในความทรงจำมาตลอด วันนี้
มาสด้าขอเชิญคนไทยหัวใจสปอร์ต มาร่วมกันส่งความสุขในวัยเด็กไปให้กับเยาวชน ในกิจกรรม “The Memorable Love of Cars”
เสียสละรถโมเดลของเล่นเพื่อส่งต่อความทรงจำในวัยเด็กไปสร้างความทรงจำใหม่ให้เด็กที่ขาดโอกาสและรถโมเดลของเล่นที่เสียสละเข้ามาจะถูกนำไปจัดแสดงภายในบูธมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ เพื่อให้ผู้ชมงานได้รับชมและสัมผัสร่วมกัน ก่อนจะถูกส่งต่อให้กับน้องๆ เยาวชนในโรงเรียนหรือมูลนิธิฯ ที่มาสด้าจัดกิจกรรม “มาสด้า ปันสุข” เป็นกิจกรรมที่ริเริ่มขึ้นเพื่อแบ่งปันสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมไทย ผู้ที่สนใจสามารถนำรถโมเดลของเล่นที่ไม่ได้เล่นแล้ว ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ (ขนาด 1:64) นำไปส่งที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือส่งทางไปรษณีย์ เริ่ม 19 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 16 มีนาคม 2567 ที่สำคัญมาสด้าจะเรียนเชิญผู้ที่ส่งรถเข้าร่วมกิจกรรมเดินทางเข้าชมบูธมาสด้า และรูปแบบการจัดแสดงรถโมเดลของเล่นก่อนใคร ในงาน มอเตอร์ โชว์ รอบวีไอพี วันที่ 25 มีนาคม 2567
ระหว่างเวลา 16:00 – 18:00 น.

The Memorable Love of Cars

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าต้องการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและสร้างสรรค์สังคมแห่งอนาคตอันน่าปรารถนา ด้วยการส่งมอบรถยนต์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องในแต่ละช่วงเวลา พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน เราจึงเล็งเห็นความสำคัญในการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างประสบการณ์ และต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างสายสัมพันธ์อันดีร่วมกับลูกค้าในประเทศไทย ตามคุณค่าหลักของมาสด้า อันประกอบด้วย Purpose คือ เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่

สร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์และทุกช่วงเวลาของชีวิต Promise คือ คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีต่อลูกค้าทุกคน ยกระดับคุณค่าประสบการณ์ให้ครบทุกมิติ ทั้งด้านอารมณ์ ความรู้สึก และกายภาพ สุดท้ายคือ Values คือ
การสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ ทัศนคติ แนวคิด รวมถึงพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง, มีจิตวิญญาณนักสู้,
ส่งมอบความประทับใจด้วยการเอาใจใส่และเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ Brand Value Management เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอดไป เพื่อตอบสนองต่อแนวทางดังกล่าว มาสด้าจึงปรับดีไซน์บูธจัดแสดงรถยนต์มาสด้าในงาน มอเตอร์ โชว์
2024 ใหม่ทั้งหมด พร้อมดึงลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการตกแต่งบูธ กับกิจกรรม “The Memorable Love of Cars” เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่รักในการขับขี่ และรักในรถยนต์ โดยมาสด้าได้แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นพาร์ทเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำถึงความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต พร้อมสื่อสารถึงอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์จะมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบในรถยนต์ได้มีโอกาสแบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์มาสด้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจร่วมบริจาครถโมเดลของเล่นให้กับน้องๆ เยาวชน สามารถนำไปบริจาคด้วยตนเองที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เลขที่ 10 ซ.ลาซาล 56 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
(ส่งแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง) และกรอกรายละเอียดผ่านทาง QR Code ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 – วันที่ 16 มีนาคม 2567
พร้อมรับสิทธิ์เข้าชมชมยนตรกรรมมาสด้ารุ่นใหม่และการจัดแสดงรถโมเดลของเล่นที่บูธรถยนต์มาสด้าก่อน ใคร ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 รอบวีไอพี ที่งาน มอเตอร์ โชว์ 2024 นี้ ตั้งแต่เวลา 16:00 – 18:00 น.
“มาสด้าเชื่อว่ารถโมเดลของเล่นที่ทุกคนสะสมย่อมมีเรื่องราวความทรงจำเกิดขึ้นมากมาย และมีคุณค่าต่อจิตใจ รถโมเดลของเล่นที่ทุกคนส่งมอบผ่านกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยต่อเติมความฝันให้กับเด็กๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน มาสด้าขอเป็นสื่อกลางในการส่งมอบรถของเล่นครั้งนี้ รวมถึงถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์ และความฝันให้กับน้องๆ ได้รู้สึกถึงการเป็นเจ้าของรถโมเดลของเล่นเหล่านั้น
มาสด้ายังคงเดินหน้าในการส่งมอบความสุขในการขับขี่ ภายใต้การบริหารคุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุขในการดำเนินชีวิต ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน เพื่อให้มาสด้าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ลูกค้าภาคภูมิใจ” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม
รายละเอียดเพิ่มเติมการส่งรถโมเดลของเล่นเข้าร่วมกิจกรรม “The Memorable Love of Cars”
ส่งต่อความทรงจำของคุณ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับน้องๆ
 รถโมเดลของเล่นขนาด 1:64 ไม่จำกัดรุ่นและยี่ห้อ นำมาส่งด้วยตนเองที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

หรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เลขที่ 10 ซ.ลาซาล 56 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260 (ส่งแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง) ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 จนถึง วันที่ 16 มีนาคม 2567 พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านทาง
QR Code ซึ่งรถโมเดลของเล่นของท่านจะถูกนำไปจัดแสดงที่บูธรถยนต์มาสด้าในงาน มอเตอร์ โชว์ 2024 และจะนำไปส่งมอบให้กับน้องๆ
เยาวชนในโรงเรียนและมูลนิธิที่มาสด้าเดินทางไปส่งมอบการแบ่งปัน ภายใต้โครงการ มาสด้า ปันสุข ต่อไป

สแกน QR Code ลงทะเบียนร่วมกิจกรรม

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ http://www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

TIP Rainbow โดยทิพยประกันภัย ฉลองวันวาเลนไทน์ มอบกรมธรรม์ประกันภัย ” TIP ด้วยรักตลอดไป ” ให้กับคู่ รัก LGBTQ+

ทิพยประกันภัย
ร่วมฉลองเทศกาลวาเลนไทน์และขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกฎหมายสมรส เท่าเทียม ด้วยการมอบกรมธรรม์ประกันภัย “TIP ด้วยรักตลอดไป” จาก TIP Rainbow โดยทิพยประกันภัย ให้กับคู่รัก LGBTQ+
โดยกรมธรรม์ประกันภัยให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุเและโรคร้ายแรงภาวะโคม่า จำนวน 72 คู่ ทุนประกันภัยรวมกว่า 31 ล้านบาท ทั้งนี้กรมธรรม์นี้สามารถระบุผู้รับผลประโยชน์เป็น “คู่รักคู่ชีวิต” เพศเดียวกันได้ ผู้ที่สนใจสามารถ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ กิจกรรม TIP…Love is More มากกว่าคําว่ารัก ตั้งแต่ วันที่ 15 – 29 ก.พ. 67 ได้ที่หน้า
Facebook Fanpage : ทิพยประกันภัย

TIPRainbowประกันภัยที่เข้าใจความหลากหลาย

TIPLoveisMoreมากกว่าคําว่ารัก #72ปีทิพยประกันภัย

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

กรังด์ปรีซ์ฯ ร่วมเปิดงาน OSAKA AUTOMESSE 2024

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดย คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ได้รับเกียรติร่วมพิธีเปิดจาก Automesse Association (ออโต้เมสเซ่ แอสโซซิเอชั่น) ผู้จัดงาน 27 th OSAKA AUTO MESSE 2024 (ครั้งที่ 27 โอซาก้า ออโต้
เมสเซ่ 2024) งานแสดงรถแต่งสุดยิ่งใหญ่ในโอซาก้า จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 10 – วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา ที่ อินเท็กซ์ โอซาก้า (INTEX OSAKA: Osaka International Exhibition Center)
Osaka Auto Messe 2024 เป็นงานที่รวมรถแต่งฝั่งคันไซ ภายใต้แนวคิด ”OMOROI ASHITA MUGENDAI” (Interesting/Tomorrow/Infinity:


ความน่าหลงใหล/เพื่อก้าวสู่วันพรุ่งนี้/อย่างไร้ข้อจำกัด) โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างงานแสดงรถยนต์ที่มอบความบันเทิงให้แก่คนทุกเจเนอเรชั่นสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของรถยนต์หลากหลายสไตล์
และอุปกรณ์ตบแต่งมากมายที่นำมาจัดแสดง ในปีนี้ Osaka Auto Messe 2024 (OAM 2024) ยกกองทัพรถแต่งมากกว่า 500 คัน จัดแสดงบนพื้นที่ 50,000 ตารางเมตรของอินเท็กซ์ โอซาก้า โดยมีทั้งรถแต่งเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่มาเปิดตัวครั้งแรกในงาน, บรรดารถสปอร์ตตัวแรง, รถยนต์รุ่นใหม่ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น และอุปกรณ์แต่งจากสำนักแต่งรถชื่อดังแบบจัดเต็ม
อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมตลอดทั้งงาน โดยในปัจจุบันงานแสดงรถยนต์ และอุปกรณ์ตบแต่ง Osaka Auto Messe ได้รับการยกระดับให้เป็นหนึ่งในอีเวนต์ใหญ่ประจำภูมิภาคคันไซ หลังจากมีผู้เข้าชมงานเฉลี่ยมากกว่า 200,000 คนต่อเนื่องในทุกปี โดยการจัดงานเมื่อปี 2023 มียอดผู้เข้าชมงานสูงถึง 205,462 คน

หมวดหมู่
Lormhuntuathai Motorcycle New Innovation News

CUB House ชวนสายแคมป์ปิ้งไปสัมผัสเส้นทางธรรมชาติ ขอนแก่น – ภูผาม่าน กับกิจกรรม ‘CUB Camping EP. 2’

หลังจากที่ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับทริป CUB House Camping EP. 1 พาสายแคมป์ลงใต้ไปลุยที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมขับขี่ไปยังจังหวัดภูเก็ต ครั้งนี้ CUB House by Honda เอาใจสายแคมป์ปิ้งชาวอีสานเตรียมลุยต่อที่เส้นทางขอนแก่น – ภูผาม่าน ร่วมเปิดประสบการณ์ขับขี่และท่องเที่ยวในรูปแบบแคมป์ปิ้ง 2 วัน 1 คืน สัมผัสเส้นทางธรรมชาติพร้อมท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ รวมเส้นทางการขับขี่กว่า 100 กิโลเมตร อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ไว้สำหรับเอาใจชาว CUB House อีกมากมาย อาทิ
 กิจกรรมท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ ผ่านการมอบถังขยะแยกประเภทให้แก่อุทยานแห่งชาติภูเวียง
 ขับขี่ท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติ ณ บริเวณ ผาชมตะวัน อุทยานแห่งชาติภูเวียง และจุดชมวิว หนองสมอ ภูผาม่าน
 ขับขี่รถ ATV ชื่นชมธรรมชาติ บนเส้นทางวิบาก
 ถ่ายรูปเช็กอินบริเวณ Sky Walk ภูแอ่น โนนสัง จุดแลนด์มาร์กที่สวยงาม
 Camping Party รวมกลุ่มของชาว ‘CUB’ ปาร์ตี้บาร์บีคิว เพลิดเพลินไปกับดนตรีโฟร์คซอง กิจกรรม CUB House Camping EP. 2 เส้นทาง ขอนแก่น – ภูผาม่าน เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ นี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมพบปะเพื่อนใหม่ชาว ‘CUB’ สามารถลงทะเบียนได้ที่ CUB House Flagship และ CUB House Corner ในศูนย์ Honda Wing Center ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้บ้านคุณ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารผลิตภัณฑ์และองค์กร สายงานสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด โทรศัพท์ 02-757-6111
อกนิษฐ์ ธนะกุลมาส (หนึ่ง) ต่อ 2516 / วริศรา เที่ยงธรรม (จีน) ต่อ 2510 / ปกรณ์ พรหมนาม (บอย) ต่อ 2502
ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : http://www.thaihonda.co.th/cubhouse/
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/cubhousebyhonda
IG : http://www.instagram.com/cubhousebyhonda
Tiktok: http://www.tiktok.com/@cubhouse_byhonda
Youtube: http://www.youtube.com/@CUBHouseChannel

CUBHouseCampingEP2 #CUBHouse #Monkey125 #C125 #CT125 #Dax125

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า

HowWeMoveYou

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

มาสด้าผนึกสวาทแคทจัดคาราวานพาลูกค้าและแฟนบอลรวมพลังสร้างโป่งเทียม อนุรักษ์ผืนป่า เขาแผงม้า วังน้ำเขียว

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 13 กุมภาพันธ์ 2567 – มาสด้า เซลส์ประเทศไทย ผนึกกำลังกับ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมระดับท้องถิ่น “Mazda Swatcat Caravan เสริมชุมชน สร้างผืนป่า พาเชียร์บอล” รวมพลังลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและแฟนคลับสวาทแคท ร่วมขบวนคาราวานด้วยรถยนต์มาสด้าออกเดินทางไปเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนบ้านด่านเกวียน แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผา ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่าร้อยปี
และร่วมกันสร้างโป่งเทียมเพิ่มแร่ธาตุให้กับสัตว์ป่า เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์และยั่งยืน ณ เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าจุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า ในช่วงเย็นยังได้ร่วมส่งแรงใจแรงใจเชียร์ทีมฟุตบอลสวาทแคท ในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก2 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ซึ่งสร้างความประทับใจและยกระดับความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่างลูกค้ามาสด้าและแฟนบอลได้เป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 100 คน


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“มาสด้าเดินหน้าตามแนวทาง Sustainable Development Goals- SDGs หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สะท้อนถึง 3 แกนหลักของมิติความยั่งยืน ด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสรรค์โลกของเราให้ยังคงความสวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป ภายใต้การบริหารคุณค่าของแบรนด์ Brand Value Management (BVM) ประกอบด้วย Purpose เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่ของมาสด้า เน้นสร้างคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้กับผู้คนได้สัมผัสแบรนด์มาสด้าด้วยความภาคภูมิใจ Promise คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้าทุกคน มาสด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และ Value
การสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะแต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะทำให้ทุกครอบครัวมีความสุขตลอดการเดินทาง
คาราวาน “Mazda Swatcat Caravan เสริมชุมชน สร้างผืนป่า พาเชียร์บอล” มีรถยนต์มาสด้าเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 30 คัน มีสมาชิกร่วมเดินทางกว่า 100 คน กิจกรรมประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือ การเดินทางไปเรียนรู้วิถีแห่งชุมชนเที่บ้านด่านเกวียน ชมหัตถกรรมครื่องปั้นดินเผา
อำเภอโชคชัย ช่วยยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดนครราชสีมา
การสร้างโป่งดินเพื่อเป็นแหล่งเสริมแร่ธาตุสำหรับสัตว์ป่า เขาแผงม้า
และสุดท้ายนำสมาชิกเข้าชมและเชียร์การแข่งขันฟุตบอล
มาสด้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคนในวันนี้
คือส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม

และช่วยสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น
นี่คือหนึ่งในพันธกิจของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์ สร้างความสุข และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้ามาสด้าทั่วประเทศ
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กล่าวว่า “กิจกรรม “Mazda Swatcat Caravan” เกิดจากความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ มาสด้า เซลส์
ประเทศไทย, สโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ผู้จำหน่ายมาสด้าในจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งบางจาก และ อินทนิล ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับลูกค้าและแฟนคลับสวาทแคท พร้อมส่งกำลังใจเชียร์การแข่งขันฟุตบอล ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ชมการแข่งขันในเย็นวันนี้ซึ่งเป็นนัดที่แตะในบ้าน ด้วยแรงสนับสนุนจากทุกท่าน ไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้จังหวัดนครราชสีมาที่เป็นบ้านเกิดของชาวสวาทแคทก้าวสู่ความยั่งยืนเท่านั้น แต่กำลังใจที่เต็มเปี่ยมในครั้งนี้
ยังจะช่วยส่งเสริมให้ทีมสวาทแคทที่เรารักเอาชนะในเกมส์การแข่งขันในครั้งนี้” กิจกรรมในครั้งนี้ เริ่มปล่อยขบวนคาราวานออกจากจุดสตาร์ท บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสมเกียรติ
วิริยะนันท์กุล พร้อมด้วยผู้บริหารจากสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี นำโดย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหาร, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ประธานสโมสรฯ, นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์, นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด, นายอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นางสาวทัศนียา พัฒนจิตวิไล กรรมการผู้จัดการ มาสด้า ราชาออโต้เซลส์ และทีมบริหารจาก
มาสด้า เอกสห กรุ๊ป เข้าร่วมพิธีปล่อยคาราวาน ก่อนมุ่งหน้าออกเดินทางไปยังศูนย์การเรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมชุมชนอันเลื่องชื่อของจังหวัดฯ พร้อมชมนิทรรศการ “งานมหกรรมเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน” ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ยั่งยืน ณ เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าจุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว หลังจากลูกค้าและแฟนคลับร่วมกันทำโป่งดินเพื่อสัตว์ป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางต่อไปยังสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อรวมตัวสร้างความฮึกเหิมและรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว และส่งกำลังใจให้ทีมสวาทแคท ในการแข่งขันแมตต์สำคัญระหว่าง สวาทแคท กับ พัทยา ยูไนเต็ด นอกจากลูกค้าและแฟนคลับจะได้สนุกสนานกับกิจกรรมตลอดการเดินทางแล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนมาสด้า แฟนคลับสวาทแคท และนักกีฬาในการสู้ศึกการแข่งขันเพื่อทีมที่ทุกคนรักและภาคภูมิใจ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสถึงประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ หรือ Joy of Driving จากการขับขี่รถยนต์มาสด้าแล้ว ยังได้รับความสุขจากการได้มีส่วนช่วยสร้างสรรค์ชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน
เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป

บุคคลในภาพในพิธีเปิดกิจกรรม ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา (ที่3 จากซ้าย) รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ (ที่4 จากว้าย) ประธานสโมสรฯ, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (ที่6 จากซ้าย) ประธานบริหารสโมสรฯ, นายสมเกียรติ วิริยะนันท์กุล (ที่6 จากขวา)
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายวัชระ เจียรบุญ (ที่5 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด, นายอุทัย เรืองศักดิ์ (ที่5 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ นางสาวทัศนียา พัฒนจิตวิไล (ที่3 จากขวา) มาสด้าราชาออโต้เซลส์

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 เชิดชูเกียรติ 44 องค์กรต้นแบบทั่วประเทศด้วยการนำอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน

กรุงเทพมหานคร 12 กุมภาพันธ์ 2567 – นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2566 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) เพื่อเชิดชูเกียรติ 44 องค์กรต้นแบบทั่วประเทศที่มีความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรม ด้วยการนำ “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” ด้วยสร้างขวัญกำลังใจในการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ ยกระดับขีดความสามารถในแข่งขัน และนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2566 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) ปีนี้เป็นปีที่ 31 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม เพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกระดับที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านตามประเภทรางวัลที่กำหนด ในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีศักยภาพในทุกด้าน นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม ได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริม สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทยทุกกลุ่มให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไปพร้อม ๆ กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสำเร็จอย่างสมดุล ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” เน้นมาตรการและกลไกมุ่งสู่ความสำเร็จ 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ มิติที่ 2 ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวมส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างสถานประกอบการ ชุมชน และสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร มิติที่ 3 ความลงตัวกับกติกาสากล ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมสู่อุตสาหกรรม สีเขียว เพื่อโอกาสทางธุรกิจมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตอบโจทย์ไทยและประชาคมโลก และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง (กระจายรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน)

รางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2566 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) มีจำนวน 14 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล 2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น แบ่งเป็น 9 ประเภท ประกอบด้วย 1) ประเภทการเพิ่มผลผลิต 2) ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3) ประเภทการบริหารความปลอดภัย 4) ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 5) ประเภทการจัดการพลังงาน 6) ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน 7) ประเภทอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 8) ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และ 9) ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน 3. รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น แบ่งเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย 1) ประเภทการบริหารจัดการที่ดี 2) ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ 3) ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม และ 4) ประเภทบริหารธุรกิจสู่สากล

สำหรับในปีนี้ มีสถานประกอบการสมัครเข้ารับการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น 273 ราย แบ่งเป็นรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมจำนวน 3 ราย รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 9 ประเภทรางวัล รวม 168 ราย และรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 4 ประเภทรางวัล รวม 102 ราย โดยในแต่ละปีจะมอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมให้กับสถานประกอบการเพียง 1 รางวัล ซึ่งคัดเลือกจากสถานประกอบการที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ประเภท และเป็นสถานประกอบการที่มีการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากลและมีความเป็นเลิศทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการลงทุน มีการนำความรู้ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้ง การนำนวัตกรรมมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของตนเอง และสามารถสร้างการพัฒนาให้กับอุตสาหกรรมในภาพรวมได้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกต้องผ่านหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดหลายด้าน โดยมีผู้ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 44 ราย ได้แก่ รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล ซึ่งผู้ได้รับรางวัลคือ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขณะที่รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 9 ประเภทรางวัล มีสถานประกอบการได้รับรางวัล 27 ราย และรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 4 ประเภทรางวัล มีสถานประกอบการได้รับรางวัล 16 ราย  โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับรางวัลได้ที่ https://industryaward.industry.go.th/th

นอกจากนั้น ในปีนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้มีรางวัลพิเศษมอบให้แก่สถานประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2566 คือ ทูตอุตสาหกรรมภาคเอกชน หรือ MIND Ambassador ซึ่งรางวัลนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของกระทรวงอุตสาหกรรมจากภาคเอกชนที่จะเป็นต้นแบบการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมที่ดีและอยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นหน่วยงานกลางในการประสานความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีผ่านการดำเนินโครงการ/กิจกรรม ตลอดจนช่วยประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร และบริการของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการมอบรางวัลอุตสาหกรรมจะเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่สถานประกอบการต้นแบบแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้สถานประกอบการพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเกณฑ์การคัดเลือกผู้ที่ได้รับรางวัลที่เข้มงวด ยิ่งส่งเสริมให้แต่ละองค์กรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น รางวัลประเภทการจัดการพลังงาน ช่วยให้สถานประกอบการลดต้นทุนด้านพลังงานเป็นอย่างมาก รางวัลประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยให้ชุมชนโดยรอบสถานประกอบการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับโรงงานได้อย่างสันติและมีความสุข หรือรางวัลประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ ทำให้สถานประกอบการผลิตสินค้าที่มีความสร้างสรรค์แปลกใหม่ออกสู่ตลาด เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการมากขึ้น เป็นต้น

“รางวัลอุตสาหกรรม เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่ทรงคุณค่า สมควรมอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือก เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ประกอบการในอนาคต โดยกระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งหวังให้มีสถานประกอบการสมัครเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานในด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวปิดท้าย

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ห้ามพลาด!”ภูมิธรรม“ สั่งลุย!ลดราคารับตรุษจีน ปีมังกรทอง จัดไก่ไหว้เจ้า 125 บาท/กก. พร้อมของไหว้ราคาถูก ลดจุก!สูงสุดถึง 71% ร่วม 18,500 จุดทั่วประเทศ กระตุ้นกำลังซื้อ ลดค่าครองชีพคนไทย

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. ที่ตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดงาน“พาณิชย์สั่งลุย!ลดราคาตรุษจีน ปีมังกรทอง 2024” พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน ร่วมกับตลาดสดและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 7-10 ก.พ.67 นี้ โดยนายภูมิธรรมได้แวะสักการะ เติมน้ำมันตะเกียงศาลเจ้าพ่อสมบุญที่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ พร้อมทั้งเดินทักทายแจกจ่ายส้มให้กับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย เพื่อความเป็นสิริมงคล บรรยากาศเป็นกันเอง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่คนไทยเชื้อสายจีน ใช้ช่วงเวลานี้รำลึกถึงบรรพบุรุษ และมาจับจ่ายใช้สอย แม้จะยากลำบากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหา แต่รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างท้องถิ่น ตลาดสด และตลาดกลางทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “พาณิชย์สั่งลุย…ลดราคา ตรุษจีนปีมังกรทอง 2024” เปิดจุดจำหน่ายสินค้าเพื่อให้ประชาชนแวะเวียนเข้ามาจับจ่ายใช้สอย ยกขบวนสินค้า ราคาสุดพิเศษ 13 หมวด 7,784 รายการ จากผู้ประกอบการ 259 ราย พร้อมกัน 18,500 แห่งทั่วประเทศ โดยมีสินค้าสินค้าไฮไลท์ อาทิ ไก่ต้มสุกทั้งตัวรวมเครื่องใน โดยร่วมกับตลาดกลาง ตลาดสด และห้างโลตัสจำหน่ายในราคาไม่เกิน 125 บาท/กก. ชุดไหว้ตรุษจีน ราคาประหยัด 99 บาท ที่ตลาดสด ตลาดกลาง โลตัส หรือ ชุดไหว้ชุดใหญ่ราคาประหยัด 199 บาท จำหน่ายที่ 7 ห้างที่ร่วมรายการ (Lotus/ Tops/ Big-C/ Foodland/ Makro/ Go Wholesale และ 7-11) และสินค้าทั่วไป อาทิ ซอสปรุงรส ผักผลไม้ อุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ลดสูงสุด 71% จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่เกี่ยวเนื่องในเทศกาล คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

“ขอขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งความหวัง สมปรารถนาของทุกคน มีสุขภาพแข็งแรง มีแรงในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาเศรษฐกิจของตัวท่านเอง และมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศดีมากขึ้น วันนี้เราต้องช่วยตัวเองให้เต็มที่ รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน แต่อาจมีปัญหาหลายส่วน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราต้องฝ่าฟันให้ท่านสามารถอยู่ได้ และปีนี้เป็นปีมังกร คนจีนถือว่าเป็นสัตว์ที่เป็นมงคลอย่างยิ่ง เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ให้พรให้ความเจริญรุ่งเรืองกับพี่น้องทุกคน ขอให้ปีนี้ร่ำรวยๆ เฮงๆ สามารถที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่มากขึ้น ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้กระทรวงเกษตรฯได้มาร่วมในกิจกรรมเทศกาลตรุษจีนที่ตลาดยิ่งเจริญ นำสินค้าที่มีคุณภาพภายใต้การกำกับดูแลของตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องที่มาจับจ่ายใช้สอยวันนี้ มอบป้ายสินค้าคุณภาพโดยเฉพาะป้ายปศุสัตว์โอเค เป็นหลักประกันว่าสินค้าปศุสัตว์ อาทิ หมู เป็ด ไก่ และเนื้อทุกชนิด ภายใต้การกำกับดูแลเป็นสินค้าปลอดโรค ปลอดภัยมีคุณภาพ ผ่านการรับรองสามารถตรวจย้อนหลังแหล่งกำเนิดสินค้าได้

ข้อมูลจากกรมการค้าภายในระบุเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ซึ่งกรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

♦️เริ่มแล้ว ♦️งานสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ “งานแพรพรรณลุ่มภูสู่สากล 2024” ระดับจังหวัด จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 27 มกราคม พ.ศ. 2567 ณ ลานวัฒนธรรมสนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดหนองบัวลำภู

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

  1. การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าเด่นของจังหวัดหนองบัวลำภู กว่า 70 ร้านค้า และภาคีเครือข่าย
    1. การจัดแสดงนิทรรศการภายใต้ Concept “เสน่ห์ผ้าทอลายขอเจ้าฟ้าหญิงสิริวัณวรีฯ และอัตลักษณ์จังหวัดหนองบัวลำภู “
      3.การเดินแฟชั่นโชว์จากวิชชาลัยผ้าทอจังหวัดหนองบัวลำภู
  2. กิจกรรมการประกวด 10 กิจกรรม ดังนี้ การประกวด “OTOP Fashion Design ” ,การประกวดแฟชั่น “Family Fashion” , การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งประเภทประเภท นักเรียน นักศึกษา,การประกวด“แพรพรรณเลอค่า ด้วยบรรดา LGBTQ+”,การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ประเภท “ผู้นำท้องถิ่น / ท้องที่ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู” , การประกวดแฟชั่นสตรี “สตรีสวย ด้วยผ้าไทย” ,การประกวด“ม่วนชื่นโฮแซว 55 ปี อาสาพัฒนาชุมชน”,“ตำลำข่า ลีลาคนลุ่มภู” ,การประกวดแฟชั่นโชว์ “เขย สะใภ้ต่างชาติ” ,การประกวด “Fashion Design”
    5. การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินมีชื่อเสียง แสดงแต่ละวัน และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงท้องถิ่นของจังหวัดหนองบัวลำภู
  3. กิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนมาร่วมกันอุดหนุนสินค้า ตลอดจนประชาสัมพันธ์การจัดงาน กับกิจกรรม“แชะแล้วแชร์” พร้อมลุ้นกับของรางวัลมากมายตลอดการจัดงาน

🚩ลานวัฒนธรรมลานวัฒนธรรมสนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดหนองบัวลำภู

🎀หนองบัวลำภู🎀
🌟 เกษตรเพิ่มมูลค่า เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว 🌟

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation

“เกิดอุบัติเหตุทางถนน แจ้งเหตุทันที ที่ Call center 1791

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับธุรกิจประกันภัย

พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถภายใน 24 ชั่วโมง อุบัติเหตุทางถนน แจ้งเหตุทันที”

“ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับธุรกิจประกันภัย พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถภายใน 24 ชั่วโมง ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567

            ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 4 มกราคม 2567 ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถและรถคันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีการทำประกันภัย พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตทุกคนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โดยบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับบริษัทประกันภัย พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถทันที ด้วยการจ่ายค่าสินไหมทดแทน (ค่าปลงศพ) ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่มีการพิสูจน์ความรับผิดแล้ว บริษัทกลางฯ และบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน (รวมค่าเสียหายเบื้องต้น)

            • กรณีเสียชีวิต คุ้มครอง 500,000 บาทต่อราย

            • กรณีบาดเจ็บ จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน

            • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ คุ้มครองตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาทต่อคน

            • กรณีเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับความคุ้มครองเป็นค่าชดเชย วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน

          ยกเว้นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัยจะได้รับการชดใช้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจากบริษัทที่รับประกันภัยรถของตนเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายถูก มีสิทธิไปเรียกร้องเอาจากฝ่ายที่ต้องรับผิด

            โดยบริษัทกลางฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่พร้อมในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถ ให้ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

            ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของรถทุกคันจะต้องไม่ลืมจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนได้รับการเยียวยา ซึ่งหากรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่มีการทำประกันภัย เจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายที่เกิดแก่ผู้ประสบภัยจากรถทั้งหมด อีกทั้งจะมีความผิดตามกฏหมายและมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึงผู้ที่นำรถที่ไม่มีประกันภัย พ.ร.บ.มาใช้ ก็จะมีความผิด มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทเช่นกัน

          สำหรับผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เกิดอุบัติเหตุจากรถ แจ้งเหตุทันที ที่ บริษัทกลางฯ Call Center 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถแจ้งอุบัติเหตุได้ทางออนไลน์ที่ Line@iRVP

ขอขอบพระคุณที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์

ฝ่ายสื่อสารองค์กรและลูกค้าสัมพันธ์

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด

02-1009-9191 ต่อ 5400 – 5403

http://www.rvp.co.th

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

พาณิชย์ “ชวนตะลอนตลาดต้องชม ตะลุยความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่”

ระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 66 – 7 ม.ค. 2567 “ตลาดต้องชม 121 แห่ง จาก 74 จังหวัดทั่วประเทศ” พร้อมแจกคูปองชวนช้อป 50 บาท จาก DIT GO สำหรับผู้ที่เช็คอินตลาดต้องชมทั่วประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พาณิชย์ชวนเที่ยวตลาดต้องชมทั่วประเทศ ภายใต้ชื่องาน “ชวนตะลอนตลาดต้องชม ตะลุยความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่” โดยมี นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ และนายชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม ให้การต้อนรับพร้อมพาเที่ยว “ตลาดน้ำคลองลัดมะยม” เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร หนึ่งในตลาดต้องชม จาก 121 แห่ง ทั่วประเทศ และเยี่ยมชมโซนสินค้า “ธงฟ้า ราคาประหยัด” ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส พร้อมมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมถ่ายภาพ ณ จุด Landmark เช็คอินพร้อมแชร์ผ่านช่องทางสื่อโซเซียลมีเดีย เพื่อรับคูปองชวนช้อป 50 บาททันที จาก DIT GO เมื่อมาเที่ยวตลาดต้องชมทั่วประเทศ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นการบริโภค เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้กับชุมชนให้มากที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

สำนักงาน คปภ. พร้อมหนุนธุรกิจประกันภัย Consolidation เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน :  อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย ภายหลังควบรวมแล้วเสร็จ ส่งท้ายปี 2566

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.)  เปิดเผยว่าเมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ได้เห็นชอบให้ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ควบเข้ากัน และเกิดเป็นบริษัทใหม่ คือ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยการให้ความเห็นชอบ คณะกรรมการ คปภ. ได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญ เพื่อให้การดำเนินการควบรวมบริษัทเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาทิ การดำเนินการตามรายละเอียดโครงการของบริษัทจะต้องไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเสื่อมสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับตามสัญญาประกันภัย และให้บริษัทประกาศต่อสาธารณชนให้ทราบถึงการควบกันของบริษัทให้ครอบคลุมและเพียงพอ ต่อมาบริษัททั้งสองรายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและจดทะเบียนควบบริษัทเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 พร้อมทั้งได้นำส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยฉบับเดิมของทั้งสองบริษัท และรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจฯ ฉบับใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว 

ในการนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้มอบนโยบายและกำชับให้บริษัทดำเนินการตามแผนงานโครงการของบริษัทอย่างเคร่งครัด โดยเน้นย้ำถึงการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย การนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการประกันภัย เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของบริษัทและอุตสาหกรรมประกันภัยในอนาคต ซึ่งคาดว่าจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะช่วยส่งเสริมให้การประกันภัยของไทยมีความเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าสำนักงาน คปภ. โดยคณะกรรมการ คปภ. มีนโยบายในการส่งเสริมให้เกิด Consolidation ในภาคธุรกิจประกันวินาศภัย โดยมุ่งไปที่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทประกันภัย ซึ่งในปี 2566 นี้ มีบริษัทประกันวินาศภัยที่ควบเข้ากันและโอนกิจการรวมทั้งสิ้น จำนวน 6 แห่ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีการ synergy รวมจำนวน 3 คู่ และสำนักงาน คปภ. มีนโยบายในการส่งเสริม Consolidation อย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศสำนักงาน คปภ. เรื่อง แนวปฏิบัติในการขอรับความเห็นชอบการโอนหรือรับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการควบกันของบริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยมีแนวทางในส่วนของการควบรวมและการโอนกิจการที่ชัดเจนมากขึ้น โดยคาดว่าหากมีแนวทางออกมา ก็จะง่ายมากขึ้นสำหรับบริษัทประกันภัยที่จะ Consolidation หรือ M&A ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับธุรกิจประกันภัยทั่วโลก 

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ต่อร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจประกันชีวิตและการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย พ.ศ. … เพื่อเป็นการกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจประกันภัยของทุกบริษัท ที่ในปัจจุบันนั้นมีความแตกต่างหลากหลายตามระยะเวลาจัดตั้งบริษัท ดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้บริษัทในอุตสาหกรรมประกันภัย มีสภาพแวดล้อมที่สามารถแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียมและเกิดความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจ สำนักงาน คปภ. จึงได้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้นมา เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยไทย และมุ่งหวังให้บริษัทประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

คณะผู้บริหาร กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป ร่วมกิจกรรม THAILAND CLASSIC MOTOR SHOW พร้อมเปิดตัว แอนโทเนีย โพซิ้ว สวมสร้อยมรกต มูลค่า 1,000 ล้านบาท วันเปิดอาณาจักร “เอ็มสเฟียร์”

 บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นำโดยดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ และคุณปิยนุช แจ่มศิริพรหม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า/ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมเป็นเกียรติในกิจกรรม  THAILAND CLASSIC MOTOR SHOW  The ETERNAL TREASURE “เปิดกรุมหาสมบัติชั่วนิรันดร์” ในพิธีเปิด EM DISTRICT ศูนย์การค้า “เอ็มสเฟียร์” ช้อปปิ้ง มอลล์ แห่งใหม่ใจกลางเมือง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566  UOB LIVE ชั้น 6  EMSPHERE

              ภายในงานเริ่มด้วยการเปิดตัว แอนโทเนีย โพซิ้ว ที่มาในชุดแบรนด์ “สิริวัณณวรี” โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ราชกัญญา  ประทานชุด และทรงออกแบบ สร้อยมรกต 100 กะรัต มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หนึ่งเดียวในโลก เพื่อสวมใส่ร่วมงานเฉลิมฉลอง EM DISTRICT สมศักดิ์ศรี ดีกรี รองอันดับ 1  Miss Universe 2023  และยังเป็นการโชว์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ (ROLLS-ROYCE) คันแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นของ พลเอกเจ้าพระยารามราฆพ ขุนนางที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญของประเทศไทย ด้านดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ไม่เสียชื่อเจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ นำรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ (ROLLS-ROYCE) สุดรักและหวง มาให้ยลโฉม ร่วมแสดงโชว์ในงานนี้อีกด้วย  ถือเป็นมิติใหม่ของวงการช้อปปิ้งมอลล์ ที่รวมหลากหลายสีสันมารวมไว้ในที่เดียว  โดยมี คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ เอ็ม ดิสทริค  ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ก่อนปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพที่ระลึกแห่งความทรงจำร่วมกันกับแขกผู้มีเกียรติ อาทิ ผู้แทนจากแบรนด์สิริวัณณวรี  คุณสุริยน ศรีอรทัยกุล จากบิวตี้เจมส์  คุณดอยธิเบศร์ ดัชนี  พร้อมกล่าวปิดท้ายว่า “ดิ เอ็มสเฟียร์ จิ๊กซอว์ตัวล่าสุดที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับ ดิ เอ็มดิสทริค ย่านการค้า แหล่งธุรกิจ และศูนย์ความบันเทิงระดับโลกแห่งใหม่ใจกลางย่านสุขุมวิท ที่จะยกระดับกรุงเทพมหานคร และประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเวทีการค้าระดับโลกต่อไป ”

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ข่าวสารกองทุนประกันวินาศภัย

โครงการบรรยายความรู้เกี่ยวกับภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย ในรอบปี 2566
ให้กับเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม

                                  วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566
              ณ ห้องแกรนด์ พาโนรามา 1 ชั้น 14 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

กองทุนประกันวินาศภัยได้จัดโครงการฯ เป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนฯ ให้กับบริษัทประกันวินาศภัยให้ทราบถึงขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาคำทวงหนี้ที่ผู้เอาประกันภัยมายื่นต่อกองทุนฯ

            ในปัจจุบันกองทุนประกันวินาศภัย มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ ได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยในกรณีบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และเพื่อพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ ขณะนี้กองทุนฯ ได้ดำเนินการชำระหนี้ และพิจารณาคำทวงหนี้ พร้อมทั้งดำเนินการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยของบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยจำนวน 8 บริษัทด้วยกันได้แก่ บจ.สัมพันธ์ประกันภัย, บจ.เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์, บมจ.สัจจะประกันภัย, บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย, บมจ.เอเชียประกันภัย 1950, บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย, บมจ.ไทยประกัน และบมจ.อาคเนย์ประกันภัย มีเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยทั้งหมด 727,859 คำทวงหนี้ โดยคำทวงหนี้ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินแล้ว จำนวน 128,092 คำทวงหนี้ คิดเป็นเงิน จำนวน 7,493,897,482.66 บาท คงเหลือคำทวงหนี้ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา จำนวน 599,767 คำทวงหนี้ คิดเป็นเงิน จำนวน 51,154,475,086.25 บาท

โดยกองทุนฯ เล็งเห็นความสำคัญของเครือข่ายภาคอุตสาหกรรมประกันภัยจึงได้จัดโครงการฯ ให้ครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันวินาศภัย และบทบาทภารกิจกองทุนฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบธุรกิจประกันวินาศภัย ในรอบปี 2566 โดยกองทุนฯ มีการออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ภารกิจของกองทุนฯ ให้กับผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ทราบ เป็นจำนวน 37 ครั้ง และมีการเพิ่มช่องทางการติดต่อรูปแบบใหม่ผ่านระบบออนไลน์ของกองทุนฯ ผ่านระบบ Application Line OA (Official Account) และระบบถามตอบอัตโนมัติ (Chatbot) เพื่อเป็นการลดภาระ ในการตอบคำถามทางโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่และให้เจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาคำทวงหนี้ได้อย่างเต็มที่
และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางเข้าถึงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ เจ้าหนี้ ผู้เอาประกันภัย ประชาชน ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร จึงได้พัฒนา Line Official Account “@GIFSMART”
ของกองทุนฯ เพื่อให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้รับทราบข้อมูลและสามารถติดตามสถานะ การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ สามารถยืนยันตัวตนตรวจสอบความถูกต้องกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มีการแจ้งเตือนสถานะของคำทวงหนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะคำขอ และผู้เอาประกันสามารถยืนยันสิทธิรับเงินผ่าน Line Official Account “@GIFSMART” ได้โดยไม่ต้องเดินทางมายื่นเอกสารด้วยตนเอง

กองทุนประกันวินาศภัยหวังว่าโครงการฯ นี้ บริษัทประกันวินาศภัยจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ภารกิจและขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาคำทวงหนี้ที่ผู้เอาประกันภัยได้มายื่นต่อกองทุนฯ
และเป็นสื่อกลางในการนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน รวมถึงช่องทางการติดต่อรูปแบบใหม่ผ่านระบบ Line Official Account “@GIFSMART” ของกองทุนฯ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์แทนกองทุนฯ ให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยมีความเชื่อมั่นในธุรกิจประกันวินาศภัยมากยิ่งขึ้น

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

ตลาดไท จับมือ วอชิงตันแอปเปิล ต้อนรับผลผลิตฤดูกาลใหม่

จัดงานสัปดาห์ Global Washington Apple Week 2023

ตลาดไท ร่วมกับ วอชิงตันแอปเปิลคอมมิชชั่น ประเทศไทย และ กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา ประจำสถานทูตอเมริกาในไทย ต้อนรับผลผลิตฤดูกาลใหม่ จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง “Global Washington Apple Week 2023”  เพื่อนำเสนอแอปเปิลสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก พร้อมเชื่อมโยง ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก และ ผู้บริโภค ได้รับรู้แหล่งที่มาของแอปเปิล จากรัฐวอชิงตัน สามารถเลือกซื้อ แอปเปิลวอชิงตัน 8 สายพันธุ์ยอดฮิต ได้แล้วที่ ตลาดผลไม้นานาชาติ ตลาดไท

นายจักรพงษ์ เลียบศิรินนท์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) เปิดเผยว่า “ ตลาดไท จับมือกับพันธมิตร คือ วอชิงตันแอปเปิลคอมมิชชั่น ประเทศไทย และ กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา ประจำสถานทูตอเมริกาในไทย โดยนับเป็นฟันเฟืองหลักจัดกิจกรรม Global Washington Apple Week 2023 เพื่อกระจายแอปเปิลต้นฤดูกาลไปสู่ผู้บริโภค ที่ตลาดผลไม้นานาชาติ ตลาดไท

การจัดกิจกรรม Global Washington Apple Week 2023 เปิดโอกาสให้ เกิดการเชื่อมโยงระหว่าง กลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ ผู้ค้าปลีกรายย่อย ตลาดนัด ตลาดสด รถเร่ ร้านอาหาร HoReCa แม่ค้าออนไลน์ รวมถึงผู้บริโภค ได้เลือกซื้อ วอชิงตันแอปเปิล แอปเปิลคุณภาพพรีเมี่ยมจากรัฐวอชิงตัน U.S.A. ที่มีคุณภาพสูงในราคาส่ง ทั้งนี้ กิจกรรม Global Washington Apple Week 2023  เป็นงานระดับโลกที่จัดพร้อมกันใน 30 ประเทศ เพื่อแนะนำให้ผู้บริโภครู้จักวอชิงตันแอปเปิลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีการเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของแอปเปิล จากรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกแอปเปิลที่ดีที่สุดในโลก แบ่งปันเรื่องราวของเกษตรกรผู้ปลูกแอปเปิลในรัฐวอชิงตัน ซึ่งให้ความทุ่มเท ใส่ใจ และ ดูแล ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บแอปเปิล ที่เก็บด้วยมือทุกลูก จนส่งถึงผู้บริโภคทั่วโลก

ตลาดไทในฐานะ ตลาดกลางสินค้าเกษตรครบวงจร และครบครันทันสมัยด้วยสินค้าเกษตรคุณภาพ ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนบนพื้นที่ 543 ไร่ สินค้าหมุนเวียนวันละกว่า 12,000 ตัน เงินหมุนเวียนกว่า 600 ล้านบาท/ วัน ส่วนหนึ่งในความยิ่งใหญ่ของตลาดไท คือ ตลาดผลไม้นานาชาติและตลาดคอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางค้าส่งผลไม้นำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตลาดไทมี วอชิงตันแอปเปิล จำหน่ายทุกสายพันธุ์ ให้กับผู้ค้าส่งเพื่อส่งต่อสินค้าคุณภาพไปยังกลุ่มค้าปลีกรายย่อยทั่วประเทศไทย  ทั้งนี้ ในการจัดกิจกรรม Global Washington Apple Week 2023  ในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้า ผู้ซื้อ ผู้บริโภค ที่จะได้รับและบริโภควอชิงตันแอปเปิล สินค้าที่มีคุณภาพ มาตรฐาน USDA เป็นอย่างดีที่สุด “

แอปเปิลวอชิงตัน ในฤดูกาลใหม่นี้  มีผลผลิตมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา คุณภาพดีเยี่ยม รสชาติหวาน กรอบ หอม อร่อยทุกสายพันธุ์ สีสวยสด ถือว่าเป็นปีที่มีผลผลิตดีมาก ทั้งนี้เพราะ สภาพอากาศที่ดี อุณหภูมิหนาวเหน็บในตอนกลางคืนทำให้แอปเปิลมีรสหวาน กรอบ และแสงแดดในตอนกลางวันทำให้แอปเปิลมีสีสวยสด ขนาดลูกได้มาตรฐาน และส่วนใหญ่เป็นแอปเปิลเกรด

พรีเมี่ยม สามารถตอบสนองความต้องการการบริโภคทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยสายพันธุ์ยอดนิยมยังคงเป็น สายพันธุ์ เรด ดิลิเซียล กาล่า แกรนนี่สมิธ รวมถึงสายพันธุ์ที่มาแรงไม่มีสะดุด อย่างแอปเปิลน้ำผึ้งแอมโบรเซีย ได้รับการตอบรับเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน สายพันธุ์เอนวี่จากอเมริกาสดใหม่ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สำหรับสายพันธุ์น้องใหม่ Cosmic Crisp® (คอสมิค คริปส์) ผลผลิตฤดูกาลใหม่จะเริ่มออกสู่ตลาดในต้นปี 2567

สำหรับ กลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ ผู้ค้าปลีกรายย่อย ตลาดนัด ตลาดสด รถเร่ ร้านอาหาร HoReCa แม่ค้าออนไลน์ รวมถึงผู้บริโภค สามารถเลือกซื้อ แอปเปิ้ลวอชิงตัน 8 สายพันธุ์ยอดฮิต ได้แก่  เรด ดิลิเชียส  แกรนนี่ สมิธ (แอปเปิลเขียว) กาล่า (แอปเปิลลายริ้ว) แอมโบรเซีย ฟูจิ คริปส์ พิ้งค์ Honeycrisp และ Cosmic Crisp  ในกิจกรรม Global Washington Apple Week 2023 ได้ที่ตลาดผลไม้นานาชาติ ตลาดไท ติดตามข่าวสาร และสั่งซื้อสินค้าของตลาดไท ดังนี้

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ทิพยประกันภัย จัดโปรแรงส่งท้ายปี พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ “TIP Get More ลดเกินคาด …ได้เกินคุ้ม” ในงาน Motor Expo 2023

บริษัท ทิพยประกั นภัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านประกันภัย จัดโปรแรงส่งท้ายปีพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ยกทัพผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายและออกแบบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 โดยมี ดร.พลรัตน์ เอกโยคยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 2 คุณไชยพร จันทรเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจประกันภัยรถยนต์ พร้อมผู้บริหาร บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดบูธในงาน ภายในงาน ทิพยประกันภัย ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย อาทิ TIP Lady ประกันภัยที่เข้าใจผู้หญิง , TIP Rainbow ประกันภัยที่เข้าใจความเป็นคุณ , TIP Up to mile ประกันภัยสำหรับคนใช้รถน้อย เป็นต้น เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน
พร้อมการให้บริการที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกระดับ
“TIP Get More ลดเกินคาด…ได้เกินคุ้ม” กับแผนประกันภัยรถยนต์ พร้อมข้อเสนอที่ให้มากกว่า อาทิ

  • ลด เบี้ยประกันภัย สูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่
  • รับ ของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท
  • ลุ้น ชิงทอง รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท
  • ชิง Mitsubishi Attrage มูลค่า 529,000 บาท
    พร้อมรับสิทธิ์ ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน พิเศษ! ลูกค้าต่ออายุประกันภัยรถยนต์ในงาน รับบัตร
    Lotus’s สูงสุด 1,000 บาท
    รับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่บูธทิพยประกันภัย (J34, J35) ในงาน Motor Expo 2023 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-
    3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ – 11 ธ.ค. 66
หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

พลัส เทคฯ ในเครือสบายฯ เชิญชวน เที่ยวงานกาชาด ๒๕๖๖พร้อมซื้อบัตรที่ระลึกงานวันกาชาด ๑๐๐ ปี

บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH ในเครือกลุ่มบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) จัดทำบัตรที่ระลึกงานกาชาดเพื่อเฉลิมฉลอง วันกาชาด ๑๐๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๖๖ รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้ #RedCrossFairCenturyOfCharity ภายใต้คอนเซ็ปต์ “กาลก่อน • กาลนี้ • กาลหน้า” สำราญใจในวันวานสู่งานวันกาชาด ๑๐๐ ปี
พร้อมเชิญชวนประชาชนซื้อบัตรที่ระลึกงานวันกาชาด ๑๐๐ ปี
เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่าย บริจาคให้กับสภากาชาดไทย
ระหว่างวันที่ ๘ -๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐-๒๒.๐๐ น. ณ
สวนลุมพินี นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลัสเทค
อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH
และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์และการลงทุน บริษัท สบาย
เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY กล่าวว่า “บริษัท พลัส เทค
อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH ในเครือกลุ่มบริษัท สบาย
เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
มีความยินดีอย่างยิ่งที่เข้าร่วมจัดงานและจัดทำบัตรที่ระลึกงานวันกาชาด
๑๐๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๖๖ รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้

RedCrossFairCenturyOfCharity เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระงานกาชาดครบ

๑๐๐.ปี นอกจากจะใช้เป็นบัตรที่ระลึกสำหรับการสะสม พร้อมลุ้นรับของรางวัล บัตรนี้เมื่อนำมาเติมเงินภายในงานกาชาด ยังสามารถใช้เป็นบัตรแทนเงินสด เพื่อใช้จ่ายซื้ออาหารและเครื่องดื่มภายในงานผ่านระบบฟู้ดคอร์ทชั้นนำจาก บริษัท สบาย โซลูชั่นส์ จำกัดในเครือสบายฯ ได้อีกด้วย ทั้งนี้รายได้ส่วนหนึ่ง หลังหักค่าใช้จ่าย ทาง พลัส เทคฯ ในเครือกลุ่มบริษัทสบายฯ จะนำบริจาคให้กับสภากาชาดไทย บำรุงสภากาชาดไทยอีกด้วย บัตรที่ระลึกงานวันกาชาด ๑๐๐ ปี ผลิตและจัดจำหน่าย โดยพลัส
เทคฯ ในเครือกลุ่มบริษัทสบายฯ มีการจัดทำ ๒ รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบที่ ๑ บัตรเดี่ยว ราคาใบละ ๕๐ บาท ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ
จากสถานที่เริ่มแรกของประวัติศาสตร์ การจัดงานกาชาด
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นำมาร้อยเรียงให้อยู่บนบัตรที่ระลึกงานวันกาชาดครบรอบ ๑๐๐ ปี รูปแบบที่ ๒ Souvenir Set ราคาเซ็ทละ ๓๙๙ บาท มีจำนวน ๔ ใบ พร้อมกับอัลบั้ม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ โดยนำสถานที่จัดงานกาชาดในแต่ละยุคแต่ละสมัย มาร้อยเรียง เพื่อรำลึกถึงสถานที่จัดงานกาชาดในอดีต และความสำคัญ พร้อมทั้งประวัติของแต่ละสถานที่
โดยบัตรทั้ง ๒ รูปแบบสามารถเติมเงินในบัตรตามที่ต้องการ เพื่อชำระค่าอาหารและเครื่องดื่ม กับร้านค้าที่ร่วมรายการและใช้จ่ายได้เฉพาะในงาน กาชาด ๑๐๐ ปี เท่านั้นซึ่งทุกๆ การใช้จ่ายบัตรภายในงานจะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลเพิ่มตามจำนวนครั้งที่มีการ ทำการใช้จ่าย โดยของรางวัล อาทิเช่น
ทองคำและของรางวัลอื่นๆในเครือกลุ่มสบาย มูลค่ากว่า ๑๗๐,๐๐๐ บาท
อีกด้วย ผู้ที่สนใจบัตรที่ระลึกงานวันกาชาด ๑๐๐ ปี
สามารถสั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทางออนไลน์ Link : https://shop.plustech.co.th/
และที่จุดจำหน่ายบัตร ทั้งหมด ๑๑ จุด ภายในงานกาชาด ณ สวนลุมพินี
เที่ยวสนุกสุขใจ ได้กุศล เที่ยวงานวันกาชาด…ที่สวนลุมพินี
ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา๑๑.๐๐-๒๒.๐๐ น.

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

รู้ใจ พร้อมมอบความคุ้มครอง ดูแลคุณในทุกเส้นทางการขับขี่ด้วยรถยนต์ EV

เทศกาลวันหยุดใกล้เข้ามาแล้ว หลาย ๆ ครอบครัวทั่วไทยต่างเตรียมความพร้อมออกเดินทาง ไม่ว่าจะไปทริปสุดสัปดาห์เที่ยวชมวิวทิวทัศน์ ค้นหาร้ านอาหารมื้อพิเศษ หรือหามุมใหม่ ๆพักผ่อนและถ่ายรูปชิค ๆ ไม่เหมือนใคร หรือบางคนอาจตามหาสถานที่ที่สามารถหลีกหนีความวุ่นวายและเพลิดเพลินไปกับลมหนาวในช่วงปลายปี

แต่การเดินทางในครั้งนี้อาจไม่เหมือนเดิม เพราะจะเป็นทริปสุดพิเศษที่ใครหลายคนเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรกด้วยรถยนต์ EV ซึ่งในปี 2566 นี้
นับว่าเป็นปีของรถยนต์ EV ที่ทำยอดขายในประเทศทำลายทุกความคาดหมาย จนไทยขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์ EV ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปัจจุบันรถยนต์ EV ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแส แต่เป็นทางเลือกหลักที่คาดว่าจะครองตลาดใหม่เกือบ 10% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ในปีนี้ แต่การขับรถยนต์ EV จะเปลี่ยนแผนการเดินทางของคุณอย่างไร?
คุณสามารถเดินทางได้ไกลเท่าเดิมหรือไม่? และหากเกิดปัญหาต้องทำอย่างไร?

รู้ใจ ผู้ให้บริการประกันภัยออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย
พร้อมมอบแผนความคุ้มครองประกันภัยให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ EV
ที่คุ้มครองจัดเต็มไม่ต่างจากรถยนต์น้ำมัน ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การบริการที่สะดวก เข้าใจง่าย

ในราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง การซ่อมรถที่อู่และศูนย์ที่ได้มาตรฐาน แถมปรับแต่งแผนได้เองทางออนไลน์เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการคุณ ปรับได้ทั้งทุนประกัน
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ค่ารักษาพยาบาล และเลือกความคุ้มครองอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย

เมื่อวางแผนการเดินทางและมีประกันที่พร้อมคุ้มครองคุณแล้ว คำถามคือคุณจะไปที่ไหนดี!? การขับขี่รถยนต์ EV ทางไกลวันนี้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เพราะมีที่ตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเกือบ 1,500 แห่งทั่วประเทศ โดยรถยนต์ EV ส่วนใหญ่จะขับได้ประมาณ 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง รู้ใจจึงขอแชร์ไอเดียสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงฤดูหนาวนี้ ให้คุณไปง่าย สะดวก ขับไปไม่ไกลมาก ระยะทางเหมาะสมกับรถยนต์ EV คู่ใจของคุณ

ประจวบคีรีขันธ์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างออกไป 300 กิโลเมตร อาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับรถยนต์ EV บางรุ่น
แต่สถานที่แห่งนี้ตอบโจทย์นักเดินทางที่ต้องการความเงียบสงบ
อยากสัมผัสทิวทัศน์ที่สวยงามและภูเขาอันตระการตา พร้อมลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ และหากรถยนต์ EV ของคุณถึงเวลาต้องชาร์จพลังงาน หัวหินก็เป็นอีกจุดแวะพักที่อยู่ไม่ไกลเกินไป

จันทบุรี หากต้องการมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก การขับรถไปจันทบุรีก็เป็นไอเดียที่ดี โดยใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 4 ชั่วโมง
คุณจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากฝรั่งเศสและเวียดนาม อาหารและผลไม้ที่นี่ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อย นอกจากนี้ จันทบุรียังเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางไปเกาะช้างและเกาะกูด เพราะติดกันนั้นคือจังหวัดตราด
ซึ่งมีเรือข้ามฟากไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนไปกับธรรมชาติอันน่าหลงใหล

นครสวรรค์ ขับรถไปนครสวรรค์ จุดเริ่มต้นของแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นประตูสู่ภาคกลางและภาคเหนือของประเทศไทย การรวมตัวกันของแม่น้ำปิงและน่านทำให้เมืองนี้เป็นแหล่งทรัพยากรประมงน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์
และอย่าลืมที่จะลิ้มลองลูกชิ้นปลากรายของขึ้นชื่อของจังหวัดนี้
ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเมนูท้องถิ่นตั้งแต่อาหารจานนึ่งที่เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสมุนไพร ไปจนถึงแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย แล้วคุณจะรู้ว่าจานเดียวนั้นไม่พอ! หากต้องการแวะพักระหว่างเดินทาง อยุธยาก็เป็นจุดหมายที่คุณสามารถแวะพักได้เช่นกัน แต่สำหรับใครที่อยากตรงดิ่งไปจบที่นครสวรรค์ การชาร์จรถยนต์ EV เพียงครั้งเดียวก็สามารถพาคุณไปนครสวรรค์ได้สบาย ๆ

การขับขี่รถยนต์ EV ของคุณจะสะดวกสบายยิ่งขึ้น! รู้ใจได้จับมือกับผู้จัดจำหน่าย Smart EV charger เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ยอดขายอันดับ 1
มอบส่วนลดพิเศษสำหรับซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าประกันรถยนต์ไฟฟ้าของรู้ใจ

พร้อมกิจกรรมพิเศษตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 ติดตามรายละเอียดและรวมกิจกรรมได้ที่ Facebook แฟนเพจของรู้ใจ

ในช่วงเวลาที่ลมหนาวเริ่มพัดผ่าน และคุณกำลังวางแผนเดินทางไปในที่ต่าง ๆ อย่าลืมใส่ใจในการตรวจเช็ครถคู่ใจสี่ล้อของคุณ ให้พร้อมรับมือทุกการเดินทาง และที่สำคัญไม่แพ้กันคือการมีประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองตรงกับสไตล์การขับขี่ของคุณเพียงแวะมาที่เว็บไซต์รู้ใจ ประกันรถยนต์ ราคาดี เชื่อถือได้ ให้คุณเช็คราคาฟรีและรู้ผลทันที
รู้ใจช่วยเซฟค่าเบี้ยประกัน สูงสุด 30%

รู้ใจ ขอให้คุณขับขี่สนุกและปลอดภัยทุกการเดินทาง!

เกี่ยวกับ รู้ใจ รู้ใจ คือแพลตฟอร์มประกันภัยดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2559 รู้ใจได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันภัยด้วยการทำให้การประกันภัยออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ราคาดี และเชื่อถือได้ ลูกค้าสามารถรับใบเสนอราคา ปรับแผนความคุ้มครองกรมธรรม์
แจ้งเคลมและชำระเงินได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านทางช่องทางของรู้ใจได้เพียงไม่คลิก รู้ใจนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์สร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในด้วยการบริการที่เป็นเลิศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป-บางนา อัดแคมเปญส่งท้ายปี มอบส่วนลดสูงสุด 1.5 ล้านบาท!

พร้อมเนรมิตโชว์รูมต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข BENZ BKK WINTER

MEGA OFFERS 2023

เพื่อตอบรับแนวคิดของแบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ถึงการเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมที่ไม่ได้หมายความถึงการมีสุดยอดเทคโนโลยีที่เป็น
ที่สุดเท่านั้น แต่ความสำเร็จที่แท้จริงคือการสร้างประสบการณ์ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป-บางนา จึงเนรมิตตกแต่งโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย ในธีม Golden Christmas แสดงออกถึงความหรูหรา ลักซ์ซูรีออกมาได้อย่างลงตัว สวยงาม เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ให้ลูกค้าที่ก้าวเท้าเข้ามาในโชว์รูมได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษที่มากกว่าการเป็นพื้
นที่จัดแสดงรถและศูนย์บริการทั่วไป ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งยังอัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ BENZ BKK WINTER MEGA OFFERS 2023 กับดีลสุดพิเศษส่งท้ายปีและสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อคนรักเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่บอกได้คำเดียวว่า “ไม่ควรพลาด 24 พฤศจิกายน – 29 ธันวาคม 2566 นี้”


นางสาวตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป
เอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ ที่ได้สิทธิ์จำหน่ายรถครบทุกซับแบรนด์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมศูนย์บริการแบบครบจบที่เดียว เผยว่า “แคมเปญ Benz BKK Winter Mega Offers 2023! เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปีนี้การให้บริการลูกค้าเรายังคงมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ ที่ดีกับการเชื่อมต่อของกิจกรรมออฟไลน์ ตั้งแต่การได้สัมผัสรถที่จอดโชว์ในโชว์รูมครบรุ่นกว่า 30 คัน และสามารถทดลองขับรถรุ่นที่สนใจได้มากกว่า 15 รุ่น
เพื่อตอบสนองความต้องการและเร่งการตัดสินใจได้เร็วขึ้น เมื่อลูกค้าตัดสินใจได้และออกรถกับเรา ในลำดับถัดไปการส่งมอบรถก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราใส่ใจ เพื่อสร้างโมเมนท์แห่งความภาคภูมิใจและบันทึกเหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานั้นไว้

เรามีห้องส่งมอบรถแนวคิดใหม่ คอนเซ็ปท์และคอนเทนท์ไม่ซ้ำใคร
กับห้องหมุนโชว์รถบนเทิร์นเทเบิ้ล 360° อีกทั้งยังมีเอ็กซ์คลูซีฟเลาจน์ในบรรยากาศสุดหรูไว้บริการด้วย หลังจากออกรถไปแล้ว การบริการหลังการขาย Aftersales Service ก็พร้อมให้บริการเต็มศักยภาพเพื่อรองรับกับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี กับการบริการศูนย์ซ่อมสีรถยนต์มาตรฐาน (Body & Paint) ที่รองรับรถยนต์ได้กว่า 600 คันต่อเดือน พร้อมทั้งบริการเซอร์วิสต่างๆ ที่รองรับได้มากถึง 2,000 คันต่อเดือน
พร้อมให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบด้วยการบริการในมิติใหม่ พร้อมการตกแต่งโชว์รูมที่ช่วยสร้างบรรยากาศและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการ เชิญชวนลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรม แชะ แชร์ จุดเช็คอิน ถ่ายรูปคริสต์มาสแห่งใหม่ หรูหราไม่ซ้ำใคร #benzbkkbangna

benzbkkwinter2023 รับฟรี! ถุงผ้าอเนกประสงค์ และพิเศษสุดในปีนี้เรามีกิจกรรม

CSR “1 คัน 1 ปัน” สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถภายใน 29 ธันวาคม 2566 รวมถึงลูกค้าที่ซื้อแพ็คเกจ MBSP นอกจากได้รับ “ผ้าห่มอุ่นใจ”
ผลงานการออกแบบจากศิลปินเยาวชนรุ่นใหม่ “อาณา” สักกตะฤจ อินทรวิชะ แล้วยังได้ร่วมสมทบและส่งต่อ “ผ้าห่มอุ่นกาย” สู่กลุ่มชาติพันธุ์อาข่า จ.เชียงราย จำนวน 500 ครอบครัว อีกด้วย”

นายเอกพงษ์ จินดาสมัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย และการตลาด และ นายปริวัตร คงคลัง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย Certified เผยดีลสุดพิเศษว่า “สำหรับแคมเปญส่งท้ายปี เบนซ์ บีเคเค บางนา มากับข้อเสนอแบบพร้อมจบทุกดีล สามารถปรับได้ตามความเหมาะสมและความต้องการของลูกค้า พร้อมให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท สำหรับรถรุ่นที่ร่วมรายการ อีกทั้งยังเปิดโชว์รูมให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น ในงาน BENZ BKK MOTOR EXPO 2023 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566
อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดไปถึงเมืองทองธานี ก็สามารถรับดีลดี ดีลเดียวกันกับงาน Motor Expo

แถมให้มากกว่าด้วยสมาร์ทโฟนสุดฮิต Samsung Galaxy Z Flip 5 มูลค่า 39,900 บาท หรือ Samsung Galaxy Z Fold 5 มูลค่า 59,900 บาท ฟรี! แบบไม่ต้องลุ้น เพียงออกรถรุ่นที่ร่วมรายการ ไม่ว่าจะเป็น GLA 200 AMG Dynamic, A 200 AMG Dynamic, Mercedes-Benz C 200 Coupe AMG Dynamic, CLS 534MATIC+, CLS 220 d AMG Premium, E-Class, GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic, S 580 e AMG Premium พร้อมรับกระเป๋าเดินทาง BKK Travel Trunk
1 ใบ มูลค่า 7,990 บาท อีกด้วย เบนซ์ บีเคเค บางนา นำเสนอโปรแกรม
StarChoice (สตาร์ช้อยส์) โปรแกรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มอบอิสรภาพให้กับคุณ พร้อมคลายความกังวลครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าบำรุงรักษา ค่าประกันภัยชั้น1 ค่าต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นานสูงสุดถึง 5 ปี โดยเริ่มต้นดาวน์เพียง 0% พร้อมแถมฟรี!! บัตรของขวัญมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท และ Mercedes-Benz Bag นอกจากนั้นที่ BKK Café มีบริการเสิร์ฟอาหารหลากหลายเมนูอร่อย เมเจอร์ ป๊อปคอร์น
และเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน พร้อมกิจกรรมและของแถมแบบจัดเต็ม นายปริวัตร คงคลัง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย Certified เสริมว่า เบนซ์ บีเคเค เซอร์ทิฟายด์ ตั้งอยู่บนพื้นที่โชว์รูมชั้น 3 มีรถเบนซ์ ยูสคาร์จอดโชว์ให้เลือกชมมากกว่า 70 คัน ทุกคันผ่านการตรวจเช็คกว่า 200 รายการ มาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รถที่ปลอดภัย คุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า ดีลพิเศษส่งท้ายปี ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น ด้วยเงินออกรถเริ่มต้นเพียง 99,000 บาท และรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองและรับรถภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 สำหรับผู้ที่สนใจเปลี่ยนรถ กำลังมองหารถคันใหม่ “รถคันเก่ามีค่า” เก่าแลกใหม่ได้แบบไม่ต้องดาวน์ แถมมีเงินเหลืออีกด้วย*”


นางสาวลภัสวรรณ ผูกทอง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายศูนย์บริการ ขอร่วมนำเสนอกิจกรรมและแคมเปญศูนย์บริการด้วยว่า “ถึงช่วงเวลาแห่งความสุข ศูนย์บริการร่วมส่งมอบความสุขด้วยกิจกรรม Mercedes Me I Connect your car 2023 จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชัน MMC กับตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์พร้อมกิจกรรมเวิร์คชอป และอาหารเครื่องดื่ม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี และความมั่นใจในการเลือกเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นแบรนด์คู่ใจ ในวันที่ 7 ธันวาคม 2566 และลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเบนซ์ บีเคเค บางนา ระหว่างวันที่ 18 –30 ธันวาคม 2566 รับฟรี! ปฏิทินฮูลิน สาระสำคัญตามหลักวิชาฮวงจุ้ย โดย อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ ซินแสชื่อดังผู้ก่อตั้ง “ชมรมภูมิโหราศาสตร์” พร้อม
BKK Pouch พิเศษเฉพาะที่เบนซ์ บีเคเค บางนา เท่านั้น! อีกทั้งยังทิ้งท้ายแคมเปญ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ไปกับเบนซ์ บีเคเค บางนา”
เชิญชวนลูกค้าทุกท่านนำรถเข้าตรวจเช็คฟรี! 60 รายการ
ก่อนเดินทางไกลในช่วงวันหยุดได้ตั้งแต่วันนี้ – 29 ธันวาคมนี้
สนใจนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ http://mb4.me/OAB_BenzBKKGroup หรือโทร 02-745-2222”

**พบกับกองทัพรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลากหลายรุ่น ครบทุกสี
รวมถึงรถผู้บริหารไมล์น้อย ยูสคาร์ราคาจับต้องได้ ที่โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป-บางนา ให้ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจหรือมองหารถเบนซ์คุณภาพ ได้เป็นเจ้าของรถเบนซ์กันอย่างจุใจ ในราคาที่คุ้มค่า พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขอนัดหมายได้ที่เบอร์ 02-745-2222 หรือติดตามข่าวสารของ Benz BKK Group ได้ที่ Line, IG, FB: @BenzBKKGroup I Benz BKK Certified โทร 0-888-111-888 Line, IG : @benzbkkcertified FB: Mercedes-Benz
Certified by Benz BKK
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

BenzBKKGroup #BenzBKKBangna #BenzBKKGroupbangna

BenzBKKCertified #BenzBKKMotorExpo

หมวดหมู่
Cars Accessories Lormhuntuathai New Innovation News

เชลล์คว้า 2 รางวัลดีเด่นระดับประเทศและระดับอาเซียนจากอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน

บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดย นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ รองประธานกรรมการ รับมอบรางวัลดีเด่น ด้านอนุรักษ์พลังงาน ประเภทอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (อาคารปรับปรุง) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ในงาน  Thailand Energy Awards 2022 โดยได้รับเกียรติจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ

นางสาวอรอุทัย กล่าวว่า “Thailand Energy Awards เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเชลล์ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบพลังงานคุณภาพสู่ผู้ขับขี่ ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงการดูแลสภาพแวดล้อม ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้คนควบคู่กัน การปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ของเชลล์ ไม่เพียงสะท้อนความตั้งใจของเราในการเป็นต้นแบบของอาคารประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย แต่ยังได้รับคัดเลือกจากพพ. ให้เป็นโครงการของประเทศไทย เข้าร่วมประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภท Zero Energy Building จากเวที ASEAN Energy Awards 2022 ในด้าน ASEAN Best Practices Awards for Energy Efficient Buildings – Special Submission อีกด้วย

เชลล์ได้ปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ให้มีความสอดคล้องกับการทำงานและคำนึงถึงการประหยัดพลังงานสูงสุด โดยยังคงโครงสร้างเดิมของอาคารไว้ทั้งหมด แต่ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับแนวคิด Shell WorkWELL Standard” ซึ่งคำนึงถึง
หลักสรีรศาสตร์ มาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร การใช้สอยพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานสูงสุด รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของเชลล์ ภายใต้กลยุทธ์ Powering Progress เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Achieving net-zero emissions)”

อาคารสำนักงานใหญ่ เชลล์แห่งประเทศไทย (อาคารเชลล์ 1) ได้รับการออกแบบให้มีความโล่ง โปร่ง และมีแสงสว่างเข้ามาในส่วนพื้นที่ทำงานได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการใช้งานจากหลอดไฟแสงสว่างแล้ว ยังสามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้กว่า 20.84% คิดเป็นพลังงานไฟฟ้ารวม 811,000 kWh (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) และประหยัดพลังงานกว่า 1,075,943 kWh/ปี จากการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารและลานจอดรถ

นอกจากนี้ อาคารดังกล่าวยังได้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ควบคู่กับการติดตั้งระบบ Smart Lighting ที่ช่วยปรับความสว่างของหลอดไฟเมื่อมีแสงธรรมชาติเข้ามาในอาคารมากพอ รวมถึงปรับปรุงระบบปรับอากาศภายในอาคารที่เป็นแบบรวมศูนย์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และใช้ระบบระบายอากาศแบบมอเตอร์พัดลมดูดอากาศที่ช่วยเติมอากาศใหม่เข้ามาในอาคาร เพื่อรักษาสมดุลของการถ่ายเทอากาศภายในและภายนอก ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพอากาศในอาคารได้ตามเกณฑ์มาตรฐานตลอดเวลาอีกด้วย

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

ททท. ชู ๑๐ สุดยอดชุมชนต้นแบบเที่ยวไทยไร้คาร์บอน เปิดตัวโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ดีที่สุดแห่งปี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าสู่ความยั่งยืน ผ่านมิติการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิ เป็นศูนย์ ย้ำแนวคิด “ปรับ-ลด-ชดเชย” สร้าง “สุดยอดชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน” ภายใต้โครงการ No Carbon Village Challenge วันนี้ (๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “สุดยอดชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน” ให้แก่ ๑๐ ชุมชนต้นแบบภายใต้โครงการ No Carbon Village Challenge พร้อมเปิดตัว ๑๐ เส้นทางท่องเที่ยว No Carbon Village และโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ดีที่สุดแห่งปี เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยตามแนวนโยบาย BCG นำไปสู่การท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืน


นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ททท. ในฐานะผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการตลาด จึงได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) จึงได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism Goals : STGsมุ่งสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model และยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่ใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพ พัฒนา และต่อยอด การบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ที่เหมาะสมกับบริบท ของภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย ทั้งในส่วนผู้ประกอบการ
และชุมชนท่องเที่ยว มุ่งเน้นกระบวนการตามแนวคิด “ปรับ – ลด – ชดเชย” เพื่อเปลี่ยนให้กิจกรรมท่องเที่ยวของธุรกิจ/ชุมชน กลายเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ


ททท. จึงได้จับมือร่วมกับภาคีเครือข่ายในห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด บริษัท ปันโปรโมชั่น จำกัด บริษัท มาสเตอร์แพลน จำกัด และแพลตฟอร์ม GoGreenBooking.com สนับสนุนโครงการ No Carbon Village Challenge “สุดยอดชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน” จัดประกวดสุดยอดเส้นทางท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืนแบบไร้คาร์บอน เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนจากการท่องเที่ยว การใช้พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมในชุมชน เพิ่มความตระหนักและความเข้าใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม ผสานกับความสนุกสนานจากการออกเดินทาง เรียนรู้กิจกรรมควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ให้พร้อมไปสู่การเป็นต้นแบบธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างแท้จริงเพื่อส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่า โครงการฯ ได้ดำเนินการคัดเลือกและเฟ้นหา ๑๐ ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ ครอบคลุม ๕ ภูมิภาคของประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับ ๑๐ บริษัทนำเที่ยวรักษ์โลก เพื่อร่วมสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ยั่งยืนเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยพร้อมส่งต่อและสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืนด้วยการจัดทำแคมเปญส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์และโปรโมชั่นลดราคาในทุกการจองแพ็กเกจท่องเที่ยว ๑,๐๐๐ สิทธิ์แรกทันที ๕๐% เพื่อร่วมสร้าง One Click, Big Impact ไปด้วยกัน

ในการนี้ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ให้เกียรติมอบโล่รางวัลเพื่อเป็นตราสัญลักษณ์แสดงศักยภาพ และความพร้อมในการเป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้แก่ ๑๐ ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ (No Carbon Village Challenge) พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้แก่ทั้ง ๑๐ ชุมชนและ ๑๐ บริษัทนำเที่ยว ที่เข้าร่วมโครงการฯ อีกทั้ง ยังมีการมอบรางวัล The Best Partner and Collaboration Award    สุดยอดพันธมิตรและความร่วมมือกับชุมชนต้นแบบ ให้แก่ บริษัท ฟรายเดย์ ทริป จำกัด และรางวัล The Best DMC Content Creator จากการจัดทำคอนเทนต์สร้างสรรค์เรื่องราวให้ชุมชน/สถานประกอบการใช้ส่งเสริม

การขายและสร้างการรับรู้ในมุมมองที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ในแบบที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิม สำหรับทีมของบริษัทนำเที่ยวพันธมิตรผู้ชนะเลิศ ได้แก่ บริษัท เทรคกิ้งไทย จำกัด รับเงินรางวัลมูลค่า ๑๕,๐๐๐ บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ ได้แก่ บริษัท สยามร้าย ทราเวล รับเงินรางวัลมูลค่า ๑๐,๐๐๐ บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๒ ได้แก่ บริษัท ทัวร์อินไทย แอนด์ อะเมซิ่ง แทรเวิล จำกัด รับเงินรางวัลมูลค่า ๕,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงาน ๑๐ เส้นทางท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน สะท้อนภาพลักษณ์ความร่วมมือ (Collaboration) ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเพื่อสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงเพิ่มมูลค่า สร้างจุดเด่น และเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมนำเสนอสู่นักท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานและเพลิดเพลิน เกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถจองและร่วมเดินทางกับเส้นทางต้นแบบการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอนได้ที่เว็บไซต์ GoGreenBooking.com และ Facebook : No Carbon Village Challenge

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation News

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผนึกกำลัง ททท. ลงนามข้อตกลงปีที่ 2

ยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยยานยนต์พลังงานใหม่สู่ระดับอาเซียน ประเดิมเส้นทางระหว่างประเทศครั้งแรกต้นปีหน้า

กรุงเทพฯ 22 พฤศจิกายน 2566 – เกรท วอลล์ มอเตอร์
ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ปีที่ 2 กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เดินหน้าส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานใหม่ในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขยายเส้นทางการเดินทางสู่สถานที่แปลกใหม่ (Unseen Destinations) ทั้งในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง ประเดิมในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเริ่มต้นจากประเทศจีน ลัดเลาะไปตามเส้นทางมายังประเทศไทย สู่จุดหมายปลายทางภาคอีสาน จ.นครราชสีมา
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคอาเซียน และก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างทัดเทียม พร้อมทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวอันกระจายรายได้สู่ประเทศเป็นวงกว้างตามนโยบายภาครัฐ
สะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภค ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นภายในประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จัดขึ้น ณ GWM Experience Center ศูนย์การค้า ICONSIAM ได้รับเกียรติจาก นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยมี นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคอาเซียน มร. ไมเคิล ฉง
ผู้จัดการทั่วไป และ นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ให้การต้อนรับ


นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีระหว่างไทย – จีนที่มีมาอย่างยาวนาน
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการเดินทางท่องเที่ยว การลงนามบันทึกข้อตกลงกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์
แสดงให้เห็นถึงบทบาทสําคัญของภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมมือกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งยังผลักดันประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นธรรมาภิบาลคาร์บอน
โดยวางแผนสนับสนุนกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
และสร้างความร่วมมือทางธุรกิจด้านการท่องเที่ยวด้วยยานยนต์พลังงานใหม่ นอกจากนี้ยังมุ่งหวังให้เกิดการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมและผลักดัน Soft Power วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ในภูมิภาคต่าง ๆ”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีที่สองของความร่วมมือนี้ เรามีแผนความร่วมมือเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ใช้รถยนต์ของเกรท วอลล์ มอเตอร์
จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีนและประเทศอาเซียน
ด้วยการจัดกิจกรรมคาราวานขับรถท่องเที่ยวด้วยรถยนต์พลังงานใหม่มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานของประเทศไทย จำนวน 100 คัน โดยมุ่งหวังกลุ่มลูกค้าของ GWM TANK รถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและชื่นชอบการขับรถท่องเที่ยวในเส้นทางที่ท้าทาย


พร้อมนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ กระจายรายได้สู่จังหวัดสำคัญในภูมิภาคต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวของยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้แข็งแกร่งได้มาตรฐานระดับสากลอย่างเป็นรูปธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขอขอบคุณ เกรท วอลล์มอเตอร์
สำหรับความเชื่อมั่นในความร่วมมืออย่างต่อเนื่องที่จะผลักดันและสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทยในรูปแบบคาร์บอนต่ำ
และเป็นต้นแบบให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศก้าวสู่ธรรมาภิบาลคาร์บอนอย่างสมบูรณ์ต่อไป”

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคอาเซียน เกรทวอลล์ มอเตอร์ กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเดินหน้าพันธกิจเข้าสู่ปีที่ 2 หลังจากที่ได้ ประสบความสำเร็จในปีแรก
เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากล ผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานสะอาด ควบคู่บริการคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคทุกท่าน เพิ่มความคึกคักด้วยการผจญภัยท่องเที่ยวไปสู่สถานที่และเส้นทางใหม่ต่าง ๆ
ให้นักท่องเที่ยวทุกชนชาติ ในวันนี้เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนา และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน” ในขณะเดียวกัน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังเปิดเผยถึงโปรแกรมสิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภายใต้ GWM Privileges ผ่านแอปพลิเคชัน GWM และความร่วมมือกับพันธมิตรอันหลากหลาย อาทิเช่น โรงแรม ร้านอาหาร หรือสินค้าและการบริการต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
ยกระดับการใช้งานที่สะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมส่งมอบไลฟ์สไตล์และประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดเอ็กคลูซีฟให้แก่ลูกค้าทุกท่าน
โดยลูกค้าสามารถใช้คะแนนสะสม (GWM Point) แลกเป็น E-Voucher
ในการเข้ารับบริการต่าง ๆ และพิเศษสำหรับโปรแกรม GWM Privileges นี้ บริษัทฯ ยังมอบส่วนลดการแลกคะแนนสุดคุ้มให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
โดยลูกค้าสามารถใช้คะแนนสะสมและแลกรับ E-Voucher ที่จุดหมายปลายทางได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าสิทธิพิเศษ E-Voucher จะหมด พันธกิจภายใต้ความร่วมมือในปีที่สองของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นอกเหนือจากกิจกรรมคาราวานรถยนต์ของผู้ใช้งาน
GWM TANK จากประเทศจีนและประเทศอาเซียน รวมถึงโปรแกรมสิทธิพิเศษ GWM Privileges แล้ว GWM และ ททท.


ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา
ตอกย้ำการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยรถยนต์พลังงานใหม่และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยคาราวานยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในประเทศไทย รวม 5 เส้นทาง 5 ภูมิภาค กับ GWM ภายใต้แนวคิด สุขกาย สุขใจ สุขทันที ที่เที่ยวไทย
ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ภูมิภาคภาคกลาง เส้นทาง ลุยธรรมชาติกับรถ GWM TANK Off-road SUV สุดเท่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี เส้นทางที่ 2 ภูมิภาคภาคเหนือ เส้นทาง UNESCO อโยธยา สู่ ทวาราวดี ศรีเทพ ย้อนรอยประวัติศาตร์กับ HAVAL H6 HEV จังหวัดพระนครศรีอยุธยา – ลพบุรี – เพชรบูรณ์ เส้นทางที่ 3 ภูมิภาคภาคอีสาน เส้นทาง GEO PARK ตามรอยจูราสสิคพาร์ค มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานกับ HAVAL JOLION HEV
จังหวัดสระบุรี – นครราชสีมา เส้นทางที่ 4 ภูมิภาคภาคใต้ เส้นทาง
ตามหาสมบัติบนเขาใต้ท้องทะเลอ่าวไทย กับ GWM HAVAL H6 HEV จังหวัดเพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร และ เส้นทางที่ 5 ภูมิภาคภาคตะวันออก เส้นทาง 3 สมุทร กับ ORA เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย บนเส้นทางจังหวัดสมุทรปราการ – สมุทรสาคร –สมุทรสงคราม
เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด พร้อมให้ความสำคัญกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ ในอาเซียน และในระดับสากลตามนโยบายภาครัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งสร้างรายได้ให้แก่อุตสากรรมการท่องเที่ยวในประเทศรวมถึงประเทศใกล้เคียงให้ทัดเที
ยมระดับสากล ยกระดับประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศให้เติบโตเป็นอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

ฟอร์ดภูมิใจคว้ารางวัล ‘องค์กรรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น’ 13 ปีซ้อน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 22 พฤศจิกายน 2566 – ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี คว้ารางวัลองค์กรรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น (AMCHAM Corporate Social Impact Excellence Award at Platinum Level) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 โดยปีนี้ฟอร์ดได้รับรางวัลระดับแพลตินัมจากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ในฐานะองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของแนวคิด ESG (Environmental, Social and Governance) ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลอย่างมีธรรมาภิบาล โดยมีนายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย รับมอบรางวัลจาก มร. โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และนางสาวเด็บบราห์ ไซเฟิร์ท รองประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย

ฟอร์ดสานต่อพันธกิจในการดำเนินโครงการพัฒนาสังคมเพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ตามกลยุทธ์ของกองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี หรือ ฟอร์ด ฟันด์ ที่เน้นย้ำความสำคัญในเรื่องการส่งมอบบริการที่จำเป็น การส่งเสริมการศึกษาสู่งานในอนาคต และการพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการ สอดคล้องกับแนวคิด ESG ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานเพื่อสังคม ออกแบบและพัฒนาโครงการที่มอบผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนและกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย

ฟอร์ดได้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมหลักขององค์กรอย่าง Ford Driving Skills For Life หรือ ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย ต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นปีที่ 16 เพื่อเพิ่มทักษะการขับขี่และลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ในปีนี้ ฟอร์ดได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณะ เพื่อเพิ่มทักษะขับขี่ให้เจ้าหน้าที่ที่ออกไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยมีผู้อบรมตลอด 16 ปีกว่า 14,800 คน

ฟอร์ดให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนเพื่อให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงานผ่าน 2 โครงการหลัก ได้แก่ Ford+ Innovator Scholarship โครงการประกวดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งฟอร์ดจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้เป็นนวัตกรรุ่นใหม่ พร้อมเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังสานต่อโครงการ ‘เปลี่ยนความรู้…สู่อาชีพ’ ต่อเนื่องรุ่นที่ 6 โดยได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ขับเคลื่อนอาชีวศึกษาไทยสู่แรงงานทักษะขั้นสูง พร้อมมอบทุนการศึกษาและฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีในห้องเรียน และภาคปฏิบัติ

ฟอร์ดยังส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วม (Diversity, Equity, Inclusion – DEI) ทั้งภายในองค์กรและชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจผ่านโครงการจัดการน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Water Go Green) ซึ่งฟอร์ดทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เพื่อส่งมอบความรู้ในการจัดการทรัพยากรน้ำด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพให้เป็นแปลงเกษตรผสมผสาน เป็นต้นแบบให้กับชุมชนใกล้เคียง รวมถึงกิจกรรม สำคัญจำนวนมากที่ส่งเสริมความหลากหลาย และลดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมในมิติต่างๆ ได้แก่ การจ้างงานผู้พิการทางสายตาที่มีความชำนาญเฉพาะทาง การจัดกิจกรรมอบรมและพูดคุยอย่างมีสีสันในหลายรูปแบบภายใต้แนวคิด ‘Embrace Equity’ ในช่วงวันสตรีสากล และช่วงเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Pride Month)

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งและสนับสนุนชุมชนด้วยการจัดตั้งศูนย์ FREC กรุงเทพฯ และได้ทำงานร่วมกับชุมชนและองค์กรเพื่อสังคมมาตลอด 4 ปีที่ได้ก่อตั้งศูนย์ FREC ในประเทศไทย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาหาร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงศิลปะและเทคโนโลยี โดยมีศูนย์ FREC กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างฟอร์ดและผู้อยู่อาศัยในชุมชน ผลักดันให้เกิดกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนในสังคมอย่างยั่งยืน สะท้อนถึงพันธกิจระยะยาวของฟอร์ด

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

ม.เกษตร ร่วมเปิดนิทรรศการและนำเสนอผลงาน การติดตามนโยบายฯ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์

21 ถึง 22 พ.ย. 2566 คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) ร่วมกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดกิจกรรมเปิดนิทรรศการ (Open House) และนำเสนอผลงาน ภายใต้โครงการรจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลตามนโยบาย กสทช. ที่สำคัญในด้านกิจการโทรทัศน์ ประจำปี 2566 โดยมุ่งเน้นจัดแสดงนิทรรศการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ร่วมงาน ที่ อาคารเอนกประสงค์ และห้องโถงกลางชั้น 1  อาคารมิวเซียมสยาม สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยมีท่าน ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) ด้านกิจการโทรทัศน์ ให้เกียรติเป็นประธาน

ในงาน นอกจากชุดการแสดงพิเศษจากน้อง ๆ สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย แล้วยังมีการเสวนาพิเศษในหัวข้อ “Diversity TV ไทย” ในด้านความหลากหลายทางพหุนิยมของกิจการโทรทัศน์ หรือ Diversity and Pluralism เพื่อเสนอแนะแนวทางการพัฒนากิจการสื่อ และกิจการโทรทัศน์ที่เหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใต้มิติด้านการกำกับดูแล และการส่งเสริมความหลากหลายด้านกิจการโทรทัศน์

โดยมีผู้คนหลากหลายในอาชีพและช่วงวัย เข้าร่วมงานประมาณ 150 คน อาทิ ผศ.ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ นักวิชาการอิสระ ดร.ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ นักวิจัยประจำศูนย์แม่โขงศึกษา นักศึกษาจากสถาบันเอเชียศึกษาและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม อดีตผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว คุณสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และคุณอัครวุฒิ จันทร์ขจร ผู้อำนวยการสร้างรายการโทรทัศน์ “โรงเรียนของหนู” นอกจากนั้นยังมี กสทช. นักวิชาการ ผู้แทนสมาคมที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์การและองค์กรวิชาชีพสื่อต่าง ๆ สำนักข่าว รวมถึงผู้แทนจากช่องทีวีดิจิทัลจำนวนหนึ่ง กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
อื่น ๆ และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจ ซึ่งได้ให้ความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรทัศน์ในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสูง

ซึ่งดำเนินรายการเสวนา โดย คุณวารินทร์ สัจเดว ผู้ประกาศข่าว ช่อง TNN16 โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจและมีการแลกเปลี่ยนความเห็นมาก ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับชม โทรทัศน์ภาคพื้นดิน ไม่ได้เป็นทางเลือกเดียว เนื้อหาท้องถิ่นที่หายไป บริการเพื่อผู้พิการไม่ตอบโจทย์ทั้งผู้รับสารและผู้ประกอบการ รายการเด็กที่ถูกทิ้ง ปัญหาการถ่ายทอดสดกีฬา จากกฎ Must have, Must carry ที่เหมือนจะจบ และ OTT ทีวีหลอมรวมที่ต้องรอกฎหมาย

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกโปรดประทานผ้าพระกฐินให้ทิพยประกันภัย อัญเชิญไปทอดถวาย ณ วัดป่ารวกใต้ จ.เชียงราย

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
โปรดประทานผ้าพระกฐิน ให้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทิพยประกันภัย อัญเชิญไปทอดถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดป่ารวกใต้ จ.เชียงราย
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เพื่อนำเงินที่ได้สมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถานและถาวรวัตถุภายในวัดที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งทางวัดยังขาดปัจจัยเป็นจำนวนมาก โดยมี เจ้าคุณพระไพศาลประชาทร วิ.
(พระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เมตตามาเป็นประธานสงฆ์ในพิธี พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายสมใจนึก
เองตระกูล ประธานกรรมการ รวมถึงคณะกรรมการ ที่ปรึกษาบริษัทฯ ผู้บริหาร พนักงาน เข้าร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง

นอกจากนี้ทิพยประกันภัยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย หน่วยงานข้าราชการในจังหวัด
อีกทั้งยังมีคณะศรัทธาทั้งในและนอกพื้นที่จำนวนมากมาร่วมในพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งได้จัดขบวนแห่และจัดการแสดงฟ้อนรำ
ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงพื้นเมืองของภาคเหนือต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่
เป็นการแสดงออกถึงความปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นการต่อยอดบวรพระพุทธศาสนาและบำรุงศาสนสถานภายในวัด ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจและประกอบงานประเพณีของพุทธศาสนิกชนสืบไป

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

Insurverse เปิดตัวประกันการเดินทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เที่ยวไหนก็อุ่นใจ มั่นใจได้ราคาถูกชัวร์

บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายกิตตินันท์ ภู่พงศ์พันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) และนายพุทธา วิริยะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย ไอบี จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันการเดินทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เดินทางได้ทั่วโลก มีแผนความคุ้มครองที่หลากหลาย ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินความจำเป็น และยังมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่ครอบคลุมทั่วโลก ไม่ต้องสำรองจ่าย หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เจ็บป่วยกะทันหัน
รวมไปถึงการให้ความคุ้มครองเที่ยวบินล่าช้า และในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน สามารถติดต่อ Insurverse Hotline 02-206-5424 ตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วโลก ประกันเดินทาง Insurverse ค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียง 59 บาท ความคุ้มครองสูงสุดถึง 3 ล้านบาท ซื้อง่ายภายใน 5 นาที
พร้อมโปรโมชันพิเศษปลายปี เมื่อซื้อประกันภัยการเดินทางแพ็คเกจ L ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 รับสิทธิ์ลุ้นชิงกระเป๋าเดินทางไฟฟ้า Airwheel SE3S 1 รางวัล มูลค่า 29,900 บาท ผู้ที่สนใจสามารถซื้อประกันได้ที่
https://insure.insurverse.co.th/shopping/travel
หรือคลิกดูโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ https://insurverse.co.th/promotion/travel-
airwheel-luggage

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

มาสด้าร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทะเลไทย

นำพนักงาน ONE MAZDA ONE TEAM ปลูกป่าเพื่อโลกที่ยั่งยืน

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2566 – มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม นำพนักงานจิตอาสากว่า 125 คน ออกเดินทางไปร่วมกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเลไทย ณ กิจการหนึ่งคลองสองจังหวัดเพื่อการอนุรักษ์ กองการบินทหารเรือ จังหวัดระยอง ภายใต้กิจกรรม
“ร่วมใจปลูกป่าเพื่อโลกที่ยั่งยืน ONE MAZDA ONE TEAM” ร่วมใจกันปลูกต้นโกงกาง สร้างป่าชายเลน ฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเลไทย
นับเป็นหนึ่งในปณิธานสำคัญเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตอกย้ำถึงพันธกิจในการสร้างสรรค์โลกของเราให้คงความสวยงามถึงลูกหลาน ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสังคมที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Zoom-Zoom 2030 อันเป็นแนวทางสำคัญที่มาสด้าในประเทศไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญเสมอมา


มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พันธกิจสำคัญของมาสด้าในวันนี้ คือการเดินหน้ามุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแค่ด้านการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความยั่งยืนของโลก ผู้คน และสังคม อันเป็นไปตามวิสัยทัศน์ Sustainable Zoom-Zoom 2030 ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น มาสด้าให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำ แหล่งกำเนิดพลังงาน
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จากกระบวนการในการผลิต ตามหลักการ Well-to-Wheel การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มาพร้อมพลังงานที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ รวมถึงสร้างสรรค์กิจกรรมมากมายเพื่อช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนให้ดียิ่งขึ้น
กิจกรรม “ร่วมใจปลูกป่าเพื่อโลกที่ยั่งยืน ONE MAZDA ONE TEAM” ในครั้งนี้ เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ในการส่งผ่านสิ่งดีๆ กลับคืนสู่ธรรมชาติเพื่ออากาศที่สดใส ด้วยการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมริมชายฝั่งทะเล โดยออกเดินทางไปยังกิจการหนึ่งคลองสองจังหวัดเพื่อการอนุรักษ์ กองการบินทหารเรือ
เพื่อช่วยกันปลูกต้นโกงกางบริเวณป่าชายเลนและทำความสะอาดชายหาดในพื้นที่โดยรอบ ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยดูดซับน้ำเสียจากชุมชนก่อนไหลลงสู่ทะเล ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันการกัดเซาะพังทลาย

กำบังคลื่นลม เป็นแนวป้องกันภัยธรรมชาติ เป็นแหล่งประมงชายฝั่งที่ชาวชุมชนใช้หาอยู่หากินหรือใช้เป็นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และผลิตอ๊อกซิเจนช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม
รวมถึงส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของชุมชนต่อไปได้ นับเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความยั่งยืนกลับสู่สังคม


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมจิตอาสาที่มาสด้าตั้งใจดำเนินการเพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดกลับคืนสู่สังคม
ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 72 ปีโดยได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากพนักงานมาสด้าที่มีจิตอาสากว่า 125 คน ออกเดินทางจากสำนักงานใหญ่ไปยังกิจการหนึ่งคลองสองจังหวัดเพื่อการอนุรักษ์ ณ กองการบินทหารเรือ หาดนภาธาราภิรมย์ ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเป็นรอยต่อกับจังหวัดชลบุรี เพื่อร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการปลูกป่าชายเลนและร่วมกิจกรรมฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่ง เก็บขยะและสิ่งปฏิกูลบริเวณชายหาดให้สะอาดสดใส แสดงถึงการร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวมาสด้า ONE MAZDA ONE TEAM ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ทั้งนี้ มาสด้าขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ และพันธมิตรทุกภาคส่วน ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้กิจกรรมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ มาสด้าให้คำมั่นว่า จะมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และตอบสนองการใช้ชีวิตในทุกมิติให้กับลูกค้าทุกคน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งมอบพลังงานทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตลอดจนให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือผู้คนในสังคมผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในรูปแบบที่หลากหลาย รวมถึงสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนช่วยผลักดันให้สังคมของเราน่าอยู่มากขึ้น เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คน และเพื่อสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป แทนคำขอบคุณชาวไทยทุกคน ที่เชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้าและพร้อมก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

“SYS” คว้ารางวัลเกียรติยศด้านการจัดการพลังงานในโรงงานดีเด่น จากกระทรวงพลังงาน

นายสุรศักดิ์ พูลเกิด ผู้จัดการโรงงานห้วยโป่ง บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS ผู้ผลิตเหล็กเอชบีม ไวด์แฟลงก์ ชั้นนำของประเทศ เป็นตัวแทน SYS เข้ารับมอบรางวัล”สถานประกอบการที่มีผลการประหยัดพลังงานดีเด่น” ประเภทโรงงานควบคุมกลุ่มโลหะมูลฐาน จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน  กระทรวงพลังงาน จาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ภายในงาน “ครบรอบ 20 ปี อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ สู่ปีแห่งคน เครื่องจักร และระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” ณ อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้


ทั้งนี้ SYS เป็นโรงงานเหล็กเพียงแห่งเดียวที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จากการที่บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมาโดยตลอด และได้ปฏิบัติตามกฎการบริหารจัดการพลังงาน ทั้งการจัดส่งรายงานการจัดการพลังงาน มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย และมีผลประหยัดพลังงานจากการทำระบบการจัดการพลังงาน เป็นอันดับสูงสุดในประเภทโรงงานอุตสาหกรรม

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้ที่ www.syssteel.com

#SYS#เหล็กดีที่คุณไว้ใจ#เหล็กไทยหัวใจกรีน#เหล็กเอชบีมไวด์แฟลงก์

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ทิพยประกันภัย จับมือ สพฉ. ลงนามบันทึกข้อตกลง

การดำเนินการประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับผู้ปฎิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมส่งเสริมให้มีอาสาฉุกเฉินชุมชน

นางสาวสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และเรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการดำเนินการประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับผู้ปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และการส่งเสริมให้มีอาสาฉุกเฉินชุมชน เพื่อคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานและครอบครัวของผู้ปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ให้ ความคุ้มครองสำหรับกลุ่มพนักงานสมาชิกและครอบครัว
รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรของ Tip Smart Assist ให้มีความพร้อมเป็นจิตอาสาในการช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับประชาชนที่ได้รับ อุบัติเหตุและเจ็บป่วย ให้ได้รับการดูแลก่อนที่จะมีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินเข้าไปถึง
และรับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินส่งต่อเพื่อรับการรักษาในสถานพยาบาลต่อไป
โดยภายในงานมี นาวาเอก (พิเศษ) นพ.พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

นางณัฐญา ธนะรัชต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททิพยประกันภัย
จำกัด (มหาชน) รวมถึงผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่จากทั้งสองหน่วยงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคารพัฒนาบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

“สยามคูโบต้า” เปิดตัวผู้ชนะคู่แรกในศึกการแข่งขัน“คูโบต้าพันธุ์แกร่ง 2023 ชิงถ้วยพระราชทานครั้งแรกของไทย”

สยามคูโบต้า ได้ผู้ชนะคู่แรกประเดิมแชมป์ “คูโบต้าพันธุ์แกร่ง 2023
ชิงถ้วยพระราชทานครั้งแรกของไทย”หลังเปิดสนามนัดชิงชนะเลิศในศึกประลองความเร็วการแข่งขันทักษะการขับขี่แทรกเตอร์ ชูศักดิ์ศรีกีฬาความภาคภูมิใจของเกษตรกรไทย โดยมีคณะผู้บริหารสยามคูโบต้า ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้า ผู้สนับสนุนการจัดงาน สื่อมวลชน ตลอดจนผู้เข้าชมงานอย่างคับคั่ง โดยการขับเคี่ยวเป็นไปอย่างลุ้นระทึกตลอดทั้งวันจนได้ผู้ชนะใน 2 รุ่น ได้แก่ อธิคม ตองเต หมายเลข 3 สังวี.ที.เอส.แทรกเตอร์ จากจังหวัดตาก ในรุ่น M- Series ขนาด 62 แรงม้า และ ชูศักดิ์ ศรีสุข หมายเลข 26 สังกัดคูโบต้าเมืองตรัง จากจังหวัดตรัง ในรุ่น L-Series ขนาด 50 แรงม้า รับเงินรางวัลพร้อมถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


นอกจากนี้ผู้เข้าแข่งขันที่ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1-3 ยังได้รับเงินรางวัลและถ้วยเกียรติยศ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ คูโบต้าฟาร์ม จังหวัดชลบุรี บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดการแข่งขัน “คูโบต้าพันธุ์แกร่ง 2023 ชิงถ้วยพระราชทานครั้งแรกของไทย”ซึ่งถือเป็นการจัดแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย อีกทั้งยังได้รับพรมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเพื่อเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจของเกษตรกรที่เข้าร่วมการแข่งขัน หลังจากก่อนหน้านี้เคยจัดแข่งขันคูโบต้าพันธุ์แกร่งมาแล้ว 2 ครั้งในระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ นายจูนจิ โอตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในฐานะประธานเปิดงาน
กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นบนความมุ่งหวังที่ต้องการเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้ใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการขับแทรกเตอร์มาเป็นกิจกรรมที่เกิดประโยชน์และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่อาชีพเกษตรกรของตนเอง

พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชมที่ทุกคนต่างขับเคี่ยวฝีมือและฝ่าด่านผู้เข้าแข่งขันกว่า 1,500 คน จาก 48 สนามทั่วประเทศ จนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 60 คนสุดท้ายในวันนี้ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทุกคนคือผู้ที่มีความกล้าหาญ
และพร้อมเผชิญความท้าทายที่ต่างไปจากการทำเกษตรแบบเดิม
ทุกคนล้วนเปี่ยมด้วยศักยภาพ มีทักษะที่เยี่ยมยอด และเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว อย่างไรก็ตามสยามคูโบต้าก็พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการที่ครอบคลุมเพื่อ เป็นเพื่อนที่รู้ใจเคียงข้างเกษตรกรไทยตลอดไป สำหรับแทรกเตอร์คูโบต้าที่นำมาใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ แทรกเตอร์คูโบต้ารุ่น M6240 ขนาด 62 แรงม้า และแทรกเตอร์คูโบต้ารุ่น L5018SP ขนาด 50 แรงม้า โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องขับฝ่าด่านสถานีทดสอบทักษะของผู้ขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์จำนวน 6 สถานี ทั้งนี้ตลอดทั้งวันผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 รุ่น ต่างขับเคี่ยวมาจนถึงรอบ 4 คนสุดท้าย ซึ่งเป็นการแข่งขันในรูปแบบแบทเทิล


โดยผู้ชนะจะต้องทำเวลาดีที่สุด 2 ใน 3 ถึงจะผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกต่อไป
โดยผลการแข่งขันแทรกเตอร์คูโบต้ารุ่น L-Series ขนาด 50 แรงม้า
ในรอบชิงชนะเลิศเป็นการแข่งขันระหว่าง ชูศักดิ์ ศรีสุข หมายเลข 26
สังกัดคูโบต้าเมืองตรัง จังหวัดตรัง และ ณัฐวุฒิ ผึ้งเถื่อน หมายเลข 18 สังกัด คูโบต้าลิ้มเจี๊ยบฮง จังหวัดชัยนาท ปรากฎว่า ชูศักดิ์ หมายเลข 26
เจ้าของแชมป์คูโบต้าพันธุ์แกร่ง 3 สมัยในสนามภาคใต้ ยังคงทำเวลาได้เหนือคู่แข่งตลอดทั้ง 2 รอบ สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยไปครองได้สำเร็จ รับเงินรางวัลพร้อมถ้วยพระราชทานฯ ไปครอง โดยมี ณัฐวุฒิ ผึ้งเถื่อน หมายเลข 18 คูโบต้าลิ้มเจี๊ยบฮง จังหวัดชัยนาท ทำเวลามาเป็นรองอันดับ 2 รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 และ 3 เป็นของ พงศธร วรราช หมายเลข 1 สังกัดคูโบต้าปิติแทรกเตอร์ จังหวัดสกลนคร และปรวิทย์ ทวีบท หมายเลข 11 สังกัดคูโบต้าจักรเกษตรยนต์ จังหวัดหนองบัวลำภู ตามลำดับ


ด้านแทรกเตอร์คูโบต้ารุ่น M-Series ก็ดำเนินไปอย่างน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
โดยรอบชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่าง อธิคม ตองเต หมายเลข 3 สังกัด วี.ที.เอส.แทรกเตอร์ จังหวัดตาก กับวัชรินทร์ ไชยรักษ์ หมายเลข 15 สังกัดคูโบต้า ยโสธร เลาเจริญ จังหวัดยโสธร ทั้งคู่ต่างขับเคี่ยวผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะไปด้วยสกอร์ 1 – 1 จนถึงรอบชิงชนะเลิศวัชรินทร์ หมายเลข 15 ถูกทดเวลาเพิ่ม 5 วินาทีจากการขับไปชนไพล่อน จึงทำให้หมายเลข 3 อธิคม เจ้าของแชมป์ คูโบต้าพันธุ์แกร่ง ของสนามจังหวัดตาก 3 ปีซ้อน เฉือนเอาชนะไปได้ในที่สุด คว้ารางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ ไปครอง โดยมีวัชรินทร์ หมายเลข 15 ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ขณะที่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ จตุชัย ชาโท หมายเลข 6 สังกัด
คูโบต้าแสงทอง จังหวัดอุดรธานี และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ ศุภกร โพธิ์ศรีทอง หมายเลข 4 สังกัดคูโบต้า ก.แสงยนต์ ลูกแก-กาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยแชมป์ทั้งสองรุ่นจะได้รับถ้วยพระราชทานฯ พร้อมรับเงินรางวัล ๆ ละ 50,000 บาท ขณะที่อันดับ 2-4
จะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัล 20,000 10,000 และ 5,000 บาท ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้รับเงินรางวัลพิเศษสำหรับพัฒนาชุมชนอีกด้วย


อธิวัต ตองเต หมายเลข 3 สังกัด วี.ที.เอส.แทรกเตอร์ จังหวัดตาก แชมป์แทรกเตอร์คูโบต้ารุ่น M-Series เกษตรกรหนุ่มวัยเพียง 21 ปี ผู้คุ้นเคยกับการขับแทรกเตอร์มาตั้งแต่อายุ 14 ปี เล่าว่า “ผมเริ่มขับแทรกเตอร์มาตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ซึ่งนอกจากทำเกษตรของครอบครัวก็ยังรับจ้างไถไร่ด้วยจึงมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี อีกทั้งในการแข่งขันบางด่านก็มีความคล้ายกับการทำงานจริง นอกจากนี้ผมเคยมีประสบการณ์จากการคว้าแชมป์คูโบต้าพันธุ์แกร่ง ปีที่ 2 ประจำจังหวัดตาก สำหรับการคว้าแชมป์ประเทศไทยในปีนี้ผมรู้สึกดีใจมาก ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของผมและครอบครัว ขอขอบคุณที่สยามคูโบต้าจัดงานครั้งนี้ขึ้น ทำให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนได้มาพบปะกัน ได้ลองอะไรใหม่ๆ และยังได้นำประสบการณ์มาปรับใช้ในชีวิตการทำงานด้วยครับ”

ด้าน ชูศักดิ์ ศรีสุข หมายเลข 26 สังกัดคูโบต้าเมืองตรัง จังหวัดตรัง
แชมป์แทรกเตอร์คูโบต้ารุ่น L-Series หนุ่มใต้อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้างขับแทรกเตอร์

แชมป์คูโบต้าพันธุ์แกร่งระดับภาคใต้ 3 ปีซ้อน ผู้คลุกคลีกับกีฬาความเร็วไม่ว่าจะเป็นออฟโรด มอเตอร์ไซค์วิบาก จนคว้าแชมป์ระดับประเทศมากมาย เล่าว่า “ผมคิดว่า ที่สามารถเอาชนะได้ในครั้งนี้เป็นเพราะเรามีประสบการณ์ในการแข่งรถจึงไม่ตื่น สนามและทำสมาธิได้ดี ซึ่งตัวผมก็มีความตั้งใจมาจากบ้านที่จะมาเอาแชมป์ให้ได้ นอกจากนี้ทุกครั้งที่ลงสนามแต่ละรอบ ผมจะกลับมาศึกษารูปแบบของสถานีและหาเทคนิคที่จะทำความไวได้เร็วที่สุด แม่นที่สุด และเมื่อได้รางวัลถ้วยพระราชทานมาครองผมรู้สึกภูมิใจและดีใจมากครับ ต้องขอขอบคุณสยามคูโบต้าที่จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ขอขอบคุณคูโบต้าเมืองตรังที่มอบโอกาสและสนับสนุนมาโดยตลอด รวมถึงขอบคุณครอบครัวและกองเชียร์ที่มาเชียร์พวกผมด้วยครับ” ภาพเพิ่มเติมสามารถดาวน์โหลดได้ที่:
https://drive.google.com/drive/folders/1YdGGumFyUjA7DkGJtb7Ndnevj
g5hFpxy?usp=drive_link

KUBOTA #คูโบต้า #นวัตกรรมเกษตรเพื่ออนาคต

คูโบต้าพันธุ์แกร่ง #แข่งแทรกเตอร์ #แทรกเตอร์คูโบต้า #คูโบต้าฟาร์ม

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News SPORT NEW

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย บริจาคเงิน 700,000 บาท

จากการจัดงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนวิ่งการกุศล ครั้งที่ 4 ให้แก่
โรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม จ. ชลบุรี

ภาพข่าว:
มร. เออิอิชิ โคอิโตะ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ ประธานมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมด้วย มร. โนโบรุ สึจิ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการบริษัท บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มร. เรียวอิจิ อินาบะ (ขวาสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์การตลาด สายงานขาย สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และสายงานบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มร. ชิน คุโบะ (ซ้ายสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมบริจาคเงิน 700,000 บาท จากการจัดงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนวิ่งการกุศล ครั้งที่ 4 หรือ Mitsubishi Motors Charity Run 2023

กรุงเทพฯ – 22 พฤศจิกายน 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
(ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริจาคเงิน 700,000 บาท จากการจัดงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
ชวนวิ่งการกุศล ครั้งที่ 4 หรือ Mitsubishi Motors Charity Run 2023

ให้แก่โรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแผนการดำเนินงานเพื่อสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ ใน 3 ด้านหลัก คือ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ


มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
(ประเทศไทย) จำกัด และ ประธานมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดงานวิ่งการกุศล Mitsubishi Motors Charity Run เป็นปีที่ 4 ในปีนี้ ซึ่งงานนี้ไม่ได้เพียงช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพดีให้กับนักวิ่งที่มาร่วมงานเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนท้องถิ่น ผ่านการสมทบทุนซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ของโรงพยาบาล ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นต่อการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้หลัก สำคัญด้านสุขภาพของเราอีกด้วย”
พญ. สุดานี บูรณเบญจเสถียร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม กล่าวว่า“ทางโรงพยาบาลขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่ได้มอบเงินบริจาคจำนวน 700,000 บาท จากการจัดงานวิ่งการกุศลในครั้งนี้ รวมถึงขอขอบคุณผู้สนับสนุนการจัดงาน และนักวิ่งทุกท่านที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดงานวิ่งในครั้งนี้ โดยเราจะนำเงินที่ได้รับมอบนี้ไปจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนการให้บริการ และขยายขีดความสามารถในการดูแลคนในชุมชนและผู้ที่เข้ามาใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” ในปีนี้ มีนักวิ่งเกือบ 5,000 คนเข้าร่วมงานวิ่งการกุศล Mitsubishi Motors Charity Run 2023 #4 ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ฟันรัน (Fun Run) ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ มินิมาราธอน (Mini Marathon)

ระยะทาง 10 กิโลเมตร โดยเส้นทางวิ่งเริ่มต้นจากวิหารเซียนมุ่งไปทางเขาชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงามตลอดเส้นทาง
นายมนัส ไชยปลื้ม หนึ่งในนักวิ่งที่เข้าร่วมงานวิ่งประเภท มินิมาราธอน
กล่าวว่า “เนื่องจากได้ยินเสียงชื่นชมจากนักวิ่งที่ได้มาร่วมงานวิ่งการกุศล
Mitsubishi Motors Charity Run ในปีก่อนๆ ทำให้ปีนี้จึงได้ตัดสินใจมาร่วมวิ่งในงานนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจในการจัดงาน บรรยากาศ และสถานที่จัดงานเป็นอย่างยิ่ง โดยการเข้าร่วมวิ่งในงานนี้ยังได้มีส่วนช่วยทำบุญให้กับทางโรงพยาบาลอีกด้วย” นางสาวภัทรฐิตา เทียบศรี หนึ่งในนักวิ่งที่เข้าร่วมงานวิ่งประเภท ฟันรัน กล่าวว่า “ได้มาร่วมวิ่งในงานนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เหตุผลที่อยากมาร่วมงานนี้ นอกเหนือจากเป็นงานวิ่งเพื่อการกุศลแล้วรู้สึกประทับใจในการจัดงานที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะเส้นทางวิ่งและบรรยากาศของงานวิ่งปีนี้สวยงามมาก
ตั้งใจว่าปีหน้าจะมาร่วมงานอีกแน่นอน”

และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศ ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย
ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานี เมื่อต้นปี 2564 โดยผลิตภัณฑ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส และ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัด
จำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

 ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่ Website : http://www.mitsubishi-motors.co.th
Facebook : http://www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
Instagram : @MitsubishiMotorsTh
Youtube Channel : Mitsubishi Motors Thailand
Line Official
Account/ ID

: Mitsubishi Motors Th /
@MitsubishiMotorsTh

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

สมาคมรถโบราณฯ และ ดุสิตธานี หัวหินเชิญชม “หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 21”

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน
พร้อมหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี เทศบาลเมืองชะอำ
เทศบาลเมืองหัวหิน และ ททท. ร่วมกันจัดงาน “หัวหิน วินเทจ คาร์
พาเหรด ครั้งที่ 21” ตามแนวคิด “ต่างกันแค่วันเวลา” วันที่ 15 – 17
ธันวาคม 2566


ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย
เผยว่า “งานหัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 21
โดยปีนี้สมาคมฯ ร่วมจัดกับ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
และได้รับการสนับสนุนอย่างดีเช่นเคยจาก หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี
เทศบาลเมืองชะอำ เทศบาลเมืองหัวหิน
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)”
“สมาคมฯ หวังสร้างความคึกคัก กระตุ้นการท่องเที่ยว
ด้วยขบวนรถโบราณ และรถคลาสสิค ตลอดเส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน
ตามแนวคิด “ต่างกันแค่วันเวลา – Differing only in Day and
Time” เพื่อให้เจ้าของได้ขับรถคันเก่ง ไปเที่ยวเส้นทางที่คุ้นเคย
สร้างสรรค์เรื่องเล่า และความทรงจำอันทรงคุณค่า อีกครั้ง”


นอกจากนั้น ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่
งานกาลาดินเนอร์ ในคืนวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566 ซึ่งจะมีเวทีลีลาศ
กับวงดนตรี Sensation (ติดต่อจองบัตรได้ที่ ครูเกิร์ล โทรศัพท์ 08-
9130-6150)
พิธีปล่อยขบวนรถโบราณ “หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 21”
จะเริ่มต้นที่ พิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-
BANGKOK ถนนประชาอุทิศ สู่ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ในวันศุกร์ที่ 15
ธันวาคม 2566 โดยประชาชนทั่วไปสามารถชมรถคลาสสิค
และรถโบราณอันทรงคุณค่าได้อย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/VintageCarClub

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

เอส เอฟ และ NT ต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ

เปิด “NT BE EVERYWHERE AT SF CINEMA”

จุดให้บริการลูกค้า NT แบบ One Stop Service ที่ เอส เอฟ ทั่วประเทศ

บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำของเมืองไทย และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและดิจิทัลชั้นนำของ เมืองไทย เปิดตัว “NT BE EVERYWHERE AT SF CINEMA” จุดบริการลูกค้า NT แบบครบวงจร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การสื่อสารที่ดีที่สุด ให้ทุกคนเข้าถึงทุกบริการของ NT ได้ง่าย สะดวกสบาย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมมอบสิทธิพิเศษเฉพาะผู้ใช้บริการที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทั่วประเทศ โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และคุณเสกสรรค์ มิตรเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษ “ภูวิน-ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” มาร่วมแชร์ไลฟ์สไตล์และประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีแบบคนรุ่นใหม่ ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เอส เอฟ และ NT ได้ร่วมมือกันเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ และส่งมอบประสบการณ์ความสุขและความบันเทิงให้แก่ลูกค้าของโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ มาแล้วหลายครั้ง เช่น การพัฒนาโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ที่ถือเป็นโรงภาพยนตร์ระดับพรีเมียมที่เราภูมิใจ และได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก รวมถึงได้ร่วมกันจัด Live Viewing at SF Cinema ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสดคอนเทนต์เข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์จนประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกของไทย และทำให้ เอส เอฟ เป็นโรงภาพยนตร์เครือเดียวในประเทศไทยที่สามารถถ่ายทอดสดในลักษณะนี้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ด้านความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสำหรับครั้งนี้เราได้ต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนการให้บริการของ NT โดยใช้จุดแข็งด้านทำเลพื้นที่ของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ เปิดจุดให้บริการ ‘NT BE EVERYWHERE AT SF CINEMA’ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของ NT และ เอส เอฟ มากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและการสื่อสารได้สะดวกมาก โดย NT BE EVERYWHERE AT SF CINEMA เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศครับ”

ด้าน คุณเสกสรรค์ มิตรเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า “NT มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับการสื่อสารและดิจิทัลให้กับประเทศในทุกๆ ด้าน ที่ผ่านมาเราได้เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารให้กับหลายๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและโทรคมนาคม ไม่เพียงเท่านั้น NT ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าบุคคลซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ และเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการสื่อสารได้อย่างเท่าเทียมตามวิสัยทัศน์ของเรา NT จึงได้แสวงหาพื้นที่ในการให้บริการลูกค้าทั่วไป โดยมีโจทย์ที่สำคัญคือ ต้องเป็นสถานที่ที่คนรู้จัก มีอยู่ในหลายพื้นที่ และที่สำคัญต้องความพร้อม ซึ่ง เอส เอฟ ถือเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพและสามารถตอบโจทย์เราได้ในทุกด้าน เราจึงร่วมกันยกระดับการบริการลูกค้าของ NT เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงทุกบริการจาก NT ได้ง่าย สะดวกสบาย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดย ‘NT BE EVERYWHERE AT SF CINEMA’ สามารถให้บริการลูกค้าบุคคลได้ครอบคลุม ทั้งบริการ Mobile และ Broadband สำหรับลูกค้าหรือผู้สนใจผลิตภัณฑ์ของ NT สามารถมาสอบถามข้อมูลและบริการของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ รวมถึงยังสามารถสมัครใช้บริการ ชำระค่าบริการ แจ้งย้ายค่าย เปลี่ยนโปรโมชั่น แจ้งเหตุขัดข้อง และขอคำปรึกษาเกี่ยวกับบริการต่างๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษจาก my by NT และ NT Broadband อีกด้วยครับ”

ลูกค้า เอส เอฟ และ NT สามารถใช้บริการ NT BE EVERYWHERE AT SF CINEMA ได้ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน ในเวลา 13.00-18.00 น. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ททท. จับมือ ทรู-ดีแทค ชวนนักท่องเที่ยว Expat เที่ยวไทยกระตุ้นการท่องเที่ยวปลายปี สู่รายได้ 3ล้านล้านบาท

บ่ายวันนี้ (21 พฤศจิกายน 2566) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Amazing Thailand Expat Privileges เพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปี 2567 เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว Expat นำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยว Super deal ลดราคามากถึง 80% เร่งสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวสู่เป้าหมายปี 2567 ณ ห้องประชุมจารุวัสตร์ อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้บูรณาการร่วมกับพันธมิตร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู – ดีแทค ผ่านการจัดทำโครงการ Amazing Thailand Expat Privileges เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ เจาะกลุ่มตลาดแบบ Sub-Culture กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยระยะยาว (Expat) โดยกลุ่มนักท่องเที่ยว Expat มีจำนวนกว่า 2.15 ล้านคน ทั้งที่ย้ายถิ่นฐานมาสร้างครอบครัว หรือเดินทางมาทำงานตามการขยายตัวของธุรกิจข้ามชาติ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนในระยะยาว รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปอีกด้วย โดยโครงการจะส่งมอบสิทธิพิเศษส่วนลดมากถึง 80 % อาทิ ส่วนลดประเภทโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สถานเสริมความงาม และกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถส่งมอบและนำไปสู่การแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ Meaningful Relationship ในโลกออนไลน์ และกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ผลักดันเป้าหมายภาพรวมการท่องเที่ยวปี 2567 สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ร่วมมือกับ ททท. ภายใต้โครงการฯเพื่อส่งมอบสิทธิพิเศษ เข้าอุทยานแห่งชาติฟรีทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนธันวาคม2566–กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 10,000 สิทธิ์ สำหรับนักท่องเที่ยว Expat และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั่วประเทศไทย
นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกตลอดกาล ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงพร้อมที่จะร่วมดูแลและสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้ร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในโครงการ Amazing Thailand Expat Privileges ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่ม Expat ในประเทศไทยมากกว่า 54% หรือ 1.2 ล้านคน เป็นลูกค้าที่ใช้บริการทรูและดีแทค ทั้งผ่านบริการโรมมิ่ง และเปิดเบอร์ใหม่ในเมืองไทย ส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ อินเดีย อาเซียน

โดยพบว่ากลุ่มนี้คาดหวังต่อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่สูง พิจารณาถึงสิ่งที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิต การเข้าถึงแหล่งช้อปปิ้ง และสามารถเดินทางท่องเที่ยวหรือพำนักอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวได้ในระยะยาว ดังนั้น ทรู ดีแทค จึงมีช่องทางสำหรับสื่อสารกับกลุ่ม Expat โดยตรง ซึ่งร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์กว่า 700 รายที่เป็นพาร์ทเนอร์ กับทางบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นสื่อกลางช่วยโปรโมทกิจกรรมนี้ ตั้งแต่ต้นทางเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงประเทศไทย หากใช้เบอร์เดิมจะได้รับ SMS ผ่านทาง Location-Based Service (LBS) ทันที ที่ถึงสนามบินนานาชาติทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมือง, สนามบินเชียงใหม่, สนามบินแม่ฟ้าหลวง, สนามบินภูเก็ต, และสนามบินหาดใหญ่ แต่ถ้านักท่องเที่ยวเลือกที่จะซื้อ Thailand Tourist SIM ผ่าน True Shop ก็จะเห็นกิจกรรมนี้ผ่านทาง Sales Menu และหลังจากเปิดใช้บริการ SIM นักท่องเที่ยวก็จะได้รับ Welcome SMS เพื่อเน้นย้ำกิจกรรมนี้จากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกครั้ง นอกจากนี้ ทรูยังโปรโมทผ่านทางเว็บไซด์ https://www.truemoveh-thailandsim.com/ และhttps://inbound.trueid.net / ในช่องทาง Privilege สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย”
โครงการ “Amazing Thailand Expat Privileges” จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดย ททท. ร่วมกับพันธมิตร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู – ดีแทค นำเสนอสิทธิพิเศษส่วนลดจากสถานประกอบการทั่วประเทศกว่า 200 สถานประกอบการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และกลุ่มนักท่องเที่ยว Expat ทั้งประเภทโรงแรมที่พัก อาทิ ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์ รีสอร์ท, โก้โก้ วัลเล่ย์ รีสอร์ท, และเซ็นทารา เกาะช้าง ทรอปิคานา รีสอร์ท ประเภทร้านอาหาร อาทิ ส้มตำวิลล่า, เรือสำราญเจ้าพระยา ครุยส์ และเดอริว่า อโยธยา สปา ประเภทสถานเสริมความงาม อาทิ โอเอซิส, อภัยภูเบศร เดย์ สปา, และคีรีธารา สปา แอนด์มาสสาจ และประเภทกิจกรรมท่องเที่ยว อาทิ สนามกอล์ฟ เทรชเชอร์ฮิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ, สวนน้ำ เเบล็ค เมาน์เทน หัวหิน และสยามนิรมิต ภูเก็ต ทั้งนี้ยังได้ร่วมมือประสานพลังร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มอบสิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรีทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 และยังมีบัตรเติมน้ำมันจากบางจาก มูลค่า 500 บาท


ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถรับสิทธิพิเศษของโครงการได้ที่เว็บไซต์ https://expatprivileges.com โดยมีสิทธิพิเศษ และส่วนลดมากมาย ครอบคลุมทุกประเภทการท่องเที่ยว เรียกได้ว่าสามารถใช้สิทธิพิเศษได้ตั้งแต่ต้นจนจบทริป นอกจากนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลอง Winter Festival เทศกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาว ให้นักท่องเที่ยวได้ออกไปเที่ยวเมืองไทยช่วงปลายปีและต้นปี อย่างคุ้มค่า ปลอดภัย โดยสามารถใช้สิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ กดรับสิทธิพิเศษที่ต้องการ และเข้าใช้สิทธิพิเศษ ณ สถานประกอบการที่กำหนด ด้วยการแสดง Promo Code ที่ได้รับพร้อมพาสปอร์ต ซึ่งเงื่อนไขการใช้บริการเป็นไปตามที่สถานประกอบการกำหนด

AmzingThailandExpatPrivileges

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

จังหวัดศรีสะเกษ มุ่งสู่ Smart City นำโดรนแปรอักษรส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด ในงานเฉลิมฉลอง “สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 241 ปี จังหวัดศรีสะเกษ”

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 จังหวัดศรีสะเกษจัดงานส่งเสริม การท่องเที่ยว งานเฉลิมฉลอง “สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 241 ปี จังหวัดศรีสะเกษ” พร้อมนำโดรนแปรอักษรส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ให้การต้อนรับการนำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มาร่วมจัดแสดง โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้กล่าวสนับสนุน การนำสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมมาร่วมสร้างกลไกการท่องเที่ยวให้จังหวัดศรีสะเกษ ณ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. มีนโยบายที่มุ่งส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาด้านการศึกษา การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ให้เกิดการสร้างนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ได้ให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ นำการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวด้านโดรน และนวัตกรรมการพัฒนาซอฟต์แวร์การสั่งงานโดรนแปรอักษร สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ กล่าวได้ว่าเป็น“โดรนแปรอักษร” ฝีมือคนไทย เป็นการยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีของคนไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นทัดเทียมกับเทคโนโลยีของต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้จังหวัดศรีสะเกษ ในงานเฉลิมฉลอง “สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 241 ปี จังหวัดศรีสะเกษ”

ด้าน นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยอย่าง “โดรน” (Drone) เข้ามามีส่วนช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 21 – 23 พฤศจิกายน 2566

ในการนี้ การแสดงบินโดรนเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ในงานเฉลิมฉลอง “สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 241 ปี จังหวัดศรีสะเกษ” โดยจัดแสดงบินโดรนแปรอักษรมากกว่า 600 ลำ ประกอบด้วย

  • ภาพ 241 ปี จังหวัดศรีสะเกษ
  • ภาพดอกลำดวน เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ
  • ภาพปราสาทสระกำแพงใหญ่ 
  • ภาพพญาศรีสัตตนาคราช
  • ภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
  • ภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
  • ภาพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
  • ภาพอีสานไปไสกะแซ่บ
  • ภาพ วช. อว.

ทั้งนี้ ได้มีการแสดง นาฏมวยไทย จาก โรงเรียนขุขันธ์  การแสดง รวมศิลป์ถิ่นเมืองศรี จาก มรภ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นการแสดงที่สืบสานศิลปะวัฒนธรรมไทย ของจังหวัดศรีสะเกษ สามารถติดตามข่าวสารการอบรมได้ที่ Facebook Fanpage : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

การท่องเที่ยวและหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษตอบรับการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษ

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับจังหวัดศรีสะเกษ หอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ และการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษจัดการอบรมเชิงปฏิบัติเรื่อง “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว” โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี พร้อมกับ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ นางสาวลลนา ศรีคราม รองประธานหอการค้า จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกล่าวต้อนรับ

พร้อมนี้ ร้อยตำรวจโท เนติชนม์ ยศแผ่น จาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ผู้ให้ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการบินโดรน พร้อมด้วยบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตลอดจนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม ณ หอประชุมสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านการศึกษา การพัฒนา และการสร้างนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับโดรน การคิดค้นและพัฒนาซอฟต์แวร์การสั่งงานโดรนแปรอักษร ได้สร้างโอกาสให้กับประเทศไทยในหลายมิติทั้งด้านการพัฒนาสมรรถนะเยาวชน ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเกษตร ด้านการบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น ในด้านการใช้เทคโนโลยี “โดรนแปรอักษร” นี้ เป็นอีกโอกาสและการทำงานแบบบูรณาการ ที่สามารถขยายผลการดำเนินงานเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับ “โดรน” (Drone) ให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตลอดทั้งเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาพัฒนาต่อยอดประยุกต์ใช้กับการทำงานในภาคอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในจังหวัดศรีสะเกษอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ

ด้าน นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยอย่างโดรนเข้ามามีส่วนช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการบินโดรน จาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งการอบรมเชิงปฏิบัติการกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว” นั้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 23 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรม 400 คน ณ หอประชุมสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันอากาศยานโดรนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพมากและมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญในโลกอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งศึกษาและเตรียมความพร้อมในเรื่องโดรนให้มากขึ้น พร้อมนี้ ร้อยตำรวจโท เนติชนม์ ยศแผ่น จาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ร่วมให้ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการบินโดรน ให้แก่บุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตลอดจนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่ว ณ หอประชุมสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ

สำหรับผู้ที่สนใจอยากฝึกอบรม ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม โครงการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สามารถติดตามข่าวสารการอบรมได้ที่ Facebook Fanpage : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

กูรูเชียร์ ซื้อ PTG คาด Q4/66 ผลงานนิวไฮรอบปี

บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ยังคงเป็นหุ้นในดวงใจโบรกฯ
หลายค่ายที่พร้อมใจกันเชียร์ “ซื้อ” แถมประกาศชัดเจนธุรกิจสตรอง!
 โดยเฉพาะ Q4/66 ที่ส่งซิกทำระดับสูงสุดของปี
รับอานิสงส์ค่าการตลาดน้ำมันฟื้นตัวและปริมาณการขายเพิ่มขึ้นตาม
High Season ของฤดูกาลท่องเที่ยวหนุนการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
 เคาะราคาเป้าหมาย 10.00 -10.70 บาทต่อหุ้น…ส่งสัญญาณดีขนาดนี้
ผู้ถือหุ้นสบายใจหายห่วง PTG พื้นฐานแน่น
แฟนคลับเคลียร์พอร์ตรอได้เลยคร้าา!

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

สุดอลังการ! Chang Classic Car Revival 2023 สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งกับบิ๊กอีเว้นต์ของคนรักรถคลาสสิคแห่งปี

สมราคาเบอร์หนึ่งของไทย ยิ่งใหญ่ระดับอาเซียน กับ Chang Classic Car Revival 2023 ที่ “เครื่องดื่มตราช้าง” ร่วมกับ สนามช้างฯ สังเวียนประลองความเร็วระดับโลกของไทย เนรมิตเทศกาลรถคลาสสิค สเกลยักษ์ประจำปี ภายใต้คอนเซ็ปท์ สวนสนุกของคนรักรถ โอกาสเดียวที่จะได้นำรถแสนรักมาวิ่งในเซอร์กิตที่ดีที่สุด ใหญ่ที่สุด มาตรฐานสูงสุดของไทย มาตรฐานโลก การรวมตัวของรถคลาสสิค รถเรโทร และรถสปอร์ต ทั้งรถ 4 ล้อและ2 ล้อ ทุกสัญชาติ ทุกยี่ห้อ มากกว่า 1,000 คัน กิจกรรมบันเทิงครบทุกมิติ ตลอด 2 วันเต็ม กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวในพื้นที่ มีต่างชาติตบเท้าเข้าร่วมงานมากกว่าทุกปี

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับงาน Chang Classic Car Revival 2023 สวนสนุกของคนรักรถคลาสสิค ซึ่งจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2566 ความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ช้างเติมเต็มคำว่าเพื่อนและ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในปีนี้มีรถคลาสสิคทั้ง 4 ล้อและ 2 ล้อ เข้าร่วมงานคับคั่ง พร้อมด้วยกลุ่ม Commander City ที่จัดงานฉลองครบ 21 ปี ยกทัพรถฮาเลย์ เดวิดสัน ทั่วฟ้าเมืองไทยมาร่วมงานด้วย

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า นับเป็นความสำเร็จเป็นปีที่ 4 กับงานที่ถือได้ว่า เป็นการรวมตัวของคนรักรถคลาสสิคที่มากที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยและมีความยิ่งใหญ่ในระดับอาเซียน ในปีนี้มีผู้ร่วมงานมากกว่า 1,000 คัน นำคันโปรดมาอวดโฉม และประลองความเร็ว พิสูจน์สมรรถนะ ฝีมือกันในเซอร์กิตระดับโลก โดยถือเป็นการมอบของขวัญให้กับคนไทย เปิดให้เข้าชมฟรี

กิจกรรมที่สร้างความฮือฮาและสร้างภาพจำมากที่สุดคือ การอวดโฉมของขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรถคลาสสิค เรโทร ซูเปอร์คาร์ ระดับตำนาน หลากยุค หลายสมัย ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ มากกว่า 1,000 คัน สร้างปรากฏการณ์พาเหรดรีไววัลที่ยาวที่สุดอีกครั้ง พร้อมถ่ายทอดสดการจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์ สู่คนรักรถคลาสสิคทั่วโลกได้รับชมพร้อมๆกัน และดึงดูดการเข้าร่วมกิจกรรมในปีต่อไปมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

กิจกรรมหลักเอาใจสายเก๋าจอมซิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Chang Classic Car & Bike Best Lap การแข่งขันพิสูจน์สมรรถนะรถคลาสสิคคันโปรดบนแทร็กระดับโลก, Chang Classic Revival Drag แข่งขันแบบจับเวลาระยะ 1 ส่วน 8 ไมล์ และการแข่งขันแนวแดร็กระยะ 201 เมตร ของรถคลาสสิค , Chang Classic Revival “DRAG BATTLE การจับคู่แบทเทิลสุดพิเศษ และ Chang Classic Revival Gymkhana แข่งขันทักษะการขับขี่สไตล์จิมคาน่า, กิจกรรม Pit walk และ Grid Walk ที่เปิดให้ชมรถคลาสิคแบบใกล้ชิด พร้อมถ่ายรูปสวยเป็นที่ระลึก ฯลฯ Classic Car Mini Motor Show เปิดให้ยลโฉมรถสะสม ระดับตำนาน

และยังมีการดวลกันของนักแสดง ศิลปินชื่อดังที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก ในกิจกรรม Chang Classic Car Drag Battle ที่มีพิธีกรและนักแสดงชื่อดัง “นิกกี้ ณฉัตร” และ “โอม- ภวัต จิตต์สว่างดี” ร่วมดวลกันทางตรงสุดเดือด ผลการแข่งขัน “โอม ภวัต” ทำเวลาได้ 14.2017 วินาที เป็นผู้ชนะ “นิกกี้- ณฉัตร จันทพันธ์” ซึ่งทำเวลาได้ 15.60 วินาที ทำให้ “โอม ภวัต” ต้องมาชิงดำกับ พระเอกซูเปอร์สตาร์ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่ในปีนี้ได้นำรถคลาสสิคคู่ใจมาร่วมงาน โดยผลการแข่งขัน “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นผู้คว้าแชมป์ไปครอง ด้วยเวลา 13.7012 วินาที เฉือนโอม ภวัต ที่ทำเวลาได้ 13.90 วินาที

ปิดท้ายกับคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ จากศิลปินระดับตำนาน ร่วมงานฉลองครบรอบ 21 ปี Commander City คาราบาวเต็มวง,ฟาเรนไฮต์, ม๊อคค่าการ์เด้น ภายในงานยังมีสินค้าของแต่งรถและการออกร้านของร้านอาหารชื่อดังชั้นนำของจังหวัดบุรีรัมย์

“งานในปีนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทั้งผู้ร่วมงานและเหล่าผู้ติดตามหลายพันคน หลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติมากขึ้นกว่าทุกปี นอกจากนี้กิจกรรมใหม่อย่าง Classic Car Volkswagen Village หมู่บ้านแคมป์ปิ้งสุดชิลของชาวคลาสสิค ได้รับความสนใจจากกลุ่ม Volkswagen ในต่างประเทศที่สนใจจะมาร่วมงานในปีหน้าอีกด้วย เหล่านี้เองที่ทั้งกระตุ้นให้เกิดความคึกคักของรถสะสม รถหายาก จากโรงรถ สู่ท้องถนนไปจนถึงแทร็กระดับโลก สร้างความคึกคักให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเดินทาง ของทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ใกล้เคียงและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไปพร้อมๆกัน” นายตนัยศิริ กล่าว

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

Chang Classic Car Revival 2023 งานท้าลมหนาวของชาวคลาสสิค

สุดสัปดาห์นี้ได้เวลามารับลมหนาวกับงาน Chang Classic Car Revival 2023 ที่รถคลาสสิคระดับตำนานจะมาสร้างปรากฎการณ์ บนแทร็กระดับโลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

พบกับกิจกรรมอัดแน่นตลอด 2 วัน ไม่ว่าจะเป็น Chang Circuit Best Lap, Classic Car Parade, Classic Car Mini Motor Show, กิจกรรม PIT Walk และ Grid Walk, Classic Car Drag Battle และถ่ายภาพที่ระลึกกับรถคู่ใจ โดยช่างภาพมืออาชีพจาก Nikon

และพบกับกิจกรรมใหม่ พิเศษสำหรับปีนี้ Classic Car Volkswagen Village หมู่บ้านแคมป์ปิ้งสุดชิลของชาวคลาสสิคตัวจริง

และพลาดไม่ได้กับการดวลความเร็วรถคลาสสิคกันของ 2 เพื่อนซี้ “นิกกี้ ณฉัตร” และ “โอม ภวัต” ที่ชวนกันมาดวลความเร็วให้หายข้องใจในศึกเพื่อนซี้ Chang Classic Car Drag Battle ร่วมพิสูจน์ได้ วันที่ 18 พ.ย. ตั้งแต่ 15.00 น. เป็นต้นไป ณ Buriram United Dragster Track

ปิดท้ายความบันเทิงแบบจัดเต็มให้เพื่อนชาวคลาสสิค พบกับคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ จากศิลปินระดับตำนาน ฉลองครบรอบ 21 ปี Commander City presented by Chang พบกับ คาราบาว, ฟาเรนไฮต์ และ Mocca Garden  

แล้วพบกัน 18-19 นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

#ClassicRevival

#ChangClassicCarRevival2023

#changinternationalcircuit

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

ทิพยประกันภัย จับมือ NT

ลงนามในสัญญาด้านรับประกันภัยเพื่อประโยชน์แก่กลุ่มลูกค้า
ใน “โครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM”

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป
โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน) และพันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมลงนามในสัญญาเปิดตัว “โครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM”
สำหรับลูกค้าที่ได้รับการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ของบริษัท
โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จะได้รับความคุ้มครองประกันอัคคีภัยจาก บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยวงเงินความคุ้มครองสูงสุด 400,000 บาท/ปี เพื่อความอุ่นใจสำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการที่ติดตั้งอินเทอร์เน็ตของ NT ทั้งนี้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
พร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าของ
บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในทุกๆ โครงการเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง ด้านประกันภัย และพร้อมที่จะพัฒนาก้าวสู่ความเป็น Digital Service ควบคู่ไปกับทางคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับทุกความต้องการที่เพิ่มขึ้นในโลกปัจจุบัน และให้กลุ่มลูกค้าทั้งสององค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

เปิดแล้ว Landmark ทิพยประกันภัย ในโลก Metaverse SmyleLand สนุกกับมินิเกม พิชิตรางวัล

นายณัฐพล อังควานิช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายอัครพล เอกสริ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมทะเอิร์น จำกัด เปิดตัว Landmark ทิพยประกันภัย ในโลก Metaverse SmyleLand เริ่มต้นปักหมุดตึกอาคารสำนักงานใหญ่ ทิพยประกันภัย บนพื้นที่ริมโค้งแม่น้ำ พร้อม Hanumon Mascot สุดน่ารักที่นำสิทธิพิเศษมามอบให้กับชาวเมือง SmyleLand
ผ่านมินิเกม อาทิ
 ฟรี ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองนาน 30 วัน
 Code ส่วนลด สำหรับซื้อประกันภัย ที่เว็บไซต์ Tipinsure.com
 ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนน 24 ชม. ทั่วประเทศ
ทิพยประกันภัย มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เหนือระดับ ผ่านโลก Metaverse SmyleLand อย่างต่อเนื่องในอนาคต ตอกย้ำความเป็น Digital Insurance ตามนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรก้าวสู่ Digital
Transformation ขยายช่องทางสู่โลก Metaverse อย่างสมบูรณ์แบบ
ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่ผู้ใช้งาน (Immersive Experience)
และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ผ่านการใช้งาน Platform Metaverse ของ SmyleLand คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญของการให้บริการในรูปแบบที่ล้ำสมัย โดยลูกค้าสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่จากทิพยประกันภัยบนโลกเสมือนจริงได้แล้ววันนี้
ทางแอปพลิเคชัน SmyleLand แพลตฟอร์ม Metaverse ที่ให้คุณเปลี่ยนของรางวัลมากมายในโลกเสมือน เป็นสิทธิพิเศษ (Privilege) ในชีวิตจริงได้ทุกวัน เพียงแค่คุณเป็นชาวเมืองของ SmyleLand เราทำให้ ทิพยประกันภัย ไม่เพียงเป็นแค่ Landmark แห่งใหม่ใน Metaverse SmyleLand แต่เรายังเป็น “บริษัทประกันภัยเจ้าแรก” ที่ให้บริการประกันภัยในโลกเสมือนจริง ติดตามรายละเอียด แอปพลิเคชัน Smyleland
https://www.smyleland.com/th/home

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

MOTOR EXPO APPLICATION

ไม่พลาดทุกไฮไลท์ ก่อนไปสัมผัสของจริง

ชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ผ่าน MOTOR EXPO APPLICATION พบรีวิวยานยนต์ทุกประเภท ข้อมูลการเปรียบเทียบ โปรโมชั่นเด็ดค่ายดัง AR SCANNER ค้นหารถ 360° แถมลุ้นรับฟรี รถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท

“MOTOR EXPO” APP อัดแน่นข้อมูลของงาน “MOTOR EXPO 2023” ผู้ใช้สามารถชมรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทุกแบรนด์ภายในงานเสมือนได้สัมผัสของจริง จาก Influencer พร้อมรายละเอียดของงาน อาทิ โปรโมชั่น, บริการรถรับส่งชมงานฟรี, รายงานสภาพจราจร พร้อมแผนผังที่จอดรถ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมี BUYER’S GUIDE ช่วยเลือกซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เปรียบเทียบคันต่อคัน พร้อมคำนวณสินเชื่อ

AR SCANNER ค้นหารถ 360° โดยสแกน ยี่ห้อ รุ่น เครื่องยนต์ ราคา ฯลฯ (รองรับรถยนต์จำนวน 100 คัน)

ดาวน์โหลด MOTOR EXPO APP ได้ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมมีกิจกรรม “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566

พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

งานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันเรือยาวประเพณี จังหวัดปทุมธานี ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประจำปี 2566

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์การค้าตลาดรังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นำโดยผม พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับ จังหวัดปทุมธานีและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวการจัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณี จังหวัดปทุมธานี ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประจำปี 2566

นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในการแถลงข่าว การจัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณี จังหวัดปทุมธานี ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประจำปี 2566 ร่วมด้วย พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ร่วมกัน แถลงข่าว การจัดงาน และขอเชิญชมการแข่งขันเรือยาวประเพณี จังหวัดปทุมธานี ประจำปี 2566 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในระหว่างวันที่ 3 – 5 ธันวาคมนี้ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสวนเทพปทุม ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณีในครั้งนี้ การใช้งบประมาณในการจัดงานนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อดึงคนให้เข้ามาท่องเที่ยว ให้มีการจับจ่ายใช้สอยในจังหวัด ซึ่งจะทำให้เงินสะพัด ประชาชนในจังหวัดมีรายได้ และยังได้รับ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลง ต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ซึ่งกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด 5 ด้าน เช่น ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรมและเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน มุ่งส่งเสริมด้านกีฬาต่างๆ นอกจากนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ยังได้ตระหนักและ เล็งเห็นคุณค่าของการฟื้นฟูอนุรักษ์ประเพณีการแข่งขันเรือยาว จึงได้เกิดโครงการดังกล่าว

📣 องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กำหนดโครงการจัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณี จังหวัดปทุมธานี ประจำปี 2566 ชิงถ้วยพระราชทานฯ ในระหว่างวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2566 ณ แม่น้ำเจ้าพระยา บริวณสวนเทพปทุม ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุม จังหวัดปทุมธานี

📣 โดยมีประเภทเรือที่จัดการแข่งขันฯ แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

  • เรือยาวประเภท 55 ฝีพาย จำนวน 8 ทีม
  • เรือยาวประเภท 40 ฝีพาย จำนวน 8 ทีม
  • เรือยาวประเภท 30 ฝีพาย จำนวน 12 ทีม
    ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้แก่ เรือพายม้า หรือ
    เรือท้องถิ่น ประเภท 10 ฝีพาย จำนวน 12 ทีม
    🚩 เงินรางวัลการแข่งขัน รวมทั้งสิ้น 2,561,๐๐๐บาท

——————————————————
พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี

องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี

อบจปทุมธานี #ชีวิตที่เหลือเพื่อปทุมธานี

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Cars New Innovation

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมลงนามในสัญญาเปิดตัวโครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM สำหรับลูกค้าที่ได้รับการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ของบริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในโครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM

สำหรับลูกค้าที่ได้รับการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ของบริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในโครงการเน็ตบ้านอุ่นใจ NT Fiber HOME PREMIUM จะได้รับความคุ้มครองประกันอัคคีภัยจากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ด้วยวงเงินความคุ้มครองสูงสุด 400,000 บาท /ปี เพื่อความอุ่นใจสำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตของ NT


​พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า “NT นำร่องความร่วมมือกับทิพยโดยนำบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มาเพิ่มโซลูชั่นให้กับกลุ่มลูกค้าและพนักงานของทั้งสององค์กรให้ได้รับสิทธิพิเศษระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยร่วมกันจัดแคมเปญมอบสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าที่ติดตั้งอินเทอร์เน็ต NT Fiber HOME PREMIUM สามารถรับฟรีประกันอัคคีภัย คุ้มครองนาน 12 เดือน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการที่จะได้รับหลักประกันในการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินจากอัคคีภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการดำเนินธุรกิจของ NT ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา Digital Service

ในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการที่เพิ่มขึ้นในโลกปัจจุบัน พร้อมกับมุ่งเน้นเดินหน้าหาพันธมิตรเพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นในบริการที่มีให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนในวงกว้าง
​ทั้งนี้ผมมองว่าความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดผลในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดที่ทั้งสองหน่วยงานร่วมกันพัฒนาให้เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต”

หมวดหมู่
Car Review Lormhuntuathai New Cars New Innovation

มาสด้าชวนลูกค้าร่วมแบ่งปันความสุขให้เด็กนักเรียนพร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มาสด้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 –มาสด้าสานต่อปณิธานในการส่งมอบความยั่งยืนให้กับสังคม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมไทย ประสาน 4 ดีลเลอร์ พาลูกค้าออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ด้วยคาราวานรถยนต์มาสด้าออกเดินทางไปมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน ทุนการศึกษา และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนวัดถั่วทอง จังหวัดปทุมธานี ภายใต้กิจกรรม Mazda
ปันสุข Skyactiv Driving Experience พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง และสัมผัสรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่มาพร้อ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ สนาม ปทุมธานี
สปีดเวย์ โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ที่มาสด้าเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์
Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป


มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์โลกของเราให้คงความสวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืน คือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญเสมอมา มาสด้าจึงแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกคน
ควบคู่กับสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มาสด้าจึงได้ริเริ่มโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ขึ้น และดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากผู้จำหน่าย ลูกค้า และพันธมิตรทุกภาคส่วน ในการส่งมอบความสุขและความยั่งยืนกลับคืนสู่สังคม ด้วยการออกเดินทางไปในทุกพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อให้การช่วยเหลือเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ที่ขาดแคลน รวมถึงมีส่วนร่วมเป็นสะพานในการส่งต่อการแบ่งปันให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ซึ่งในปีนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จึงได้สานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ภายใต้ชื่อกิจกรรม Mazda ปันสุข Skyactiv Driving Experience โดยได้รับความร่วมมือจากผู้จำหน่ายมาสด้า 4 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปทุมธานี คือ กลุ่มบริษัท 14 ออโตโมทีฟ, บริษัท พระราม 7 กรุ๊ป, กลุ่มบริษัท ดำรงทรัพย์มาสด้า และ กลุ่มบริษัท แอลบา ทรอส ออโต้ พร้อมลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้า รวมจำนวนกว่า 90 คน ออกเดินทางในรูปแบบคาราวานรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ กว่า 40 คัน มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนวัดถั่วทอง จังหวัดปทุมธานี เพื่อมอบอุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน อุปกรณ์การเกษตร และทุนการศึกษา

ให้กับเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็กๆ เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้ครบครันยิ่งขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โรงเรียนวัดถั่วทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่เปิดสอนในระดับชั้น อ.2 – ป. 6 มีจำนวนนักเรียน 76 คน และ ครู 12 คน
จากการออกสำรวจพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นหลายอย่างในการพัฒนาการศึกษา และผู้ปกครองส่วนใหญ่มีรายได้ไม่มากนัก ดังนั้น มาสด้าจึงได้เดินทางไปให้การสนับสนุน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเรียน
และเพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกษ์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้จัดเตรียมเมนูอาหารกลางวันที่เด็กๆ ชื่นชอบ และถูกต้องตามหลักโภชนาการไปมอบให้กับเด็กนักเรียนด้วย ซึ่งเรียกรอยยิ้มและสร้างความสุขให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับได้ปลื้มปิติไปด้วยกัน


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากจะส่งต่อการแบ่งปันให้กับเด็กนักเรียนในช่วงเช้า ณ โรงเรียนวัดถั่วทองแล้ว ในช่วงบ่าย มาสด้ายังได้จัดกิจกรรม Skyactiv Driving Experience เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
พร้อมเสริมทักษะการขับขี่ตามแนวคิด Jinba-Ittai ความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ ได้เรียนรู้เทคนิคในการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยสูงสุด
การแก้ไขปัญหาและการบังคับควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน เรียนรู้การทำงานของระบบต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในรถยนต์มาสด้า
โดยได้ทดลองขับรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟครบทุกรุ่น ณ สนาม ปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบรถยนต์

นำโดย อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี มาบรรยายให้ความรู้และให้คำแนะนำให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขและความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์
หรือ “Joy of driving” ตามที่มาสด้าตั้งใจถ่ายทอดให้กับลูกค้าทุกคน
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ขอขอบคุณผู้จำหน่ายและลูกค้าเป็นอย่างสูง
ที่ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เช่นนี้ ร่วมกับผู้จำหน่ายและลูกค้าของเราให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนและสังคมในทุกด้านด้วยรถยนต์ของเรา ให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
เพื่อความสุข และเติมเต็มรอยยิ้มของคนไทย รวมถึงผลักดันโครงการต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อลูกค้า เพื่อสร้างความรักความผูกพันให้แน่นแฟ้นและยืนยาวมากยิ่งขึ้น แทนคำขอบคุณที่เชื่อมั่นในแบรนด์และเลือกรถยนต์มาสด้าเป็นเพื่อนคู่ใจ เพื่อความสุขของสมาชิกทุกคนในครอบครัว


บรรยายภาพประกอบ Mazda_1 มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวต้อนรับลูกค้า
Mazda_2 นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประบริหารอาวุโส กล่าวถึงวัตถุประสงค์กิจกรรม Mazdaปันสุข และกิจกรรม Mazda Skyactiv Driving Experience
Mazda_3 สมาชิกพร้อมออกเดินทางกับภาระกิจ Mazda ปันสุข

Mazda_4 คาราวานรถยนต์มาสด้าทั้ง 40 คัน 90 คน เดินทางถึงโรงเรียนวัดถั่วทอง
Mazda_5-6 การแสดงชุดพิเศษจากนักเรียน โรงเรียนวัดถั่วทอง ต้อนรับคณะมาสด้า
Mazda_7-8 ถ่ายภาพร่วมกันทั้งมาสด้า ผู้จำหน่ายมาสด้า คณะครู และนักเรียน
Mazda_9 อาหารกลางวันมื้อพิเศษแสนอร่อยพร้อมเสิร์ฟ
Mazda_10 บรรยายสรุปกิจกรรม Mazda Skyactiv Driving Experience
Mazda_11 รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นพร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสกันแบบเต็มที่
Mazda_12-18 กิจกรรมทดลองขับ สนุกสนานทั้งคน ทั้งรถ เพื่อความสุขของลูกค้า Joy of driving
Mazda_19 นำทีมโดย อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี ที่วางสเตชั่นให้ได้ลองทุกระบบแบบสุดมันส์
Mazda_20 ประธานบริหารมอบใบประกาศนียบัตรหลังผ่านการอบรมทักษะการขับขี่ พร้อมของที่ระลึก
Mazda_21 ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

หมวดหมู่
Lormhuntuathai News

สยามอะเมซิ่งพาร์ค ฉลองช่วงเวลาแห่งความสุข Celebrate 2 วาระ วันเกิดครบรอบ 43 ปี และ 14 ปี ทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดประตูสวนสนุกเข้าฟรี!!  13 – 19 พ.ย. นี้ พร้อมโปรโมชั่นแน่น ลดไฟลุกสูงสุด 50 – 70%

สยามอะเมซิ่งพาร์คเปิดช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 43 ปี และ 14 ปี ทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ #โตมากับสวนสยาม มอบของขวัญสำหรับทุกคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วันที่ 13 – 19 พ.ย. นี้ ผ่านประตูสวนสนุกฟรี!! เข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปจุดเช็คอินใหม่สุดชิค หรือเลือกซื้อเครื่องเล่นได้ตามใจชอบ พีคสุดกับส่วนลดหน้าเคาน์เตอร์ 50% บัตรสวนน้ำผู้ใหญ่ สูง 131 ซม. ขึ้นไป ลดเหลือ 250 บาท ปกติ 500 บาท บัตรเด็ก สูง 101-130 ซม. รวมสวนน้ำและสวนสนุก ลดเหลือ 100 บาท ปกติ 200 บาท

เดือดจัดกับโปรฯออนไลน์ ลดไฟลุกสูงสุดเป็นปรากฏการณ์ถึง 70% บัตรผู้ใหญ่รายวัน รวมทุกอย่าง ผ่านประตู+เล่นสวนน้ำ+สวนสนุก ไม่จำกัดรอบ เพียง 300 บาท จากปกติ 1,000 บาท ด่วน!  โปรฯนี้มีจำนวนจำกัด 5,000 คน จองล่วงหน้าถึง 16 พ.ย. นี้ เท่านั้น! เที่ยวสวนน้ำอย่างเดียว เหลือเพียง 200 บาท จากปกติ 500 บาท  เลือกใช้บริการระหว่าง 13 – 19 พ.ย. 66  คลิ้กเลยที่ https://www.siamamazingpark.com/ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/siamamazingpark

นอกจากโปรฯปังสุด ๆ แล้ว ไฮไลท์พิเศษ วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ย. นี้ พบกับบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ร่วมเป่าเค้กวันเกิดกับเจ้าบ้าน มาสคอต 2 พี่น้อง ไซ – แอม และผองเพื่อน พร้อมชมการแสดงอันน่าตื่นตา อาทิ การแสดงมายากล ฮาวาย – ควงไฟ และอีกมากมาย

หมวดหมู่
Lormhuntuathai New Innovation News

กระหึ่มอีกครั้ง! Chang Classic Car Revival ปี4 เทศกาลรถคลาสสิคระดับตำนานสุดยิ่งใหญ่ 18-19 พ.ย.นี้ที่บุรีรัมย์

“เครื่องดื่มตราช้าง” ร่วมกับ สนามช้างฯ สังเวียนประลองความเร็วระดับโลกของไทย สานต่อความสำเร็จปีที่ 4 กับ Chang Classic Car Revival 2023เทศกาลยานยนต์แห่งปี ที่รวมพลรถคลาสสิค เรโทร รถสปอร์ตและรถหายากระดับตำนาน กว่า 1,000 คัน สร้างปรากฏการณ์พาเหรดรีไววัลที่ยาวที่สุด พร้อมกิจกรรมความบันเทิงครบครัน ตลอด 2 วันเต็ม ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดงาน

สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย เครื่องดื่มตราช้าง จัดงานใหญ่รับลมหนาว ส่งท้ายปลายปี ชวนคนรักรถคลาสสิคมาร่วมงาน Chang Classic Car Revival 2023 หรือ ช้าง คลาสสิค คาร์ รีไววัล เทศกาลรถคลาสสิค เรโทรและรถสปอร์ตสุดยิ่งใหญ่แห่งปี วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 18-19 พฤศจิกายน 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สังเวียนประลองความเร็วระดับโลกของไทย เปิดเผยถึงอีเว้นต์รถคลาสสิคสุดยิ่งใหญ่ ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ว่า งานนี้เป็นโอกาสเดียวใน 1 ปีที่เปิดโอกาสให้คนรักรถได้นำรถสะสมแสนรักมาวิ่งบนแทร็กระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้เห็นการอวดโฉมในขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรถคลาสสิค เรโทร ซูเปอร์คาร์ ระดับตำนาน หลากยุค หลายสมัย ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ มากกว่า 1,000 คัน สร้างปรากฏการณ์พาเหรดรีไววัลที่ยาวที่สุดอีกครั้ง พร้อมถ่ายทอดสดการจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์ สู่คนรักรถคลาสสิคทั่วโลกได้รับชมพร้อมๆกัน และดึงดูดการเข้าร่วมกิจกรรมในปีต่อไปมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันพิสูจน์สมรรถนะรถคลาสสิคคันโปรดบนสนามแข่งระดับโลก กับ Chang Classic Revival Best Lap แข่งขันแบบจับเวลา และการแข่งขันแนวแดร็กระยะ 201 เมตร ของรถคลาสสิค ( Chang Classic Revival Drag 1/8 mile) , การจับคู่แบทเทิลสุดพิเศษ กับ Chang Classic Revival “DRAG BATTLE” และ Chang Classic Revival Gymkhana แข่งขันทักษะการขับขี่สไตล์จิมคาน่า, กิจกรรม Pit walk และ Grid Walk ที่เปิดให้ชมรถคลาสิคแบบใกล้ชิด พร้อมถ่ายรูปสวยเป็นที่ระลึก ฯลฯ

พบกับโซนกิจกรรมใหม่ของปีนี้กับ Classic Car Volkswagen Village หมู่บ้านแคมป์ปิ้งสุดชิล เอนจอยไปกับสไตล์ของชาวคลาสสิคตัวจริง ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศหน้าหนาว ภายในงานยังมีสินค้าของแต่งรถและการออกร้านของร้านอาหารชื่อดังชั้นนำของจังหวัดบุรีรัมย์

พร้อมกันนี้ ยังมีงานยิ่งใหญ่ของชาว 2 ล้อ จัดขึ้นอีกงานในสุดสัปดาห์เดียวกัน กับการฉลอง 21ปี คอมมานเดอร์ซิดี้ Commander City ยกทัพชาวสองล้อ บิ๊กไบค์และคนรักฮาร์เล่ย์ เดวิสัน ทั่วฟ้าเมืองไทยมาร่วมกิจกรรมพาเหรดรถสุดยิ่งใหญ่บนแทร็กสนามช้างฯ พร้อมกับกิจกรรมอัดแน่น คอนเสิร์ตศิลปินดัง พิเศษ!! คืนวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 พบกับคอนเสิร์ต 40ปี คาราบาว, ศิลปินชื่อดัง ฟาเรนไฮต์, , มอคค่า การ์เด้น ฯลฯ บัตรเข้าชมคอนเสิร์ต ราคา 500 บาท รับฟรีเสื้อ Commander City 1 ตัว ใส่เสื้อแทนบัตรเข้างาน

ทั้งนี้ ในส่วนของงาน Chang Classic Car Revival 2023 ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 18-19 พฤศจิกายน 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดให้เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือรับชมทางออนไลน์ได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram